
บทที่ 7 ตอนที่ 76 "การได้พบพานที่นครจักรพรรดิ"
เริ่มตอนที่มุมมองของเรม เธอและฟล็อปถูกกักตัวเอาไว้ในคฤหาสน์ของอัครมหาเสนาบดีเบลสเต็ตซ์ ฟอนดาลฟอน
ทว่า ความเป็นอยู่ในฐานะเชลยศึกกลับดีเกินคาด พวกเรมไม่ได้ถูกขังไว้ในคุก ไม่มีการใช้ความรุนแรง มีข้าวให้กิน มีน้ำให้อาบ แต่ก็แน่นอนว่าหลบหนีไม่ได้
วันหนึ่งเรมได้เจอกับเด็กสาวพิการคนหนึ่งที่ลานกว้างสำหรับลงจอดมังกรบิน
รถเข็นของเธอติดหล่ม เรมเลยเข้าไปช่วยผลัก แต่เด็กสาวกลับโวยวายเพราะเธอไม่ได้ขอให้เรมช่วย
เด็กสาว: …ไม่เคยเห็นหน้าเลย บรรยากาศก็ไม่คุ้น เธอน่ะ เป็นใครกันล่ะเนี่ย?
เรม: ――ชื่อ “เรม” ค่ะ ทางฉันถูกลักพาตัวมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
เด็กสาว: ลักพาตัว…
เรม: ค่ะ เอ่อคือว่า… ขอถามชื่อหน่อยได้ไหม?
เด็กสาวกัดเล็บลังเลอยู่สักครู่ แต่สุดท้ายเธอก็ยอมบอกชื่อให้เรมทราบ
คาชัว: ――คาชัว ที่ว่าถูกลักพาตัว แสดงว่าเธอเองก็เป็น “ตัวประกัน” เหมือนกันงั้นเหรอ?
เรมไม่แน่ใจว่าตัวเธอเองมีค่าในฐานะ “ตัวประกัน” ไหม
จริงอยู่ว่าสุบารุ เผ่าชูดราค พี่น้องโอคอนเนลน่าจะเป็นห่วงเธอ กระทั่งพริสซิลล่าอาจจะ แต่เรมก็ไม่ใช่คนสำคัญต่อสถานการณ์ในภาพใหญ่อยู่ดี
. เรมสงสัยว่าคาชัวอาจเป็นลูกสาวหรือหลานสาวของเบลสเต็ตซ์ แต่คาชัวปฏิเสธทันทีว่าเธอเป็นแค่ขุนนางระดับต่ำ
อีกอย่างคือเบลสเต็ตซ์ยังไม่มีคู่ครองหรือสมาชิกครอบครัวอยู่เลยด้วย
เรมนั้นมองว่าเบลสเต็ตซ์มีเหตุผลเหมือนกันที่เลือกก่อกบฏต่อวินเซนต์ที่ละเลยหน้าที่ผลิตทายาทในฐานะจักรพรรดิ
แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเบลสเต็ตซ์ถึงไม่ยอมมีครอบครัว
แต่พอคิดถึงสถานะ “ตัวประกัน” ของเรมกับคาชัวแล้ว ไม่แน่ว่าเบลสเต็ตซ์อาจจะเลี่ยงการมีครอบครัวเพื่อไม่ให้เขามี “จุดอ่อน”
. คาชัวพึมพัมว่าตัวเธอเป็นแค่หมากใช้แล้วทิ้งสำหรับ “หมอนั่น” ตัวเธอในตอนนี้ไม่เหลือครอบครัวที่จะรู้สึกเป็นห่วงเพราะเธอกลายเป็นตัวประกันแล้ว
เรมรู้สึกว่าคาชัวกำลังหลอกด้อยค่าตัวเองไม่ต่างจากที่เธอเคยทำ บางทีคนที่คาชัวพูดถึง(ท็อดด์)อาจจะเป็นห่วงคาชัวมากๆ อย่างที่สุบารุห่วงเรม
เรมที่อยากทำความรู้จักกับคาชัวมากขึ้นจึงพยุงรถเข็นให้คาชัวและอาสาเข็นเธอกลับไปที่ห้องพักฝั่งตะวันออก(ตรงข้ามกับห้องพักของเรม)พลางนึกถึงคำพูดของพริสซิลล่าขึ้นมา
[พริสซิลล่า: ――ไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถหนีจากตัวตนของตนเองได้ จำคำของข้าพเจ้าไว้ให้ดี]
. ตัดไปทางฟล็อปที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในห้อง อาการของเขาพ้นขีดอันตรายมาแล้ว ฟล็อปจึงอดห่วงไม่ได้ว่าเรมจะถูกกำจัดทิ้งหลังหมดประโยชน์กับศัตรูหรือเปล่า
พอสัมผัสได้ว่ามีแขกมาเยี่ยม ฟล็อปก็ลืมตาตื่นขึ้น ตั้งแต่มาถึงที่นี่ฟล็อปก็มีแขกมาเยี่ยมอาการแค่มาเดลินกับเรมสองคนเท่านั้น
ทุกครั้งที่มาเดลินมาหา ฟล็อปจะเล่าเรื่องของ “บัลรอย” ให้มาเดลินฟัง เขาต้องอาศัยสกิลวาจาในการยื้อชีวิตตนและเรมด้วยการไม่ทำให้อีกฝ่ายเบื่อ
ฟล็อป: คุณหนูมาเดลินสินะ? อยากให้เล่าเรื่องที่เล่าค้างไว้เมื่อวานต่อไหมครับ? ตอนที่คาริยอนโผบินเป็นครั้งแรก รู้ไหมว่าบัลรอยเขาพูดเรื่องน่าตกใจด้วยล่ะ? เล่าค้างไว้ถึงตรงนั้น――
??: ――หัวข้อสนทนาน่าสนใจดี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องนั้น
เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูห้อง ไม่ใช่ทั้งเรมหรือมาเดลิน แต่ก็เป็นเสียงที่ฟล็อปเคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
ฟล็อปมีทักษะพิเศษในการจดจำเสียงของผู้คนอย่างแม่นยำหลังได้ยินเพียงครั้งเดียว นั่นทำให้เขานึกออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ฟล็อป: หัวหน้าหมู่บ้านคุง… ไม่สิ ควรเรียกว่าท่านองค์จักรพรรดิสินะ?
แขกที่มาเยี่ยมฟล็อปคือชายที่มีรูปร่างหน้าตาและน้ำเสียงเหมือนกับ “อาเบล” หรือจักรพรรดิ “วินเซนต์ วอลลาเคีย” ทุกประการ
เพียงแต่ว่าฟล็อปเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าบุคคลตรงหน้าเป็นเพียงตัวปลอม เป็นแค่ “ตัวแทนเงา” ที่สวมบทบาทเป็นจักรพรรดิตัวจริง
. ฟล็อปพูดคุยกับจักรพรรดิตัวปลอมอย่างไม่เกรงกลัว แม้อีกฝ่ายจะขู่ว่าเขาสามารถสั่งเก็บฟล็อปได้โดยไม่สนความต้องการของแม่ทัพมาเดลิน
เดิมทีความสัมพันธ์ของฟล็อปกับวินเซนต์ตัวจริงก็ค่อนข้างซับซ้อนเพราะเรื่องบัลรอยอยู่แล้ว แต่ฟล็อปเองก็ไม่ได้เห็นดีกับฝ่ายตัวปลอมเช่นกัน
ฟล็อป: ทั้งสามีคุง ทั้งองค์จักรพรรดิคุง …ไม่รู้ควรเรียกว่าอะไรดีเนี่ย ที่แน่ๆ เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงถูกขับไสจากบัลลังก์จนตกอยู่ในสถานการณ์นี้ …ทำไมกัน? ทำไมพวกนายถึงต้องสั่นคลอนรากฐานที่มั่นคงของจักรวรรดิด้วย?
วินเซนต์(?): ――พูดมากเสียจริงนะ
ฟล็อป: เครื่องมือทำมาหากินไงครับ ยังไงก็เป็นพ่อค้านี่นะ น้องสาวชอบชมเรื่องที่หน้าดีด้วย นั่นก็เครื่องมือทำมาหากินอีกอย่างครับ
วินเซนต์(?): เข้าใจล่ะ เช่นนั้นแล้ว―― ถ้าพรากเอาปากกับใบหน้านี่ไป แกก็คงจะสำเหนียกที่ต่ำที่สูงได้สินะ
จักรพรรดิตัวปลอมยื่นมือมาบีบและกระชากใบหน้าของฟล็อปเข้าใกล้โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะร้องเจ็บ กระนั้นฟล็อปก็ยังล้ำเส้นไม่หยุดเหมือนไม่กลัวตาย
. จักรพรรดิตัวปลอมระแวงถ้าหากว่าเขาสั่งเก็บฟล็อป มาเดลินอาจจะเลือกย้ายฝั่งได้ เขาจึงเลือกขู่ฟล็อปด้วยความปลอดภัยของเรมแทน
ฟล็อป: จักรพรรดิปลอมคุง นายน่ะมาที่นี่ทำไม?
เขามีธุระอะไรถึงต้องมาเยี่ยมฟล็อป ในเมื่อแผนการยึดบัลลังก์ของฝ่ายตนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังเก็บวินเซนต์ตัวจริงไม่ได้เลย พวกเขาไม่น่าจะว่างแท้ๆ
ฟล็อปวิเคราะห์ว่าจักรพรรดิตัวปลอมไม่ได้มาฟังฟล็อปเล่าเรื่องที่เขาทราบ แต่มาเพื่อ “ชวนคุย” เรื่องอะไรสักอย่างต่างหาก
ทว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าจักรพรรดิปลอมดันเปลี่ยนใจและกำลังจะเดินออกจากห้องไปเสียแล้ว
. ถ้าหากว่าฟล็อปปล่อยให้วินเซนต์ตัวปลอมเดินจากไป ปล่อยให้เขาได้คลองบัลลังก์ วินเซนต์ตัวจริงก็จะสูญเสียทุกอย่าง
ซึ่งนั่นจะเป็นการล้างแค้นให้แก่ “บัลรอย เทเมกริฟ” พี่น้องร่วมสาบานของฟล็อป ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ทว่า ตัวฟล็อปเองต้องการแบบนั้นจริงไหม? เขาควรปล่อยให้โอกาสในครั้งนี้ผ่านไปเฉยๆ หรือเปล่า?
[ไมลซ์: พวกเอ็งน่ะเลือกทำอย่างที่ใจต้องการได้นะเฟ้ย]
ฟล็อป: บอกให้ฟังหน่อยสิ จักรพรรดิปลอมคุง ที่มาหาเนี่ยเพราะอยากคุยเรื่องอะไรเหรอ?
คำพูดของผู้มีพระคุณในอดีตช่วยผลักดันให้ฟล็อปตัดสินใจเลือกหยุดจักรพรรดิตัวปลอมเอาไว้และถามไถ่เรื่องที่ค้างคาใจ
วินเซนต์(?): ――เรื่อง [มหาภัยพิบัติ] และต้นเหตุที่มันนำพาวิบัติในครั้งนี้มา
. จบตอน