
บทที่ 7 ตอนที่ 79 "เสียงสรวลเสสีชาด"
ทั้งหอประชุมงงกันหมด เพราะพริสซิลล่ากับยอร์น่ามีลักษณะภายนอกแตกต่างกันจนไม่น่าเป็นแม่ลูกกันได้ ทั้งสีผม สีตาและเผ่าพันธุ์ ไม่ตรงกันสักอย่าง
มีเพียงคนเดียวที่มองว่าทั้งสองคนคล้ายกันคือเอมิเลีย
ฝั่งพริสซิลล่านั้นไม่รู้มาก่อนว่ายอร์น่าได้กลายเป็นเก้าแม่ทัพเทวะ ส่วนยอร์น่า หลังจากที่อ้ำอึ้งอยู่นานก็เริ่มพูดต่อในที่สุด
ยอร์น่า: ――เดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะ เมื่อครู่ตกใจไปหน่อยเจ้าค่ะ แต่ยอมรับคำกล่าวอ้างนั้นไม่ได้หรอก เหตุใดถึงได้คิดว่าข้าน้อยเป็นแม่ของท่านกัน…?
พริสซิลล่า: หยุดแก้ตัวอย่างสมเพชทีเถอะ ถ้าคิดจะหลอกข้าพเจ้า ก็จงเปลี่ยนรูปลักษณ์ของดวงวิญญาณเสียสิ ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกเยี่ยงไร ก็หลอกดวงตาสีชาดของข้าพเจ้ามิได้หรอก
ยอร์น่า: อึก…
วินเซนต์: บ้าน่า… พริสซิลล่า นี่เจ้าพูดจริงงั้นรึ? จะบอกว่ายอร์น่า มิชิกุเระ คือ [แซนดร้า เบเนดิกต์] งั้นหรือ?
พริสซิลล่า: ――เช่นนั้นเองรึ เจ้าเองก็ไม่รู้สินะ อาเบล ไม่แปลกใจนัก ถ้าเจ้าตัวไม่บอกเองก็คงไม่มีทางดูออก
เอมิเลียท้วงขึ้นว่าพริสซิลล่าดูออกโดยที่ยอร์น่าไม่ได้บอกด้วยซ้ำ พริสซิลล่าจึงตอกกลับว่าอย่าพึ่งขัด เธอยังพูดไม่จบ
. แต่แล้วการ์ฟีลก็ชวนให้วงสนทนาวกประเด็นกลับมาคุยเรื่องรุยกันก่อน ออตโต้เองก็ยังเห็นควรว่าต้องจับตัวรุยไว้ ไม่ให้เธอเคลื่อนไหวตามใจได้
การ์ฟีล: ไม่ใช่ว่าจะหยุดลมหายใจสักหน่อยนี่วะ แต่ถึงง้านก็เถอะ ชั้นคนนี้ไม่ขอยอมรับการประนีประนอมเกินกว่าจับมัดไว้หรอกนะเฟ้ย แบบที่เขาเรียกว่า “แขนขาของทิโนสเหินห่างออกไป” ไง
อัล: ――แบบนั้นคงจะเป็นอะไรที่พี่น้องไม่อยากได้ยินที่สุดเลยล่ะนะ
การ์ฟีล: หาา?
ตอนนั้นเองที่อัลเอ่ยแทรกขึ้นและขอโทษสมาชิกฝ่ายเอมิเลียที่เขาพาตัวสุบารุกลับมาด้วยไม่สำเร็จ
ออตโต้: คำขอโทษลอยๆ แบบนั้น มีแต่จะเพิ่มปัจจัยให้ถูกเอาเปรียบนะครับ ที่จริง ถ้าอยากขอโทษละก็ ไม่ต้องยุ่งประเด็นนี้จะดีกว่า
อัล: แทงใจดำจี๊ด แต่ว่านะ อย่างที่บอกไป ที่พวกนายคิดจะทำกับยัยเปี๊ยกนี่ คือสิ่งที่พี่น้อง… คือสิ่งที่นัตสึกิ สุบารุ ไม่ได้ต้องการ
การ์ฟีล: ทำไมล่ะวะ!? พูดจาอ้อมค้อมอยู่ได้…
อัล: ――ชั้นเองก็พยายามฆ่ายัยเปี๊ยกนั่นเหมือนกัน แต่พี่น้องเข้ามาขวางไว้
. คำให้การของอัล ทำหน้าฝ่ายเอมิเลียต้องหวนคิดอีกครั้ง ทางออตโต้นั้นมองว่าสุบารุ “อ่อนโยน” เกินไป
ความอ่อนโยนที่สุบารุและเอมิเลียต่างมีเหมือนกันนั้น เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของทั้งคู่ ในมุมมองของออตโต้
แต่ถึงอย่างไร ผู้คนที่นี่ก็ยอมรับในตัวรุยกันแล้ว อัลกับมีเดียมก็ช่วยยืนยันว่ารุยยังไม่เคยก่อเรื่องร้าย
เพทร่ามองว่าควรใช้พันธสัญญาสลัก “ตราคำสาป” ลงบนร่างรุยเพื่อความชัวร์ แต่ออตโต้มองว่ามันเสี่ยงเกินไป เพราะเพทร่ามีตราคำสาปอยู่บนร่างแล้วอันหนึ่ง
การใช้คำสาปมากเกินไป ย่อมเสี่ยงการเกินผลย้อนกลับต่อผู้ใช้ แต่ถึงอย่างไร ความหวาดระแวงต่อตัวรุยของออตโต้ก็คงจะไม่จางหายไปในเร็ววันนี้
. ออตโต้ตัดสินใจยอมฟังความจากอีกฝั่งให้มากกว่านี้ ก่อนตัดสินใจ แต่การ์ฟีลยังคงทักท้วงอยู่ เอมิเลียจึงลองถามมีเดียมให้แน่ใจอีกครั้ง
เอมิเลีย: เด็กคนนี้… รุยน่ะอาจจะเป็นเด็กที่อันตรายม้ากมากเลยนะ อย่างที่พวกออตโต้คุงว่าเลย เธอเข้าใจดีใช่ไหม?
มีเดียม: …อื้ม เข้าใจดี
เอมิเลีย: แต่ว่า เธอไม่เห็นรุยทำเรื่องเลวร้ายอะไรเลย ทั้งเธอทั้งสุบารุมองรุยแบบนั้นเหรอ?
มีเดียม: อื้อ เธอช่วยปกป้องเราด้วย พูดจริงนะ ไม่ได้โกหก อาเบลจิน อัลจิน ทาริตต้าจัง ยอร์น่าจังเองก็รู้ดีใช่ไหม?
วินเซนต์กับยอร์น่าไม่ได้ตอบรับกลับทันที อัลนั้นยักไหล่ตอบ ส่วนทาริตต้าเองก็พยักหน้า
ทาริตต้า: ค่ะ รุยพยายามจะปกป้องทุกคนจริงๆ ฉันคิดว่าเธอแลดูจะติดสุบารุเป็นพิเศษ
ออตโต้: สมกับฉายา [ผู้ใช้สาวน้อย] เลยนะ ถึงมันจะไม่ใช่เวลามาล้อก็เถอะ
เบียทริซ: …เบ็ตตี้ไม่ค่อยชอบฉายานั่นเลยย่ะ ระวังปากด้วยนะยะ
เอมิเลียตัดสินใจที่จะเชื่อคำพูดมีเดียมและเลือกไว้ใจรุยที่มีเดียม อัลและทาริตต้ายอมเชื่อมั่นขนาดนั้น การ์ฟีลเองก็ไม่มีอะไรจะเถียงไปมากกว่านี้แล้ว
พอเบียทริซพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ เอมิเลียก็เดินเข้าไปหารุยใกล้ๆ
เอมิเลีย: อาจจะฟังดูอ้อมค้อมนี้ดนึงนะ… ฉันน่ะ เชื่อในตัวคุณซีคูร์และคุณมิเซลด้าที่ช่วยเหลือสุบารุกับเรม ก็เลยอยากเชื่อพวกมีเดียมจังที่สองคนนั้นเชื่อมั่นด้วย เพราะงั้น ให้ฉันได้ลองเชื่อมั่นในตัวเธออย่างที่มีเดียมจังเชื่อเถอะนะ
รุย: …อา อูว
เอมิเลียยื่นมือเข้าไปหาเด็กสาวที่หลบอยู่หลังมีเดียม รุยยังคงกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายเธอก็ยื่นมือออกไปแตะฝ่ามือของเอมิเลีย
รุย: อูอาอู
เอมิเลีย: อื้อ ฉันเองก็เป็นห่วงสุบารุเหมือนกัน
การจับมือของทั้งคู่ถือเป็นสัญญาณของการ “สงบศึกชั่วคราว” อย่างเป็นทางการ
. การ์ฟีลประกาศกร้าวว่าเขาจะจับตาดูรุยเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ออตโต้เองก็เห็นด้วยว่าควรระแวงไว้ก่อนจึงไม่ได้ห้ามปราม
ไหนๆ ประเด็นรุยก็จบไปแล้ว ซีคูร์จึงขอเปิดประเด็นต่อไป ซึ่งก็คือข่าวลือเรื่อง “องค์ชายผมดำ” บุตรชายขององค์จักรพรรดินั่นเอง
พวกออตโต้เองก็ได้ยินข่าวลือนี้ ที่ว่าบุตรชายของจักรพรรดิเป็นผู้นำกองกบฏที่หมายโค่นล้มบิดาตนเอง
ซีคูร์: อ้างอิงจากรายงาน ข่าวลือนี้เริ่มมาจากฝั่งตะวันออก มันแพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิแล้ว แต่ต้นกำเนิดก็คือ…
วินเซนต์: ถูกอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ ต้นกำเนิดของมันคือนครมาร ――การโค่นล้มบัลลังก์จำเป็นต้องใช้พลัง และพลังจะมารวมกันภายใต้อุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่
เพทร่ากับเฟรเดริก้าประติดประต่อข่าวลือนั้นกับเรื่องที่มีเดียมเล่าให้ฟังจนพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เพทร่า: อย่าบอกนะว่า บุตรชายของจักรพรรดิตามข่าวลือคือสุบารุงั้นเหรอคะ?
วินเซนต์: ถูกต้อง
เพทร่า: เรื่องแบบนั้นมัน…
พริสซิลล่า: ――คุ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
ตอนนั้นเองที่พริสซิลล่าหัวเราะขึ้นมาดังลั่นกลางห้องประชุมแบบไม่เกรงใจใคร แต่เธอปกปิดปากของตัวเองไว้หลังพัดที่ยกขึ้นมาบัง
พริสซิลล่า: เรียกเจ้าสามัญชนนั่นว่าองค์ชายงั้นหรือ น่าขำสิ้นดี อา อาเบลเอ๋ย เจ้าคิดจะทำให้ข้าพเจ้าขำจนตายหรืออย่างไร?
อัล: …ท่านหญิง?
พริสซิลล่า: อะไรกัน เจ้าเองก็หัวเราะด้วยสิ อัล ไม่สิ เจ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดนี่สินะ? เช่นนั้นเจ้าก็ทำให้ข้าพเจ้าขำเหลือเกิน ถือว่าทำหน้าที่ของตัวตลกได้ดีเยี่ยม
เอมิเลีย: เอ่อคือ มันความว่าไงกัน? สุบารุไม่มีทางเป็นลูกของจักรพรรดิได้จริงไหม? ก็เพราะว่าสุบารุน่ะมาจากอีกฟากฝั่งของมหาน้ำตกนี่นา
เฟรเดริก้า: เอมิลี่ นั่นน่ะท่านสุบารุน่าจะแค่พูดเล่นนะคะ
. คำอธิบายของเฟรเดริก้าทำให้เอมิเลียมึนหัวไปบ้าง แต่ใจความหลักก็คือพวกวินเซนต์ใช้ประโยชน์จากข่าวลือนี้ในการเกณฑ์พรรคพวกเป็นกองกบฏและทำให้สุบารุปลอดภัย
วินเซนต์ชมเชยความหัวไวของออตโต้ เฟรเดริก้าเองก็เริ่มคิดตามได้ทัน ในขณะที่เอมิเลียกับการ์ฟีลยังมึนๆ อยู่
การ์ฟีล: เข้าใจแค่ว่าจอมพลได้ตำแหน่งแปลกๆ มาเพิ่ม แต่ถ้าเป็นผู้นำกองกบฏ แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งเสี่ยงอันตรายกว่าเดิมเรอะ?
ออตโต้: ไม่เลย มันทำให้กลายเป็นจุดสนใจก็จริง แต่ความเสี่ยงต่อชีวิตจะลดลงไม่มากก็น้อย “องค์ชาย” น่ะจะมีค่าก็ต่อเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่
การมีอยู่ของบุตรชายของจักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย เป็นข้อดีต่อทั้งฝ่ายกบฏและฝ่ายจักรพรรดิ
ไม่ว่าฝ่ายจักรพรรดิจะอยากตัดสินโทษผู้นำเพื่อตัดทอนขวัญกำลังใจกองกบฏหรือชักใยผู้นำให้กองกบฏสูญเสียอุดมการณ์ ก็ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้องค์ชายที่ยังเป็นๆ
ออตโต้: สรุปคือ ไม่ว่าคุณนัตสึกิจะไปโผล่ที่ไหนหรือถูกใครจับตัวได้ เขาก็ไม่น่าจะถูกฆ่าแบบทันทีทันใด แต่ทว่า
เอมิเลีย: แต่ทว่าอะไรเหรอ?
ออตโต้: …เส้นทางหลีกเลี่ยงศึกชิงบัลลังก์สุดแสนวุ่นวายของวอลลาเคีย…ถูกตัดขาดไปเสียแล้ว
นัตสึกิ สุบารุเข้าไปพัวพันกับใจกลางของความอลหม่านในจักรวรรดิวอลลาเคียแบบที่ก้าวขาออกมาไม่ได้ ฝ่ายเอมิเลียเองก็เช่นกัน
พริสซิลล่า: ――ไงล่ะ น่าขำสิ้นดีเลยมิใช่หรือ?
ในตอนนี้ ทุกคนก็เข้าใจเสียทีว่าทำไมพริสซิลล่าถึงหัวเราะชอบใจขนาดนั้น ชะตากรรมสุดแสนบ้าบอของสุบารุนั่นเองคือต้นเหตุ
. จบตอน