[เอมิเลีย: ได้โปรดเถอะ สุบารุ ――ขอให้นายกับเรมปลอดภัยทีเถอะนะ]
ตั้งแต่ที่สุบารุหายตัวไป เอมิเลียก็ตกอยู่ในภาวะกระวนกระวายอย่างหนัก
โชคดีที่แรมกับเบียทริซสามารถช่วยยืนยันความปลอดภัยของสุบารุกับเรมได้ แต่ทั้งคู่ก็โดนวาร์ปไปโผล่ที่จักรวรรดิวอลลาเคีย
เพื่อที่จะลักลอบเข้าไปในวอลลาเคีย ฝ่ายอนาสตาเซียได้แยกตัวไปลองใช้เส้นทางฝั่งชายแดนคารารากิซึ่งตรวจไม่เข้มเท่าชายแดนลุกุนิก้า
ส่วนฝ่ายเอมิเลียนั้นไม่อยากเสียเวลาอ้อมนานเกินไป ออตโต้เสนอแผนให้ใช้ช่องทางผ่านบ้านเกิดของเขา “เมืองพิคทาต”
ฝ่ายเอมิเลียเลยได้เผชิญกับศัตรูเก่าที่หมายหัวออตโต้และต้องเจรจากับกลุ่มลักลอบคนข้ามชายแดน จนในที่สุดก็มาถึงที่หมาย
(เนื้อหาส่วนนี้น่าจะเล่าอย่างละเอียดอีกทีในตอนสั้น)
. เอมิเลีย: ――พอแค่นั่นแหละ
เมื่อไปถึงเมืองกัวราล เอมิเลียก็พบว่าฝูงมังกรบินได้ถล่มเมืองที่เคยสวยงามจนพินาศย่อยยับและฆ่าผู้คนเป็นผักปลา
ด้วยความพิโรธ เอมิเลียจึงเปิดใช้เวทมนตร์เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ส่งผลให้หิมะตกครอบคลุมทั้งเมืองกัวราล ชื่อของมนตร์บทนั้นก็คือ…
เอมิเลีย: ――ไอซ์เอจ (Ice Age)
หากใช้เวทระดับสูงเช่นนี้แบบไม่คิด เธออาจจะเผลอแช่แข็งผู้คนแบบสมัยป่าเอลิออร์ก็ได้ เอมิเลียจึงต้องคอยปรับจูนอุณหภูมิไม่ให้เย็นเกินไป
พริสซิลล่า: เผ่ามังกรนั้นอ่อนแอต่ออากาศเย็น ยิ่งเป็นมังกรบินที่ไม่เคยรู้จักความหนาวเย็น ปีกของพวกมันยิ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
เอมิเลีย: อื้อ เพทร่าจังเป็นคนบอกว่ามังกรบินอ่อนแอต่อความเย็นก่อนที่ฉันจะกระโดดลงมา เธอขยันเรียนมากๆ จนรู้เรื่องเกี่ยวจักรวรรดิเยอะเลยล่ะ
พริสซิลล่ากับเอมิเลียทักทายกัน ฝ่ายเอมิเลียสงสัยว่าพริสซิลล่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ฝั่งพริสซิลล่านั้นพอจะเดาสาเหตุที่เอมิเลียถ่อมาถึงที่นี่ออก
. มาเดลินขัดการพูดคุยของสองสาวด้วยการเขวี้ยงคมดาบปีกบินใส่ พริสซิลล่าจึงต้องกระโดดหลบมาลงจอดอยู่ข้างเอมิเลีย
มาเดลิน: โผล่มาทีละคนสองคน มีปัญหาอะไรของพวกเจ้ากัน?
เอมิเลีย: ชื่อของฉันคือเอมิลิ… เอมิลี่! ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณที่บังเอิญผ่านมา!
มาเดลิน: ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณ… เหมือนกับมนุษย์สุนัขคนนั้นงั้นรึ?
พริสซิลล่า: ถ้าหากว่าเจ้าพูดถึงอาราเคียอยู่ เจ้านั่นน่ะเป็น [ผู้กินวิญญาณ] มิใช่ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณ เข้าใจผิดแล้วล่ะ มาเดลิน เอสชาร์ต
มาเดลินกัดฟันกรอดที่โดนพริสซิลล่าอ่านความคิดออก แต่เอมิเลียเองก็กังวลถึงการมีอยู่ของ [ผู้กินวิญญาณ] และรู้สึกกลัวแทนพัคกับเบียทริซ
. เอมิเลียพยายามเจรจากับมาเดลินเพื่อขอให้เธอหยุดฝูงมังกรบินไม่ให้ทำลายเมืองไปมากกว่านี้
เวทหิมะของเอมิเลียส่งผลให้เหล่ามังกรบินอ่อนแอลงอย่างชัดเจน แต่พวกมันก็ยังไม่หยุดอาละวาด เอมิเลียจึงอยากให้มาเดลินถอนคำสั่งก่อนที่พวกมังกรจะหนาวตาย
ทว่า มาเดลินกลับนิ่งเงียบไป ทำให้เอมิเลียกระวนกระวายว่าเธอเจรจาพลาดไปหรือเปล่า
ตามปกติการเจรจาควรจะเป็นหน้าที่ของออตโต้ แรมหรือเพทร่า แต่เอมิเลียคือคนที่รุดหน้ามาถึงเมืองกัวราลได้เร็วที่สุดหลังเธอเห็นฝูงมังกรบินจู่โจมเมือง
มาเดลิน: กล้าดียังไง ถึงออกคำสั่งกับมังกร เจ้ามนุษย์!
การเจรจาล้มเหลว สองสาวจึงเตรียมพร้อมที่จะต่อกรกับมาเดลิน เพื่อการนั้นแล้ว เอมิเลียได้เสกปิ่นปักผมน้ำแข็งให้พริสซิลล่าเอาไปใช้
. เอมิเลีย: มาหยุดเด็กคนนั้นด้วยกันเถอะ อย่าใจร้ายนักล่ะ
พริสซิลล่า: อย่าเหมารวมการกระทำของข้าพเจ้าเป็นเรื่องเด็กๆ เช่นนั้น เจ้าครึ่งปีศาจ
มาเดลิน: ――เบื่อเจ้าพวกหน้าด้านที่ไม่เกรงกลัวมังกรเสียจริง
เอมิเลีย: พอดีฉันพึ่งได้สู้กับมังกรตัวใหญ่มาเมื่อไม่นานนี้น่ะ ――เพราะงั้นถึงเธอจะอยากให้กลัวแค่ไหน ฉันก็ไม่กลัวเธอหรอก!
ดวงตาของมาเดลินหรี่ลงแบบมังกรดินด้วยความพิโรธ จากนั้นเธอก็เขวี้ยงคมดาบปีกบินใส่พวกเอมิเลียแบบเต็มแรง
เอมิเลียโต้กลับด้วยการเสกค้อนน้ำแข็งมาหวดเสยอาวุธของมาเดลินให้ลอยข้ามหัวพวกตนไป ทว่า หลังจากนั้นค้อนน้ำแข็งที่รับแรงกระแทกมหาศาลก็แตกทันที
ในด้านพละกำลังทางกายภาพ มาเดลินน่าจะเหนือยิ่งกว่าเอมิเลียเสียอีก
. มาเดลินพยายามจะย่นระยะเข้าใกล้ แต่เอมิเลียก็ชิงเสกก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่ยิ่งกว่าศาลากลางให้ร่วงทับร่างของมาเดลินเสียก่อน
แรงปะทะของภูเขาน้ำแข็งที่กระแทกพื้นส่งลมเย็นกระจายไปทั่ว ทำให้เศษซากอาคารพังทลายลงมา
พริสซิลล่า: ไหนเจ้าบอกว่าไม่ให้ทำลายเมืองไง?
เอมิเลีย: เอ๋! แต่ตอนนี้เมืองมันก็พังอยู่ก่อนแล้วนี่นา…
ทว่า นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้ง [เผ่ามนุษย์มังกร]
ไม่นานนัก ภูเขาน้ำแข็งของเอมิเลียก็แตกเป็นสองซีกโดยเริ่มต้นจากจุดที่มาเดลินชูมือขึ้นมา
หลังน้ำแข็งแหลกสลายกลายเป็นละอองมานา มาเดลินก็กระโจนเข้าใส่สองสาวพร้อมเสียงร้องคำราม
. ท่ามกลางสนามรบเยือกแข็งที่มีสาวงามสามคนสู้รบกันอยู่ มาเดลินเหวี่ยงอาวุธยักษ์ที่หมุนควงเข้าทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง
เอมิเลีย: พริสซิลล่า! เอานี่ไปใช้!
เอมิเลียสร้างแท่นเหยียบจากน้ำแข็งกลางอากาศและหลบหลีกคมดาบปีกบินราวกับเต้นรำ จากนั้นเธอก็เสกดาบน้ำแข็งเล่มงามขึ้นมาจากพื้นให้พริสซิลล่าหยิบมาใช้
พริสซิลล่า: ถ้าไม่ใช่ข้าพเจ้าคงนิ้วหลุดไปแล้ว ――แต่ว่าตกแต่งได้ไม่เลว จะใช้ก็แล้วกัน
พริสซิลล่าตวัดดาบน้ำแข็งใส่มาเดลินจากหลายมุม แต่แล้วดาบน้ำแข็งกลับเป็นฝ่ายแตกสลายไปเสียแทน
มาเดลินใช้จังหวะที่พริสซิลล่าไร้อาวุธเลือกเข้าประชิดตัว เอมิเลียจึงขัดขวางด้วยการกระโดดถีบเด็กสาวให้เสียจังหวะด้วยสองเท้าที่เคลือบเกราะน้ำแข็ง
. เอมิเลีย: รับไปที!
พริสซิลล่า: อย่ามาสั่งกัน
เมื่อลงถึงพื้น เอมิเลียก็เสกดาบน้ำแข็งคู่ให้พริสซิลล่าหยิบมาใช้ต่อ ถึงแม้ปากจะบ่น แต่พริสซิลล่าก็หยิบดาบคู่แล้วกระโดดข้ามหัวเอมิเลียที่ก้มอยู่ไปฟาดฟันมาเดลินต่อ
มนุษย์มังกรใช้กรงเล็บรับดาบคู่จากสองทิศทาง แต่พอจะสวนกลับ เอมิเลียก็เขวี้ยงหอกน้ำแข็งเข้ามาขัดแล้วสลับตัวมาอยู่แนวหน้าแทนพริสซิลล่า
พริสซิลล่า: เปลี่ยนตัว
พอมาเดลินปัดหอกน้ำแข็งออก พริสซิลล่าก็สลับตัวอีกทีแล้วกระหน่ำฟันเด็กสาวด้วยระบำดาบน้ำแข็งคู่
มาเดลิน: ――ทำไม ทำไมๆๆๆ ทำไมกัน!?
มาเดลินถูกไล่ต้อนให้ตั้งรับได้อย่างเดียวจากการประสานคอมโบของพริสซิลล่าผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธและเอมิเลียผู้สามารถเสกอาวุธน้ำแข็งได้เรื่อยๆ
. เผ่ามนุษย์มังกรคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับเผ่าโอนิ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์อมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
ความแตกต่างก็คือมนุษย์มังกรนั้นมิใช่มนุษย์หรืออมนุษย์ แต่มีรากฐานอย่างเดียวกันกับเผ่า [มังกรแท้] เสียมากกว่า
กระนั้น มาเดลินกลับไม่สามารถเอาชนะเผ่ามนุษย์และอมนุษย์ธรรมดาแค่สองคนตรงหน้าได้ ความเดือดดาลจึงค่อยๆ ทับทมอยู่ในใจของเธอ
มาเดลิน: พวกเจ้ามันตัวอะไรกัน… เป็นใครกันแน่!
เอมิเลีย: ――เอมิลี่!
พริสซิลล่า: ก็เป็นข้าพเจ้าไงล่ะ
ดาบน้ำแข็งของพริสซิลล่าและขวานน้ำแข็งของเอมิเลียหวดเข้าใส่พร้อมกันที่ศีรษะและลำตัว ส่งผลให้ร่างของมาเดลินกระเด็นเข้าติดอยู่ในเศษซากปรักหักพัง
. เมื่อศึกรู้ผลแล้ว พริสซิลล่าจึงเล่าให้เอมิเลียฟังว่าเผ่ามนุษย์นั้นสามารถสื่อสารกับ [มังกรแท้] ได้
ทำเอาเอมิเลียสงสัยว่ามาเดลินจะคุยกับวอลคานิก้ารู้เรื่องไหม เจ้านั่นยิ่งมีอาการขี้หลงขี้ลืมอยู่
เอมิเลียทำการเสกพลั่วน้ำแข็งและลงมือขุดมาเดลินออกมาจากซากปรักหักพัง เพื่อให้เธอช่วยสั่งหยุดพวกมังกรบินหลังจากนี้
พริสซิลล่าถอนหายใจที่ตัวช่วยเปลี่ยนสถานการณ์โผล่มาอย่างที่เธอขอ แต่สุดท้าย เมืองกัวราลก็ถูกทำลายจนย่อยยับอยู่ดี
พริสซิลล่าครุ่นคิดถึงการย้ายฐานบัญชาการไปที่เมืองเคออสเฟลม ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาเคานเตส [เซรีน่า ดราครอย] ผู้เป็นพันธมิตรของเธอด้วย
ทว่า ในระหว่างที่พริสซิลล่ากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบนฟากฟ้า อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอกระวนกระวาย
ทันทีที่เอมิเลียขุดเจอตัวมาเดลิน เด็กสาวมนุษย์มังกรที่จมอยู่ใต้กองก็กระซิบ [ชื่อ] หนึ่งออกมา
มาเดลิน: ――เมโซเรย์อา
แล้วในวินาทีต่อมา เสียงคำรามของ [มังกรแท้] ที่อยู่สูงเหนือเมฆก็ดังกึกก้องไปทั่ว
. ลำแสงสีขาวแห่งการทำลายล้างถูกยิงลงมาจากฟากฟ้า สองสาวงามต่างหลบหลีกมันโดยที่ไม่ต้องมีใครให้สัญญาณ
เอมิเลียทำการเสกหอคอยน้ำแข็งสองต้นทันที หอคอยน้ำแข็งพาเอมิเลียกับพริสซิลล่าที่ยืนอยู่บนพื้นขึ้นสู่ท้องนภาสูงกว่า 10 เมตรในชั่วพริบตา
เพื่อป้องกันการโจมตีจากลำแสงสีขาว เอมิเลียได้สร้างกำบังน้ำแข็งหกชั้นขึ้นมาปกคลุมรอบหอคอย กำบังเหล่านี้ช่วงเบี่ยงเส้นทางของลำแสงสีขาวที่เข้าปะทะ
ส่วนพริสซิลล่าก็หยิบดาบแสงออกมาใช้ ถึงแม้ว่าจะยังคงขาดแสงตะวัน แต่ประกายแสงสีชาดของมันก็ยังคงเด่นชัด
. [ตัดมาฝั่งศาลากลาง]
ระหว่างฟล็อปที่กำลังช่วยรักษาคนเจ็บอยู่ในศาลากลาง อยู่ๆ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนปริศนาที่รุนแรงจนฟล็อปกระเด็นไปชนกำแพง
ฟล็อปไม่แน่ใจว่าเขาวูบไปนานแค่ไหน แต่พอตั้งสติได้เขาก็เริ่มประเมินตัวเองก่อนว่าร่างกายปลอดภัยครบ 32 ดีหรือไม่
เรม: เกิดอะไรขึ้น…กันแน่?
ในระหว่างนั้น เรมก็มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็วิ่งไปเปิดประตูหน้าคฤหาสน์เพื่อรีบออกไปด้านนอก
ฟล็อปตามเรมออกไปทั้งที่ยังคงเจ็บหัวเข่าและสีข้าง แล้วเขาก็ได้พบว่าเรมกำลังดูอาการให้ “คนเจ็บ” อีกคนหนึ่งอยู่
. ฟล็อปมองสำรวจสถานการณ์และได้เห็นฉากหิมะตกในเมืองกัวราล กลุ่มเมฆหนาก่อตัวที่ท้องฟ้าฝั่งทิศใต้ และยังเห็นแสงตะวันสาดส่องลงมาผ่านก้อนเมฆ
เรม: คุณฟล็อป ขอแรงหน่อยค่ะ ช่วยพาเด็กคนนี้เข้าไปข้างในที…
ฟล็อป: อื้อ เข้าใจล่ะ ถึงท้องฟ้าจะกลายสภาพแบบลึกลับจนกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว พวกเราก็ยังทำได้แต่สิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้สินะ ไว้ใจได้เลย――
ตอนนั้นเอง “คนเจ็บ” ที่เรมบอกให้เขาช่วยพาเข้าคฤหาสน์ก็ลุกขึ้นมาในสภาพโซเซ รูปลักษณ์ของคนเจ็บเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่มีเขาสีดำอยู่บนหัวสองข้าง
เรมไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าเด็กสาวข้างหลังกำลังง้างกรงเล็บเตรียมที่จะสังหารเธอ
. โฮลี่และคูนายังฟื้นตัวไม่เสร็จ ชูลท์และอูตาคาตะก็ช่วยมามากพอแล้ว ส่วนไฮน์เคลก็อาการหนักเข้าขั้นโคม่า ――ในที่นี้ มีฟล็อปเพียงผู้เดียวที่สามารถปกป้องเรมได้
ใบหน้าของมีเดียม ใบหน้าของผู้มีพระคุณและใบหน้าของพี่น้องบุญธรรมผลัดกันลอยขึ้นมาให้ฟล็อปที่หลับตาลงได้เห็น
“ให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองหน่อย ฟล็อป การเสียสละตัวเองน่ะมีแต่คนคนโง่เง่าเขาทำกัน”
ฟล็อป: จะเรียกผมว่าเป็นคนโง่เง่าก็ได้
เรม: คุณฟล็อ――
ฟล็อปผลักเรมออกไปให้พ้นทาง เขาจึงรับการโจมตีของกรงเล็บเข้าไปเต็มๆ
ร่างของ [ฟล็อป โอคอนเนล] ล้มฟุบลงบนพื้นเย็นๆ ในขณะที่เลือดสาดกระเซ็น
จบตอน