webnovel arc7 chapter57B

บทที่ 7 ตอนที่ 57B "จะเรียกกันว่าไอ้เจ้างั่งก็ได้"

[เอมิเลีย: ได้โปรดเถอะ สุบารุ ――ขอให้นายกับเรมปลอดภัยทีเถอะนะ]

ตั้งแต่ที่สุบารุหายตัวไป เอมิเลียก็ตกอยู่ในภาวะกระวนกระวายอย่างหนัก

โชคดีที่แรมกับเบียทริซสามารถช่วยยืนยันความปลอดภัยของสุบารุกับเรมได้ แต่ทั้งคู่ก็โดนวาร์ปไปโผล่ที่จักรวรรดิวอลลาเคีย

เพื่อที่จะลักลอบเข้าไปในวอลลาเคีย ฝ่ายอนาสตาเซียได้แยกตัวไปลองใช้เส้นทางฝั่งชายแดนคารารากิซึ่งตรวจไม่เข้มเท่าชายแดนลุกุนิก้า

ส่วนฝ่ายเอมิเลียนั้นไม่อยากเสียเวลาอ้อมนานเกินไป ออตโต้เสนอแผนให้ใช้ช่องทางผ่านบ้านเกิดของเขา “เมืองพิคทาต”

ฝ่ายเอมิเลียเลยได้เผชิญกับศัตรูเก่าที่หมายหัวออตโต้และต้องเจรจากับกลุ่มลักลอบคนข้ามชายแดน จนในที่สุดก็มาถึงที่หมาย

(เนื้อหาส่วนนี้น่าจะเล่าอย่างละเอียดอีกทีในตอนสั้น)​

. เอมิเลีย: ――พอแค่นั่นแหละ

เมื่อไปถึงเมืองกัวราล เอมิเลียก็พบว่าฝูงมังกรบินได้ถล่มเมืองที่เคยสวยงามจนพินาศย่อยยับและฆ่าผู้คนเป็นผักปลา

ด้วยความพิโรธ เอมิเลียจึงเปิดใช้เวทมนตร์เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ส่งผลให้หิมะตกครอบคลุมทั้งเมืองกัวราล ชื่อของมนตร์บทนั้นก็คือ…

เอมิเลีย: ――ไอซ์เอจ (Ice Age)

หากใช้เวทระดับสูงเช่นนี้แบบไม่คิด เธออาจจะเผลอแช่แข็งผู้คนแบบสมัยป่าเอลิออร์ก็ได้ เอมิเลียจึงต้องคอยปรับจูนอุณหภูมิไม่ให้เย็นเกินไป

พริสซิลล่า: เผ่ามังกรนั้นอ่อนแอต่ออากาศเย็น ยิ่งเป็นมังกรบินที่ไม่เคยรู้จักความหนาวเย็น ปีกของพวกมันยิ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

เอมิเลีย: อื้อ เพทร่าจังเป็นคนบอกว่ามังกรบินอ่อนแอต่อความเย็นก่อนที่ฉันจะกระโดดลงมา เธอขยันเรียนมากๆ จนรู้เรื่องเกี่ยวจักรวรรดิเยอะเลยล่ะ

พริสซิลล่ากับเอมิเลียทักทายกัน ฝ่ายเอมิเลียสงสัยว่าพริสซิลล่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ฝั่งพริสซิลล่านั้นพอจะเดาสาเหตุที่เอมิเลียถ่อมาถึงที่นี่ออก

. มาเดลินขัดการพูดคุยของสองสาวด้วยการเขวี้ยงคมดาบปีกบินใส่ พริสซิลล่าจึงต้องกระโดดหลบมาลงจอดอยู่ข้างเอมิเลีย

มาเดลิน: โผล่มาทีละคนสองคน มีปัญหาอะไรของพวกเจ้ากัน?

เอมิเลีย: ชื่อของฉันคือเอมิลิ… เอมิลี่! ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณที่บังเอิญผ่านมา!

มาเดลิน: ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณ… เหมือนกับมนุษย์สุนัขคนนั้นงั้นรึ?

พริสซิลล่า: ถ้าหากว่าเจ้าพูดถึงอาราเคียอยู่ เจ้านั่นน่ะเป็น [ผู้กินวิญญาณ] มิใช่ผู้ใช้ศาสตร์วิญญาณ เข้าใจผิดแล้วล่ะ มาเดลิน เอสชาร์ต

มาเดลินกัดฟันกรอดที่โดนพริสซิลล่าอ่านความคิดออก แต่เอมิเลียเองก็กังวลถึงการมีอยู่ของ [ผู้กินวิญญาณ] และรู้สึกกลัวแทนพัคกับเบียทริซ

. เอมิเลียพยายามเจรจากับมาเดลินเพื่อขอให้เธอหยุดฝูงมังกรบินไม่ให้ทำลายเมืองไปมากกว่านี้

เวทหิมะของเอมิเลียส่งผลให้เหล่ามังกรบินอ่อนแอลงอย่างชัดเจน แต่พวกมันก็ยังไม่หยุดอาละวาด เอมิเลียจึงอยากให้มาเดลินถอนคำสั่งก่อนที่พวกมังกรจะหนาวตาย

ทว่า มาเดลินกลับนิ่งเงียบไป ทำให้เอมิเลียกระวนกระวายว่าเธอเจรจาพลาดไปหรือเปล่า

ตามปกติการเจรจาควรจะเป็นหน้าที่ของออตโต้ แรมหรือเพทร่า แต่เอมิเลียคือคนที่รุดหน้ามาถึงเมืองกัวราลได้เร็วที่สุดหลังเธอเห็นฝูงมังกรบินจู่โจมเมือง

มาเดลิน: กล้าดียังไง ถึงออกคำสั่งกับมังกร เจ้ามนุษย์!

การเจรจาล้มเหลว สองสาวจึงเตรียมพร้อมที่จะต่อกรกับมาเดลิน เพื่อการนั้นแล้ว เอมิเลียได้เสกปิ่นปักผมน้ำแข็งให้พริสซิลล่าเอาไปใช้

. เอมิเลีย: มาหยุดเด็กคนนั้นด้วยกันเถอะ อย่าใจร้ายนักล่ะ

พริสซิลล่า: อย่าเหมารวมการกระทำของข้าพเจ้าเป็นเรื่องเด็กๆ เช่นนั้น เจ้าครึ่งปีศาจ

มาเดลิน: ――เบื่อเจ้าพวกหน้าด้านที่ไม่เกรงกลัวมังกรเสียจริง

เอมิเลีย: พอดีฉันพึ่งได้สู้กับมังกรตัวใหญ่มาเมื่อไม่นานนี้น่ะ ――เพราะงั้นถึงเธอจะอยากให้กลัวแค่ไหน ฉันก็ไม่กลัวเธอหรอก!

ดวงตาของมาเดลินหรี่ลงแบบมังกรดินด้วยความพิโรธ จากนั้นเธอก็เขวี้ยงคมดาบปีกบินใส่พวกเอมิเลียแบบเต็มแรง

เอมิเลียโต้กลับด้วยการเสกค้อนน้ำแข็งมาหวดเสยอาวุธของมาเดลินให้ลอยข้ามหัวพวกตนไป ทว่า หลังจากนั้นค้อนน้ำแข็งที่รับแรงกระแทกมหาศาลก็แตกทันที

ในด้านพละกำลังทางกายภาพ มาเดลินน่าจะเหนือยิ่งกว่าเอมิเลียเสียอีก

. มาเดลินพยายามจะย่นระยะเข้าใกล้ แต่เอมิเลียก็ชิงเสกก้อนน้ำแข็งที่ใหญ่ยิ่งกว่าศาลากลางให้ร่วงทับร่างของมาเดลินเสียก่อน

แรงปะทะของภูเขาน้ำแข็งที่กระแทกพื้นส่งลมเย็นกระจายไปทั่ว ทำให้เศษซากอาคารพังทลายลงมา

พริสซิลล่า: ไหนเจ้าบอกว่าไม่ให้ทำลายเมืองไง?

เอมิเลีย: เอ๋! แต่ตอนนี้เมืองมันก็พังอยู่ก่อนแล้วนี่นา…

ทว่า นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้ง [เผ่ามนุษย์มังกร]

ไม่นานนัก ภูเขาน้ำแข็งของเอมิเลียก็แตกเป็นสองซีกโดยเริ่มต้นจากจุดที่มาเดลินชูมือขึ้นมา

หลังน้ำแข็งแหลกสลายกลายเป็นละอองมานา มาเดลินก็กระโจนเข้าใส่สองสาวพร้อมเสียงร้องคำราม

. ท่ามกลางสนามรบเยือกแข็งที่มีสาวงามสามคนสู้รบกันอยู่ มาเดลินเหวี่ยงอาวุธยักษ์ที่หมุนควงเข้าทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง

เอมิเลีย: พริสซิลล่า! เอานี่ไปใช้!

เอมิเลียสร้างแท่นเหยียบจากน้ำแข็งกลางอากาศและหลบหลีกคมดาบปีกบินราวกับเต้นรำ จากนั้นเธอก็เสกดาบน้ำแข็งเล่มงามขึ้นมาจากพื้นให้พริสซิลล่าหยิบมาใช้

พริสซิลล่า: ถ้าไม่ใช่ข้าพเจ้าคงนิ้วหลุดไปแล้ว ――แต่ว่าตกแต่งได้ไม่เลว จะใช้ก็แล้วกัน

พริสซิลล่าตวัดดาบน้ำแข็งใส่มาเดลินจากหลายมุม แต่แล้วดาบน้ำแข็งกลับเป็นฝ่ายแตกสลายไปเสียแทน

มาเดลินใช้จังหวะที่พริสซิลล่าไร้อาวุธเลือกเข้าประชิดตัว เอมิเลียจึงขัดขวางด้วยการกระโดดถีบเด็กสาวให้เสียจังหวะด้วยสองเท้าที่เคลือบเกราะน้ำแข็ง

. เอมิเลีย: รับไปที!

พริสซิลล่า: อย่ามาสั่งกัน

เมื่อลงถึงพื้น เอมิเลียก็เสกดาบน้ำแข็งคู่ให้พริสซิลล่าหยิบมาใช้ต่อ ถึงแม้ปากจะบ่น แต่พริสซิลล่าก็หยิบดาบคู่แล้วกระโดดข้ามหัวเอมิเลียที่ก้มอยู่ไปฟาดฟันมาเดลินต่อ

มนุษย์มังกรใช้กรงเล็บรับดาบคู่จากสองทิศทาง แต่พอจะสวนกลับ เอมิเลียก็เขวี้ยงหอกน้ำแข็งเข้ามาขัดแล้วสลับตัวมาอยู่แนวหน้าแทนพริสซิลล่า

พริสซิลล่า: เปลี่ยนตัว

พอมาเดลินปัดหอกน้ำแข็งออก พริสซิลล่าก็สลับตัวอีกทีแล้วกระหน่ำฟันเด็กสาวด้วยระบำดาบน้ำแข็งคู่

มาเดลิน: ――ทำไม ทำไมๆๆๆ ทำไมกัน!?

มาเดลินถูกไล่ต้อนให้ตั้งรับได้อย่างเดียวจากการประสานคอมโบของพริสซิลล่าผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธและเอมิเลียผู้สามารถเสกอาวุธน้ำแข็งได้เรื่อยๆ

. เผ่ามนุษย์มังกรคือเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับเผ่าโอนิ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์อมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

ความแตกต่างก็คือมนุษย์มังกรนั้นมิใช่มนุษย์หรืออมนุษย์ แต่มีรากฐานอย่างเดียวกันกับเผ่า [มังกรแท้] เสียมากกว่า

กระนั้น มาเดลินกลับไม่สามารถเอาชนะเผ่ามนุษย์และอมนุษย์ธรรมดาแค่สองคนตรงหน้าได้ ความเดือดดาลจึงค่อยๆ ทับทมอยู่ในใจของเธอ

มาเดลิน: พวกเจ้ามันตัวอะไรกัน… เป็นใครกันแน่!

เอมิเลีย: ――เอมิลี่!

พริสซิลล่า: ก็เป็นข้าพเจ้าไงล่ะ

ดาบน้ำแข็งของพริสซิลล่าและขวานน้ำแข็งของเอมิเลียหวดเข้าใส่พร้อมกันที่ศีรษะและลำตัว ส่งผลให้ร่างของมาเดลินกระเด็นเข้าติดอยู่ในเศษซากปรักหักพัง

. เมื่อศึกรู้ผลแล้ว พริสซิลล่าจึงเล่าให้เอมิเลียฟังว่าเผ่ามนุษย์นั้นสามารถสื่อสารกับ [มังกรแท้] ได้

ทำเอาเอมิเลียสงสัยว่ามาเดลินจะคุยกับวอลคานิก้ารู้เรื่องไหม เจ้านั่นยิ่งมีอาการขี้หลงขี้ลืมอยู่

เอมิเลียทำการเสกพลั่วน้ำแข็งและลงมือขุดมาเดลินออกมาจากซากปรักหักพัง เพื่อให้เธอช่วยสั่งหยุดพวกมังกรบินหลังจากนี้

พริสซิลล่าถอนหายใจที่ตัวช่วยเปลี่ยนสถานการณ์โผล่มาอย่างที่เธอขอ แต่สุดท้าย เมืองกัวราลก็ถูกทำลายจนย่อยยับอยู่ดี

พริสซิลล่าครุ่นคิดถึงการย้ายฐานบัญชาการไปที่เมืองเคออสเฟลม ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาเคานเตส [เซรีน่า ดราครอย] ผู้เป็นพันธมิตรของเธอด้วย

ทว่า ในระหว่างที่พริสซิลล่ากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างบนฟากฟ้า อะไรบางอย่างที่ทำให้เธอกระวนกระวาย

ทันทีที่เอมิเลียขุดเจอตัวมาเดลิน เด็กสาวมนุษย์มังกรที่จมอยู่ใต้กองก็กระซิบ [ชื่อ] หนึ่งออกมา

มาเดลิน: ――เมโซเรย์อา

แล้วในวินาทีต่อมา เสียงคำรามของ [มังกรแท้] ที่อยู่สูงเหนือเมฆก็ดังกึกก้องไปทั่ว

. ลำแสงสีขาวแห่งการทำลายล้างถูกยิงลงมาจากฟากฟ้า สองสาวงามต่างหลบหลีกมันโดยที่ไม่ต้องมีใครให้สัญญาณ

เอมิเลียทำการเสกหอคอยน้ำแข็งสองต้นทันที หอคอยน้ำแข็งพาเอมิเลียกับพริสซิลล่าที่ยืนอยู่บนพื้นขึ้นสู่ท้องนภาสูงกว่า 10 เมตรในชั่วพริบตา

เพื่อป้องกันการโจมตีจากลำแสงสีขาว เอมิเลียได้สร้างกำบังน้ำแข็งหกชั้นขึ้นมาปกคลุมรอบหอคอย กำบังเหล่านี้ช่วงเบี่ยงเส้นทางของลำแสงสีขาวที่เข้าปะทะ

ส่วนพริสซิลล่าก็หยิบดาบแสงออกมาใช้ ถึงแม้ว่าจะยังคงขาดแสงตะวัน แต่ประกายแสงสีชาดของมันก็ยังคงเด่นชัด

. [ตัดมาฝั่งศาลากลาง]

ระหว่างฟล็อปที่กำลังช่วยรักษาคนเจ็บอยู่ในศาลากลาง อยู่ๆ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนปริศนาที่รุนแรงจนฟล็อปกระเด็นไปชนกำแพง

ฟล็อปไม่แน่ใจว่าเขาวูบไปนานแค่ไหน แต่พอตั้งสติได้เขาก็เริ่มประเมินตัวเองก่อนว่าร่างกายปลอดภัยครบ 32 ดีหรือไม่

เรม: เกิดอะไรขึ้น…กันแน่?

ในระหว่างนั้น เรมก็มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็วิ่งไปเปิดประตูหน้าคฤหาสน์เพื่อรีบออกไปด้านนอก

ฟล็อปตามเรมออกไปทั้งที่ยังคงเจ็บหัวเข่าและสีข้าง แล้วเขาก็ได้พบว่าเรมกำลังดูอาการให้ “คนเจ็บ” อีกคนหนึ่งอยู่

. ฟล็อปมองสำรวจสถานการณ์และได้เห็นฉากหิมะตกในเมืองกัวราล กลุ่มเมฆหนาก่อตัวที่ท้องฟ้าฝั่งทิศใต้ และยังเห็นแสงตะวันสาดส่องลงมาผ่านก้อนเมฆ

เรม: คุณฟล็อป ขอแรงหน่อยค่ะ ช่วยพาเด็กคนนี้เข้าไปข้างในที…

ฟล็อป: อื้อ เข้าใจล่ะ ถึงท้องฟ้าจะกลายสภาพแบบลึกลับจนกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว พวกเราก็ยังทำได้แต่สิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้สินะ ไว้ใจได้เลย――

ตอนนั้นเอง “คนเจ็บ” ที่เรมบอกให้เขาช่วยพาเข้าคฤหาสน์ก็ลุกขึ้นมาในสภาพโซเซ รูปลักษณ์ของคนเจ็บเป็นเด็กสาวตัวเล็กที่มีเขาสีดำอยู่บนหัวสองข้าง

เรมไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าเด็กสาวข้างหลังกำลังง้างกรงเล็บเตรียมที่จะสังหารเธอ

. โฮลี่และคูนายังฟื้นตัวไม่เสร็จ ชูลท์และอูตาคาตะก็ช่วยมามากพอแล้ว ส่วนไฮน์เคลก็อาการหนักเข้าขั้นโคม่า ――ในที่นี้ มีฟล็อปเพียงผู้เดียวที่สามารถปกป้องเรมได้

ใบหน้าของมีเดียม ใบหน้าของผู้มีพระคุณและใบหน้าของพี่น้องบุญธรรมผลัดกันลอยขึ้นมาให้ฟล็อปที่หลับตาลงได้เห็น

“ให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองหน่อย ฟล็อป การเสียสละตัวเองน่ะมีแต่คนคนโง่เง่าเขาทำกัน”

ฟล็อป: จะเรียกผมว่าเป็นคนโง่เง่าก็ได้

เรม: คุณฟล็อ――

ฟล็อปผลักเรมออกไปให้พ้นทาง เขาจึงรับการโจมตีของกรงเล็บเข้าไปเต็มๆ

ร่างของ [ฟล็อป โอคอนเนล] ล้มฟุบลงบนพื้นเย็นๆ ในขณะที่เลือดสาดกระเซ็น

จบตอน