webnovel arc7 chapter61

บทที่ 7 ตอนที่ 61 "ยินดีต้อนรับสู่เกาะทาสดาบ!"

ระหว่างที่ติดอยู่ในเงามืดแห่งความสิ้นหวังที่ไร้ซึ่งอิสระ สุบารุก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาทางเงาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

เขาจึงยื่นมือเข้าไปหาเธอ ไม่ใช่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเด็กสาว แต่เพราะสุบารุรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องช่วยชีวิตของเธอเอาไว้

หลังได้สติกลับคืนมาอีกที สุบารุก็ตรวจสอบมือตัวเองเป็นอย่างแรก มันยังคงมีขนาดเล็กแบบมือของเด็ก แสดงว่าเขายังไม่กลับคืนร่าง

. สุบารุเอามือกุมหน้าแล้วพยายามนึกย้อนว่าเขามาตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร

เขาจำได้ว่าเล่นเกมวิ่งไล่จับสุดโหดหินกับโอลบาร์ตที่ปราสาทรูริแดงในเมืองเคออสเฟลม จำได้ว่าเกิดหายนะขึ้นหลังโอลบาร์ตพยายามคลายวิชา

แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงกระซิบบอกรักที่ซาบซ่านถึงดวงวิญญาณทุกอย่างมันก็เลือนลางไปหมด

สุบารุ: หลังเราสลบไป…แล้วไงต่อ? …แล้วไงต่อนะ?

เด็กชาย: เอาน่า ใจเย็นๆ ไม่ต้องตื่นตระหนกไป โชคยังดีที่นายรอดตัวมาได้ เพราะงั้นจะทำอะไรก็ไว้ค่อยรอหลังจากที่คุณหนูตัวน้อยที่มาด้วยกันตื่นก่อนก็ได้นะ

สุบารุ: เอ๋? …หวา!?

พอสุบารุหันไปตามเสียง เขาก็พบเด็กชายคนหนึ่งกำลังแสยะยิ้มกว้างพร้อมจ้องมองมาทางเขา

เด็กชาย: โอ๊ะโอ ก็ชอบปฏิกิริยาตอบรับนั้นอยู่หรอกนะ แต่แนะนำให้อย่าโหวกเหวกไปจะดีกว่า ถ้าเกิดเราส่งเสียงดังจนไปเตะตาพวกผู้ดูแลเข้า มีหวังได้เจอเรื่องวุ่นวายอย่างการโดนจับมาประลองกันถึงตายพอดีหรอก แต่ถึงจะว่างั้นก็เถอะ…

สุบารุ: …

เด็กชาย: อาจจะฟังดูไร้รสนิยม แต่ที่จริงผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรแบบนั้นหรอกนะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ

. สุบารุลุกขึ้นยืนแล้วจ้องสำรวจเด็กชายแปลกหน้า เขามีผมสีน้ำเงินรวบเป็นทรงหางม้า แถมยังสวมกิโมโนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งดูแปลกตาในจักรวรรดิ

สุบารุ: …นายเป็นใคร? แล้วที่นี่คือที่ไหน?

เด็กชาย: …อา วิเศษไปเลย! ถามได้ดี! กำลังรอคำถามนั้นอยู่เลยล่ะ!

เด็กชายแปลกหน้าออกอาการดี๊ด๊าตาส่องประกาย เขาจับมือสุบารุด้วยความปิติแล้วหมุนตัวหนึ่งรอบ

เด็กชาย: ผู้ข้ามทะเลสาบดำมาถึงเกาะแห่งนี้ “เกาะแห่งทาสดาบ กินุนไฮฟ์” เอ๋ย ผู้มีดวงตาไม่เป็นมิตรอันเปี่ยมไปด้วยลางสังหรณ์สุดแสนวิเศษเอ๋ย! จะขอตอบคำถามของนายให้เอง!

เด็กหนุ่มผมน้ำเงินกล่าวด้วยน้ำเสียงและท่าทางเว่อร์วังโดยไม่สนใจสุบารุราวกับว่าเขาเป็นนักแสดงบนเวทีที่กำลังห้อมล้อมไปด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง

เซซิลุส: ――เซซิลุส เซ็กมุนต์

เด็กหนุ่มแนะนำตัวพลางวางมือบนหน้าอกแล้วโค้งคำนับ นามของเขาทำให้สุบารุขมวดคิ้ว เนื่องจากว่าเคยได้ยินชื่อนั้นจากปากของวินเซนต์มาก่อน

เซซิลุส: ผมคือ “อัสนีสีฟ้า” แห่งจักรวรรดิวอลลาเคีย ――ดารานำแสดงเด่นของโลกใบนี้

สุบารุ: ――ยอดฝีมือสุดแกร่งแห่งวอลลาเคียเป็นเด็กงั้นเรอะ?

มันเป็นความจริงที่ยากจะยอมรับ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กกระโปกท่าทางน่ารำคาญตรงหน้าสุบารุคือ “เซซิลุส เซ็กมุนต์” แม่ทัพเทวะลำดับที่ 1

. วิชาหดร่างของโอลบาร์ตทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของสุบารุด้อยลง แต่กระนั้นเขาก็จำเป็นต้องฝืนคิดหาทางเดินหน้าต่อด้วยสมองแบบเด็ก

ประเด็นแรกก็คือ “เซซิลุส เซ็กมุนต์”

เท่าที่สุบารุนึกออก วินเซนต์กับซีคูร์ไม่เคยบอกอายุของเซซิลุสไว้ เขารู้แค่ว่าเซซิลุสเป็นพวกความนิยมต่ำ ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งที่สุด

แต่ถ้าหากว่าเจ้าเด็กคนนี้คือแม่ทัพเทวะลำดับ 1 จริงๆ มันก็สมเหตุสมผลที่พวกผู้ใหญ่คนอื่นอาจจะไม่ชอบขี้หน้าเขาด้วยความที่เป็นเด็ก

. สุบารุขอโทษเซซิลุสที่ทำตัวหยาบคายด้วยการมัวแต่ครุ่นคิดอยู่คนเดียว แต่เซซิลุสไม่ถือสาอะไร เขาสนใจแค่ว่าการแนะนำตัวก่อนหน้านี้อลังการดีไหม

แถมพอสุบารุพยายามจะถามคำถาม ฝ่ายเซซิลุสก็รัวคำถามสวนคืนไม่หยุดจนคุยกันไม่รู้เรื่อง

สุบารุ: ――ฟังที่พูดบ้างสิเฟ้ย!!

เซซิลุส: อ้าวๆ นี่ผมเผลอทำอะไรพลาดอีกแล้วสินะเนี่ย?

สุบารุ: สมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นเลเวลของเทมเพลตแบบนั้นเลยนะเนี่ย…

เซซิลุส: เล…เบล? เทม…เพรต?

สุบารุ: แบบว่า ตามภาษาบ้านเกิดของชั้นมันหมายถึง “ระดับ” กับ “มุกประจำ” น่ะ

เซซิลุส: โฮ่โฮ่ บ้านเกิดเหรอ! น่าสนใจดีนะ! แบบนี้ยิ่งอดใจไม่ให้ถามต่อไม่ได้แล้วสิ

. ท่าทางดี๊ด๊าของเซซิลุสทำให้สุบารุเคลือบแคลงใจว่านี่คือ “นิสัยปลอม” เพื่อหลอกศัตรูให้ตายใจหรือเปล่า แต่มันก็ดูจริงใจเกินไป

แถมการหลอกซื้อใจสุบารุมันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะตัวเขาในจักรวรรดิมีค่าแค่ตอนที่อยู่กับวินเซนต์ คนที่มุ่งหมายฆ่าสุบารุแบบไม่มีเหตุผลคงมีแค่ “ท็อดด์” เท่านั้น

สุบารุ: แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ไม่ต้องเจอหน้าเจ้าคนประหลาดนอกคอกอย่างหมอนั่นอีก

เซซิลุส: มีอะไรเหรอ?

สุบารุ: เปล่าหรอก แค่เรื่องกังวลส่วนตัว แล้วก็ชั้นชื่อนัตสึกิ สุบารุ… อ๊ะ

สุบารุรู้ตัวสายเกินไปเล็กน้อยว่าเขาเผลอแนะนำตัวด้วยชื่อจริง ทีแรกเขาตั้งใจว่าจะปกปิดตัวตนด้วยชื่อ “นัตสึมิ ชวาร์ซ” ไปตลอดแท้ๆ

เซซิลุส: นัตสึกิ สุบารุเหรอครับ? ชื่อแปลกดีนะ แต่ก็ฟังรื่นหูและเรียกถนัดดี ว่าแต่ระหว่าง “นัตสึกิ” กับ “สุบารุ” เนี่ย ท่อนไหนคือนามสกุลเหรอครับ?

สุบารุ: …นามสกุลคือนัตสึกิ ส่วนชื่อก็สุบารุ

เซซิลุส: ฮ่าฮ่า เข้าใจล่ะ ถ้างั้นขอเรียกว่าคุณสุบารุละกัน! แต่ถ้าเกิดนึกชื่อที่ดีกว่าออก จะขอเปลี่ยนตามใจเลยนะ

สุบารุโล่งใจที่เซซิลุสไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าหมอนี่ใช่เซซิลุส เซ็กมุนต์ตัวจริงแน่เหรอ

แต่ฝ่ายเซซิลุสเองก็หัวเราะชอบใจและบอกว่าเขาโดนถามอยู่บ่อยๆ เหมือนกันว่าใช่ “อัสนีสีฟ้า” ตัวจริงหรือเปล่า

เนื่องจากสุบารุก็ไม่ได้รู้จัก “เซซิลุส เซ็กมุนต์” เป็นการส่วนตัว เขาจึงไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเด็กชายคนนี้ใช่ตัวจริงไหมและเลือกปล่อยผ่านตามนั้นไปก่อน

. สุบารุตั้งข้อสังเกตว่าที่นอนในห้องนี้มีสภาพมักง่ายยิ่งกว่าเตียงของชนเผ่าชูดราคอีก มันเป็นแค่แท่นโง่ๆ ให้ขึ้นไปนอน

กำแพงห้องทั้งแห้งและเป็นรอย พื้นก็เปื้อนดินเช็ดไม่ออก แถมอากาศก็ชื้นจนไม่สบายตัว ที่นี่ให้บรรยากาศราวกับว่าเป็น “ห้องขัง” ก็ว่าได้

สุบารุ: เอ่อนี่ เซสซี่ ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?

เซซิลุส: เซสซี่! อะไรละนั่น หมายถึงผมเหรอครับ?

สุบารุ: ก็ยังไม่แน่ใจว่านายเป็นเซซิลุสตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่น่ะสิ…

ครั้นจะเรียกเด็กคนนี้ว่า “เซซิลุสชั่วคราว” ก็คงหยาบคายไป สุบารุเลยเลือกตั้งชื่อเล่นให้แทน ไหนๆ เขาก็มีท่าทางเป็นมิตร

สุบารุ: หมอนี่อาจจะเป็นคนที่ “เฟรนด์ลี่(Friendly)” ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในจักรวรรดิเลย… ไม่สิ ยังสู้ระดับคุณฟล็อปกับคุณมีเดียมไม่ได้ แต่ก็สูสีล่ะนะ

เซซิลุส: เซสซี่… เซสซี่งั้นเหรอ… เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีจัง! ฟังดูวิเศษไปเลย! พอมาคิดดูแล้วไม่เคยมีใครตั้งชื่อเล่นให้มาก่อนเลย ช่างน่าอิ่มเอมใจจริงๆ น้า

สุบารุ: ขอกลับเข้าเรื่องละกัน… ที่นี่ไม่ใช่เคออสเฟลมสินะ?

เซซิลุส: เคออสเฟลม…นครมารเหรอครับ? คนละที่กันเลยนะ ที่จริงสองที่นี้อยู่ตรงข้ามกันทางตะวันตกและตะวันออกของจักรวรรดิเลยล่ะ! อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ที่นี่คือเกาะทาสดาบกินุนไฮฟ์ครับ

สุบารุ: เกาะทาสดาบ?

. สุบารุไม่คุ้นหูชื่อเกาะ “กินุนไฮฟ์” แต่เขาเคยได้ยินว่าอัลเคยเป็น “ทาสดาบ” มาก่อนสักประมาณ 10 ปี แถมอัลน่าจะเสียแขนไปเพราะสถานที่ดังกล่าวอีกด้วย

สุบารุ: อย่าบอกนะว่า มันคือสถานที่จัด “เดธเกม (Death Game)”

เซซิลุส: เดส…เกม? คำศัพท์จากบ้านเกิดอีกแล้วเหรอครับ? หมายถึงอะไรน่ะครับ?

สุบารุ: …ก็ประมาณ “โคลอสเซียม” สถานที่ประลองกันแบบถึงตาย

เซซิลุส: อ้อ งี้นี่เอง! เข้าใจเร็วดีนี่นา! ถ้างั้นก็ที่นี่ก็คือ “สถานที่จัดเดสเกม” อย่างที่ว่าเลยครับ!

ผิดกับท่าทางดี๊ด๊าของเซซิลุส ฝ่ายสุบารุนั้นออกอาการตื่นตระหนกสุดขีด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงปลิวจากเคออสเฟลมมาโผล่ที่กินุนไฮฟ์ได้

. พอเห็นว่าสุบารุทำใจยอมรับสถานการณ์ไม่ได้ เซซิลุสจึงชี้ให้เขาลองมองออกไปนอกหน้าต่าง

สุบารุ: ――ทะเล…เหรอ?

เซซิลุส: ทะเลสาบครับ

สิ่งที่อยู่นอกเหนือวิวหน้าต่างคือทะเลสาบสีดำที่กว้างสุดลูกหูลูกตา

เซซิลุส: ทั้งเกาะนี้ล้อมรอบด้วยทะเลสาบครับ ทางเดียวที่จะข้ามฝั่งกลับไปได้คือต้อง “ยก” สะพานชักตัวเดียวที่มีอยู่ขึ้นมา มันคือป้อมปราการหรือคุกโดยธรรมชาติก็ว่าได้!

สุบารุทรุดเข่าลงด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซซิลุสถึงยังมีท่าทางร่าเริงอยู่ได้ในสถานการณ์นี้ จึงได้ถามออกไปตรงๆ ด้วยสมองแบบเด็กๆ

เซซิลุส: ก็เพราะว่า! รู้สึกได้เลยครับ ว่าองก์แรกใกล้จบแล้ว!

สุบารุ: องก์แรก?

เซซิลุส: ตัวผมที่ยังอ่อนด้อยถูกโยนเข้ามาใน “สถานที่จัดเดสเกม” แล้วต้องประลองแบบถึงตายท่ามกลางสายลมโลหิตอย่างน่าสังเวช! แล้วสายลมใหม่ที่นำพาลางสังหรณ์ที่แตกต่างจากกลิ่นเลือดก็พัดผ่านมา! แบบนั้นมันแปลว่าเนื้อเรื่องกำลังจะเข้าสู่องก์ต่อไปชัดๆ

สุบารุไม่อยากทำใจยอมรับ แต่ฟังจากสิ่งที่เซซิลุสพูดมาจนถึงตอนนี้ เขาก็สรุปได้เพียงอย่างเดียวว่า――

เซซิลุส: ไม่งั้นเรื่องราวมันจะน่าสนใจได้ไง ปล่อยให้ดารานำแสดงเด่นอยู่แต่นอกเวทีแบบนี้ก็เหมือนทำเนื้อเรื่องดีๆเสียหมดสิครับ!

――อัสนีสีฟ้าแห่งวอลลาเคียเป็นพวกเพี้ยนที่มโนว่าตัวเองเป็นพระเอกละคร

. เซซิลุสโม้ต่อไม่หยุดว่าเขาไปเจอสุบารุถูกซัดขึ้นฝั่งระหว่างที่เดินเล่น ราวกับว่านี่เป็น “พล็อตที่ถูกกำหนดไว้” ซึ่งสุบารุก็ไม่ได้ตั้งใจฟังนักและเลือกเดินสำรวจห้องแทน

เซซิลุส: แน่นอนว่าที่รอดมาจากสถานการณ์นั้นได้อาจจะเป็นเพราะว่าโลกเลือกนายเป็นลูกรักเหมือนกัน มาแสดงความโดดเด่นให้โลกเห็นกันเถอะ ซุบบ้า? …บาลรู? …เหอ?

สุบารุ: จริงหรือเปล่า ที่ก่อนหน้านี้นายบอกว่าชั้นไม่ได้มาคนเดียว?

เซซิลุส: เอ๊ะ? อา ใช่ครับ ขอบอกเลยว่าน่าชมเชยนะครับ เอาตัวรอดมาได้ไม่พอยังสามารถช่วยชีวิตคนที่มาด้วยกันได้อีก ต้องพึ่งทั้งโชคและความกล้าเลย …ท่าทางจะมีพรสวรรค์นะเนี่ย!

สุบารุ: จะพรสวรรค์หรือความกล้าอะไรก็ช่าง แล้วอีกคนที่ว่านี่เป็นใคร?

เซซิลุส: เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ะ อายุประมาณเดียวกับ “บัสซู” นั่นแหละ… โอ้! บทพูดตะกี้ใช้ได้เลยเนอะ?

ดูเหมือนว่าเซซิลุสจะตั้งชื่อเล่นให้สุบารุว่า “บัสซู” คืน หลังไปเรียกเขาว่า “เซสซี่” ก่อน แต่ใจความสำคัญที่สุบารุสนใจกว่าก็คือ…

สุบารุ: ――รุย

พอได้ยินว่าคนที่เขาช่วยขึ้นทะเลสาบมาเป็นเด็กสาวที่อายุพอๆกัน สุบารุก็นึกถึง “รุย อาร์เน็บ” ขึ้นมาเป็นคนแรก

เขายังมีเรื่องที่อยากถามรุยอีกมากมาย แถมถ้าหากมีพลังเทเลพอร์ตระยะสั้นของรุย นั่นอาจจะหนทางหลบหนีออกจากเกาะแยกเดี่ยวแห่งนี้อีกด้วย

. สุบารุ: ต้องรีบหนีออกจากเกาะนี้ให้เร็วที่สุด

เซซิลุส: ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวดีนะ แต่อุปสรรคขวางกั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ตามที่ผมได้ยินมา ในอดีตเคยมีแค่คนเดียวที่หลบหนีออกไปได้ เพราะงั้นถึงได้มีการตั้ง “กฎคำสาป” ขึ้นมา

สุบารุ: ถ้างั้นชั้นจะเป็นคนที่สองเอง ไม่สิ ถ้านับอีกคนที่จะหนีไปด้วยกันก็เป็นสามคน

เซซิลุสผิวปากอารมณ์ดีแล้วเดินนำทางไปตามโถงทางเดินก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีประตูไม้สภาพโทรมๆ

เซซิลุส: ที่นี่แหละ บัสซู

สุบารุ: ห้องอะไรเนี่ย?

เซซิลุส: ห้องรักษาน่ะครับ แต่ก็เป็นห้องรวมศพด้วย มีหลายคนที่ไม่ตายในสนามประลองแต่ดันมากลายเป็นศพที่นี่แทน

สุบารุ: ถะ…ถ้าเป็นห้องรักษา แล้วไหนผู้ใช้เวทรักษาล่ะ?

เซซิลุส: ผู้ใช้เวทรักษาเหรอ! ถ้าเป็น “ผู้รักษา” ก็มีอยู่หรอก แต่ไม่มีผู้ใช้เวทมนตร์ที่แสนล้ำค่าอยู่หรอกนะ ถ้ามีก็คงมีคนตายน้อยลง แต่นั่นไม่ใช่นโยบายของเจ้าของเกาะน่ะสิ

. พอเปิดประตูห้องเข้าไป กลิ่นเลือดและกลิ่นซากศพก็โชยอบอวล ในห้องมีอุปกรณ์รักษาแขวนตากแห้งเอาไว้ สภาพดูไม่ค่อยถูกสุขอนามัยเท่าไรนัก

สุบารุรุดหน้าเข้าไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงด้านในตามที่เซซิลุสชี้บอก โดยที่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นรุย อาร์เน็บ

ทว่า เด็กสาวที่หลับใหลอยู่กลับไม่ใช่ทั้งรุยหรือมีเดียมที่ถูกหดร่าง เธอมีผมสีฝ้ายลินินและมีเขากวางโดดเด่นอยู่บนศีรษะสองเขา

สุบารุ: ทะ…ทันซ่าเหรอ?

แน่นอนว่าสุบารุโทษเซซิลุสไม่ได้ เขาเป็นคนด่วนสรุปไปเองว่าเด็กสาวที่มาด้วยกันคือรุย

แต่เรื่องน่ากังวลใหม่ก็คือพวกวินเซนต์จะยอมไว้ชีวิตรุยไหม ถ้าได้รู้ว่ารุยคือบิชอปมหาบาป กระทั่งยอร์น่าก็อาจจะเปลี่ยนข้าง

สุบารุมุ่งมั่นที่จะพารุยกลับไปหาเรมให้ได้ ไม่ให้เธอเกลียดเขาไปมากกว่านี้ ทว่า สถานการณ์ปัจจุบันมันเกินความควบคุมของเขาไปเสียแล้ว

. ก่อนอื่นสุบารุต้องหาหนทางกลับไปยังเมืองเคออสเฟลม โดยเขาตั้งใจจะพาทันซ่ากลับไปด้วย เพื่อตอบแทนบุญคุณของยอร์น่า

สุบารุ: ถึงการหลบหนีมันจะยาก แต่ถ้าเกิดหาเรือได้หรือปล่อยสะพานชักลงอย่างที่นายว่าก่อนหน้านี้ได้…

เซซิลุส: “ยก” สะพานชักขึ้นครับ ส่วนนั้นยากก็จริงอยู่ แต่ปัญหามันคืออย่างอื่นครับ ปัญหาหลักก็คือกฎคำสาปครับ กฎคำสาปน่ะ

สุบารุ: กฎคำสาป?

เซซิลุส: ครับ บัญญัติลงอาคม หรือก็คือ “กฎคำสาป” มันคือกฎเหล็กที่บัญญัติโดยเจ้าของเกาะผู้ปกครองเกาะทาสดาบ ถ้าฝ่าฝืนก็ต้องตาย! ไม่ยอมปฏิบัติตามก็ต้องตาย! ต่อต้านก็ต้องตาย! ――คำสาปแห่งความตาย! ครอบคลุมไปทั้งเกาะเลยด้วยครับ

สุบารุ: …ถะ…ถ้างั้นก็ไม่มีใครหนีออกไปได้เลยเหรอ?

เซซิลุส: ถูกต้องครับ ไม่งั้นผมคงหนีออกไปตั้งนานแล้วแหละ ที่จริงสัตว์อสูรในทะเลสาบก็แกร่งเอาเรื่อง แต่ผมสามารถวิ่งบนน้ำได้ตามใจอยาก รู้ไหมครับนั่น? วิธีวิ่งบนน้ำน่ะ ต้องยกขาซ้ายขึ้นก่อนที่ขาขวาจะจมน่ะครับ…

ครั้นจะไปขอให้เจ้าของเกาะถอนคำสาปให้ เซซิลุสก็บอกว่าเสียเวลาเปล่า ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

. สรุปสถานการณ์อันบ้าบอในปัจจุบันคือ สุบารุมาติดอยู่สถานที่ที่ไม่รู้จักกับเด็กสาวที่แทบไม่รู้จัก แถมเด็กแปลกหน้าอีกคนมาบอกว่าเขาถูกสาปโดยคนที่ไม่รู้จักอีก

สุบารุ: …เออ ใช่ นั่นสิ! เซสซี่! นายเป็น “เก้าแม่ทัพเทวะ” ไม่ใช่เรอะ!?

เซซิลุส: โอ๋?

สุบารุ: ถ้างั้นก็น่าจะติดต่อกับคนข้างนอกได้นี่ เช่นว่า เด็กคนที่หลับอยู่นี่ หรือพวกเด็กที่อยู่กับคุณยอร์น่าที่เมืองเคออสเฟลม…

ก่อนหน้านี้สุบารุคิดว่าเซซิลุสเป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะ แต่ตอนนี้เขาจำใจต้องพึ่งพาตำแหน่งในฐานะแม่ทัพเทวะของเซซิลุสเสียแล้ว มันคือไอเดียเดียวที่สมองเด็กของสุบารุคิดได้

เซซิลุส: คืองี้นะครับ บัสซู

สุบารุ: อะ… อื้อ มีอะไร?

เซซิลุส: “เก้าแม่ทัพเทวะ” นี่มันคืออะไรเหรอครับ?

สุบารุ: เอ๋…?

เซซิลุสเอียงคอถามอย่างไร้เดียงสาต่อคำถามของสุบารุที่กำลังเขย่าไหล่ของเขา

เซซิลุส: ก็แบบว่า ที่จริงแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงมาโผล่ที่นี่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องรอปัจจัยอะไรสักอย่างที่จะทำให้เนื้อเรื่องเดินต่อ ปัจจัยที่ว่าอาจจะเป็นบัสซูก็ได้นะ

จบตอน