
บทที่ 7 ตอนที่ 85 "ยูจิน(เพื่อน)"
ข่าวคราวของการปฏิวัติมาถึงกระทั่งหูของเรมที่ถูกกักตัวไว้ในคฤหาสน์ของเสนาบดีเบลสเต็ตซ์ ฟอนดาลฟอน
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เรมสัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบคฤหาสน์ดูตึงเครียดมากขึ้น
ฝ่ายจักรวรรดิเองก็ไม่นิ่งนอนใจและโต้ตอบด้วยการส่ง “แม่ทัพมังกรบิน” ไปไล่ล่าทัพกบฏไม่หยุดหย่อน
กระนั้นไฟแห่งการปฏิวัติก็ยังคงลุกลามไม่ถดถอย เรมคาดเดาว่าการเข้าร่วมของแม่ทัพยอร์น่า มิชิกุเระคือขวัญกำลังใจสำคัญของฝ่ายกบฏ
ทุกอย่างดูจะเป็นไปตามที่วินเซนต์ต้องการจนเรมอดสงสัยไม่ได้ว่าวินเซนต์วางแผนไว้ล่วงหน้ามากขนาดไหน
แต่ที่แน่ๆ เรมมั่นใจว่าสุบารุนั้นเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถูกวินเซนต์ใช้งานเพียงเท่านั้น
. คาชัว: เดี๋ยวเถอะ
เรม: อา…
คาชัว: มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ได้? ธะ…เธอน่ะเป็นคนบอกว่าอยากทำเองนี่? ถ้างั้นก็… ใช่แล้ว ถ้างั้นแสดงความรับผิดชอบด้วยการทำให้มันเรียบร้อยหน่อยสิ
เรม: ขอโทษด้วยนะคะ พอดีคิดเพลินไปหน่อย
เรมเผลอเหม่อลอยระหว่างที่กำลังมัดผมให้กับ “คาชัว โอเรลี่” ตัวประกันอีกคนที่เสนาบดีเบลสเต็ตซ์กักตัวไว้ที่นี่ด้วยเหตุผลบางประการ
คาชัวทำทีเหมือนจะต่อว่าเรม แต่พอเห็นว่าตัวเองว่าแรงไปหน่อย เธอก็รีบถอนคำพูด ซึ่งทำให้เรมเห็นแล้วอดอมยิ้มไม่ได้
. หลังอยู่ร่วมกันมาหลายวัน คาชัวก็เริ่มเปิดใจจนสนิทกับเรมมากขึ้น ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยอมรับออกมาตรงๆ ก็ตาม
คาชัวตั้งข้อสังเกตว่าเรมมัดผมเก่งมาก เธอเลยเดาว่าก่อนเสียความทรงจำเรมน่าจะเคยทำงานที่มีส่วนเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมมาก่อน
คาชัว: เหม่ออีกแล้วนะเธอ… คะ…คุยกับฉันมันน่าเบื่อสินะ ถ้างั้นล่ะก็! ไม่ต้องมาสนใจฉันแล้วไปหาคนอื่น ใช่แล้ว… ไปหาคนอื่นเลยสิ!
เรม: ไม่ได้ค่ะ คนอื่นในคฤหาสน์เขากำลังทำงานกันอยู่
คาชัว: แสดงว่าฉันเป็นคนเดียวที่ว่างงานสินะ? เธอถึงได้มาหาฉัน…
เรมพยายามปฏิเสธแต่ก็ออกอาการลังเล คาชัวเลยงอนจนเข็นรถตัวเองหนีไปกัดเล็บซึมๆ อยู่ที่มุมห้อง ออกอาการคล้ายแมวที่หวงพื้นที่ส่วนตัว
เรมสังเกตว่าคาชัวมักจะกัดเล็บเวลาที่เธออารมณ์เสียหรือเครียดอยู่เสมอ
. คาชัวต้องการคำตอบที่แน่ชัดว่าทำไมเรมถึงได้เลือกใช้เวลาอยู่กับเธอ และคาชัวคงจะไม่พอใจหากคำตอบของเรมเป็นเพียงแค่การหาคนคุยแก้เบื่อเท่านั้น
คาชัว: ทะ…ทำไมกันล่ะ? บอกมาสิ! ถ้าบอกไม่ได้ล่ะก็…
เรม: คือว่า คงเป็นเพราะตัวฉันอยากเป็นเพื่อน(ยูจิน)กับคุณคาชัวน่ะค่ะ
คาชัว: …
เรม: คุณคาชัว?
คาชัว: ยูจิน… ยูจินนี่มันใครกัน!?
เรม: เอ๋? อา ไม่ใช่ชื่อคนค่ะ ยูจินที่แปลว่าเพื่อนค่ะ
คาชัว: พะ…เพื่อนงั้นเหรอ?
พอคิดดูอีกที เรมก็รู้ตัวว่าเธออาจจะเผลอยัดเยียดความสัมพันธ์ให้อีกฝ่ายไปหน่อย เพราะทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นแค่ตัวประกันของเบลสเต็ตซ์เหมือนกันเท่านั้น
ทว่า สุดท้ายคาชัวก็หายซึนแล้วยอมรับความสัมพันธ์ว่าเรมกับเธอถือว่าเป็นเพื่อนกันได้แล้ว
. คาชัวเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามว่าเรมเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในครั้งนี้อย่างไร
เรม: ก็ไม่ค่อยจะรู้รายละเอียดนักหรอก แต่เดิมทีฉันน่ะ มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะถูกพาตัวมาจากศึกที่กำลังสู้กันอยู่ค่ะ ทางคุณคาชัวต่างไปเหรอคะ?
คาชัว: …ก็ไม่เชิงหรอก แต่ไม่อยากนึกถึงมันมากนัก พี่ชา… เจ้าพี่งี่เง่าก็ดันมาตายไปอีก …เกลียดสงครามที่สุดเลย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรมได้ยินคาชัวกล่าวถึงพี่ชาย เขาคงเป็นบุคคลที่สำคัญต่อคาชัวมากๆ แต่ดันต้องมาตายเพราะไปพัวพันกับศึกที่วินเซนต์ก่อ
ไม่แน่ว่าเรมเองก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายคาชัวด้วย ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เรมก็ยิ่งรู้สึกเกลียดสงครามและปรารถนาให้ไม่มีการสู้รบ
เรม: ถึงจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็หนีความจริงไม่ได้อยู่ดี ได้ยินว่าคู่หมั้นของคุณคาชัวเองก็ถูกส่งไปสู้รบเหมือนกัน กังวลใจใช่ไหมคะ?
คาชัว: หมอนั่นน่ะ…! ทะ…ทำยังไงก็ฆ่าไปตาย…หรอก แต่ว่า…
เรม: เคยคิดว่าคุณพี่ชายก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันสินะคะ?
คาชัวมีโอกาสที่จะเสียทั้งพี่ชายและคู่หมั้นไปเพราะวินเซนต์ บุคคลที่เรมให้การช่วยเหลือโดยไม่เต็มใจ ถึงอย่างไร วินเซนต์ก็มิเคยปรานีต่อศัตรู
เดิมทีเรมจำใจต้องอยู่ฝั่งวินเซนต์เพราะว่าเขานำทัพเผ่าชูดราคมาช่วยเหลือเรมจากค่ายทหารจักรวรรดิในป่า ตามคำร้องของสุบารุ
เรม: รุยจัง คุณพริสซิลล่า พวกคุณมิเซลด้า คุณฟล็อป…
กระนั้นเหล่าผู้คนที่เข้าร่วมอุดมการณ์ของวินเซนต์ที่เรมได้พบพานนั้นก็มีคนดีอยู่มากมาย จนเรมไม่อยากที่จะหนีออกมา
. ถ้าหากว่าได้รู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ คาชัวจะเกลียดเธอไหมนะ?
เรมได้แต่ครุ่นคิดเรื่องนั้นโดยไม่กล้าถามออกไป เพราะแค่นี้คาชัวก็โศกเศร้าเรื่องการตายของพี่ชายจะแย่อยู่แล้ว
เรมเลือกโกหกไปว่าที่เธอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิวัติเยอะ เป็นเพราะได้ถามมาจากกลุ่มกบฏที่ถูกจับตัวมาขังรวมกันไว้ที่คฤหาสน์เบลสเต็ตซ์ช่วงหลายวันมานี้
เหล่าเชลยศึกที่ถูกจับตัวมาล้วนแต่เป็นเด็กหนุ่มผมสีดำที่มีโอกาสจะเป็น “องค์ชายรัชทายาท” พวกเขาจึงถูกจับเป็นมาจากสนามรบเพื่อรอการตัดสิน
คาชัว: ก็สงสัยอยู่ว่ามันแปลกที่ฝ่าบาทไม่มีบุตรอยู่เลย ได้ยินว่างั้น อือ แต่ก็นะ… ฝ่าบาทไม่ได้เลือกองค์มเหสี… ที่ผ่านมา จักรพรรดิองค์ก่อนๆ ล้วนแต่มีคู่ครองและบุตรหลานอยู่มากมาย… แล้วถึงค่อยคัดเลือกจักรพรรดิองต์ต่อไปได้
เรม: กฎระบุไว้อย่างนั้น แต่คุณอาเบล… ไม่สิ จักรพรรดิวินเซนต์กลับไม่ยอมทำตาม แล้วไหนจะมีข่าวลือของ “องค์ชายรัชทายาทผมดำ” อีก
คาชัว: ได้ยินเขาพูดกันว่า “ปล่อยให้ฝ่าบาทดูแลจักรวรรดิไม่ได้หรอก” …บ้าบอสิ้นดี
เรม: บ้าบองั้นเหรอคะ?
ในมุมมองของคาชัว ยุคสมัยของวินเซนต์ทำให้ผู้อ่อนแอแบบเธอใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่าย จึงไม่น่าแปลกที่เธอจะเข้าข้างองค์จักรพรรดิ
. ไม่ว่าวินเซนต์จะมีบุตรชายอยู่จริงหรือเปล่า เรมก็มองว่าในหมู่เชลยศึกผมดำที่ถูกจับตัวมานั้นไม่ได้มีองค์ชายรัชทายาทรวมอยู่ด้วย
เรมเดาว่าวินเซนต์กับองค์ชายรัชทายาทน่าจะร่วมมือกันเพื่อโค่นบัลลังก์ของจักรพรรดิตัวปลอม ดังนั้นองค์ชายผู้ร่วมอุดมการณ์ของวินเซนต์ไม่น่าถูกจับตัวง่ายเช่นนั้น
มีความเป็นไปได้สูงที่องค์ชายรัชทายาทจะเป็นแค่เรื่องแต่งที่ฝ่ายกบฏกุขึ้นมาเองเพื่อที่จะยึดครองบัลลังก์
ดังนั้นคงเดาได้ไม่ยากว่าพวกองค์ชายตัวปลอมมีชะตากรรมเช่นไรรออยู่
คาชัว: ถูกหลอกใช้ ถูกเอาเปรียบ สุดท้ายก็ต้องตายหรือถูกจับ… พวกงี่เง่า
เรม: คุณคาชัว…
คาชัว: ทะ…ทำไมเล่า? ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ? หรือเธอจะบอกว่าเป็นเชลยศึกเหมือนกันอย่าได้สำคัญตัวนัก? จะบอกว่าพวกนั้นมันดีกว่าฉันงั้นเหรอ!?
คาชัวโวยวายด้วยน้ำเสียงสั่นเทาและน้ำตาที่ไหลปริ่ม เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าสถานะของตนเหมือนกับเชลยศึกเหล่านั้น เป็นได้แค่ภาระต่อคู่หมั้นของเธอ
เรมเข้าใจความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี แต่เธอไม่แน่ใจว่าสนิทกับคาชัวมากพอที่จะเปิดใจคุยเรื่องนั้นแล้วหรือยัง
มาเดลิน: ――แหกปากน่ารำคาญอะไรอยู่ได้ ยัยหนู
ตอนนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาของผู้บุกรุกที่โผล่มาจากหน้าต่างห้องก็ทำให้คาชัวขวัญผวาจนตัวแข็งกระด้าง
คาชัว: อา…อึก…
มาเดลิน: ส่งเสียงอู้อี้ทำไม ขวางหูขวางตาเสียจริง ต่อหน้ามังกรผู้นี้แท้ๆ เสียมารยาทสิ้นดี
. แม่ทัพ “มาเดลิน เอสชาร์ต” ทำให้คาชัวสั่นกลัวจนหายใจติดขัด เรมจึงลุกมายืนขวางไว้เพื่อปกป้องเพื่อนคนใหม่ของเธอ
เรม: คุณมาเดลิน
มาเดลิน: ยัยหนูผู้รักษา มาทำอะไรอยู่ที่นี่? เจ้าน่าจะมีภาระหน้าที่พึงกระทำอยู่ หรือว่าพอมังกรผู้นี้ไม่อยู่ ก็ขี้เกียจขึ้นมางั้นหรือ?
เรม: ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นค่ะ
ช่วงหลังมาเดลินไม่ค่อยอยู่คฤหาสน์ เพราะถูกเบลสเต็ตซ์กับวินเซนต์(ตัวปลอม)สั่งไปทำงาน แต่ที่เรมแปลกใจกว่าคือสภาพที่ท่วมไปด้วยเลือดสีดำของเด็กสาว
เรม: นั่นเลือดใช่ไหม? บาดเจ็บอยู่หรือเปล่าคะ?
มาเดลิน: อย่ามาเปลี่ยนประเด็น มังกรผู้นี้น่าจะสั่งให้เจ้ารักษาบาดแผลของชายผู้นั้นไปแล้วนี่
เรม: ไม่ได้เลี่ยงตอบค่ะ บาดแผลของคุณฟล็อปน่ะอาการคงที่แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น ช่วยตอบทีค่ะ ว่านั่นเลือดใคร…
มาเดลิน: ――มิใช่เลือดของมังกรผู้นี้ ก็แค่เลือดที่กระเซ็นมาติด
ถึงแม้จะเป็นเลือดที่แห้งแล้ว แต่ปริมาณของมันก็มากจนเหลือเชื่อว่าเป็นเลือดที่กระเซ็นมาติด เรมจินตนาการไม่ออกเลยว่ามาเดลินต้องเข่นฆ่าศัตรูมามากเพียงใด
เรม: ต่อสู้มางั้นเหรอคะ?
มาเดลิน: “ต่อสู้” แปลว่าศัตรูมีฝีมือทัดเทียม คิดว่ามีสิ่งใดที่เทียบเคียงมังกรผู้นี้ได้งั้นหรือ? มังกรผู้นี้ไปออกล่ามาต่างหาก ออกล่าด้วยข้อจำกัดน่ารำคาญล่ะนะ
เรม: น่ารำคาญ…?
มาเดลิน: ต้องจับเป็นคนที่ผมสีดำ ที่เหลือฆ่าทิ้งได้หมด
เรมเดาว่าเบลสเต็ตซ์คงเป็นผู้ที่กำชับให้มาเดลินจับเป็นเหล่ากบฏที่อาจจะเป็น “องค์ชายรัชทายาท”
ไม่แน่ว่าถ้าหากองค์ชายรัชทายาทเป็นของจริง เบลสเต็ตซ์อาจจะตายตาหลับได้อย่างสบายใจ
. เรมเผลอได้ใจว่าฐานะผู้รักษาของเธอเป็นสิ่งที่มาเดลินไม่สามารถหาผู้ทดแทนได้ ซึ่งเป็นการยั่วโมโหเด็กสาวมนุษย์มังกรจนดวงตาสีทองของเธอหรี่เล็กลง
มาเดลินที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้ทำให้เรมขนลุก แต่คาชัวรีบออกตัวปกป้องเรมทั้งที่ยังสั่นกลัวจนพูดตะกุกตะกัก
คาชัว: ยะ…ยัยบ้า! อย่าพูดอะไรเกินจำเป็นสิ! ขะ…เข้าใจผิดแล้วค่ะ! คำ…คำพูดของยัยนี่น่ะ…อย่าติดใจนักเลยค่ะ! ยัยนี่จำอะไรไม่ได้เลยไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไร งี่เง่ามากเลย
เรม: คะ…คุณคาชัว
คาชัว: ถึงจะงี่เง่า แต่มีเธออยู่ก็ดีกว่า อย่านะ อย่าเลยนะ… ให้โอกาสเถอะค่ะ! ให้โอกาสเธอทำงานให้เรียบร้อย ให้รักษาคนผมทองนั่นจนเสร็จ…
มาเดลินเปลี่ยนมาจ้องมองที่คาชัวแทนตัวเธอ เรมจึงเตรียมใจที่ใช้ร่างกายของเธอปกป้องคาชัว ขึ้นอยู่กับว่ามาเดลินจะทำอย่างไรต่อ
มาเดลิน: ――ผู้อ่อนแอเฉกเช่นเจ้า อย่าได้ต่อต้านมังกรผู้นี้อีก ครั้งหน้าไม่มีเตือนนะ
มาเดลินข่มขวัญทิ้งท้ายด้วยการขยี้ขอบหน้าตาที่เป็นศิลาจนแหลกคาฝ่ามือ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยอมรามือไปแค่นั้น ทว่า――
เรม: ช่วยถอนคำพูดที่เรียกคุณคาชัวว่าอ่อนแอทีค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์จะเรียกคนอื่นว่าเป็นผู้อ่อนแอแบบนั้น…
คาชัว: ยะ…อย่านะ! หยุดเลย ยัยบ้า! เดี๋ยวก็ตายหรอก! ยัยโง่! หยุดเดี๋ยวนี้!
เรม: คุณคาชัว! แต่ว่า…
คาชัว: มาตงมาแต่อะไรอีก หยุดเลย! เดี๋ยวได้ตายเอา! หยุดเถอะนะ!
ในเมื่อตัวคาชัวเองร้องขอขนาดนี้ เรมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมเลิกราไปแค่นั้น
. มาเดลิน: ระวังปากไว้ ยัยหนู ไว้จะหาผู้รักษาคนใหม่มาแทนที่เจ้า
มาเดลินเตรียมตัวจะไปเยี่ยมหาฟล็อปที่ห้องพัก แต่เรมขัดขึ้นมาอีกครั้งให้เธอไปอาบน้ำอาบท่าและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะฟล็อปเป็นคนเจ็บ ไม่ควรเข้าพบแบบไร้สุขอนามัย
แน่นอนว่านั่นเป็นการยั่วโมโหมาเดลินเพิ่มเติม แต่เด็กสาวมนุษย์มังกรก็รู้ดีว่าเธอควรทำตามคำแนะนำของเรมเพื่อฟล็อป
เรมเดาว่าที่มาเดลินใจอ่อนลงน่าจะเป็นฝีมือของฟล็อปนี่แหละ ไม่แน่สักวัน ฟล็อปอาจจะโน้มน้าวให้มาเดลินเปลี่ยนฝั่งได้
มาเดลิน: อย่าได้มองมังกรผู้นี้ด้วยสายตาอวดดี ยัยหนู ไม่ว่าแอบคิดอะไรอยู่ก็เปล่าประโยชน์ ――ถึงอย่างไร เวลาก็ไม่เหลือแล้ว
เรม: เวลาไม่เหลือแล้ว?
ไม่ว่าเธอจะเกลียดชังเรมแค่ไหน ความภาคภูมิใจของเผ่ามนุษย์มังกรย่อมมิยอมให้เธอกล่าวคำลวง ดังนั้น คำพูดต่อไปของมาเดลินจึงเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
มาเดลิน: ศึกตัดสินกับผู้ที่ต่อต้านจักรพรรดิใกล้เข้ามาแล้ว เพราะงั้นมังกรผู้นี้ถึงได้ถูกเรียกตัวกลับมา ――บทบาทของเจ้าจะจบลงในตอนนั้นแหละ
. มาเดลินบินจากไปเพื่ออาบน้ำแต่งตัวก่อนเข้าไปเยี่ยมฟล็อปตามที่คุย ทิ้งให้เรมและคาชัวกังวลใจถึง “ศึกตัดสิน” ที่เธอเอ่ยทิ้งท้าย
สองสาวรู้สึกเป็นกังวลเพราะไม่รู้ว่าสถานที่และเวลาของศึกตัดสินจะเป็นที่ใดและเมื่อไหร่
คาชัวเลิกระบายความกังวลใจนั้นด้วยการต่อว่าเรมที่พูดจาหาเรื่องตายก่อนหน้านี้แทน
ซึ่งก็สมควรแล้ว ถ้าหากว่าคาชัวไม่ขัดขึ้นมาก่อน มาเดลินอาจบันดาลโทสะจนเรมเจ็บหนักหรือตายได้เลย
เพราะงั้นเรมถึงยอมขอโทษคาชัวแต่โดยดี กระนั้นถ้าหากมีใครดูถูกคาชัวต่อหน้าเธออีก เรมก็คงจะทำแบบเดิมอยู่ดี
ภายใต้ความวิตกกังวลที่ท่วมท้น ถ้าหากว่า “ศึกตัดสิน” ใกล้เข้ามาแล้วอย่างที่มาเดลินกล่าวไว้จริงๆ…
เรม: …ตัวฉันจะช่วยอะไรได้บ้างนะ?
. จบตอน