ทาริตต้าเริ่มฝันร้ายถึง [มหาภัยพิบัติ] เมื่อ 3 ปีก่อน ก่อนหน้านั้นเธอไม่ได้ล่วงรู้ถึงสถานะ [นักอ่านดารา] หรือ [ลิขิตสวรรค์] เลย
ทาริตต้าใช้ชีวิตเยี่ยงชนเผ่าชูดราคปกติ อยู่ภายใต้เงาของมิเซลด้า ถูกกดดันด้วยเชื้อสายของตระกูลที่เป็นหัวหน้าเผ่ามาหลายชั่วอายุคน
จนกระทั่งวันหนึ่ง “พี่น้องคู่วิญญาณ” ผู้แสนสนิทสนมของเธอได้ทักขึ้นมาว่า
??: ――นี่ ทาริตต้า ฉันถูกเลือกให้เป็น [นักอ่านดารา] และได้รับลิขิตสวรรค์มาล่ะ
. เมื่อได้ทราบว่าเงาดำไม่ใช่ [มหาพิบัติ] ตามคำทำนาย วินเซนต์ก็มองเจ้าเงาเป็นแค่ตัวโหมโรมก่อนของจริงเท่านั้น
มีเดียมยังคงตามไม่ทันว่าวินเซนต์คิดจะกำจัดเงาดำที่กลืนกินและโจมตีทุกสิ่งที่ขวางทางได้อย่างไร วินเซนต์จึงต้องอธิบายเพิ่ม
วินเซนต์: ――เจ้านั่นมีเจตจำนงอยู่ เป็นเจตจำนงของมนุษย์อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเลยด้วย
คำพูดของวินเซนต์ทำให้ทาริตต้านึกขึ้นได้ว่าตอนที่เงาดำยื่นมาหา เธอสัมผัสได้ถึง “ความยึดติด” บางอย่างจากเงานั่น
. วินเซนต์: มันน่าจะเคลื่อนไหวตามเจตจำนงของผู้ที่ดิ้นรนอยู่ภายในลึกเข้าไป ยื่นมือไปทั่วเพื่อไขว่คว้าหาการช่วยเหลือ ดูสิ
ในบรรดาสนามรบแนวหน้าสนามรบอย่างยอร์น่า คาฟม่า รุยและชาวเมืองเคออสเฟลมนั้น เงาดำเน้นโจมตีเพียงแค่ [ยอร์น่า] กับ [รุย] เท่านั้น
แสดงว่ามันไม่ได้เน้นโจมตีตามความแข็งแกร่งของศัตรู ไม่งั้นคงจะเน้นโจมตีใส่คาฟม่าแทนที่จะเป็นรุย
ด้วยเหตุนี้วินเซนต์ถึงมั่นใจว่าเขาสามารถเข้าใกล้มันเพื่อดำเนินแผนการต่อได้
ทาริตต้า: ทะ…ทำไม ถึงได้มั่นใจแบบนั้นกันล่ะคะ…?
วินเซนต์: เรื่องพื้นเพ เจ้านั่นน่ะไม่ได้ถูกชะตากับชั้นยังไงเล่า ถ้าหากว่ามือของมันยื่นออกมาเพื่อเฟ้นหาคนพึ่งพิง ชั้นคนนี้ก็ไม่เข้าข่าย ――เพราะว่ามันคือนัตสึกิ สุบารุ
ทาริตต้า: อึก!?
มีเดียม: เอ๋!?
ตามทฤษฎีของวินเซนต์ เงาดำเคลื่อนไหวตามเจตจำนงของสุบารุ และโจมตีแต่คนที่เขา “ห่วงใย” เป็นหลัก เช่น รุย ยอร์น่า มีเดียมและทาริตต้า
. ด้วยเหตุนี้ วินเซนต์จึงคิดเข้าไปใกล้เขตสนามรบเพื่อคุยกับยอร์น่า ซึ่งน่าจะทำได้อย่างปลอดภัยเนื่องจากว่านัตสึกิ สุบารุเกลียดขี้หน้าวินเซนต์
วินเซนต์ตัดสินใจเดิมพันกับแผนเสี่ยงทั้งที แต่ทาริตต้าที่มี [ลิขิตสวรรค์] ในการหยุดยั้งภัยพิบัติกลับไม่กล้าลงมืออะไรเลย
กระทั่งมีเดียมยังอาสาตามไปด้วย เธอจะไปช่วยเป็นเหยื่อล่อเพิ่มเป้าหมายโจมตีของเงาดำอีกคนเพื่อลดภาระให้รุยกับยอร์น่า และเพิ่มโอกาสสำเร็จให้แผนของวินเซนต์
วินเซนต์: ขอปฏิเสธ
มีเดียม: อาเบลจิน!
วินเซนต์: หลังพิจารณาดูแล้ว แกในสภาพนั้นน่ะรับบทตัวล่ออย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้หรอก น่าห่วงเรื่องผลกระทบจากการตายของแกต่อคนอื่นๆ มากกว่า จะไม่ขอเดิมพันอะไรแบบนั้น
วินเซนต์และมีเดียมต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ฝ่ายมีเดียมอาจจะฝืนเข้าร่วมแนวหน้าโดยไม่ฟังคำสั่งก็ได้
อัล: ――ถ้างั้น ชั้นจะเป็นคนปกป้องคุณหนูมีเดียมเอง เท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้บ่นแล้วใช่ไหม?
ตอนนั้นเอง [อัลเดบารัน] ที่คืนร่างกลับเป็นผู้ใหญ่ก็โผล่มาแจม อัลอยู่ในสภาพที่ใช้เศษผ้าโพกปิดหน้า เพราะเขาไม่ว่างกลับไปเอาหมวกเหล็ก
. โอลบาร์ตไม่ได้ตามอัลมาด้วย จึงไม่มีใครคืนร่างให้มีเดียมได้ แต่อัลในตอนนี้ก็ดูพึ่งพาได้กว่าที่ผ่านมา
มีเดียม: ถึงจะมีแค่อัลจินที่ได้กลับคืนร่างก็ดีใจแล้ว! หายกลัวแล้วใช่ไหม?
อัล: …ความกลัวนี้ มันอาจจะไม่มีวันหายไปทั้งชีวิตเลยก็ได้ ――แต่ถึงอย่างงั้น ก็ต้องลุยอยู่ดีเฟ้ย …ท่านโชคชะตาเอ๋ย ขอดวลกันสักตั้ง
มีเดียม: อัลจิน…
อัลไม่คิดจะเสียเวลาโน้มน้าววินเซนต์ เจ้านายของเขาคือพริสซิลล่า และเขามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพี่น้อง สิ่งสำคัญมีเพียงแค่นั้น
วินเซนต์ไม่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามเขาอยู่แล้ว ยังไงอัลก็จะลุยอยู่ดี ดังนั้นวินเซนต์ต้องเป็นฝ่ายปรับแผนตามอัลแทน
อัลถือว่าตัวเขาคือ “กำลังรบนอกแผน” ของวินเซนต์และเขาจะช่วยคุ้มกันไม่ให้ทั้งมีเดียมและวินเซนต์ตายเอง
พอทั้งสามมั่นใจในแผนแล้ว วินเซนต์ก็เดินนำออกไป โดยที่กล่าวทิ้งท้ายให้ทาริตต้าตัดสินใจเองว่าจะเลือกทำตามลิขิตสวรรค์ของตนหรือไม่
. ฝั่งยอร์น่ากำลังต่อกรกับเงาดำด้วยการสร้างกำแพงควันขึ้นมาตั้งรับและโจมตีสวนกลับด้วยชิ้นส่วนอาคาร
พอเงาดำกระจายตัวออกมาล้อมรอบ รุยก็ช่วยวาร์ปพายอร์น่าหนีจนพ้นทางแบบฉิวเฉียด
ยอร์น่าสังเกตเห็นว่าดวงตาของรุยเศร้าโศกด้วยความกังวลต่อความปลอดภัยของสุบารุ
พริบตาต่อมา รุยก็ทำการวาร์ปไปโผล่บริเวณ “ส่วนหัว” ของเงาดำเพื่อทำการล่อเป้าอีกครั้ง โดยมีคาฟม่าคอยช่วยเหลือด้วยเถาวัลย์หนาม
การโจมตีของฝั่งยอร์น่าไม่ได้สร้างความเสียหายต่อเงาดำมากนัก และถ้าหากยิ่งยื้อเวลาออกไป สุดท้ายฝั่งที่แพ้ก็จะเป็นพวกยอร์น่าที่หมดแรงไปก่อน
. มีเดียม: ย้าาาาาาาก!!
อัล: ลุยกันเลย คุณหนูมีเดียม! พวกชั้นขอประกาศตัวเข้าร่วมศึกด้วยอีกแรง!
ตอนนั้นเอง สาวน้อยแบกดาบออกศึก [มีเดียม] และชายสวมหมวกเหล็ก [อัล] ก็โผล่มาเสริมทัพ
อัลใช้ดาบมังกรฟ้าจ่อคอตัวเองคล้ายว่าพร้อมตัดหัวทุกเมื่อ เป็นท่าถืออาวุธที่เสี่ยงจนน่าใจหายในสายตาคนอื่น
ทันทีที่มีเดียมเข้าถึงระยะจู่โจม เงาดำก็โจมตีใส่เธอทันที
อัล: ทางขวา! เหยียบแท่นยืนแล้วกระโดดต่อเลย! ยึดเท้ากับเศษซากไว้ แล้วไปข้างบนต่อ!
มีเดียม: ย้าาาาาาก!
ด้วยคำแนะนำจากอัล มีเดียมสามารถหลบการโจมตีของเงาดำได้อย่างฉิวเฉียดและไร้รอยขีดข่วน
ยอร์น่าเดาไม่ออกเลยว่าอัลทำเช่นนี้ได้เพราะสัญชาตญาณเฉียบคมหรืออะไรกันแน่
. มีเดียม: อัลจิน! ต่อไปล่ะ!?
อัล: อย่าเร่งสิ เครียดจะแย่อยู่แล้วเนี่ย! เฮ้ย เจ้าหนุ่มมีรอยสักตรงนั้นน่ะ ช่วยกันหน่อยสิ! ชั้นจะออกคำสั่งเอง! ช่วยขัดขวางมันให้ที!
คาฟม่า: ขอปฏิเสธ! เรื่องอะไรจะต้องให้คนแปลกหน้าอย่างเจ้ามาออกคำสั่ง…
อัล: ด้านบน! กระจายไม้หนามออกไปเลย!
คาฟม่าไม่มีเวลามัวลังเลจึงยอมทำตามที่อัลว่า ไม้หนามของเขาช่วยสร้างช่องโหว่มากพอให้พวกอัลหลบหลีกพ้นจากการโจมตีของเงาดำ
อัลโน้มน้าวให้คาฟม่าไว้ใจเขาได้สำเร็จ โดยที่อ้างว่าตัวเองมีประวัติร่วมกับเจ้า [มหาภัยพิบัติ] อยู่นิดหน่อย
. ในระหว่างนั้น วินเซนต์ก็เข้าไปถามยอร์น่าอีกครั้งว่าอยากเปลี่ยนใจกลับมาใช้แผนทิ้งเมืองไหม
ยอร์น่าเหนื่อยหน่ายที่วินเซนต์มาเพื่อโน้มน้าวเรื่องเดิม เขาจึงบอกไปว่าเธอยังเข้าใจผิดอยู่หนึ่งประเด็น
สิ่งที่ชาวเมืองอมนุษย์ผู้ไม่มีที่ไปยึดติดเป็นที่ตั้งนั้นไม่ใช่นครมารเคออสเฟลม แต่เป็นตัวยอร์น่าเองต่างหาก เธอคือเสาหลักที่แท้จริงสำหรับผู้คนเหล่านี้
ยอร์น่าเห็นต่าง เพราะถ้าหากไม่มีเมืองอยู่ ผู้คนก็จะไร้หลังคาคุ้มหัวและไม่มีอาหารกินให้อิ่มท้อง
ไม่มีบริวารที่ไหนอยากติดตามผู้นำโดยต้องแลกกับความลำบากลำบนแบบนั้นหรอก
. ทันใดนั้น เศษซากอาคารจากการอาละวาดของเงาดำก็ปลิวมากระทบหน้าผากวินเซนต์จนหน้ากากอสูรหลุด
แต่ [วินเซนต์ วอลลาเคีย] ก็ไม่ได้สะทกสะท้านเลยทั้งที่เสียหน้ากากจำแลงใบหน้า แถมยังเลือดไหลจากหน้าผาก
เขาจ้องตายอร์น่ากลับแบบไม่หวั่นไหวและสั่งสอนเธอต่อว่าชาวเมืองจะติดตามเธอไปทุกที่แม้ว่าจะต้องตากฝนและหิวโหยก็ตาม
เพราะพวกเขาจะเชื่อมั่นว่ายอร์น่าจะสามารถสร้างที่อยู่ใหม่ขึ้นมาได้ในท้ายที่สุด
ยอร์น่า: ถ้าหากเลือกทิ้งนครมาร ท่านคิดจะทำอย่างไรกับ [มหาภัยพิบัติ] งั้นหรือเจ้าคะ? เจ้านั่นน่ะ ถึงจะกลืนกินเมืองนี้จนหมดแล้ว มันอาจจะยังไม่หยุดก็ได้นี่เจ้าคะ
วินเซนต์: ยังกังขาในตัวชั้นอยู่อีกงั้นเหรอ? แกเองก็รู้ดีอยู่แล้ว
ยอร์น่าหันไปดูทางทิศที่วินเซนต์บอก ซึ่งนั่นคือจุดที่เคยมีปราสาทรูริแดงตั้งอยู่ จุดที่เงาดำปรากฏตัวออกมา
วินเซนต์: เมื่อนครมารถูกกลืนกินเหมือนคราวปราสาท ก็จงทำแบบเดียวกันเสีย ――ถึงแม้ว่าการระเบิดปราสาทที่ถูกกลืนเข้าไปอาจจะไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากเป็นเมืองที่แกรักมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
. ทางฝั่งจักรพรรดิตัวปลอม นักอ่านดารา [อูบิรูค] ได้กลับมาแจ้งข่าวต่อจิชา ว่าเงาดำของแม่มดริษยานั้นไม่ใช่ [มหาภัยพิบัติ] ตามคำทำนาย
ไม่นานนัก โอลบาร์ตก็ตามมาสมทบกับทั้งสอง ตาเฒ่ายอมสารภาพตามตรงว่ามือขวาของเขาถูกเงาดำกลืนหายไปแล้ว
โอลบาร์ต: จะว่าไปแล้ว ใต้เท้า ฝ่ายเราแค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้จะดีเร้อ?
จิชา: ไม่สำคัญอะไร
ถ้าหากการโน้มน้าวยอร์น่าให้ทำตามแผนคือหน้าที่ของพวกวินเซนต์แล้วล่ะก็ หน้าที่ของพวกจิชาก็คือ…
จิชา: เดินหมากเรียบร้อยแล้ว ――ข้าได้เลือกเดินหมากแบบที่ [วินเซนต์ วอลลาเคีย] จักรพรรดิแห่งวอลลาเคียพึงกระทำไปแล้ว
จบตอน