webnovel arc7 chapter56B

บทที่ 7 ตอนที่ 56B "หายนะมกรบิน"

แม้เขาจะไม่ใช่นักรบ แต่ฟล็อปก็สัมผัสได้ทันทีว่าเด็กสาวตรงหน้าแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่ามีเดียมหรือมิเซลด้า

รูปลักษณ์ภายนอกเธอดูแก่กว่าอูตาคาตะกับชูลท์แค่ 2-3 ปีเท่านั้น แต่ระดับความอันตรายของเด็กสาวคนนี้เทียบเคียง [อาราเคีย] ได้เลย

ฟล็อป: …คุณผมแดง พอจะช่วยสร้างโอกาสให้หน่อยได้ไหม? อย่างน้อยอยากจะให้พ่อบ้านคุงกับคุณหนูอูตาคาตะหนีไปได้ก็ยังดี

ฟล็อปหันไปกระซิบถามที่พึ่งเดียวในตอนนี้ ทว่า ไฮน์เคลกลับอยู่ในสภาพหน้าซีดเผือดและเหงื่อไหล่ท่วมหน้า

ชูลท์: ทะ…ท่านไฮน์เคล เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ?

ไฮน์เคล: อึก… อา

มาเดลิน: เป็นอะไรของเจ้า? กลัวงั้นรึ?

. ฟล็อปแลไปเห็นไฮน์เคลเข่าสั่นด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง เขาจึงรวมรวบความกล้า ฉีกยิ้มแบบพ่อค้าและเปิดฉากคุยกับเด็กสาวเพื่อดึงความสนใจ

ฟล็อป: แหมแหม! คุณหนูที่พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก พอจะมีเวลาคุยกันสักหน่อยหรือเปล่า! ――ผมชื่อฟล็อป โอคอนเนล เป็นพ่อค้าเร่ธรรมดาน่ะ เธอดูจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้มากกว่าผมนะ?

มาเดลิน: แค่คนที่ไม่เกี่ยวข้องรึ? ถ้างั้นก็โชคร้ายหน่อยนะ ――“จะฆ่าใครที่อยู่ในเมืองก็ได้” ตาแก่หงำเหงือกบอกเอาไว้เช่นนั้น

อีกฝ่ายถูกสั่งมาให้ “ฆ่าใครก็ได้” นั่นแปลว่าพวกฟล็อปหมดสิทธิ์ที่จะเจรจาอย่างสันติ

. กระนั้นฟล็อปก็ยังพยายามตะล่อนถามต่อ จนเด็กสาวยอมเอ่ยชื่อของตนออกมา

มาเดลิน: ――มาเดลิน เอสชาร์ต มังกรผู้นี้น่ะเป็น [เก้าแม่ทัพเทวะ]

พออีกฝ่ายยืนยันยศถาบรรดาศักดิ์ เข่าของไฮน์เคลก็ยิ่งสั่นหนักกว่าเก่า แต่ว่าอูตาคาตะกลับเล็งธนูใส่มาเดลินที่อยู่ห่างออกไป 7-8 เมตรอย่างไม่เกรงกลัว

อูตาคาตะ: ศัตรูคนนั้นคือจ่าฝูงของมังกรบิน ตำแหน่งเหมือน “มี” ก่อนหน้านี้และ “ทา” ในตอนนี้ ถ้าเอาชนะศัตรูคนนั้นได้ การต่อสู้ก็จะจบลง

ฟล็อปไม่ปฏิเสธว่าอูตาคาตะประเมินถูก นอกเสียจากว่าจะ [เก้าแม่ทัพเทวะ] คนอื่นตามมาเป็นกำลังเสริมอีก

มาเดลิน: เจ้าน่ะเป็นนักรบ เจ้าก็เป็นนักรบเหมือนกัน เจ้า…ที่เลือกไม่หนี ก็เป็นนักรบเช่นกัน

ชูลท์: เอ๋… นับผมด้วยเหรอขอรับ?

มาเดลินชี้นิ้วไปยังอูตาคาตะ ฟล็อปและชูลท์ตามลำดับ ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังไฮน์เคลเป็นคนสุดท้าย

มาเดลิน: เจ้าน่ะมิใช่นักรบ สังหารมังกรได้แท้ๆ แต่ขี้ขลาดเหลือเกิน

ไฮน์เคล: อึก…

มาเดลิน: ชักดาบออกมา มังกรผู้นี้จะเอาคืน ให้สาสมแก่จำนวนเลือดที่เจ้าหลั่งเอง

. มาเดลินเริ่มก้าวเดินย่นระยะเข้าหาไฮน์เคล อูตาคาตะจึงเปิดฉากยิงธนู แต่มาเดลินก็ใช้สองนิ้วคีบลูกศรไว้ได้โดยที่ไม่ละสายตาจากเป้าหมายหลักด้วยซ้ำ

ไฮน์เคลผลักชูลท์ที่พยายามดึงแขนเขาให้ถอยห่าง จากนั้นก็กัดฟันและกุมดาบแน่น สั่งให้เลือดสูบฉีดเพื่อขับไล่ความตาขาวออกไป

ไฮน์เคล: โอ้วววววว!

มาเดลิน: อย่างที่คิดเลย เจ้าน่ะมิใช่นักรบ

นักดาบผมแดงตวัดคมดาบใส่เด็กสาวร่างเล็กสุดแรง ทว่า ดาบกลับหลุดมือที่สั่นไหวของเขา มาเดลินจึงซัดกำปั้นเข้าใส่สีข้าง ส่งร่างของไฮน์เคลให้กระเด็นไปติดกำแพง

พอร่างไฮน์เคลฟุบลง มาเดลินใช้กำปั้นอีกข้างต่อยซ้ำจนเขากระดอนกับกำแพง ตามด้วยการถีบลำตัวกระแทกอาคารจนพังทลาย

เท่านั่นไม่พอ มาเดลินยังจับขาไฮน์เคลมาเหวี่ยงไปทางบ้านทิศตรงข้าม ทำให้ร่างชายของผมแดงทะลุกระจกจนโดนเศษแก้วบาดตามตัว

. ฟล็อปได้แต่ยืนอึ้งเมื่อได้เห็นคอมโบสุดโหดที่ถ้าหากเป็นคนทั่วไปคงตายไปแล้ว

แต่มาเดลินก็ยังไม่พอใจแค่นั้น เธอล้วงมือไปหยิบอาวุธมีคมที่หน้าตาเหมือนกรรไกรเล่มยักษ์ ลักษณะคล้ายอาวุธของชนเผ่าเร่ร่อนที่ฟล็อปเคยเห็น

นามของมันคือ [คมดาบปีกบิน] เป็นอาวุธเขวี้ยงที่ปาได้ไกลถึง 10 เมตรและยังสามารถบินวนกลับมาหาผู้ขว้าง

มาเดลินที่ถืออาวุธขนาดใหญ่พอๆ กับตัวเธอเตรียมโจมตีซ้ำใส่ไฮน์เคล ฟล็อปจึงต้องพยายามกล่อมเด็กสาวว่าไฮน์เคลทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

มาเดลิน: มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งที่สุดในโลกใบนี้ ถ้าหากพวกเจ้าเลือกแว้งกัดมังกร พวกเจ้าก็ย่อมจะต้องถูกกำจัด อีกอย่าง …ไม่คิดจะยกโทษให้เจ้าคนอ่อนหัดแบบนี้หรอก

การที่ไฮน์เคลผู้อุตส่าห์สังหารมังกรบินได้ดันเป็นพวกตาขาวคือสิ่งที่ทำให้มาเดลินพิโรธ เพราะมันคือการดูหมิ่นมังกรบินที่เขาสังหารไป

มาเดลินทำการเตะก้อนหินบนพื้นใส่แขนขาของฟล็อปและอูตาคาตะเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ จากนั้นก็ยกคมดาบปีกบินเตรียมปิดฉาก

ชูลท์: ยะ…อย่านะขอรับ!

มาเดลิน: ไม่คิดจะปล่อยให้มีใครรอดไปได้อยู่ดี

พ่อบ้านตัวน้อยวิ่งมาขวางร่างของไฮน์เคลอย่างสิ้นคิด แต่มาเดลินก็ไม่คิดที่จะปรานี เธอจึงหวดอาวุธใส่ศีรษะชูลท์อย่างรุนแรง

. [ตัดมาทางคฤหาสน์]

โฮลี่และคูนามาสมทบกับเรมที่คฤหาสน์ของพริสซิลล่า ซึ่งถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราวสำหรับหลบภัยและรักษาคนเจ็บ

ที่พริสซิลล่าเลือกยึดคฤหาสน์นี้มาใช้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเตรียมการสำหรับเรื่องนี้ ส่วนอีกเหตุผลเพราะมันมีห้องอาบน้ำขนาดใหญ่

หน้าที่ของเรมคือการรักษาผู้บาดเจ็บหนักที่ถูกส่งตัวเข้ามาไม่หยุดหย่อน เธอต้องพยายามรักษาตัวเลขคนตายให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ขวัญกำลังใจของทหารตกต่ำลง

สองสาวเผ่าชูดราคถูกมิเซลด้าส่งมาเพื่อคุ้มครองเรมซึ่งเป็นผู้ใช้เวทรักษาคนเดียวของเมือง แต่ทั้งคู่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพริสซิลล่าหายไปไหน

เรม: ถึงจะน่าประหลาดใจ แต่คุณพริสซิลล่าน่ะเป็นคนที่พึ่งพาได้ค่ะ

ทันทีที่เรมพูดจบ มังกรบินร่างใหญ่ราว 4 เมตรก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า ตามมาด้วยพริสซิลล่าผู้กำดาบล้ำค่าสีแดงเล่มใหญ่ไว้ในมือ

พริสซิลล่า: ให้ข้าพเจ้าเป็นคนเก็บกวาดพวกปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้ ค่าตอบแทนไม่ได้ถูกๆ นะ เรม

เรม: ขอบพระคุณมากเลยค่ะ จะช่วยสระผมให้ด้วยความซาบซึ้งจากใจเลยค่ะ

พริสซิลล่า: ปากกล้าซะเหลือเกินนะ ยกโทษให้ ถูกใจมาก

. พริสซิลล่าคือคนที่รับหน้าที่ต่อกรกับฝูงมังกรบินเพื่อคุ้มครองสถานพยาบาลแห่งนี้เอาไว้ แต่แม้ฝีมือของเธอจะสุดยอดอย่างไร ก็ยังมีเรื่องที่เรมกังวลใจอยู่

เรม: คุณพริสซิลล่า ดาบแสงสภาพเป็นยังไงบ้าง…

พริสซิลล่า: อย่างที่เห็น แสงตะวันมืดดับไปแล้ว ดังนั้นในตอนนี้ เจ้านี่จึงกลายเป็นแค่อาวุธทื่อๆ ไม่ใช่ดาบอีกต่อไป อีกอย่าง…

ตอนนั้นเองมังกรบินที่นอนพะงาบอยู่ก็อ้าปากเข้าโจมตี พริสซิลล่าจึงใช้ดาบแสงที่ความคมทื่อลงแทงเข้าปากทะลุคอของมัน

พริสซิลล่า: ระดับข้าพเจ้า ถึงจะใช้แค่อาวุธทื่อๆ แต่มังกรบินน่ะก็ไม่ครณามือหรอก

. เมื่อสังเกตเห็นว่ามีเผ่าชูดราคสองคนถูกส่งมาคุ้มครองเรมแทนตัวเธอแล้ว พริสซิลล่าก็เตรียมออกไปรับมือกำลังรบหลักของศัตรู

เนื่องจากว่าศัตรูระดับ [เก้าแม่ทัพเทวะ] นั้นย่อมเกินมือกว่าที่ซีคูร์จะรับมือไหวอยู่แล้ว

พริสซิลล่า: มีมังกรบินอยู่เป็นฝูงแบบนี้ ตัวการน่าจะเป็นแม่ทัพระดับหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาตอนข้าพเจ้าไม่อยู่ ได้ฟังมาจากเซรีน่าแล้ว ศัตรูน่าจะเป็น [แม่ทัพมังกรบิน]

พริสซิลล่าเดาว่าเป้าหมายของศัตรูน่าจะเป็นศาลากลางซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการ

กระนั้นก็ไม่จำเป็นต้องห่วงซีคูร์ เพราะถึงเขาจะต้องสู้ไม่เก่ง แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะมีคนคุ้มครองติดตัว

เรม: พูดถึงคนที่ต่อสู้ไม่ได้แล้ว คุณชูลท์ล่ะ! คุณพริสซิลล่า! รบกวนรีบไปช่วยทีเถอะค่ะ!

พริสซิลล่า: อย่างน้อยก็ภาวนาถึงความปลอดภัยของข้าพเจ้าตามหน้าที่หน่อยสิ ทว่า ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนไป ชูลท์ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ

เรม: เอ๋?

พริสซิลล่า: ――เพราะว่าเจ้านั่นน่ะเป็นที่รักใคร่ของข้าพเจ้าด้วยความน่ารักและจิตใจที่กล้าแกร่งไงล่ะ

. [ตัดกับมาฝั่งพวกฟล็อป]

มาเดลิน: …ทำไมเจ้าถึงได้?

คมดาบปีกบินที่หวดไปเต็มแรงควรจะผ่ากะโหลกของชูลท์จนแยก แต่แล้วพ่อบ้านจิ๋วกลับไร้บาดแผล เขาเพียงแค่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเท่านั้น

มาเดลินหวดอาวุธซ้ำใส่ชูลท์ที่ล้มอยู่ทันที 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง ย้ำเข้าไปต่อเนื่อง ทว่า การโจมตีของเธอก็ยังคงไม่ได้ผล

มาเดลิน: นี่มันบ้าไปแล้ว! มังกรผู้นี้ตั้งใจสังหารเต็มที่ ทำไมถึงได้ไม่ตายกันล่ะ?

ชูลท์: โอ๊ย เจ็บ เจ็บขอรับ…

มาเดลินเริ่มออกอาการหัวร้อนแบบเด็กๆ เธอเตะหินใส่ฟล็อปที่พูดขัดและดึงผมของชูลท์เพื่อยกร่างขึ้นมาดู ซึ่งนั่นทำให้เธอได้เห็นบางอย่างเข้า

อูตาคาตะ: ――ชู ตาลุกเป็นไฟ

. ดวงตาสีแดงสองข้างของชูลท์มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมา มันคือพลังที่กระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร

ชูลท์: นะ…นี่มันอะไรกันขอรับ!? อ๊า ร้อน! อ๊ะ! ไม่ร้อนนี่ขอรับ!

มาเดลิน: นี่เจ้า อย่าบอกนะว่าเป็นพวกของนังมนุษย์จิ้งจอกนั่น!?

ทั้งสามคนไม่รู้ว่ามาเดลินพูดถึงใคร แม่ทัพมังกรบินจึงปล่อยมือจากชูลท์แล้วกระทืบพื้นเพื่อถีบร่างให้บินขึ้นไปเหนืออาคาร

มาเดลินเขวี้ยงคมดาบปีกบินเล็งใส่ชูลท์อีกรอบ ถึงแม้ว่าร่างชูลท์จะคงทน แต่ความเจ็บปวดก็ยังส่งผ่านไปได้อยู่ดี ฟล็อปจึงเอาตัวเข้าช่วยบัง หวังลดความเจ็บปวดให้ชูลท์

. ตอนนั้นเองพริสซิลล่าก็โผล่มาใช้ดาบแสงฟันอาวุธของมาเดลินให้กระดอนกลับไปโดนเจ้าของเอง แรงปะทะส่งร่างของเด็กสาวให้ปลิวไปไกล

เมื่อได้โอกาสถอยหนี พริสซิลล่าก็แนะนำให้พวกฟล็อปอพยพไปที่คฤหาสน์ของเธอ เพราะที่นั่นจะปลอดภัยกว่าศาลากลาง

พริสซิลล่าเห็นสภาพไฮน์เคลแล้วถอนหายใจบอกให้ทิ้งเขาไว้ก็ได้ แต่ทั้งฟล็อปและชูลท์ยืนกรานว่าจะพาไฮน์เคลหนีไปด้วยกัน

ฟล็อปอาสาแบกไฮน์เคล แล้วให้ชูลท์ที่รู้เส้นทางเลี่ยงถนนหลักเป็นคนนำทาง ส่วนอูตาคาตะเป็นคนช่วยคุ้มกันในการถอยทัพ

ฟล็อป: เจ้าหญิงคุง! ขอขอบคุณอีกทีนะ!

พริสซิลล่า: ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าพเจ้าขอรับเป็นคำชมดีกว่า

ฟล็อปแบกไฮน์เคลพาดบ่าแล้วเริ่มเดินนำเข้าตรอก ชูลท์เก็บดาบของไฮน์เคลขึ้นมาและหันไปขอบคุณนายหญิงส่งท้าย

ชูลท์: ท่านพริสซิลล่า! ที่อุตส่าห์ให้ “ไฟ” นี่มา… ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงขอรับ!

. หลังทั้งสี่จากไปแล้ว อยู่ดีๆ เครื่องประดับผมของพริสซิลล่าที่ฝังอัญมณีไว้ก็แหลกสลายไปพร้อมกันทั้งชิ้น ทำให้เส้นผมที่ถูกรวบไว้สยายออก

มาเดลิน: ――เจ้าเองก็ไม่ยอมตายอีกคนงั้นรึ

เด็กสาวผู้มีเขาสีดำสองข้างบนหัวเดินออกมาจากตรอกในสภาพเลอะฝุ่น แต่ยังดูสภาพแข็งแรงดีอยู่

พริสซิลล่า: เผ่ามนุษย์มังกรสินะ ไปสรรหาของโบราณแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน?

มาเดลิน: ดูหมิ่นมังกรผู้นี้งั้นรึ? นี่เจ้า คิดจริงเหรอว่าจะหนีรอดไปได้แบบง่ายๆ?

พริสซิลล่า: ไม่พอใจที่ข้าพเจ้ารอดตายมาได้หรืออย่างไร?

มาเดลิน: ควรจะขยี้หน้าอกขนาดมหึมานั่นไปแล้วแท้ๆ คนที่หัวใจถูกทำลายแล้วยังไม่ตายไม่ควรจะมีอยู่แท้ๆ

ช่วงที่พริสซิลล่าซัดมาเดลินจนปลิวก่อนหน้านี้ ฝั่งมาเดลินเองก็โจมตีสวนกลับมาโดนหน้าอกของพริสซิลล่าเช่นกัน อัญมณีป้องกันตัวของเธอจึงแตกออก

พริสซิลล่า: ดูเหมือนว่าเหล่าเครื่องประดับเองก็มิอยากให้ข้าพเจ้าหายไปจากโลกใบนี้

มาเดลิน: …วิชา [วิวาห์ดวงวิญญาณ] สินะ เหมือนกับยัยมนุษย์จิ้งจอกนั่นเลย รู้จักกันหรือเปล่า?

พริสซิลล่า: ไม่รู้สิ ถ้าหากเคยเห็นพลังที่คล้ายกับของข้าพเจ้ามาก่อน แสดงว่านั่นน่ะเป็น [ของก๊อป] จากข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้าน่ะเป็น [ออริจินัล] ยังไงล่ะ

เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำศัพท์ พริสซิลล่าจึงท้าทายมาเดลินให้หัวร้อนเพื่อเตรียมต่อสู้ตัดสิน

. พริสซิลล่าพยายามมองดูท้องฟ้าเพื่อหาฝักดาบของดาบแสง ทว่า แสงตะวันได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ศึกง่ายๆ สำหรับเธออีกต่อไป

ความเสียหายจากมังกรบินกระจายไปทั่วทั้งเมืองกัวราล ศพผู้คนกลายเป็นเหยื่อของเขี้ยวและเล็บนอนเกลื่อนอยู่เต็มถนน

แต่ก็มีส่วนหนึ่งของกัวราลที่พวกมังกรไม่กล้าเข้าใกล้ ซึ่งก็คือจุดที่พริสซิลล่ากับมาเดลินปะทะกัน

คมดาบปีกบินของมาเดลินมีน้ำหนัก ความคมและพลังทำลายล้างเหนือกว่าคมดาบปีกบินทั่วไป

มันกวาดล้างทุกอย่างที่ขวางจนแหลกเละ ทำให้พื้นที่ฝั่งทิศใต้ของเมืองพังพินาศ กำแพงเมืองแตกย่อยยับ

การใช้งานอาวุธสุดบ้าพลังนี้ต้องอาศัยพละกำลังมหาศาลของเผ่ามนุษย์มังกรและจิตใจที่ไม่แคร์ต่อความเสียหายรอบข้าง

นี่มันราวกับว่าเมืองกัวราลถูกหายนะสองอย่างเล่นงานพร้อมกัน ประกอบด้วยฝูงมังกรบินและตัวมาเดลินเอง

. หลังสู้กันมาสักพัก พริสซิลล่าเริ่มวิเคราะห์ได้ว่ามาเดลินต่อสู้แบบบ้าพลังโดยไร้ศาสตร์การต่อสู้ใดๆ เธอจึงสามารถหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายได้

ที่จริงพริสซิลล่าเองก็ไม่เคยเรียนศาสตร์การต่อสู้ แต่เธอสามารถจดจำกระบวนท่าดาบได้และสามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบในการต่อสู้

ทว่า เมื่อขาดแสงตะวันไป พริสซิลล่าก็ไม่สามารถใช้ดาบแสงได้อย่างสมบูรณ์และไม่สามารถปิดฉากมาเดลินได้เสียที

เผ่ามนุษย์มังกรมีความถึกทนสูง ถ้าหากปราศจากการโจมตีที่เด็ดขาด พริสซิลล่าก็จะโดนอีกฝ่ายสวนกลับแบบตอนแรกอีก

ยิ่งการต่อสู้นี้ยืดเยื้อออกไป ความคลุ้มคลั่งของมาเดลินก็จะยิ่งทำให้มังกรบินดุร้าย ส่งผลให้ความเสียหายต่อเมืองและจำนวนผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น

. พริสซิลล่า: ขาดไป…แค่นิดเดียว

ณ ตอนนี้พริสซิลล่าต้องการอะไรสักอย่างที่ช่วยเปลี่ยนสถานการณ์ อะไรสักอย่างที่จะช่วยทำให้ศึกที่ไม่ยอมรู้ผลนี้จบลง

มาเดลิน: รอบต่อไป โดนแน่…

มาเดลินพ่นลมหายใจ “สีขาว” ออกมา เลือดมังกรที่ไหลเวียนทั่วร่างส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น ราวกับว่ามีควันและไอน้ำสีขาวปกคลุมร่างเด็กสาวอยู่

“ไม่สิ นี่มันแปลกแล้ว”

ด้วยสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดปีของวอลลาเคีย การที่ลมหายใจจะกลายเป็นสีขาวเพราะ “ความหนาวเย็น” นั้นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

. พริสซิลล่า: หิมะตกงั้นหรือ ไม่ควรจะเป็นไปได้แท้ๆ

อยู่ดีๆ ก็เกิดหิมะตกในเมืองกัวราลที่พังยับเยิน ทั้งที่ประชาชนในประเทศแห่งนี้บางคนไม่เคยได้เห็นหิมะทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ

นี่มันเกินขอบเขตของคำว่า “สภาพอากาศหายาก” แต่กลายเป็นระดับของ “ภัยธรรมชาติ” ไปแล้ว เสมือนว่าหายนะอย่างที่สามได้มาเยือนเมืองกัวราล

เอมิเลีย: ――พอแค่นั้นแหละ

ความเยือกเย็นจากสรวงสวรรค์ ตามมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะราวกระดิ่งเงินสะท้อนไปทั่วปฐพีที่หิมะก่อตัวเป็นเนิน

ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่ฝันร้าย มันอาจจะเป็นอะไรสักอย่างที่พริสซิลล่าภาวนาขอก่อนหน้านี้ สิ่งที่จะช่วยเปลี่ยนสถานการณ์

เอมิเลีย: กำลังรีบอยู่แท้ๆ แต่แบบนี้น่ะปล่อยผ่านไม่ได้หรอก ――เพราะว่าฉัน โกรธสุดๆ ไปเลยล่ะ

เด็กสาวผมเงินย่างก้าวเข้ามายังเมืองล้อมกำแพงที่ถูกสองหายนะเล่นงาน

[แม่มด] ผู้มากับหิมะออกเดินทางตามหาอัศวินของเธอมาจนถึงเมืองกัวราลแล้ว

จบตอน