webnovel arc7 chapter63

บทที่ 7 ตอนที่ 63 "สปาร์ก้า"

ย้อนเวลาไปก่อนหน้าเล็กน้อย ตอนที่สุบารุถูกจับรวมกลุ่มกับชายแปลกหน้าอีกสามคน

มนุษย์กิ้งก่าเกร็ดสีเทาสวมเศษผ้าสกปรก ชายหัวโล้นตัวผอมที่มีรอยสักอยู่เต็มร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า และชายหนุ่มผมยาวสีสนิมผู้มีมาดกล้าแกร่ง

ทั้งสามประท้วงต่อกุสตาฟที่ให้เด็กอย่างสุบารุรวมกลุ่มกับพวกตน แถมยังจะเริ่ม “สปาร์ก้า” โดยที่มีสมาชิกแค่ 4 คนแทนที่จะเป็น 5 คนอย่างที่ตกลงไว้

กุสตาฟสั่งให้ทุกคนเงียบและบังคับให้เริ่ม “สปาร์ก้า” ทั้งที่มีแค่ 4 คน ตราบใดที่คนที่ 5 (ทันซ่า) ยังไม่ฟื้นจากห้องรักษา

อ้างอิงจากกุสตาฟ ผู้ชมของศึกนี้คือทาสดาบที่ประจำการอยู่ที่นี่อยู่แล้ว ดังนั้นนี่คือการทดสอบว่าทั้งสี่เหมาะสมจะเป็นทาสดาบหรือไม่

. ทีแรกสุบารุเข้าใจว่าทั้งสี่จะต้องต่อสู้กันเอง แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต้องรวมมือกันต่อสู้กับอะไรบางอย่าง

หนุ่มผมยาว: นี่แก ถึงมองผิวเผินจะเป็นแค่เด็กซอมซ่อ แต่พอมีความสามารถอะไรอยู่หรือเปล่า? ทักษะพิเศษ? เวทมนตร์? พอจะมีความแข็งแกร่งด้านไหนที่มีประโยชน์บ้างไหม?

สุบารุ: ทะ…ทักษะพิเศษที่มีประโยชน์เหรอ…

สุบารุได้แต่อ้ำอึ้งเพราะเขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้ยามขาดเบียทริซ แถมแส้ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้คล่องเหมือนตอนโตไหม

หนุ่มผมยาว: เป็นแค่เด็กธรรมดาจริงๆ เหรอเนี่ย? …เอาไงดีล่ะงี้?

มนุษย์กิ้งก่า: ฮิฮิฮิ มีเด็กในกลุ่ม แถมคนก็ไม่พอ มันจบแล้ว จบสิ้นแล้ว! ตาย-แหง-แก๋!

ชายหัวโล้น: ส่งเสียงดังทำไมวะ ไอ้เวรตัวเกร็ด ถ้าทำให้ข้าโกรธ เดี๋ยวปั๊ดเชือดทิ้งหรอก

หนุ่มผมยาว: หยุดเลย! ตีกันเองขึ้นมาจะได้อะไร! เข้าใจว่าเครียดกัน แต่ฟังก่อนสิ! ฉันน่ะเคยเป็นนักรบใต้อาณัติของชนชั้นสูงก่อนที่จะมาที่นี่! ขอแค่ทำตามที่ฉันสั่ง…

มนุษย์กิ้งก่า: หนวกหูโว้ย! เป็นนักรบเหรอ? แล้วไหงเอ็งถึงมาลงเอยที่นี่วะ! แสดงว่าแพ้แล้วถูกจับเป็นเชลยศึกล่ะสิ! ลางร้ายชิบหายเลยโว้ย!

ชายหัวโล้น: ไม่มีอะไรโง่ไปกว่าการฝากชีวิตไว้ในมือคนอื่นอีกแล้ว ชีวิตข้าไม่ยอมให้ใครมาบังคับเฟ้ย

หนุ่มผมยาว: ไอ้พวกเวรนี่!

ความไร้สามัคคีของเพื่อนรวมทีมทำให้สุบารุสัมผัสได้ถึงความชิบหายวายวอดตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าลานประลองเสียอีก

. ตัดกลับมาปัจจุบัน ชายทั้งสี่ถูกจับใส่ลานประลองทรงกลมที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ บริเวณที่นั่งคนดูมีเงาของทาสดาบบางส่วนจับตาดูทั้งสี่อย่างเงียบงัน

ตอนนั้นเองที่สัตว์อสูรหน้าตาคุ้นเคยก็ปรากฏออกมาจากรั้วกั้นสนามประลอง สุบารุนึกชื่อของมันไม่ออกโดยทันที แต่จำได้ว่าเด็กสาวผมเปียเคยพามันมาที่คฤหาสน์

สุบารุ: ไลอ้อน…?

หนุ่มผมยาว: ถ้าฆ่าเจ้านั่นไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก

มนุษย์กิ้งก่า: เวรเอ๊ย เฮงซวย ทำไมชั้นต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

หนุ่มผมยาว: เลิกบ่นก่อน! มาพยายามหาทางรอดให้เต็มที่ดีกว่า! ดูโน่นซิ!

ชายผมยาวชี้นิ้วไปยังฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของสนามประลองซึ่งอยู่เยื้องกับเจ้าสิงโตที่อยู่ตรงกลาง แต่ละฝั่งมีดาบปักอยู่บนพื้น นับรวมได้เป็นสองเล่ม

ทว่า ดาบเล่มซ้ายมันมีขนาดใหญ่จนไม่น่ามีใครในที่นี้นอกจากอุปราชกุสตาฟใช้ได้ เหลือเพียงแต่ดาบเล่มขวาที่น่าจะพอหวังพึ่งได้

. หนุ่มผมยาว: ตัวมันใหญ่แบบนั้น ทางเดียวคือต้องไปหยิบอาวุธมาแล้วเล็งไปที่ตาของเดรัจฉานทาสดาบ ต้องฆ่ามันด้วยการฟันผ่าสมองให้กระจาย นั่นคือทางเดียวที่พวกเราจะชนะได้

ชายหัวโล้น: …แกใช้ดาบเป็นเรอะ?

หนุ่มผมยาว: บอกไปแล้วนี่ ว่าฉันเคยเป็นนักรบมาก่อน ใช้ดาบเก่งกว่าพวกแกแน่ๆ

ทั้งสี่ตกลงแผนกันให้ชายผมยาวเป็นคนไปหยิบดาบเล่มขวามาใช้ ส่วนคนอื่นต้องคอยดึงความสนใจของเจ้าสิงโตเอาไว้

กุสตาฟ: ――เช่นนั้น ขอเริ่ม [สปาร์ก้า] ณ บัดนี้!!

ก่อนที่สุบารุจะทันได้ส่งเสียงหลอกล่อสัตว์อสูร ชายหัวโล้นก็เตะชายหนุ่มผมยาวจนล้มคว่ำแล้ววิ่งตรงไปหาดาบแทน

ส่วนเจ้ามนุษย์กิ้งก่าก็แตกตื่นวิ่งหนีไปซบกำแพงสนามแล้วเปลี่ยนสีเกร็ดให้เนียนไปกับสีกำแพง

คนหนึ่งหักหลักเพื่อน คนหนึ่งโดนเพื่อนซัดจนล้ม คนหนึ่งซ่อนตัว และอีกคนทำได้เพียงยืนสับสน นี่เป็นการเริ่มต้นที่ย่ำแย่เกินจะบรรยาย

ทว่า เจ้าสิงโตกลับยังไม่ยอมเคลื่อนไหวจากจุดที่ประจำอยู่เลย ทั้งที่มันมีโอกาสขย้ำพวกเขาทั้งสี่แท้ๆ

. ตอนนั้นเองที่สุบารุเริ่มเดาทางได้ว่าทำไมเจ้าสิงโตยังไม่ขยับ เขาจึงพยายามจะเตือนชายหัวโล้น แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว

สุบารุ: อย่าพึ่ง!

ชายหัวโล้น: ได้มาล่ะ เท่านี้ก็…

กิลตีราล: ――โฮก!

ทันทีที่ชายหัวโล้นหยิบดามเล่มขวาขึ้นมา กิลตีราลก็ตะปบเขาหัวขาดในพริบตาเดียว

สรุปคือกิลตีราลจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าที่ผู้เข้าร่วมสปาร์ก้าคนใดคนหนึ่งจะหยิบดาบขึ้นมา แล้วพวกสุบารุดันเร่งรีบไม่เข้าท่ากันเอง

กิลตีราล: ――กรร!!

มนุษย์กิ้งก่า: มันมาแล้ว มันมาแล้ว มันมาแล้วววว!!

หลังร่างไร้หัวของชายหัวโล้นล้มกระแทกพื้น เจ้าสิงโตก็คำรามตรงดิ่งไปที่กำแพงสนามประลองตรงที่มีคนแอบเนียนซ่อนตัวอยู่

มนุษย์กิ้งก่าที่แตกตื่นหนีไม่ทัน ร่างของเขาจึงถูกหัวของกิลตีราลกระแทกอัดกำแพงจนท่อนล่างแหลก เครื่องในทะลักออกมาจากปาก

. หนุ่มผมยาว: …อยู่ข้างหลังฉันไว้

เหลือผู้เข้าร่วมสปาร์ก้าแค่สองคน ชายผมยาวให้สุบารุมาหลบภัยด้านหลังเขา ราวกับจะแสดงเกียรติศักดิ์ศรีแห่งนักรบเป็นครั้งสุดท้าย

รุย มีเดียม ฟล็อป ทาริตต้า อัล อาเบล มิเซลด้า โฮลี่ อูตาคาตะ เรม

ระหว่างที่สุบารุหวนนึกถึงชื่อของเหล่ามิตรสหาย เจ้าสิงโตก็วิ่งตรงดิ่งเข้ามาหาทั้งสอง

หนุ่มผมยาว: ไม่เอา ไม่อยากตาย ไม่อยากตายเลย!!

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ชายผมยาวก็เขวี้ยงสุบารุไปหากิลตีราลที่วิ่งตรงเข้ามา สมองของสุบารุไม่มีเวลาได้ประมวลการถูกหักหลังแบบฉับพลันนี้ด้วยซ้ำ

ร่างของสัตว์อสูรปะทะเข้ากับร่างของสุบารุเต็มๆ ส่งผลให้กระดูกและเครื่องในของเขาถูกขยี้แหลก เหมือนถูกรถบรรทุกชน

ชายผมยาว: ช่วยด้วย! ฉันผิดไปแล้ว! มันแค่เรื่องโกหกทั้งเพ! ที่ว่าเป็นนักรบน่ะแค่โกหก! พาออกไปที! ช่วยพาออกไปที!!

ชายผมยาวร้องห่มร้องไห้ขอร้องกุสตาฟอย่างน่าสมเพช แต่สีหน้าของกุสตาฟก็ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

สุดท้ายกิลตีราลก็วิ่งตามมาตะปบกรงเล็บใส่ชายผมยาวเละจนเลือดสาดติดกำแพง เหมือนมีใครเอามะเขือเทศมาปาใส่

. เซซิลุส: ――ซู บัสซู ได้ยินไหม?

พอร่างของสุบารุกลิ้งหลุนๆ มาหยุดอยู่ที่หนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงเซซิลุสเรียกมาจากบนที่นั่งผู้ชม

เซซิลุส: ขอโทษทีนะ ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิดไปเอง ก็นึกว่าจะทำได้เหมือนอย่างคุณพ่อซะอีก ผมเนี่ยดูคนไม่เก่งเอาซะเลยนะครับ!

ถึงแม้สุบารุจะอยู่ในสภาพปางตาย ท่าทีชิวๆ ไม่ทุกข์ร้อนของเซซิลุสก็ไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย

ก่อนที่จะหมดลมหายใจ เซซิลุสถามสุบารุว่าเขามีอะไรอยากฝากไปบอกทันซ่าตอนที่เธอตื่นขึ้นมาไหม

สุบารุ: โค…

เซซิลุส: เอ๊ะ? อะไรนะครับ? บัสซู สั่งเสียทั้งทีช่วยพูดดังๆ หน่อยสิครับ! ถ้าสื่อสารผิดไปเดี๋ยวก็ได้เสียใจทีหลังหรอก

สุบารุ: โคตร…เกลียดเลย… จักรวรรดิ…บ้าอะไร…โคตรเกลียด…เลย

เซซิลุส: ――เอ เอ ได้สิ จะจำไปบอกต่อให้เองนะ บัสซู

สุบารุสาปแช่งจักรวรรดิเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะถูกเจ้ากิลตีราลเขมือบเข้าไปทั้งร่างโดยเริ่มจากส่วนหัว

Death Count: ??

. หนุ่มผมยาว: ถ้าฆ่าเจ้านั่นไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก

ประโยคดังกล่าวคือสิ่งแรกที่สุบารุได้ยินหลังกลับมายังจุดเซฟ ประสบการณ์ที่ร่างถูกชนเละแล้วถูกเคี้ยวทั้งเป็นทำให้เขาคงสติไว้แทบไม่อยู่

ชายผมยาวบ่นที่สุบารุออกอาการเหมือนเด็กแล้วชี้ให้อีกสองคนที่เหลือเห็นดาบสองเล่มที่ปักอยู่บนพื้นอีกครั้ง

ชายหัวโล้น: …แกใช้ดาบเป็นเรอะ?

หนุ่มผมยาว: บอกไปแล้วนี่ ว่าฉันเคยเป็นนักรบมาก่อน ใช้ดาบเก่งกว่าพวกแกแน่ๆ

สุบารุ: ――ขี้โม้

หนุ่มผมยาว: …ว่าไงนะ?

สุบารุ: นักรบอะไร โกหกทั้งเพ นายมันขี้โม้!

. สุบารุกับชายผมยาวมีปากเสียงกัน ชายหัวโล้นเองก็เริ่มกังขาชายผมยาวตาม แล้วในระหว่างนั้นมนุษย์กิ้งก่าก็ค่อยๆ ถอย เหมือนว่าเตรียมที่จะหนี

กุสตาฟ: ――เช่นนั้น ขอเริ่ม [สปาร์ก้า] ณ บัดนี้!!

เมื่อกุสตาฟประกาศเริ่มเกมอีกครั้ง หนุ่มผมยาวก็กัดนิ้วของชายหัวโล้นที่กุมคอเสื้อตนเองอยู่ขาดไปสองนิ้ว แล้วชิงโอกาสวิ่งไปหาดาบก่อนใคร

แต่พอหนุ่มผมยาวหยิบดาบเล่มเล็กขึ้นมา กิลตีราลก็ตะปบแขนสองข้างของเขาขาดทันที จากนั้นมันก็โหม่งชายแขนกุดซ้ำให้กระเด็นไปชนกำแพงสนามจนร่างเละ

เจ้าสิงโตพุ่งเข้าขวิดมนุษย์กิ้งก่าที่ซ่อนตัวอยู่บนกำแพงต่อ เกิดเป็นเหตุการณ์เดจาวู ตายแบบเดิมเป๊ะ สิ่งที่ต่างกันคือหนุ่มผมยาวสลับบทบาทกับชายหัวโล้นในลูปนี้

. ชายหัวโล้น: …ยังอยากมีชีวิตอยู่ไหม ไอ้หนู?

สุบารุ: เอ๋?

ชายหัวโล้น: ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ไปหยิบดาบมา …ข้าจะล่อเจ้าสัตว์ประหลาดให้เอง …แกไปหยิบดาบแล้วโยนมาให้ข้า

สุบารุ: ตะ…แต่ว่า…

ชายหัวโล้น: ถึงจะขาดไปสองนิ้ว ข้าก็ยังใช้ดาบได้ดีกว่าเด็กอย่างแกล่ะน่า

ถูกของชายหัวโล้น สุบารุในร่างเด็กไม่มีทางที่จะใช้ดาบได้ แค่ไปหยิบมายังน่าจะเป็นงานยากแล้วเลย แต่ถึงอย่างนั้น…

สุบารุ: ชั้นเอง ก็ไม่อยากจะยอมแพ้เหมือนกัน…

ชายหัวโล้น: …แกนี่ดีกว่าไอ้นักต้มตุ๋นกับไอ้ตาขาวนั่นเยอะเลย …ข้า “ไวซ์” นะ

สุบารุ: เอ๋?

ไวซ์: ชื่อของข้าไง ชวาร์ซ

. หลังแนะนำชื่อเขาเป็นครั้งแรก ไวซ์ก็ให้สัญญาณสุบารุวิ่งไปหยิบดาบ ซึ่งสุบารุต้องงัดนิ้วของหนุ่มผมยาวที่ยังคงกุมดาบอยู่ออกก่อน

สุบารุ: หลุดแล้ว!

ไวซ์: ชวาร์ซ!!

เสียงตะโกนเตือนของไวซ์ทำให้สุบารุหันไปเห็นกิลตีราลที่วิ่งตรงเข้ามาพร้อมอ้าปากเตรียมเขมือบเขา

สุบารุเลือกโยนดาบให้ไวซ์แล้วเตรียมใจที่จะโดนเจ้าสิงโตขย้ำตาย แต่ความตายกลับยังไม่มาถึงอย่างที่เขาคาดไว้

ไวซ์รับมาดาบมาฟันหลังสัตง์อสูร เจ้าสิงโตหยุดการโจมตีแล้วหันไปเล็งไวซ์แทน มันสวนกลับด้วยการถีบขาหลัง เท้ากีบของมันขยี้ศีรษะของไวซ์จนแหลก ดาบเล่มเล็กจึงหลุดมือตกอยู่บนพื้น

. จากนั้นกิลตีราลก็หันเหความสนใจกลับมายังสุบารุต่อ พอความตายใกล้เข้ามาหา เซซิลุสก็ตะโกนเรียกเขาจากที่นั่งคนดูอีกครั้ง

คราวนี้เซซิลุสถามว่าสุบารุมี “พลังแฝง” ที่จะตื่นขึ้นหลังพวกพ้องตาย อะไรแบบนั้นไหม

พอสุบารุปฎิเสธ เซซิลุสก็วกกลับไปถามคำสั่งเสียที่สุบารุอยากให้ฝากไปบอกทันซ่าเหมือนลูปก่อน

สุบารุ: เซสซี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ

เซซิลุส: ถามคำถามแทนที่จะสั่งเสียเหรอ? ของที่ระลึกหลังความตายรึไงนะ? นี่คงเป็นบททดสอบการเป็นดารานำแสดงเด่นว่าคำตอบของผมจะตรงกับที่บัสซูอยากรู้ไหม

สุบารุ: เจ้าไลอ้อนตัวนี้น่ะ ทำไมเมื่อกี้มันถึงไม่ฆ่าชั้น?

เซซิลุส: หืม ง่ายๆ เลย บัสซู ――แม้ว่าจะดุร้ายแค่ไหน สัตว์ก็ยังเป็นสัตว์ เพราะเป็นสัตว์ถึงได้ล่าด้วยสัญชาตญาณ สัญชาตญาณคือพลังแห่งการมีชีวิตอยู่ครับ

สุบารุ: …หมายความว่าไง?

เซซิลุส: ถ้าบัสซูเป็นเจ้าสัตว์ตัวนั้น จะเพ่งเล็งไปที่ใครก่อนล่ะ?

คำตอบเชิงปริศนานั้นทำให้สุบารุหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ทันทีที่เขาตีความมันออก เท้าหน้าของกิลตีราลก็กระทืบร่างของสุบารุจนแหลกเละ

Death Count: ??

. ชายผมยาว: ถ้าฆ่าเจ้านั่นไม่ได้ พวกเราก็ไม่มีทางรอดไปได้หรอก

มนุษย์กิ้งก่า: เวรเอ๊ย เฮงซวย ทำไมชั้นต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

ชายผมยาว: เลิกบ่นก่อน! มาพยายามหาทางรอดให้เต็มที่ดีกว่า! ดูโน่น――

ประสบการณ์นรก 10 วินาทีที่เหมือนเคออสเฟลมสอนอะไรอย่างหนึ่งให้สุบารุ นั่นคือการ “ใช้ทุกวินาทีให้มีค่า”

สุบารุ: ไวซ์! ถ่วงเวลาหมอนั่นไว้ที!

ไวซ์: ว่าไงนะ?

ท่ามกลางความสับสนของผู้เข้าร่วมสปาร์ก้าทั้งสาม สุบารุรีบวิ่งไปหยิบดาบฝั่งขวาขึ้นมาก่อนใคร

สุบารุ: ――ไลอ้อน! ดูซิว่าแกจะเล็งใคร!?

[เซซิลุส: ถ้าบัสซูเป็นเจ้าสัตว์ตัวนั้น จะเพ่งเล็งไปที่ใครก่อนล่ะ?]

เจ้ากิลตีราลประเมินว่าผู้ที่ถืออาวุธอยู่คือเป้าหมายที่อันตรายที่สุดและมุ่งหน้าเข้ามาหาสุบารุเป็นคนแรก โดยไม่สนว่าเขาจะเป็นแค่เด็กที่ไม่มีแรงเหวี่ยงดาบ

สุบารุได้คำตอบตามที่อยากรู้มาแล้ว ทว่า หลังจากนี้เขาจะต้องเผชิญกับความตายแสนโหดร้ายแบบสองลูปก่อนหน้าอีก

สุบารุ: ถึงจะเป็นเด็กก็อย่าหลงคิดว่าจะร้องห่มร้องไห้ยอมแพ้นะเฟ้ย!!

ถึงแม้จะมีพันธมิตรเป็นคนเจ้าเล่ห์ คนตาขาวและคนปลิ้นปล้อนที่ไม่น่าพึ่งพา สุบารุก็มุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันลูป “สปาร์ก้า” นี้ไปให้ได้

ลูปที่ 3 บนสนามประลองของนัตสึกิ สุบารุ จบลงด้วยการที่เขาถูกกรงเล็บของเจ้าสิงโตหวดจนเละ

Death Counts: ??

จบตอน