มาเดลินรู้สึกอับอายขายขี้หน้าที่ถูกพริสซิลล่ากับเอมิเลียเล่นงานหนักจนต้องงัดไพ่ตายมาใช้
เธอจึงคิดจะเอาความโกรธมาลงกับเรม แต่กลายเป็นว่าฟล็อปได้เอาตัวเข้ามารับกรงเล็บไว้แทน เขาจึงได้รับรอยแผลที่ยาวตั้งแต่ไหล่ถึงเอว
มาเดลิน: ใคร…อยากโดนต่อ…?
เมื่อร่างเหยื่อคนแรกล้มลงกับพื้น มาเดลินก็มองหาเหยื่อรายต่อไป
มาเดลิน: เอ๋?
ทว่า สายตาของเธอกลับมองไปเห็นสิ่งสำคัญบางอย่าง มันคือเครื่องประดับทำจาก “เขี้ยว” ของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ห้อยอยู่บนคอของฟล็อป
ระหว่างนั้นเรมก็คิดจะเข้าไปรักษาฟล็อป แต่มาเดลินก็ผลักเธอจนล้มแล้วเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของฟล็อปราวกับจะปิดงาน ทว่า…
มาเดลิน: เหตุใดเจ้า…ถึงได้มีเขี้ยวของมังกรอยู่? …ทำไมถึงได้มีเขี้ยวของ [คาริยอน] อยู่กัน!?
. เด็กสาวแปลกหน้าตะโกนถามย้ำอย่างสิ้นคิดด้วยความเศร้าโศก แต่สติของฟล็อปก็เลือนลางด้วยพิษบาดแผลจนตอบกลับไม่ได้
มาเดลิน: ตอบมาสิ! บอกมา! ถ้าไม่ยอมตอบล่ะก็…
เรม: ยะ…หยุดเถอะค่ะ! เขาหมดสติไปแล้วค่ะ! กำลังจะตายอยู่แล้ว!
มาเดลินกังขาว่าเรมจะไปช่วยอะไรคนใกล้ตายได้ เรมจึงบอกว่าเธอรู้วิธีใช้เวทมนตร์รักษา พอได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายมาเดลินก็ยินยอมให้เรมรักษาฟล็อป
. บนร่างของฟล็อปมีบาดแผลลึกจากกรงเล็บของมาเดลิน 4 แผล เรมถอดผ้าโผกหัวของฟล็อปมาพันแผลไว้แล้วเริ่มการร่ายเวทรักษา
ตอนนั้นเองความเหนื่อยล้าจากการใช้เวทรักษามากเกินไปก็เล่นงานเรม เพราะเธอพึ่งโหมงานหนักมาที่โรงพยาบาลสนามในคฤหาสน์
เรม: ถึงอย่างงั้น ก็ยอมแพ้ไม่ได้…
เรมนึกย้อนถึงคำสอนของพริสซิลล่าที่ไม่ให้มองแค่บาดแผลแต่มองไปถึง “ชีวิต” ของผู้ที่จะรักษา
เรม: มองให้เห็น…ชีวิต
เวทมนตร์รักษามิใช่เวทรักษาบาดแผล แก่นสำคัญของมันแท้จริงแล้วคือเวทมนตร์ที่แทรกแซงชีวิต คำสอนของพริสซิลล่าช่วยดึงเอาความสามารถของเรมออกมาได้ถึงขีดสุด
. เรม: คุณฟล็อป…!
อาการของฟล็อปเริ่มคงที่ ขนตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยตอบสนองต่อเสียงเรียกของเรม
เรมอุ่นใจและเตรียมที่จะรักษาต่อจนเสร็จ แต่แล้วฟล็อปที่สติเลือนลางกลับกระซิบบางอย่างออกมา
ฟล็อป: …ห้ามรักษาผม จนเสร็จนะ
เรม: เอ๋?
โชคร้ายที่เรมไม่มีโอกาสได้ถามให้กระจ่าง เนื่องจากว่าฟล็อปหมดสติไปหลังกล่าวประโยคนั้น
. เป็นไปได้ว่าฟล็อปอาจจะพูดมั่วๆ ด้วยความเพ้อ แต่เรมก็เชื่อมั่นในตัวฟล็อปเป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ไตร่ตรองอย่างดีก่อนพูดเสมอ
เรมเริ่มวิเคราะห์ตามคำพูดของฟล็อปจนเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ
ถึงแม้เรมจะรักษาฟล็อปจนหาย สถานการณ์มังกรบินบุกเมืองในตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดี
เรม: ――เธอน่ะ ชื่ออะไรมาจากที่ไหนเหรอคะ?
คำพูดของฟล็อปบอกใบ้ถึงตัวตนของเด็กสาวแปลกหน้า เรมจึงลองเนียนถามชื่อโดยอ้างว่าถ้าหากไม่รู้ชื่อ เธอก็จะไม่มีสมาธิร่ายเวทรักษา
มาเดลิน: มาเดลิน เอสชาร์ต! แม่ทัพระดับหนึ่งของจักรวรรดิ!
เมื่ออีกฝ่ายยอมเฉลยยศถาบรรดาศักดิ์ เรมก็เข้าใจสถานการณ์ทันทีว่ามาเดลินคือตัวการเบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้
ดังนั้น เรมจึงเดินหมากก้าวต่อไป ด้วยการหยุดร่ายเวทรักษาให้แก่ฟล็อป จนมาเดลินโมโหและเข้ามากระชากคอเสื้อ
มาเดลิน: นี่เจ้า ทำไมกัน… ทำไมถึงได้หยุดรักษาชายคนนั้น!? ตอบมา! ทำบ้าอะไรของเจ้า!
เรม: ――ถ้าอยากให้รักษาคุณฟล็อปต่อ ก็มีเงื่อนไขอยู่ค่ะ
มาเดลิน: เงื่อนไข? อยู่ดีๆ พูดเรื่องอะไรของเจ้า…
เรม: ――ได้โปรดถอนกำลังมังกรบินที่โจมตีเมืองออกไปด้วยค่ะ ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขนั้น ก็เกรงว่าจะรักษาให้ต่อไม่ได้
. ด้วยเหตุผลบางประการ มาเดลินยึดติดกับการที่ฟล็อปต้องมีชีวิตอยู่รอด ฟล็อปรู้ตัวถึงเรื่องนั้นและบอกต่อให้เรมรู้เพื่อใช้ตัวเขาเป็นเงื่อนไขต่อรอง
เรมฝืนทนต่อความรู้สึกที่อยากรักษาฟล็อปให้หายดีแล้วเร่งให้มาเดลินตัดสินใจว่าจะเลือกแบบไหน
มาเดลิน: ――อย่าได้ดูแคลน มังกรผู้นี้
แต่แล้วมาเดลินก็ใช้กรงเล็บจ่อคอเรมกลับ ดวงตาสีทองเปี่ยมไปด้วยความพิโรธ รังสีอาฆาตผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก
เรมสั่นกลัวจนอยากขออภัย แต่แล้วเธอก็นึกถึงสุบารุที่กล้ายืนปกป้องเธอต่อหน้าอาราเคียทั้งที่เขาอ่อนแอไม่ได้พิเศษอะไรเลย
เรม: ถ้าเกิด…ฉัน…
มาเดลิน: ว่าไง?
เรม: ถ้าเกิด…ฆ่าฉัน… ฝ่ายที่แพ้ก็คือคุณ…ค่ะ
“ทำลายเมือง” หรือ “ช่วยชีวิตฟล็อป”
นั่นคือตัวเลือกที่เรมบีบบังคับให้มาเดลินต้องตัดสินใจ มาเดลินต้องชั่งใจระหว่างการสานต่อภารกิจที่ถูกสั่งมาและการทำตามความต้องการส่วนตัว
เรม: เอายังไงดีคะ? ――รบกวนเลือกด้วยค่ะ คุณน่ะอยากฆ่าผู้คนหรืออยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อ
. [ตัดมาทางฝั่งเอมิเลียกับพริสซิลล่า]
เอมิเลียที่จมอยู่ใต้ซากปรักหักพังผลักเศษซากที่ทับตัวเธออยู่ออกแล้วเริ่มนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
(บทบรรยายฉากนี้เฉลยด้วยว่าสุบารุเป็นคนตั้งชื่อให้เวท “ไอซ์เอจ” ของเอมิเลีย)
เธอกับพริสซิลล่ากำลังต่อสู้อยู่กับมาเดลิน แล้วอยู่ๆ ก็มีลำแสงสีขาวพวยพุ่งลงมาจากหมู่เมฆตามความประสงค์ของเด็กสาวเผ่ามนุษย์มังกร
เอมิเลีย: ――มันให้บรรยากาศเหมือนกับวอลคานิก้าเลย
เอมิเลียตั้งรับลำแสงด้วยกำบังน้ำแข็งหลายชั้นและฝากให้พริสซิลล่าช่วยใช้ดาบแสงปัดป้องการโจมตีที่เล็ดลอดเข้ามา
เอมิเลีย: แล้วหลังจากนั้นก็จมอยู่ใต้ซากเลย… แย่แล้ว! พริสซิลล่าอยู่ไหน!? ช่วยตอบด้วย! จะช่วยออกมาเดี๋ยวนี้แหละ…
พริสซิลล่า: ――โหวกเหวกอะไรอยู่ได้ หนวกหูย่ะ ยัยครึ่งปีศาจ
เอมิเลีย: พริสซิลล่า!?
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของอีกฝ่าย เอมิเลียก็รีบตามเสียงไปแล้วพบพริสซิลล่านั่งอยู่บนเศษซากกำแพงเมือง
. ชุดเดรสสีแดงของพริสซิลล่าฉีกขาดเป็นบางที่ ผิวขาวเนียนของเธอทั้งเปื้อนฝุ่นและมีแผลฟกช้ำเป็นบางจุด แถมเธอยังดูเหนื่อยกว่าทุกที
เมื่อยืนยันความปลอดภัยของพริสซิลล่าได้ แถมยังไม่เห็นวี่แววของมาเดลินแล้ว เอมิเลียจึงเตรียมการที่จะไปขับไล่ฝูงมังกรบินออกจากเมืองต่อ
แต่พริสซิลล่าทักขึ้นมาก่อนว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เอมิเลียจึงรู้ตัวว่าฝูงมังกรบินได้หายไปจากเมืองกัวราลหมดเลย
มีเพียงแค่มาเดลินคนเดียวที่สามารถสั่งการต่อพวกมังกรบินได้ แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่มีวี่แววจะยอมทำตามคำขอของพวกเอมิเลียเลยแท้ๆ
มาเดลินที่มีมังกรแท้ [เมโซเรย์อา] โจมตีสนับสนุนจากเหนือหมู่เมฆควรจะกำลังได้เปรียบอยู่แท้ๆ แต่เธอดันเลือกถอยกลับ
พริสซิลล่า: เช่นนั้นแล้ว คงจะมีเหตุผลที่เลือกถอยทัพอยู่
เอมิเลีย: เหตุผลที่เลือกถอยทัพเหรอ? อะไรกันล่ะ?
พริสซิลล่า: กระทั่งข้าพเจ้าก็มิได้มองออกทุกเรื่อง มาเดลินถูกกำชับให้ถอยกลับเพราะเปิดเผยการมีอยู่ของ [มังกรเมฆา] งั้นหรือ? ――หรือไม่ก็พบบางสิ่งที่สำคัญเสียยิ่งกว่าคำสั่งจากนครหลวงจักรวรรดิเข้า
. เมืองล้อมกำแพงกัวราลถูกฝูงมังกรบินของมาเดลิน เอสชาร์ตเล่นงานจนทหารและประชาชนล้มหายตายจากไปมากมาย
แถมยังเกิดหิมะตกทั้งที่ผิดแผกจากสภาพอากาศของประเทศ ซ้ำร้ายยังมีลำแสงสีขาวที่ทะลุจากเมฆลงมากระหน่ำใส่เมืองจนพังยับเยินยิ่งกว่าเดิม
หลังมาเดลิน เอสชาร์ตและฝูงมังกรบินของเธอถอยทัพกลับไป ได้มีบุคคลอีกสองคนที่หายสาบสูญจากเมืองตามไปด้วย
――พ่อค้านาม [ฟล็อป โอคอนเนล] และเด็กสาวที่ชื่อ [เรม] หายตัวไปจากเมืองกัวราลอย่างไร้วี่แววหลังจบศึกในครั้งนี้
จบตอน