webnovel arc7 chapter74

บทที่ 7 ตอนที่ 74 "อิโดร่า มิซันก้า"

สิ่งที่สุบารุกลัวที่สุดกลายเป็นความจริงขึ้นมา จุดเซฟอัปเดตจนกลายเป็นว่าเขาไม่อาจช่วยชีวิตของพวกพ้องได้อย่างถาวร

สุบารุ: ว้ากกกกกก!!

ทันซ่ารั้งสุบารุไม่ให้วิ่งไปหาร่างที่นอนจมกองเลือด แล้วในพริบตาต่อมา กบสีเทาก็ร่วงลงมาทับร่างของไวส์แล้วทะลุพื้นจนร่วงลงไปชั้นล่าง

สุบารุ: ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ ไม่เอานะ ม่ายยยย!!

ทันซ่า: ท่านชวาร์ซ!?

สุบารุผลักแขนของทันซ่าออก แล้ววิ่งไปทางไวส์ เขาคิดว่ายังช่วยทันอยู่ ต้องไปช่วยไวส์ พันแผลให้เขา แล้วพาไปห้องรักษา ต้องมีสักทาง…มันต้องมีสักทางสิ…

สุบารุ: ยังช่วยได้――

ท็อดด์: จิตใจบอบบางกว่าที่คิดนะเนี่ย

ขวานเปื้อนเลือดของท็อดด์ก็จามสุบารุหัวขาดอย่างง่ายดาย กระทั่งในวาระสุดท้ายร่างไร้หัวของเขาก็ยังพยายามวิ่งไปช่วยไวส์

×  ×  ×

สติของสุบารุหมุนวนเหมือนศีรษะที่ลอยเคว้งกลางอากาศในลูปก่อนหน้า แล้วพอเขาตั้งสติกลับมาได้ ภาพแรกที่เห็นก็คือไวส์ในสภาพแขนซ้ายเละและมีมีดเสียบตาขวาอยู่

ไวส์: เป็นครั้งแรกเลย… ที่มีคนเชื่อมั่น… ในตัวข้า…

สุบารุ: ว้ากกกกก!!

ความเป็นจริงที่โหดร้ายซ้ำเติมสุบารุจนดวงวิญญาณของเขาบอบช้ำ

. ช่วงที่สุบารุกับเฮียอินไปดักฟังท็อดด์ที่ห้องทำงานของกุสตาฟ ทั้งสองพลาดตายไปเยอะกว่าจะหาทางดักฟังบทสนทนาสำคัญจนจบได้

นั่นทำให้จุดเซฟของอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” ที่อยู่ในสภาพผิดปกติเลื่อนกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ

สุดท้ายจุดเซฟมันก็เลื่อนมาถึงตอนที่สุบารุกับเฮียอินอยู่ในห้องทำงานของกุสตาฟแล้ว นั่นทำให้สุบารุถอยหลังกลับจากแผนนี้ไม่ได้อีก

สุบารุที่จมอยู่ในความสิ้นหวังกังวฃว่าจุดเซฟอาจจะเลื่อนไปถึงจุดที่แก้ไขการสังหารหมู่ไม่ได้อีก

เพราะงั้นตอนที่กุสตาฟถูกอาราเคียฆ่าตาย สุบารุตั้งใจที่จะไม่ตายอีก เพราะเขากลัวว่าจุดเซฟจะเลื่อนเป็นหลังกุสตาฟตาย

สุบารุโทษตัวเองอยากหนักว่าถ้าหากเขาตายแล้วปล่อยให้จุดเซฟเลื่อนจนช่วยเหลือใครไม่ได้ นั่นก็คือความผิดของตัวเขาเอง

――นัตสึกิ สุบารุคือคนที่ฆ่าพวกเขาเหล่านั้นเอง

สถานการณ์อันสิ้นหวังทำให้สุบารุสติหลุดลอยจนละเมอเพ้อพก หลงคิดว่าการที่เขาไม่ตาย จะทำให้ตัวเองสามารถรักษาชีวิตของพวกพ้องที่ถูกฆ่าตายไปได้

. สุบารุ “ตายแล้วกลับมา” อีกไม่รู้กี่ครั้ง จนตอนนี้จุดเซฟเลื่อนมาถึงตอนที่ทันซ่าถูกท็อดด์เหวี่ยงออกไปทางรูกำแพงเรียบร้อยแล้ว

ในตอนนี้สุบารุไม่สามารถแก้ไขความตายของไวส์และการที่ทันซ่าถูกท็อดด์เขวี้ยงทิ้งได้อีกต่อไป

ท็อดด์: ถ้าปล่อยให้หายไปต่อหน้าต่อตาก็แย่น่ะสิ

เฮียอิน: ชวาร์――

แล้วในลูปนี้สุบารุก็ไม่ได้ช่วยอิโดร่าไว้ เขาจึงโดนขวานผ่าหัวแยกไปก่อน แล้วท็อดด์ก็ไม่ลังเลที่จะสังหารเฮียอินต่อทันที

ท็อดด์: ตกลงว่าเรื่องจริงเป็นยังไงกันแน่?

สุบารุ: “นายน่ะ ใช่ลูกชายขององค์จักรพรรดิจริงๆ รึเปล่า?”

ท็อดด์: …อย่าอ่านใจคนอื่นว่าคิดจะพูดอะไรสิ

สุบารุถูกท็อดด์ถามคำถามนั้นมาหลายครั้ง จนครั้งนี้ตัวเขาในสภาพสติหลุดลอยเลือกกวนตีนกลับ แต่ดูเหมือนว่าท็อดด์ก็ไม่ได้โมโหนัก

สุบารุ: ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าขยับ

สุบารุหยิบเอาลูกแก้วสีดำซึ่งเป็นอุปกรณ์ไสยเวทสำหรับเปิดใช้งานกฎคำสาปออกมาขู่ บางทีเจ้าสิ่งนี้อาจจะทำให้ท็อดด์ยอมฟังได้

สุบารุ: นี่คือ ไอ้นั่นน่ะ สิ่งจำเป็นสำหรับใช้งานกฎคำสาป ถ้านายไม่อยากตายล่ะก็…

ท็อดด์: นี่นาย ไอ้นั่นน่ะ…

สุบารุ: ชั้น! กำลัง! พูดอยู่นะโว้ย! ถ้าไม่อยากตายก็ฟังกันก่อนไม่ได้รึไง!?

สติของสุบารุหลุดกระเจิงจนวิเคราะห์ทุกคำพูดของท็อดด์ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาจึงปล่อยให้โทสะเข้าควบคุมการกระทำเพียงอย่างเดียว

ที่น่าแปลกใจคือท็อดด์ยอมลดขวานลงและจะยอมฟังที่เขาพูด สุบารุจึงโทษความโง่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมใช้อุปกรณ์ไสยเวทขู่แต่แรก ไม่น่าใช้ข่าวลือลูกจักรพรรดิอะไรนั่นเลย

ท็อดด์: ว่าแต่นายน่ะ ใช้มันเป็นรึเปล่านั่น?

สุบารุ: เอ๊ะ…?

สุบารุแสดงรีแอคชั่นต่อคำถามนั้นด้วยการกวาดสายตาดูอุปกรณ์ไสยเวทเพื่อคิดหาวิธีใช้งานมัน แต่เจ้าลูกแก้วสีดำก็ไม่ได้สวิตช์หรือกลไกใช้งานง่ายๆ อยู่เลย

ท็อดด์: ――ว่าแล้วเชียว

ในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว ท็อดด์สามารถดูออกทันทีว่าคำขู่ของสุบารุมันกลวงเปล่า

ท็อดด์: ถ้ารู้วิธีก็ใช้มันซะสิ ขู่แบบนี้ไปก็ไม่ได้อะไร

ท็อดด์เตะลูกแก้วสีดำให้ลอยหลุดมือ นั่นทำให้สุบารุเผลอเงยหน้าขึ้นมองตามและกลายเป็นเป้านิ่งให้แก่ขวานศึกที่จามศีรษะเขาเละ

――สุบารุจำใจต้องยอมรับความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถหาวิธีเอาชนะ “ท็อดด์ แฟงก์” ได้เลย

. บทบรรยายตัดมาเล่าอดีตของ “อิโดร่า มิซันก้า”

ตระกูลมิซันก้าประกอบธุรกิจโรงสีอยู่ในหมู่บ้านเกษตรกรรมเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวอลลาเคียมาหลายชั่วอายุคน

ตัวอิโดร่าได้รับหน้าที่ดูแลโรงโม่แป้งของตระกูลที่ใช้พลังงานจากกังหันน้ำ ในสายตาชาวบ้าน เขาจึงเป็นคนที่มีฐานะทางบ้านดีพอสมควร

บ้านมิซันก้ามีคติประจำตระกูลอยู่ว่า “จงประกอบธุรกิจอย่างสุจริตและมุ่งใฝ่หาความเชื่อใจกับความเชื่อถือจากผู้คนหมู่มาก”

อิโดร่าจึงใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยฉ้อโกงผลผลิต เปิดใจกว้างต่อผู้คน ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น แม้ว่ามันจะขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของจักรวรรดิวอลลาเคียก็ตาม

หลังจากที่พ่อของเขาล้มป่วย อิโดร่าก็รับช่วงดูแลตระกูลต่อและคงธรรมเนียมปฏิบัติของทางบ้านเอาไว้

. ทหารรับจ้าง: ชีวิตนายนี่ท่าทางจะเรียบง่ายดีนะเนี่ย น่าอิจฉาจังเลย

อยู่มาวันหนึ่งอิโดร่าได้พบกับทหารรับจ้างที่เดินทางผ่านมา ทั้งสองดื่มเหล้ากันที่โรงเตี๊ยมและแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกัน

อิโดร่าเหมือนได้เปิดโลก เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลแสนสงบสุขมาตลอด

ในขณะที่โลกภายนอกที่ชายแปลกหน้าต้องเผชิญนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ความดิบเถื่อนและความรุ่มร้อนน่าตื่นเต้น

ก่อนที่จะไดัรับหน้าที่ดูแลธุรกิจครอบครัว อิโดร่าเคยมีความใฝ่ฝันว่าอยากใช้ชีวิตเยี่ยงนักรบมาก่อน

. ผ่านไปหลายเดือน นายทหารรับจ้างแวะมาเยี่ยมและแบ่งปันเรื่องราวกับอิโดร่าระหว่างที่ก๊งเหล้ากันอยู่บ่อยๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน

ทหารรับจ้าง: อิโดร่า นายมีญาติผู้หญิงอยู่คนหนึ่งใช่มั้ย ที่จริงแล้วฉันแอบหมายตาเธออยู่ล่ะ

ญาติสาวของอิโดร่าที่อายุพอๆ กับเขายังโสดอยู่พอดี แถมอิโดร่าก็ถูกคอกับนายทหารรับจ้างคนนี้ เขาจึงช่วยจัดเตรียมงานแต่งให้แก่ทั้งสอง

ทว่า ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา พี่เขยคนใหม่กับญาติสาวของอิโดร่าก็รวมหัวกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลมิซันก้า

อิโดร่าและพ่อของเขาถูกใส่ร้ายว่าปลอมแปลงผลผลิตของการสีข้าว ข้อพิพาทนี้ทำให้ความเห็นของชาวบ้านแตกเป็นสองฝักฝ่าย

. เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน พ่อของอิโดร่าดันป่วยตายก่อนเวลาอันควร ตามด้วยแม่ของเขาที่หัวใจวายตายตามพ่อไปก่อนที่เรื่องพิพาทจะได้ข้อยุติ

อิโดร่าร้องขอเหล่าชาวบ้านให้ร่วมกันแสดงจุดยืนให้มีการไต่สวนพี่เขยและญาติสาวของเขา

โดยที่หวังว่าความเชื่อใจที่ตระกูลมิซันก้าสั่งสมมาด้วยการประกอบธุรกิจอย่างสุจริตจะช่วยซื้อใจชาวบ้านได้

อิโดร่า: ――ทำไมถึง…เป็นแบบนี้ไปได้?

ทว่า พอถึงวันจริงกลับไม่มีชาวบ้านคนไหนโผล่มาตามนัด แถมอิโดร่ายังถูกขุนนางผู้ดูแลที่ดินลงโทษในข้อหาเรียกชุมนุมติดอาวุธเพื่อเรียกร้องการไต่สวนโดยไม่จำเป็น

สุดท้ายพวกชาวบ้านไม่ช่วยแก้ต่างให้อิโดร่าและเลือกเข้าข้างคนฉ้อโกงที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าคนที่ใช้ชีวิตอย่างสุจริตมาโดยตลอด

อิโดร่าถูกช่วงชิงธุรกิจครอบครัวไปและกลายเป็นทาสที่ถูกส่งตัวไปยังเกาะทาสดาบกินุนไฮฟ์ในที่สุด

“พอกันที”

ในเมื่อขยันทำเรื่องดีๆ ไปก็ไม่ได้รับผลตอบแทน ในเมื่อทุกคนล้วนแต่เห็นแก่ตัวและฝักใฝ่แต่การหาผลประโยชน์เข้าตัว อิโดร่าก็จะขอทำแบบเดียวกัน

เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครที่เห็นประโยชน์จากอิโดร่าผู้ซื่อตรงและโง่เขลาอยู่แล้ว วันที่อิโดร่าได้รับผลตอบแทนจากการใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์คงไม่มีวันมาถึง

[สุบารุ: นายอยากจะเป็นนักรบนี่ อิโดร่า! ถ้างั้นก็ตอนนี้แหละ! เวลานั้นได้มาถึงแล้วล่ะ!]

. ตัดกลับมาปัจจุบัน

หลังจากที่ไวส์ถูกฆ่าตายและทันซ่าปลิวหายไป สุบารุก็รีบพาตัวอิโดร่าและเฮียอินที่เหลือรอดอยู่กระโดดหนีออกไปทางรูกำแพงคนละฝั่งกับที่ทันซ่าถูกโยน

นั่นคือทางหนีเดียวที่พวกเขามี แต่ก็เป็นทางหนีที่ต้องมีโอกาสรอดต่ำ และมีโอกาสตายสูงถึง 9 ใน 10

ร่างของอิโดร่า เฮียอินและสุบารุครูดกับกำแพงและส่วนของอาคารที่ยื่นออกมาจนถลอก แถมยังตกลงไปกระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนทั้งสามบาดเจ็บหนัก

. ท็อดด์: บ้าบิ่นชะมัดเลยนะ นายเนี่ย ดีกว่ายืนเป็นเป้านิ่งก็จริง แต่เล่นกระโดดลงมาแบบไม่มีแผนผลลัพธ์มันก็อย่างงี้แหละ

อิโดร่าที่นอนแน่นิ่งเพราะเจ็บปวดไปทั้งร่างได้ยินเสียงของท็อดด์ซึ่งไม่ได้พูดอยู่กับเขา อิโดร่าจึงมองตามทิศทางของเสียงเรียกไปเห็นสุบารุที่กำลังคลานหนี

อิโดร่ามองหาเฮียอินไม่เจอ บางทีเขาอาจจะติดอยู่บนส่วนนั่งร้านที่ยื่นออกมาจากอาคาร หรือไม่ก็กำลังซ่อนตัวอยู่ด้วยการพลางตัว

ถ้าหากว่าอิโดร่าแกล้งตาย ท็อดด์ที่มัวแต่โฟกัสอยู่กับสุบารุอาจจะมองข้ามเขาไปและนั่นอาจทำให้อิโดร่ามีโอกาสรอดชีวิตไปได้

สุดท้ายแล้ว “อิโดร่า มิซันก้า” ก็ต้องตัดสินใจว่าเขาอยากเลือกเส้นทางแบบไหน ผู้ซื่อตรงหรือจอมคดโกง

. ท็อดด์: หนึ่ง สอง…

อิโดร่า: หยุดน้าาาาา!!

อิโดร่าฝืนสังขารลากร่างที่บาดเจ็บหนักของตนมากระโจนใส่หลังของชายที่ง้างขวานเตรียมสับหัวเด็ก

แขนซ้ายของอิโดร่าขยับไม่ได้เพราะไหล่หลุด เขาจึงใช้แขนข้างขวาที่เหลืออยู่ยึดตัวท็อดด์เอาไว้

ท็อดด์: กะแล้วเชียวว่ายังไม่ตาย

ท็อดด์ปล่อยมือจากขวานแล้วชักมีดเล่มใหญ่ออกมาสับแขนขวาของอิโดร่าขาดกระเด็นตั้งแต่บริเวณข้อศอกเป็นต้นไป

อิโดร่า: พาตัวไปเลยยยยยย!!

พอเห็นอิโดร่าแหกปากตะโกนโดยไม่สนอาการเจ็บ ท็อดด์ที่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอิโดร่าจึงรีบปามีดไปปิดฉากสุบารุที่คลานอยู่บนพื้น

ท็อดด์: ชิ

ทว่า ร่างของสุบารุก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว เนื่องจากว่า “เฮียอิน” ที่พลางตัวจนล่องหนอยู่แอบพาเขาหลบหนีไปนั่นเอง

อิโดร่าอาศัยจังหวะนั้นกระโจนใส่หลังของท็อดด์แล้วใช้ฟันกัดเสื้อเอาไว้ เนื่องจากว่าเขาไม่เหลือแขนที่สามารถใช้การได้อีกต่อไปแล้ว

ท็อดด์โต้ตอบด้วยการกระทุ้งข้อศอกใส่และขัดขาอิโดร่าจนเขาหงายหลังล้ม แต่นั่นบังเอิญไปช่วยตอกแขนซ้ายที่ไหล่หลุดก่อนหน้านี้จนกลับมาใช้งานได้

แถมยังอิโดร่ายังโชคดีที่คว้าขวานที่ตกอยู่ของท็อดด์ขึ้นมาได้ก่อน แต่ถึงแม้ว่าท็อดด์จะสูญเสียอาวุธทั้งสองอย่างไป เขากลับไม่มีท่าทีเหมือนเสียเปรียบแม้แต่น้อย

ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะว่าฝ่ายอิโดร่ากำลังเสียเลือดมากจนใกล้ตายอยู่ดี ที่เขารอดมาได้นานขนาดนี้ก็เป็นเหมือนปาฏิหาริย์แล้ว

อิโดร่าเลือกฝืนชะตาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเผชิญหน้ากับท็อดด์ในสภาพร่อแร่เจียนตาย เลือดไหลไม่หยุด แต่มือซ้ายก็ยังกวัดแกว่งขวานที่ขโมยมา

อิโดร่า: ฉันชื่ออิโดร่า มิซันก้า! ลูกชายของเจ้าของโรงสีข้าว!

ท็อดด์: ไม่เห็นรู้จัก

ในวาระสุดท้ายนี้ อิโดร่าขอเลือกที่จะเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อตัวตนของตนเอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ทั้งนักรบหรือนักต้มตุ๋น

“ขอบคุณนะ ชวาร์ซ ที่ช่วยให้ฉันเลิกเป็นคนขี้โกหก”

. พอสุบารุรู้ตัวอีกที เฮียอินที่ลากเขาหนีมาด้วยกันก็มีมีดเล่มใหญ่ของท็อดด์ปักอยู่กลางหลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาช่วยเอาตัวกำบังให้สุบารุนั่นเอง

สุบารุลองพาทั้งสามกระโดดลงหลุมอยู่หลายครั้ง แต่กว่าที่จะจับจุดได้ถูกว่าต้องลงจอดอย่างไรถึงจะรอดทั้งสามคน ท็อดด์ก็ยังอุตส่าห์ไล่ตามมาทันก่อนที่พวกสุบารุจะฟื้นตัวอีก

ทั้งอิโดร่าที่ได้ยินเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ และเฮียอินที่หายใจเหนื่อยหอบ ลมหายใจของทั้งสองคนใกล้หมดลงเต็มที

เฮียอินเริ่มคลานไม่ไปแล้วด้วยซ้ำ แถมยังพูดไม่ชัดเหมือนมีเลือดติดอยู่ในลำคอ

เฮียอิน: แปลก…ดี…นะ… เคยได้ยินว่า…ชีวิต…ก็เหมือนดอกไม้… ดอกที่สวยกว่ามักจะถูกเด็ดก่อน

สุบารุ: ยะ…อย่าพึ่งพูดสิ… กำลังไปหา…ตอนนี้เลย

เฮียอิน: แล้วไหง…คนขี้ขลาด…จอมทุเรศอย่างชั้น…ถึงได้ตายก่อนกันล่ะ แปลกแท้…อา

สุบารุพยายามที่จะคลานเข้าไปหาเฮียอินเพื่อที่จะดึงร่างที่กำลังนอนจมกองเลือดตัวเองอยู่ขึ้นมา แต่ร่างกายกลับไม่เคลื่อนไหวดังใจสั่งเลย

เฮียอิน: แต่ว่า… ชั้นไปก่อน…ดีแล้ว…ล่ะ

พอเขาสิ้นใจลงสีผิวหนังของเฮียกลับมาเป็นสีเทาดังเดิม นอกจากมีดที่ปักหลังแล้ว แขนก็หัก แถมยังมีเลือดไหลออกมาทั่วร่าง

. สุบารุ: ฮือ…

สุบารุช่วยใครไว้ไม่ได้สักคน มันไม่ต่างจากการที่เขาเป็นคนฆ่าคนเหล่านั้นเอง

เขาบอกไม่ถูกอีกแล้วว่าใบหน้าเปื้อนน้ำตา น้ำมูกหรือคราบเลือดกันแน่ ไม่ไหวแล้ว ในหัวเขาตอนนี้ไม่อาจจะเข้าใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

เซซิลุส: ――โอ๊ะโอ ที่ส่งเสียงคร่ำครวญอยู่ตรงนั้นใช่บัสซูรึเปล่าครับ?

สุบารุ: …

เซซิลุส: อา บัสซู จริงๆ ด้วย! บังเอิญจังเลยนะครับที่มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่ารื่นเริง ตื่นเต้นดีว่าไหมครับ?

สุบารุหันกลับไปดูตามเสียงเรียกแล้วเห็นเซซิลุสที่ร่างซีกหนึ่งถูกเผาจนไหม้เกรียม กระนั้น “อัสนีสีฟ้า” ก็ยังคงฉีกยิ้มสบายใจเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

จบตอน