webnovel arc7 chapter60

บทที่ 7 ตอนที่ 60 "หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความโกลาหล"

เริ่มมาด้วยฉากพูดคุยย้อนหลังระหว่างจิชากับทันซ่า

จิชาคือคนที่โน้มน้าวทันซ่าให้โจมตีซ้ำใส่ [มหาภัยพิบัติ] ถ้าหากว่าการระเบิดเมืองของยอร์น่ายังไม่เพียงพอ

ทันซ่าพึงพอใจที่จะรับหน้าที่นั้นโดยไม่ต้องการคำชมใด ขอแค่น้ำตาของท่านยอร์น่าก็พอ

. ระดับพลังของวิชา [วิวาห์ดวงวิญญาณ] จะแข็งแกร่งขึ้นตามระดับความรักที่ยอร์น่ามีต่อคน/สิ่งของนั้นๆ รวมกับระดับความรักที่บุคคลดังกล่าวมีต่อยอร์น่า

พี่สาวผู้อ่อนโยนของทันซ่าถูกทหารจักรวรรดิที่ป้อมสังหาร อย่างเหี้ยมโหด ในตอนนั้น ยอร์น่าถึงกับยอมก่อกบฏต่อจักรวรรดิเพื่อทันซ่าเลย

ความรักที่ทันซ่ามีต่อยอร์น่านั้นมากมายจนมิอาจคำนวณได้ ร่างกายของเธอจึงได้รับการเสริมพลังจากวิชาคงคงมากล้นเหลือ

ในวาระสุดท้าย ทันซ่านึกขอบคุณทาริตต้าในใจที่ช่วยขัดยอร์น่าไว้ และอวยพรให้แก่นายท่านที่รักของเธอเป็นการส่งท้าย

. หลังการระเบิดรอบสอง จุดที่เคยเป็นที่ตั้งปราสาทรูริแดงได้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ส่วนเงาดำของแม่มดก็หายไปไม่เหลือซาก

นี่ถือเป็นชัยชนะของเมืองเคออสเฟลม แต่แน่นอนว่าไม่มีใครมีอารมณ์มาฉลองให้แก่ผลลัพธ์ที่ต้องเสียทั้งเมือง รวมถึงต้องใช้ชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งเข้าแลก

ตามหลักแล้ว สัญญาสงบศึกระหว่างฝ่ายวินเซนต์กับฝ่ายจิชาจบลงแค่นี้ แต่คาฟม่าก็ไม่อยากหาเรื่องแล้ว เขาเลือกให้ความสำคัญกับหน้าที่คุ้มครองจักรพรรดิ(ปลอม)ก่อน

. ตอนนั้นเอง อัลก็เข้ามาทักมีเดียม ทำให้เธอสังเกตเห็นว่าเขากลับมาสวมเหล็กสีดำสนิทประจำตัวแล้ว

มีเดียม: อัลจิน หาหมวกเหล็กเจอแล้วเหรอ?

อัล: อื้อ หาเจออยู่ โชคยังดีที่มันตกอยู่แถวที่เคยเป็นโรงแรม เอาเหอะ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่พังหรอก แค่ต้องหาให้เจอ

มีเดียม: ――? มันทนทานขนาดนั้นเลยเหรอ?

อัล: ช่ายๆ ทนทานมากๆ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนในโลกนี้ก็ทำลายมันไม่ได้

ระหว่างที่คุยอัลกับมีเดียมอยู่ คาฟม่าก็จ้องมาทางอัลเหมือนมีอะไรอยากจะถาม

อัล: มีอะไร? ไม่ได้อยากจะมีเรื่องกับพวกชั้นอยู่แล้วใช่มั้ย? แน่นอนว่าทางนี้ก็คิดงั้นเหมือนกัน… ก็แบบว่า เหนื่อยจนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย

คาฟม่า: ช่วงศึกก่อนหน้านี้ ออกคำสั่งได้เยี่ยมยอดมาก ทำไมถึงได้รู้การเคลื่อนไหวของ [มหาภัยพิบัติ] กันล่ะ?

อัล: เป็นความลับทางการค้า ถ้าไม่ยอมบอกจะยกเลิกการสงบศึกหรือเปล่า?

คาฟม่า: ――ไม่ล่ะ จะไม่ขอถอนคำพูดตัวเอง

คาฟม่าสหายปีกแมลงและบินจากไป ต่างฝ่ายต่างเข้าใจดีว่าหากได้เจอกันครั้งหน้า ก็จะกลับไปเป็นศัตรูกันดังเดิม

. มีเดียมหันมาขอบคุณอัล ฝั่งอัลก็ขอบคุณในความพยายามของมีเดียม ซึ่งมีส่วนช่วยให้จำนวนคนตายไม่ได้มากไปกว่านี้

พอพูดถึง “คนตาย” มีเดียมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจต่อการสละชีพของทันซ่าในตอนท้าย

อัล: ไม่รู้ว่าพูดไปจะมีความหมายอะไรหรือช่วยปลอบใจได้ไหม… ถ้าเกิดเด็กที่ชื่อทันซ่าไม่ได้ทำแบบนั้น พวกเราคงเป็นฝ่ายที่ถูกล้างบางแทน ฟันธงได้เลย

มีเดียม: บางทีฉันอาจจะพยายามได้มากกว่านี้

อัล: ไม่หรอก ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ――ลองมาทุกวิธีแล้ว แต่ไม่มีอะไรที่ได้ผลเลย

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจที่อัลดูพูดจาเกินจริงนัก แต่อย่างน้อยมีเดียมก็รู้ดีว่าเขาคงพูดเพื่อปลอบใจ

มีเดียม: ขอบคุณนะ อัลจิน

อัล: …ยู อาร์ เวลคัม (You’re welcome)

แต่กลายเป็นว่ายิ่งอัลพูด ก็ยิ่งมีศัพท์แปลกๆ ที่มีเดียมไม่เข้าใจความหมายโผล่ออกมา

. ในระหว่างยอร์น่ามองดูซากเมืองที่รัก วินเซนต์ก็เข้ามาขอคำตอบต่อจดหมายที่เขาให้พวกสุบารุส่งให้เธอก่อนหน้านี้

ต่อหน้าวินเซนต์ผู้ไม่แยแสต่อความสูญเสีย ยอร์น่าได้หยิบที่เหน็บสายโอบิออกมาให้เขาดู มันทำมาจากเขาของพี่สาวของทันซ่าที่ตายไป

กระดูก เกร็ดและขนปีกทั้งหลายที่ยอร์น่าใช้เป็นเครื่องประดับ ล้วนแต่เป็นเครื่องบรรณาการจากเหล่าอมนุษย์ที่ไม่เหลืออะไรจะมอบให้นายหญิงเป็นการขอบคุณนอกเสียจากชิ้นส่วนของตนเอง

ไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อยอร์น่าไปกว่าการตอบแทนความรักของเหล่าบริวารอีกแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาดันต้องมาเสียถิ่นอาศัยไปอีก

. วินเซนต์มองว่าฝ่ายตนมีเวลาไม่มากก่อนที่พวกจิชาจะเริ่มลงมือ เขาเลยจะให้ชาวเคออสเฟลมอพยพไปอยู่ที่เมืองกัวราลก่อน โดยอาจจะยึดเมืองเป็นฐานเพิ่มระหว่างนี้

วินเซนต์บอกให้ยอร์น่าตัดสินใจว่าระหว่างความปรารถนาที่รอคอยมานานกับความรักของเธอ อะไรที่สำคัญกว่ากัน

สุดท้ายเธอเลยตัดสินใจที่จะหาที่ซุกหัวนอนให้แก่เหล่าบริวารและตัดสินใจจะช่วยวินเซนต์ทวงบัลลังก์คืนจากจักรพรรดิตัวปลอม

ยอร์น่า: ――มาชิงตายก่อนผู้ปกครองแบบนี้ไม่ไหวเลยนะเจ้าคะ ทันซ่า

ยอร์น่าจุดกล้องยาสูบและกล่าวไว้อาลัยให้แก่เด็กสาวที่เธอรักเหมือนเป็นลูก

. วินเซนต์เดินกลับมาหาทาริตต้าและบอกเธอว่าไม่ต้องหวงเรื่องขายอร์น่า เพราะบาดแผลเริ่มรักษาตัวเองแล้ว

ก่อนหน้านี้ ทาริตต้ามีโอกาสในการยิงธนูสังหารวินเซนต์เพื่อทำตามลิขิตสวรรค์ที่มารีอูลีฝากฝัง แต่เธอก็ได้เลือกที่จะยิงขายอร์น่าแทน

นั่นก็เพราะว่าทาริตต้าเกลียดดวงดาวที่เปลี่ยนให้มารีอูลีกลายเป็นคนยึดติดกับคำทำนายบ้าบอ

สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะไม่ทำตามที่มันต้องการและเลือกที่จะสนับสนุนการเสียสละตนของเด็กสาวผู้ฝืนโชคชะตาเพื่อปกป้องสิ่งที่เธออยากปกป้อง

ทาริตต้า: นี่ฉันตัดสินใจถูกหรือเปล่านะ? ที่ไม่เชื่อฟังลิขิตสวรรค์ ที่ไม่ยิงคุณ

วินเซนต์: ไม่ว่าแกตัดสินใจผิดหรือถูก ชั้นก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปตัดสิน อาจจะเคยได้ยินจนเบื่อหูแล้ว แต่ว่าความถูกต้องของการตัดสินใจน่ะ สามารถพิสูจน์ด้วยการกระทำทีหลังได้

ทาริตต้า: ฟังดูเหมือนไม่ใช่คำพูดของคุณเองเลยนะคะ

วินเซนต์: แน่อยู่แล้ว [ไอริสกับราชาแห่งหนาม] ไงล่ะ …อิงบทพูดมาจากผลงานดังน่ะ

. สักพักอัลกับมีเดียมก็ตามมาสมทบ ทั้งคู่รู้สึกกังขาว่ายอร์น่าจะยอมเข้าพวกกับวินเซนต์หรือเปล่า หลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

แต่วินเซนต์เห็นต่าง เพราะนครมารกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องที่เกิดขึ้นนี่แหละ ยอร์น่าจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นและวินเซนต์ก็จะใช้ประโยชน์จากกำลังพลของเธอ

อัลเห็นด้วยกับวินเซนต์ว่าต้องใช้ประโยชน์สิ่งที่มีอันน้อยนิดให้คุ้มค่า ทำให้เขากับมีเดียมมีปากเสียงกันเล็กน้อย

. อัลอยากเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เขาจึงมองไปยังหลุมบ่อที่เกิดขึ้นจากการระเบิด

อัล: เปลี่ยนมาคุยเรื่องพรรคพวกของเรากันบ้าง ――เรื่องพี่น้องน่ะ

มีเดียม: สุบารุจิน หายไปอยู่ที่ไหนกันนะ…

คำให้การของยอร์น่าและโอลบาร์ตทำให้เชื่อได้ยากว่าสุบารุยังไม่ตาย การเปิดประเด็นนี้ทำให้ทาริตต้าเริ่มลังเลว่าเป้าหมายตามคำทำนายของมารีอูลีคือสุบารุหรือวินเซนต์กันแน่

แต่วินเซนต์มองว่ายังไงสุบารุก็ตายไปแล้วแน่ๆ ไม่มีทางที่เขาจะรอดมาได้หลังถูกระเบิดไปพร้อมกับ [มหาภัยพิบัติ] ทาริตต้าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

อัล: พี่น้องน่ะยังมีชีวิตอยู่

มีเดียม: ――อัลจิน!

วินเซนต์: เจ้าตัวตลก แกเอาอะไรมามั่นใจว่าเจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่?

อัล: เหตุผลง่ายๆ เพราะว่า [นัตสึกิ สุบารุ] น่ะไม่ใช่คนที่จะมาตายเพราะอะไรแบบนั้นไงล่ะ อีกอย่างหนึ่ง…

วินเซนต์: อะไรอีกอย่าง?

อัล: ก็โลกยังไม่จบสิ้นลงเลยนี่ฟะ นั่นแหละเหตุผลของชั้นล่ะ

ทั้งมีเดียมและทาริตต้างงว่าอัลพูดถึงอะไร ส่วนวินเซนต์เหน็บอัลว่าไปเล่นเป็นตัวตลกให้พริสซิลล่าดูคนเดียวพอ

ทว่า สุดท้ายแล้ววินเซนต์ก็ชั่งใจใหม่ว่ามันยังเร็วไปที่ฟันธงว่าสุบารุตายแล้วจริงๆ

. อยู่ดีๆ วินเซนต์ออกเดินนำไป อีกสามคนเลยเดินตาม พอทั้งสี่เดินมาถึงหลุมระเบิด ก็พบว่ารุยยังคงพยายามขุดซากปรักหักพังเพื่อหาตัวสุบารุ

รุยขุดจนเปื้อนฝุ่นไปทั้งตัว แถมยังมีเลือดไหลออกมาจากเล็บมือที่หัก มีเดียมเข้าไปกอดรุยทันทีเพื่อปลอบให้เธอหยุด แต่เด็กสาวก็ไม่ยอมยั้งมือ

วินเซนต์: หยุดเสียดีกว่า ถึงจะพลิกหน้าดินหรือคุ้ยเศษซากอย่างไร ก็ไม่เจอสิ่งที่แกกำลังตามหาอยู่หรอก

รุย: อู… อาอู!

วินเซนต์กับรุยมีปากเสียงกัน แต่มีเดียมสัมผัสได้ว่าฝ่ายวินเซนต์มีแผนการในใจอยู่ว่าจะหาตัวสุบารุให้เจอได้อย่างไร

อัล: แล้วต้องทำยังไง? แผนการที่จะช่วยให้ตามหาตัวพี่น้องได้นี่ต้องทำอะไรบ้าง?

วินเซนต์: ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ก็แค่ต้องปล่อยข่าวลือออกไป

มีเดียม: ――

วินเซนต์: ――ว่า “บุตรชายนอกสมรสของวินเซนต์ วอลลาเคีย ไอ้มารหัวขนผมสีดำตาสีดำกำลังคิดที่จะแย่งชิงบัลลังก์จักรพรรดิของบิดาตนเองอยู่” ให้เป็นเหมือนเรื่อง [แท่นบั่นคอแห่งมากริซซ่า] ไปเลย

. [ณ วันเดียวกัน / เวลาเดียวกัน / แต่ต่างสถานที่]

สุบารุรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจมอยู่ในน้ำสีดำโดยที่แยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง แถมยังถูกปลาในน้ำมากัดตอดเป็นระยะๆ ด้วย

น้ำเข้าท่วมปอดจนสุบารุต้องสำลักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกเหมือนตัวเองหวิดตาย แต่ในที่สุด สุบารุก็ตะเกียกตะกายมาเกาะฝั่งได้สำเร็จ

ที่จริงแล้วสุบารุควรจะว่ายขึ้นฝั่งได้ง่ายกว่านี้ถ้าหากเขาใช้ทั้งสองมือ ทว่า มือข้างซ้ายของเขาไม่ว่างเพราะต้องอุ้ม “เด็กสาวมนุษย์กวาง” ที่สวมชุดกิโมโนเอาไว้

สุบารุถูกเขากวางทิ่มสีข้างและคอระหว่างทาง แถมเขายังจำใจต้องถอดกิโมโนของเด็กสาวออกบางส่วนเพื่อลดน้ำหนักอีก

. แต่แล้ว หลังจากที่เอาร่างของเด็กสาวกวางขึ้นฝั่งได้ สุบารุก็ดันหมดแรงพอดี แถมสติก็เริ่มหลุดลอย

เซซิลุส: ――โอ๊ะโอ อันตรายนะนั่น

ตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็คว้าข้อมือของสุบารุไว้และดึงเขาขึ้นมาจากน้ำ สุบารุพยายามมองหน้าอีกฝ่ายแต่สติเขาก็…

เซซิลุส: อา ไม่ไหวสินะ กำลังจะหมดสติใช่ไหมเนี่ย? แบบนี้มันเหลวเป๋วหน่อยไปนะ ถ้าจะก่อเรื่องล่ะก็ เปิดฉากให้มันอลังการกว่านี้หน่อยสิ

คนแปลกหน้าที่ยกสุบารุขึ้นมาใช้ฝ่ามือข้างที่ว่างบังตาเขาไว้ สุบารุจึงเห็นแค่เส้นลายมือของอีกฝ่ายซึ่งแลดูยาวเป็นพิเศษ

เซซิลุส: จะว่าไป ทำยังไงถึงได้ว่ายข้ามมาได้ล่ะครับเนี่ย! ผมบังเอิญเดินเล่นรับสายลมอยู่แถวนี้พอดี! แหมๆๆๆ ดีจังเลยนะครับ!

ก่อนที่จะสลบไสล สุบารุได้ยินเสียงกระดี๊กระด๊าของคนแปลกหน้า เป็นน้ำเสียงโหวกเหวกร่าเริงที่ดังคล้ายสายฟ้าฟาด

เซซิลุส: ――ทำไมถึงรู้สึกอย่างกับว่าเรื่องราวที่สุดยอดกำลังจะเริ่มขึ้นกันนะ?

นัตสึกิ สุบารุหมดสติลงหลังเอ่ยคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบออกไป

จบตอน