“วิชาหดร่าง” ของโอลบาร์ต ดันคลูเคน เป็นการแทรกแซงโอโดเพื่อบังคับให้ร่างกายเติบโตย้อนกลับ
ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเป็นเพียงภาชนะของโอโด มันจึงเปลี่ยนแปลงไปตามสถานะของโอโดด้วย
โอลบาร์ตไม่รู้ว่าทำไมชิโนบิในอดีตถึงคิดค้นวิชานี้ขึ้นมา ตัวเขาเองไม่ค่อยเข้าใจหลักการด้วยซ้ำว่าทำไมจิตใจถึงย้อนวัยตามร่างกายไปด้วย
สิ่งเดียวที่โอลบาร์ตสนใจก็คือวิชานี้มันช่วยให้ฆ่าเหยื่อได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง
. มนุษย์กิ้งก่า: เวรเอ๊ย เฮงซวย ทำไมชั้นต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!
“หนวกหูน่า ไอ้โง่ ไม่มีใครอยากฟังแกบ่นหรอก”
หนุ่มผมยาว: บอกไปแล้วนี่ ว่าฉันเคยเป็นนักรบมาก่อน ใช้ดาบเก่งกว่าพวกแกแน่ๆ
“หนวกหูน่า ไอ้โง่ รู้แล้วว่าแค่โม้ แกเป็นแค่พวกต้มตุ๋น”
ไวซ์: บอกไปแล้วนี่ ว่าไม่คิดจะฝากชีวิตตัวเองไว้ในมือคนอื่นหรอก
“หนวกหูน่า เจ้าโง่ ตัวคนเดียวนายไม่รอดหรอก ดูสถานการณ์ให้ดีหน่อยสิ”
ความโกรธเคืองจากวนลูปซ้ำหลายรอบเริ่มก่อขึ้นในหัวของสุบารุ เพื่อที่จะฝ่าฟันลูปนี้ เขาจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มี
สุบารุ: ไวซ์ เอานี่ไป! มันจะเล็งโจมตีคนที่ถือดาบก่อน!
ไวซ์: อะ…ไอ้หนู…!
ในหมู่สหายทั้งสาม ไวซ์เป็นคนเดียวที่ตามทันสถานการณ์ที่สุบารุอยากจะสื่อ ดาบเล่มที่ไวซ์รับต่อมานี้ไม่ใช่อาวุธที่จะปราบกิลตีราล
แต่เป็น “เหยื่อล่อ” ที่จะต้องส่งสลับกันไปมาระหว่างผู้เข้าร่วมสปาร์ก้า ปัญหาคือจะทำยังไงต่อในสถานการณ์นี้
หนุ่มผมยาว: อะ…เอาดาบมา! ฉันจะสู้กับเจ้าทาสดาบเดรัจฉานเอง…
หากปล่อยเอาไว้ ไวซ์กับหนุ่มผมยาวก็จะมัวทะเลาะกันจนถูกเจ้าสิงโตฆ่าตายทั้งคู่ สุบารุจึงเดินหมากก้าวต่อไป
สุบารุ: เฮียอิน! ข้างหลังนาย!
เฮียอิน: ขะ…ข้างหลังเรอะ!?
มนุษย์กิ้งก่า “เฮียอิน” จอมขี้กลัวหันหลังไปดูตามเสียงเรียกสุบารุเลยเผลอสะบัดหางฟาดหนุ่มผมยาวจนล้มลง เขาจึงแย่งดาบของไวซ์ไม่สำเร็จ
สุบารุ: ก้มลง!
ไวซ์: ชิ!
ไวซ์ยอมก้มตามที่สุบารุบอก ดาบเลยกระเด็นหลุดมือเขา แล้วเฮียอินก็รับดาบได้พอดี นั่นทำให้กิลตีราลเปลี่ยนเป้าหมายมาเล็งเขาต่อ
เฮียอิน: ว้ากกกกก!!
ระหว่างที่เฮียอินวิ่งหนี สุบารุรีบวิ่งไปหา “คันโยก” ที่ขอบสนามประลอง เขากระโดดจับคันโยกแล้วใช้น้ำหนักตัวดึงมันลงได้สำเร็จ
. นี่คือลูปแรกที่สุบารุได้ลองดึงคันโยกนี้ ผลลัพธ์ทำให้เกิดเสียงดังและการสั่นสะเทือน ให้ความรู้สึกคล้ายว่ากลไกบางอย่างที่อยู่ใต้สนามประลองกำลังทำงาน
จากนั้นก็มีรั้วเหล็กโผล่ขึ้นมาจากกลางสนาม แบ่งครึ่งลานประลองทรงกลมออกเป็นสองฝั่ง ถ้าหากใช้ให้ดีมันอาจจะสามารถขังแยกกิลตีราลไว้อีกฝั่งได้
ทว่า ในรอบนี้สุบารุกะพลาด รั้วเหล็กขังสุบารุไว้ในครึ่งเดียวกับที่เจ้าสิงโตอยู่ พร้อมกับหนุ่มผมยาวที่ดวงซวยถูกรั้วเสยจนนอนจุก
กิลตีราลที่เขมือบเฮียอินเข้าไปแล้วไม่รอช้า มันกระทืบศีรษะของหนุ่มผมยาวที่ล้มอยู่จนตายคาที่ต่อทันที
ทาสดาบเดรัจฉานพยายามหาทางข้ามฝั่งไปหาไวซ์ที่ถือดาบอยู่ในมือ แต่เมื่อทำไม่สำเร็จมันก็หันเหความสนใจกลับมาหาสุบารุที่ติดอยู่ฝั่งเดียวกันแทน
ไวซ์: ชวาร์ซ!!
สุบารุ: ――รอบต่อไป!
กรงเล็บของกิลตีราลฉีกร่างของสุบารุขาดเป็นสองท่อนทำให้เขาสิ้นใจโดยทันที
Death Counts: ??
. สุบารุ: อิโดร่า! รั้วกั้นไม่อยู่หรอก! ดาบอยู่ไหน!?
อิโดร่า: ดึงไม่ออก! มันหนักเกิน! ทำยังไงก็ไม่ขยับเลย!
หนุ่มผมยาว “อิโดร่า” พยายามดึงดาบเล่มใหญ่ที่ปักอยู่บนพื้น ในระหว่างที่กิลตีราลกำลังพังรั้วโลหะเพื่อข้ามมายังฝั่งนี้
หลังวนลูปซ้ำมาหลายรอบ สุบารุพบว่ากิมมิคของลานประลองแห่งนี้ มีแค่คันโยกเปิดรั้วโลหะตรงกลางกับดาบสองเล่ม แต่ดูเหมือนว่าดาบเล่มใหญ่จะไม่เวิร์ค
อิโดร่า: หนุ่มน้อย! เอาไงดี!?
สุบารุ: อย่าไปกลัวมัน! นายเป็นผู้สืบทอดของคุณพ่อที่น่านับถือไม่ใช่เหรอ!?
อิโดร่า: ชะ…ใช่แล้ว! ฉันน่ะ ไม่ยอมปอดแหกหรอก!
อิโดร่าไม่ใช่นักรบอย่างที่โม้ เขาเป็นเพียงคนที่ติดหนี้จนหมดตัวเลยกลายเป็นทาสและถูกส่งมาที่เกาะนี้
แต่เดิมทีสาเหตุที่ติดหนี้ก็เพราะอิโดร่าต้องการปกป้องธุรกิจโรงโม่ที่เขารับช่วงต่อมาจากคุณพ่อ
. ในลูปนี้ไวซ์กับเฮียอินตายไปก่อนแล้ว อิโดร่ากับสุบารุที่เหลืออยู่จึงพยายามช่วยกันออกแรงผลักดาบเล่มใหญ่ นี่ถือเป็นลูปแรกเลยที่อิโดร่าไม่ได้ทิ้งสุบารุ
กิลตีราล: โฮก!!
สุบารุ: อิโดร่า มันมาแล้ว!
อิโดร่า: รู้แล้วน่า!
เมื่อกิลตีราลพังรั้วข้ามฝั่งมาได้ ทั้งสองก็ยกดาบเล่มใหญ่ออกจากพื้นได้พอดี อิโดร่ากับสุบารุจึงช่วยกันประคองดาบใหญ่แล้วหันปลายไปทางเจ้าสิงโต
สุบารุ: ลุยเลย!!
อิโดร่า: โอ้วววว!!
อิโดร่าเหวี่ยงดาบเล็งไปทางใบหน้าของเจ้าสิงโต ถ้าหากฟันโดนอาจจะเพียงพอในการล้มมันได้
ทว่า กิลตีราลก็ตะปบเบี่ยงวิถีของดาบใหญ่ให้กระดอนกลับไปได้ง่ายๆ โมเมนตั้มของแรงปะทะส่งผลให้สุบารุกับอิโดร่ากระเด็นไปอัดกำแพงอย่างรุนแรง
เลือดและเศษเนื้อของมนุษย์สองคนสาดติดกำแพงสนามประลอง ปนกันจนแยกไม่ออก
สุบารุ: …ต่อไป
Death Counts: ??
. ไวซ์จำเป็นต้องลักขโมยเพราะเขาไม่มีอาหารกิน แถมยังชอบวางก้ามหยาบคายเผื่อหลีกเลี่ยงการถูกเพ่งเล็งจากคนอันตราย
ความสามารถเปลี่ยนสีเพื่อพลางตัวของเฮียอิน ทำให้เขาถูกเพื่อนหักหลังด้วยการหลอกใช้เป็นนกต่อจนตกเป็นทาส นั่นทำให้เฮียอินกลายเป็นคนขี้ขลาด
อิโดร่าถูกคนที่ไว้ใจหลอกใช้และยึดเอาธุรกิจครอบครัวไป การตกเป็นทาสทำให้เขาเริ่มปลูกฝังนิสัยหลอกลวงผู้อื่นให้แก่ตนเอง
สุบารุจะร่วมมือกับพรรคพวกสามคนนี้และฝ่าฟัน “สปาร์ก้า” ไปให้จงได้
“ต่อไป! ต่อไป ต่อ!! รอบต่อไป! รอบหน้านี่แหละ… ต่อไป! ไปต่อรอบหน้า! ต่อ! รอบหน้า… ――รอบหน้านี่แหละ รอบต่อปายยย!!”
ไวซ์ เฮียอิน อิโดร่า และสุบารุ ตายวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าหาทางฝ่าฟันอุปสรรคไปไม่ได้เสียที
เซซิลุส: บัสซู มีอะไรอยากฝากไปบอกเพื่อนคนที่หลับอยู่ไหม?
สุบารุ: ――รอบต่อไป!!
แม้ว่าจะถูกเขี้ยวเล็บของสัตว์อสูรกระซวกซ้ำแล้วซ้ำเล่า นัตสึกิ สุบารุกลับไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเขาจะพ่ายแพ้ในศึกนี้
. ถึงแม้ว่าวิชาหดร่างของโอลบาร์ตจะส่งผลต่อสภาพจิตใจ แต่ผู้ที่มีความมุ่งมั่นไม่แปรเปลี่ยนจะได้รับผลเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เช่นเดียวกับจิตใจที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของสุบารุในสถานการณ์ตอนนี้
สุบารุ: ต่อไป
การที่ร่างกายของสุบารุถูกย้อนเป็นวัยสิบขวบ ส่งผลให้จิตใจของเขาย้อนวัยกลับไปเป็น “เด็กหัวกะทิ” ในสมัยนั้นตามไปด้วย
สุบารุในวัยสิบขวบเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง คิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง เขาเป็นหัวโจกของกลุ่มเด็กที่เพื่อนๆ ให้ความเคารพนับถือ
ผิดกับตอนโตเป็นวัยรุ่นที่ความมั่นใจของเขาหดหายไปหลังจากที่สุบารุไม่ได้เป็นเด็กที่เก่งไปทุกเรื่องเหมือนกับคุณพ่ออีกแล้ว
สุบารุ: ต่อไป
สรุปก็คือสุบารุที่ถูกย้อนวัย มีร่างกายอ่อนแอลง แต่กลับมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น เขากลับมาเป็น “เด็กหัวกะทิ” ที่ไม่เคยยอมแพ้และคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก
[เพื่อนบ้าน: ――สมกับที่เป็นลูกของคนๆ นั้นจริงๆ นะ]
ประโยคนั้นเคยเป็น “วาจาสิทธิ์” ที่เกื้อหนุนสุบารุในวัยเด็ก มันมอบความเชื่อมั่นให้กับเขา ว่าตัวเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกับคุณพ่อ
สุบารุ: ต่อไป
นัตสึกิ สุบารุที่อยู่ในโหมดจิตใจกล้าแกร่งที่สุดตั้งแต่มาถึงต่างโลก กำลังก้าวไปเป็นผู้พิชิตแห่งเกาะกินุนไฮฟ์
. กุสตาฟและเหล่าทาสดาบจดจ้องภาพอันน่าเหลือเชื่ออยู่บนที่นั่งผู้ชมของลานประลองอย่างเงียบงัน
สุบารุ: ไวซ์! อิโดร่า! แยกกันไปซ้ายขวา! เฮียอิน เข้าใจนะว่ากลัวแต่ห้ามหนีเด็ดขาด! หยิบดาบขึ้นมาล่อมันแล้วโยนต่อ!
เซซิลุส: ฮ่าฮ่าฮ่า! สุดยอดๆ! พยายามเต็มที่เลยนะครับเนี่ย บัสซู!
ผู้เข้าร่วมประลองทั้ง 4 หลอกล่อและหลบหลีกการโจมตีของทาสดาบเดรัจฉานได้หวุดหวิดแบบต่อเนื่อง ภายใต้การบัญชาสนามรบของเด็กน้อยสุบารุ
สุบารุ: เฮียอิน! โยนดาบให้ไวซ์ แล้วไปหาอิโดร่า!
เฮียอิน: บ้าเอ๊ย! ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยโว้ย!!
ถึงปากจะบ่นแต่เฮียอินก็เขวี้ยงดาบเล่มเล็กในมือให้สหายแล้ววิ่งสี่ขาไปรวมตัวกับอิโดร่าตรงที่ดาบเล่มใหญ่ปักอยู่
สัตว์อสูรที่เปลี่ยนเป้าหมายกะทันหันมาหยุดอยู่บริเวณกลางสนาม แถมพวกพ้องของสุบารุก็เข้าประจำที่อย่างที่เขาหวังไว้พอดี
สุบารุ: ไวซ์ เตรียมพร้อม!! อิโดร่ากับเฮียอินด้วยนะ!
ไวซ์ชูดาบเล่มเล็กขึ้นมาประจันหน้ากับกิลตีราล เฮียอินและอิโดร่าช่วยกันดึงดาบใหญ่ ส่วนสุบารุก็รีบวิ่งไปสับคันโยกที่ขอบสนาม
. สุบารุ: ไปเลย!!
ไวซ์กล้าหาญที่สุดในสามคน เขาจึงเหมาะรับหน้าที่ยืนประจันหน้าที่สุด ก่อนที่กิลตีราลจะทันเขมือบไวซ์ รั้วโลหะก็พุ่งเสยใต้คางของมันก่อน
เจ้าสิงโตที่นอนคอพาดรั้วโลหะพยายามจะตั้งตัวขึ้นมาใหม่ แต่สุบารุก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นพลาดไป เขาสั่งให้อิโดร่ากับเฮียอินช่วยกันแบกดาบใหญ่ไปซ้ำทันที
ชายทั้งสองฟันดาบใหญ่ใส่คอของกิลตีราลที่พาดรั้วโลหะอยู่ แล้วกดทับด้วยน้ำหนักตัวจนคมดาบเฉือนคอลงไปลึก
เฮียอิน: ตายซะ ตายซะตายไปซ้า!!
อิโดร่า: จบสิ้นสักที!!
กิลตีราล: โฮก!
ทว่า กิลตีราลยังไม่สิ้นท่าแค่นั้น มันใช้กรงเล็บขาที่ว่างหวดอิโดร่ากับเฮียอินจนกระเด็น สุบารุเลยรีบวิ่งไปกดทับน้ำหนักต่อ
เจ้าสิงโตพยายามจะตะปบสุบารุอีกคน แต่ไวซ์ก็รีบวิ่งเข้ามาปักดาบเสียบอุ้งเท้าของมันไว้ได้ก่อน อิโดร่ากับเฮียอินเองก็รีบลุกกลับมาสมทบเพื่อช่วยสุบารุกดดาบต่อ
. ทันใดนั้นกิลตีราลก็สามารถสะบัดร่างเพื่อเขย่าพวกสุบารุให้ล้มลงกับพื้นได้ พวกเขาทั้งสี่ล้วนแต่ใช้พละกำลังไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรมาเผด็จศึกเจ้าสิงโตเลย
สุบารุ: บ้าเอ๊ย…รอบต่อ…
ทันซ่า: ――ขอประธานอภัยนะคะ
ในชั่วพริบตาต่อมา เด็กสาวคนหนึ่งก็ร่วงลงมาจากฟ้า เธอเหยียบซ้ำไปที่ดาบใหญ่ที่ปักคาคอของสัตว์อสูร ส่งผลให้เจ้ากิลตีราลคอขาดกระเด็น
เด็กสาว “ทันซ่า” ยังคงสับสนว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่กระนั้นเธอก็ช่วยเผด็จศึกเจ้าทาสดาบเดรัจฉานให้พวกสุบารุในฐานะสมาชิกคนที่ 5 ได้อย่างฉิวเฉียด
กุสตาฟ: ――พอแค่นั้นแหละ! ยินดีด้วยที่รอดชีวิตมาจาก “สปาร์ก้า” ได้!! ด้วยอำนาจของกระผม ขอยอมรับท่านทั้งหลายเป็นสมาชิกแห่งเกาะทาสดาบ!
ทาสดาบ 1: ทำได้ดีมาก!
ทาสดาบ 2: สุดยอดไปเลย!
ทาสดาบ 3: ไม่เลวเลยนี่ เจ้าเปี๊ยก!
หลังกุสตาฟประกาศว่าพวกสุบารุผ่านการทดสอบ เหล่าทาสดาบที่ชมแบบเงียบๆ อยู่นานก็ร่วมโห่ร้องยินดีกับผู้เข้าร่วมทั้ง 5
ทันซ่า: ขอโทษนะคะ นี่คุณคือ?
สุบารุ: ตอนนี้ขอให้เรียกชั้นว่า “นัตสึกิ ชวาร์ซ” ไปก่อน ยินดีที่ได้รู้จัก มีเรื่องอยากจะคุยอยู่เยอะเลย แต่ว่า…
ทันซ่า: แต่อะไรคะ?
สุบารุ: …ขอพักก่อนก็แล้วกัน …ถือว่าขอล่ะ อยากนอนสักหน่อย
หลังเหน็ดเหนื่อยมาอย่างยาวนาน ในที่สุดสุบารุก็จมลงสู่ห้วงนิทราด้วยการหงายหลังนอนกองบนลานประลอง
. ตัดไปยังฝั่งที่นั่งคนดู กุสตาฟรู้สึกทึ่งที่เซซิลุสกล้าเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันว่าสุบารุกับทันซ่าจะไม่ไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน แลกกับการที่กุสตาฟยอมอนุญาตให้ทั้งสองขึ้นฝั่ง
ในช่วงท้ายของการทดสอบ เซซิลุสเป็นคนไปพาตัวทันซ่ากลับมาช่วยพวกสุบารุเอง เพราะตามหลักแล้วเธอคือผู้เข้ารับการทดสอบคนที่ 5 ของกลุ่ม
หลังเถียงกับเซซิลุสเรื่องการแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิวินเซนต์ กุสตาฟก็ชำเลืองมองไปยังเหล่าทาสดาบหน้าใหม่ที่กำลังถูกนำตัวไปรักษา
ในบรรดา 5 คน กุสตาฟประทับใจชวาร์ซ(สุบารุ)เป็นพิเศษ เขาสามารถประเมินทั้งสนามประลอง มิตรและศัตรูได้อย่างเฉียบขาดตลอดการทดสอบ
เซซิลุส: เห็นไหมล่ะ รู้สึกได้เลยว่ามหากาพย์สุดยิ่งใหญ่กำลังเริ่มขึ้นว่าไหม?
จบตอน