สิ่งที่สุบารุกลัวที่สุดกลายเป็นความจริงขึ้นมา จุดเซฟอัปเดตจนกลายเป็นว่าเขาไม่อาจช่วยชีวิตของพวกพ้องได้อย่างถาวร
สุบารุ: ว้ากกกกกก!!
ทันซ่ารั้งสุบารุไม่ให้วิ่งไปหาร่างที่นอนจมกองเลือด แล้วในพริบตาต่อมา กบสีเทาก็ร่วงลงมาทับร่างของไวส์แล้วทะลุพื้นจนร่วงลงไปชั้นล่าง
สุบารุ: ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ ม่ายยยย!!
ทันซ่า: ท่านชวาร์ซ!?
สุบารุผลักแขนของทันซ่าออก แล้ววิ่งไปทางไวส์ เขาคิดว่ายังช่วยทันอยู่ ต้องไปช่วยไวส์ พันแผลให้เขา แล้วพาไปห้องรักษา ต้องมีสักทาง…มันต้องมีสักทางสิ…
สุบารุ: ยังช่วยได้――
ท็อดด์: จิตใจบอบบางกว่าที่คิดนะเนี่ย
ขวานเปื้อนเลือดของท็อดด์ก็จามสุบารุหัวขาดอย่างง่ายดาย กระทั่งในวาระสุดท้ายร่างไร้หัวของเขาก็ยังพยายามวิ่งไปช่วยไวส์
× × ×
สติของสุบารุหมุนวนเหมือนศีรษะที่ลอยเคว้งกลางอากาศในลูปก่อนหน้า แล้วพอเขาตั้งสติกลับมาได้ ภาพแรกที่เห็นก็คือไวส์ในสภาพแขนซ้ายเละและมีมีดเสียบตาขวาอยู่
ไวส์: เป็นครั้งแรกเลย… ที่มีคนเชื่อมั่น… ในตัวข้า…
สุบารุ: ว้ากกกกก!!
ความเป็นจริงที่โหดร้ายซ้ำเติมสุบารุจนดวงวิญญาณของเขาบอบช้ำ
. ช่วงที่สุบารุกับเฮียอินไปดักฟังท็อดด์ที่ห้องทำงานของกุสตาฟ ทั้งสองพลาดตายไปเยอะกว่าจะหาทางดักฟังบทสนทนาสำคัญจนจบได้
นั่นทำให้จุดเซฟของอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” ที่อยู่ในสภาพผิดปกติเลื่อนกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ
สุดท้ายจุดเซฟมันก็เลื่อนมาถึงตอนที่สุบารุกับเฮียอินอยู่ในห้องทำงานของกุสตาฟแล้ว นั่นทำให้สุบารุถอยหลังกลับจากแผนนี้ไม่ได้อีก
สุบารุที่จมอยู่ในความสิ้นหวังกังวฃว่าจุดเซฟอาจจะเลื่อนไปถึงจุดที่แก้ไขการสังหารหมู่ไม่ได้อีก
เพราะงั้นตอนที่กุสตาฟถูกอาราเคียฆ่าตาย สุบารุตั้งใจที่จะไม่ตายอีก เพราะเขากลัวว่าจุดเซฟจะเลื่อนเป็นหลังกุสตาฟตาย
สุบารุโทษตัวเองอยากหนักว่าถ้าหากเขาตายแล้วปล่อยให้จุดเซฟเลื่อนจนช่วยเหลือใครไม่ได้ นั่นก็คือความผิดของตัวเขาเอง
――นัตสึกิ สุบารุคือคนที่ฆ่าพวกเขาเหล่านั้นเอง
สถานการณ์อันสิ้นหวังทำให้สุบารุสติหลุดลอยจนละเมอเพ้อพก หลงคิดว่าการที่เขาไม่ตาย จะทำให้ตัวเองสามารถรักษาชีวิตของพวกพ้องที่ถูกฆ่าตายไปได้
. สุบารุ “ตายแล้วกลับมา” อีกไม่รู้กี่ครั้ง จนตอนนี้จุดเซฟเลื่อนมาถึงตอนที่ทันซ่าถูกท็อดด์เหวี่ยงออกไปทางรูกำแพงเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้สุบารุไม่สามารถแก้ไขความตายของไวส์และการที่ทันซ่าถูกท็อดด์เขวี้ยงทิ้งได้อีกต่อไป
ท็อดด์: ถ้าปล่อยให้หายไปต่อหน้าต่อตาก็แย่น่ะสิ
เฮียอิน: ชวาร์――
แล้วในลูปนี้สุบารุก็ไม่ได้ช่วยอิโดร่าไว้ เขาจึงโดนขวานผ่าหัวแยกไปก่อน แล้วท็อดด์ก็ไม่ลังเลที่จะสังหารเฮียอินต่อทันที
ท็อดด์: ตกลงว่าเรื่องจริงเป็นยังไงกันแน่?
สุบารุ: “นายน่ะ ใช่ลูกชายขององค์จักรพรรดิจริงๆ รึเปล่า?”
ท็อดด์: …อย่าอ่านใจคนอื่นว่าคิดจะพูดอะไรสิ
สุบารุถูกท็อดด์ถามคำถามนั้นมาหลายครั้ง จนครั้งนี้ตัวเขาในสภาพสติหลุดลอยเลือกกวนตีนกลับ แต่ดูเหมือนว่าท็อดด์ก็ไม่ได้โมโหนัก
สุบารุ: ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าขยับ
สุบารุหยิบเอาลูกแก้วสีดำซึ่งเป็นอุปกรณ์ไสยเวทสำหรับเปิดใช้งานกฎคำสาปออกมาขู่ บางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะทำให้ท็อดด์ยอมฟังได้
สุบารุ: นี่คือ ไอ้นั่นน่ะ สิ่งจำเป็นสำหรับใช้งานกฎคำสาป ถ้านายไม่อยากตายล่ะก็…
ท็อดด์: นี่นาย ไอ้นั่นน่ะ…
สุบารุ: ชั้น! กำลัง! พูดอยู่นะโว้ย! ถ้าไม่อยากตายก็ฟังกันก่อนไม่ได้รึไง!?
สติของสุบารุหลุดกระเจิงจนวิเคราะห์ทุกคำพูดของท็อดด์ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาจึงปล่อยให้โทสะเข้าควบคุมการกระทำเพียงอย่างเดียว
ที่น่าแปลกใจคือท็อดด์ยอมลดขวานลงและจะยอมฟังที่เขาพูด สุบารุจึงโทษความโง่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมใช้อุปกรณ์ไสยเวทขู่แต่แรก ไม่น่าใช้ข่าวลือลูกจักรพรรดิอะไรนั่นเลย
ท็อดด์: ว่าแต่นายน่ะ ใช้มันเป็นรึเปล่านั่น?
สุบารุ: เอ๊ะ…?
สุบารุแสดงรีแอคชั่นต่อคำถามนั้นด้วยการกวาดสายตาดูอุปกรณ์ไสยเวทเพื่อคิดหาวิธีใช้งานมัน แต่เจ้าลูกแก้วสีดำก็ไม่ได้สวิตช์หรือกลไกใช้งานง่ายๆ อยู่เลย
ท็อดด์: ――ว่าแล้วเชียว
ในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว ท็อดด์สามารถดูออกทันทีว่าคำขู่ของสุบารุมันกลวงเปล่า
ท็อดด์: ถ้ารู้วิธีก็ใช้มันซะสิ ขู่แบบนี้ไปก็ไม่ได้อะไร
ท็อดด์เตะลูกแก้วสีดำให้ลอยหลุดมือ นั่นทำให้สุบารุเผลอเงยหน้าขึ้นมองตามและกลายเป็นเป้านิ่งให้แก่ขวานศึกที่จามศีรษะเขาเละ
――สุบารุจำใจต้องยอมรับความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถหาวิธีเอาชนะ “ท็อดด์ แฟงก์” ได้เลย
. บทบรรยายตัดมาเล่าอดีตของ “อิโดร่า มิซันก้า”
ตระกูลมิซันก้าประกอบธุรกิจโรงสีอยู่ในหมู่บ้านเกษตรกรรมเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวอลลาเคียมาหลายชั่วอายุคน
ตัวอิโดร่าได้รับหน้าที่ดูแลโรงโม่แป้งของตระกูลที่ใช้พลังงานจากกังหันน้ำ ในสายตาชาวบ้าน เขาจึงเป็นคนที่มีฐานะทางบ้านดีพอสมควร
บ้านมิซันก้ามีคติประจำตระกูลอยู่ว่า “จงประกอบธุรกิจอย่างสุจริตและมุ่งใฝ่หาความเชื่อใจกับความเชื่อถือจากผู้คนหมู่มาก”
อิโดร่าจึงใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยฉ้อโกงผลผลิต เปิดใจกว้างต่อผู้คน ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น แม้ว่ามันจะขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของจักรวรรดิวอลลาเคียก็ตาม
หลังจากที่พ่อของเขาล้มป่วย อิโดร่าก็รับช่วงดูแลตระกูลต่อและคงธรรมเนียมปฏิบัติของทางบ้านเอาไว้
. ทหารรับจ้าง: ชีวิตนายนี่ท่าทางจะเรียบง่ายดีนะเนี่ย น่าอิจฉาจังเลย
อยู่มาวันหนึ่งอิโดร่าได้พบกับทหารรับจ้างที่เดินทางผ่านมา ทั้งสองดื่มเหล้ากันที่โรงเตี๊ยมและแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกัน
อิโดร่าเหมือนได้เปิดโลก เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแสนสงบสุขมาตลอด
ในขณะที่โลกภายนอกที่ชายแปลกหน้าต้องเผชิญนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ความดิบเถื่อนและความรุ่มร้อนน่าตื่นเต้น
ก่อนที่จะไดัรับหน้าที่ดูแลธุรกิจครอบครัว อิโดร่าเคยมีความใฝ่ฝันว่าอยากใช้ชีวิตเยี่ยงนักรบมาก่อน
. ผ่านไปหลายเดือน นายทหารรับจ้างแวะมาเยี่ยมและแบ่งปันเรื่องราวกับอิโดร่าระหว่างที่ก๊งเหล้ากันอยู่บ่อยๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน
ทหารรับจ้าง: อิโดร่า นายมีญาติผู้หญิงอยู่คนหนึ่งใช่มั้ย ที่จริงแล้วฉันแอบหมายตาเธออยู่ล่ะ
ญาติสาวของอิโดร่าที่อายุพอๆ กับเขายังโสดอยู่พอดี แถมอิโดร่าก็ถูกคอกับนายทหารรับจ้างคนนี้ เขาจึงช่วยจัดเตรียมงานแต่งให้แก่ทั้งสอง
ทว่า ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา พี่เขยคนใหม่กับญาติสาวของอิโดร่าก็รวมหัวกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลมิซันก้า
อิโดร่าและพ่อของเขาถูกใส่ร้ายว่าปลอมแปลงผลผลิตของการสีข้าว ข้อพิพาทนี้ทำให้ความเห็นของชาวบ้านแตกเป็นสองฝักฝ่าย
. เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน พ่อของอิโดร่าดันป่วยตายก่อนเวลาอันควร ตามด้วยแม่ของเขาที่หัวใจวายตายตามพ่อไปก่อนที่เรื่องพิพาทจะได้ข้อยุติ
อิโดร่าร้องขอเหล่าชาวบ้านให้ร่วมกันแสดงจุดยืนให้มีการไต่สวนพี่เขยและญาติสาวของเขา
โดยที่หวังว่าความเชื่อใจที่ตระกูลมิซันก้าสั่งสมมาด้วยการประกอบธุรกิจอย่างสุจริตจะช่วยซื้อใจชาวบ้านได้
อิโดร่า: ――ทำไมถึง…เป็นแบบนี้ไปได้?
ทว่า พอถึงวันจริงกลับไม่มีชาวบ้านคนไหนโผล่มาตามนัด แถมอิโดร่ายังถูกขุนนางผู้ดูแลที่ดินลงโทษในข้อหาเรียกชุมนุมติดอาวุธเพื่อเรียกร้องการไต่สวนโดยไม่จำเป็น
สุดท้ายพวกชาวบ้านไม่ช่วยแก้ต่างให้อิโดร่าและเลือกเข้าข้างคนฉ้อโกงที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าคนที่ใช้ชีวิตอย่างสุจริตมาโดยตลอด
อิโดร่าถูกช่วงชิงธุรกิจครอบครัวไปและกลายเป็นทาสที่ถูกส่งตัวไปยังเกาะทาสดาบกินุนไฮฟ์ในที่สุด
“พอกันที”
ในเมื่อขยันทำเรื่องดีๆ ไปก็ไม่ได้รับผลตอบแทน ในเมื่อทุกคนล้วนแต่เห็นแก่ตัวและฝักใฝ่แต่การหาผลประโยชน์เข้าตัว อิโดร่าก็จะขอทำแบบเดียวกัน
เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครที่เห็นประโยชน์จากอิโดร่าผู้ซื่อตรงและโง่เขลาอยู่แล้ว วันที่อิโดร่าได้รับผลตอบแทนจากการใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์คงไม่มีวันมาถึง
[สุบารุ: นายอยากจะเป็นนักรบนี่ อิโดร่า! ถ้างั้นก็ตอนนี้แหละ! เวลานั้นได้มาถึงแล้วล่ะ!]
. ตัดกลับมาปัจจุบัน
หลังจากที่ไวส์ถูกฆ่าตายและทันซ่าปลิวหายไป สุบารุก็รีบพาตัวอิโดร่าและเฮียอินที่เหลือรอดอยู่กระโดดหนีออกไปทางรูกำแพงคนละฝั่งกับที่ทันซ่าถูกโยน
นั่นคือทางหนีเดียวที่พวกเขามี แต่ก็เป็นทางหนีที่ต้องมีโอกาสรอดต่ำ และมีโอกาสตายสูงถึง 9 ใน 10
ร่างของอิโดร่า เฮียอินและสุบารุครูดกับกำแพงและส่วนของอาคารที่ยื่นออกมาจนถลอก แถมยังตกลงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนทั้งสามบาดเจ็บหนัก
. ท็อดด์: บ้าบิ่นชะมัดเลยนะ นายเนี่ย ดีกว่ายืนเป็นเป้านิ่งก็จริง แต่เล่นกระโดดลงมาแบบไม่มีแผนผลลัพธ์มันก็อย่างงี้แหละ
อิโดร่าที่นอนแน่นิ่งเพราะเจ็บปวดไปทั้งร่างได้ยินเสียงของท็อดด์ซึ่งไม่ได้พูดอยู่กับเขา อิโดร่าจึงมองตามทิศทางของเสียงเรียกไปเห็นสุบารุที่กำลังคลานหนี
อิโดร่ามองหาเฮียอินไม่เจอ บางทีเขาอาจจะติดอยู่บนส่วนนั่งร้านที่ยื่นออกมาจากอาคาร หรือไม่ก็กำลังซ่อนตัวอยู่ด้วยการพลางตัว
ถ้าหากว่าอิโดร่าแกล้งตาย ท็อดด์ที่มัวแต่โฟกัสอยู่กับสุบารุอาจจะมองข้ามเขาไปและนั่นอาจทำให้อิโดร่ามีโอกาสรอดชีวิตไปได้
สุดท้ายแล้ว “อิโดร่า มิซันก้า” ก็ต้องตัดสินใจว่าเขาอยากเลือกเส้นทางแบบไหน ผู้ซื่อตรงหรือจอมคดโกง
. ท็อดด์: หนึ่ง สอง…
อิโดร่า: หยุดน้าาาาา!!
อิโดร่าฝืนสังขารลากร่างที่บาดเจ็บหนักของตนมากระโจนใส่หลังของชายที่ง้างขวานเตรียมสับหัวเด็ก
แขนซ้ายของอิโดร่าขยับไม่ได้เพราะไหล่หลุด เขาจึงใช้แขนข้างขวาที่เหลืออยู่ยึดตัวท็อดด์เอาไว้
ท็อดด์: กะแล้วเชียวว่ายังไม่ตาย
ท็อดด์ปล่อยมือจากขวานแล้วชักมีดเล่มใหญ่ออกมาสับแขนขวาของอิโดร่าขาดกระเด็นตั้งแต่บริเวณข้อศอกเป็นต้นไป
อิโดร่า: พาตัวไปเลยยยยยย!!
พอเห็นอิโดร่าแหกปากตะโกนโดยไม่สนอาการเจ็บ ท็อดด์ที่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอิโดร่าจึงรีบปามีดไปปิดฉากสุบารุที่คลานอยู่บนพื้น
ท็อดด์: ชิ
ทว่า ร่างของสุบารุก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว เนื่องจากว่า “เฮียอิน” ที่พลางตัวจนล่องหนอยู่แอบพาเขาหลบหนีไปนั่นเอง
อิโดร่าอาศัยจังหวะนั้นกระโจนใส่หลังของท็อดด์แล้วใช้ฟันกัดเสื้อเอาไว้ เนื่องจากว่าเขาไม่เหลือแขนที่สามารถใช้การได้อีกต่อไปแล้ว
ท็อดด์โต้ตอบด้วยการกระทุ้งข้อศอกใส่และขัดขาอิโดร่าจนเขาหงายหลังล้ม แต่นั่นบังเอิญไปช่วยตอกแขนซ้ายที่ไหล่หลุดก่อนหน้านี้จนกลับมาใช้งานได้
แถมยังอิโดร่ายังโชคดีที่คว้าขวานที่ตกอยู่ของท็อดด์ขึ้นมาได้ก่อน แต่ถึงแม้ว่าท็อดด์จะสูญเสียอาวุธทั้งสองอย่างไป เขากลับไม่มีท่าทีเหมือนเสียเปรียบแม้แต่น้อย
ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะว่าฝ่ายอิโดร่ากำลังเสียเลือดมากจนใกล้ตายอยู่ดี ที่เขารอดมาได้นานขนาดนี้ก็เป็นเหมือนปาฏิหาริย์แล้ว
อิโดร่าเลือกฝืนชะตาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเผชิญหน้ากับท็อดด์ในสภาพร่อแร่เจียนตาย เลือดไหลไม่หยุด แต่มือซ้ายก็ยังกวัดแกว่งขวานที่ขโมยมา
อิโดร่า: ฉันชื่ออิโดร่า มิซันก้า! ลูกชายของเจ้าของโรงสีข้าว!
ท็อดด์: ไม่เห็นรู้จัก
ในวาระสุดท้ายนี้ อิโดร่าขอเลือกที่จะเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อตัวตนของตนเอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ทั้งนักรบหรือนักต้มตุ๋น
“ขอบคุณนะ ชวาร์ซ ที่ช่วยให้ฉันเลิกเป็นคนขี้โกหก”
. พอสุบารุรู้ตัวอีกที เฮียอินที่ลากเขาหนีมาด้วยกันก็มีมีดเล่มใหญ่ของท็อดด์ปักอยู่กลางหลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาช่วยเอาตัวกำบังให้สุบารุนั่นเอง
สุบารุลองพาทั้งสามกระโดดลงหลุมอยู่หลายครั้ง แต่กว่าที่จะจับจุดได้ถูกว่าต้องลงจอดอย่างไรถึงจะรอดทั้งสามคน ท็อดด์ก็ยังอุตส่าห์ไล่ตามมาทันก่อนที่พวกสุบารุจะฟื้นตัวอีก
ทั้งอิโดร่าที่ได้ยินเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ และเฮียอินที่หายใจเหนื่อยหอบ ลมหายใจของทั้งสองคนใกล้หมดลงเต็มที
เฮียอินเริ่มคลานไม่ไปแล้วด้วยซ้ำ แถมยังพูดไม่ชัดเหมือนมีเลือดติดอยู่ในลำคอ
เฮียอิน: แปลก…ดี…นะ… เคยได้ยินว่า…ชีวิต…ก็เหมือนดอกไม้… ดอกที่สวยกว่ามักจะถูกเด็ดก่อน
สุบารุ: ยะ…อย่าพึ่งพูดสิ… กำลังไปหา…ตอนนี้เลย
เฮียอิน: แล้วไหง…คนขี้ขลาด…จอมทุเรศอย่างชั้น…ถึงได้ตายก่อนกันล่ะ แปลกแท้…อา
สุบารุพยายามที่จะคลานเข้าไปหาเฮียอินเพื่อที่จะดึงร่างที่กำลังนอนจมกองเลือดตัวเองอยู่ขึ้นมา แต่ร่างกายกลับไม่เคลื่อนไหวดังใจสั่งเลย
เฮียอิน: แต่ว่า… ชั้นไปก่อน…ดีแล้ว…ล่ะ
พอเขาสิ้นใจลงสีผิวหนังของเฮียกลับมาเป็นสีเทาดังเดิม นอกจากมีดที่ปักหลังแล้ว แขนก็หัก แถมยังมีเลือดไหลออกมาทั่วร่าง
. สุบารุ: ฮือ…
สุบารุช่วยใครไว้ไม่ได้สักคน มันไม่ต่างจากการที่เขาเป็นคนฆ่าคนเหล่านั้นเอง
เขาบอกไม่ถูกอีกแล้วว่าใบหน้าเปื้อนน้ำตา น้ำมูกหรือคราบเลือดกันแน่ ไม่ไหวแล้ว ในหัวเขาตอนนี้ไม่อาจจะเข้าใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
เซซิลุส: ――โอ๊ะโอ ที่ส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ตรงนั้นใช่บัสซูรึเปล่าครับ?
สุบารุ: …
เซซิลุส: อา บัสซู จริงๆ ด้วย! บังเอิญจังเลยนะครับที่มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่ารื่นเริง ตื่นเต้นดีว่าไหมครับ?
สุบารุหันกลับไปดูตามเสียงเรียกแล้วเห็นเซซิลุสที่ร่างซีกหนึ่งถูกเผาจนไหม้เกรียม กระนั้น “อัสนีสีฟ้า” ก็ยังคงฉีกยิ้มสบายใจเหมือนไม่รู้สึกรู้สา
จบตอน