webnovel arc7 chapter90

บทที่ 7 ตอนที่ 90 "เปลแห่งนรก"

หากว่ากันด้วยจำนวน ทัพกบฎมีจำนวนมากกว่าทหารจักรวรรดิถึงสองเท่า

ทว่า ฝ่ายกบฏนั้นขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงจำเป็นต้องมีผู้บัญชาการภาคสนามคอยช่วยควบคุมอยู่ด้วย

ทหาร 1: ――ไม่ผิดแน่! ที่แนวหน้าบนหอรบหนึ่งคือ “ลำดับสอง” อาราเคีย

ทหาร 2: คาดเดาว่า “ลำดับเก้า” มาเดลิน เอสชาร์ตอยู่ที่หอรบสอง! มีฝูงมังกรบินวนอยู่เหนือน่านฟ้า!

ทหาร 3: หอรบสามยืนยันตัวผู้พิทักษ์ไม่ได้!

ทหาร 4: เช่นเดียวกัน หอรบสี่ก็ไม่เห็นตัวผู้พิทักษ์! ยืนยันไม่ได้ครับ!

ทหาร 5: ที่หอรบห้าเห็นการโจมตีโดดเด่น… ไม่ใช่แม่ทัพเอก! เป็นแม่ทัพโท! คาฟม่า อิรูลุกซ์!

ซีคูร์ ออสมัน ฟังรายงานสถานการณ์รบตามจุดยุทธศาสตร์จากลูกน้องแล้วคอยบันทึกลงแผนที่ ที่ข้างตัวเขานั้นมีวินเซนต์อยู่ด้วย

วินเซนต์: ขอรายงานระยะไกลเพิ่ม เน้นไปทีหอรบ 3 และ 4… ข้อมูลเล็กน้อยแค่ไหนก็รายงานมาให้หมด ระบุตัวผู้พิทักษ์ตรงนั้นให้ได้

ซีคูร์: ขอรับ! เน้นย้ำการสอดส่องหอรบ 3 และ 4! จะต้องมีแม่ทัพชั้นเอกประจำอยู่แน่!

กำแพงหอรบของนครหลวงลูปุกาน่านั้นตีแตกยากเสียยิ่งกว่าเมืองกัวลาล แถมยังมีผู้พิทักษ์สุดแกร่งประจำการณ์อยู่ทุกมุมอีก

ซีคูร์: ถึงแม้ว่าสงครามจะเริ่มเร็วกว่าที่คิด มี “เก้าแม่ทัพเทวะ” ถูกเรียกตัวกลับมากี่คนกัน?

วินเซนต์: อย่างน้อย อาราเคีย มาเดลิน เอสชาร์ตและโมโกร ฮากาเนะนั้นเข้าร่วมศึกไม่ผิดแน่ หากนับแต่พลังต่อสู้ คาฟม่า อิรูลุกซ์นั้นก็ทัดเทียมกับแม่ทัพชั้นเอก โอลบาร์ต ดันคลูเคนอาจจะปฏิเสธเข้าร่วมเพราะอาการบาดเจ็บที่แขน แต่คงหวังเช่นนั้นได้ยาก

ซีคูร์: คิดว่าแม่ทัพชั้นเอกกอซและแม่ทัพชั้นเอกกรูวี่คงไม่เข้าร่วมศึกนี้งั้นหรือขอรับ?

วินเซนต์: กอซ ราลฟอน เป็นหรือตายเราก็ยังไม่รู้ ส่วนกรูวี่ กัมเล็ต ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะถูกเรียกกลับจากฝั่งตะวันตกไหม แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่ชัดทางฝั่งตะวันตกมิใช่ฝีมือทั้งฝั่งเราและฝั่งนั้น ――ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล

. กอซ ราฟฟอนเป็นแม่ทัพที่ทั้งแข็งแกร่งและเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าทหาร แถมเขายังปกป้องวินเซนต์ตอนที่หลบหนีออกมา

ฝั่งศัตรูย่อมไม่ควรปล่อยให้คนแบบกอซมีชีวิตอยู่ เพราะเสี่ยงต่อการเป็นขวากหนามในแผนการเสียเปล่าๆ

ที่น่าแปลกคือ หากจักรพรรดิตัวปลอมฆ่ากอซไปแล้ว เขาก็ควรจะโยนความผิดเรื่องการตายของกอซเป็นฝีมือพวกกบฏเพื่อเรียกขวัญกำลังใจจากเหล่าทหาร

ทว่า พวกตนกลับไม่ได้ยินข่าวอะไรเกี่ยวกับกอซเลย วินเซนต์จึงระแวงไว้ก่อนว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง

. ระหว่างที่วินเซนต์กำลังพยายามอ่านเกมของจักรพรรดิตัวปลอม มีเดียมก็เข้ามาร้องขอการอนุญาตให้เธอไปเข้าร่วมศึก เพื่อที่จะได้ช่วยพี่ชาย

แต่วินเซนต์ไม่ยอม เพราะการลงมือโดยไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดย่อมเป็นการเสี่ยงเปล่าๆ แถมใช่ว่าการช่วยสองคนนั้นจะช่วยพลิกสถานการณ์ในศึกสงครามได้

ซีคูร์: คุณหนูมีเดียม ท่านอาเบลเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ ก่อนจะบุกนครหลวง เรามิอาจที่จะเมินเฉยหอรบทั้งห้าได้ อย่างน้อยไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีหลังได้ข้อมูลอีกฝั่งแบบกระจ่างแล้วเถอะนะ

มีเดียม: ก้อ-บอก-แล้ว-งาย! เรื่องนั้นชั้นก็คิดดีแล้ว! ที่จริงก็อยากฟังเรื่องอันจังจากเด็กที่ชื่อมาเดลินอยู่หรอก แต่คงเป็นไปได้ยาก เลยจะเข้าไปข้างในจากส่วนที่ว่างอยู่แทน…

วินเซนต์: ――ช้าก่อน

ทันใดนั้นวินเซนต์ก็คว้าไหล่ของมีเดียมไว้เพราะเขาสกิดใจคำหนึ่งที่เธอเอ่ยขึ้นมา

วินเซนต์: บอกว่า “ส่วนที่ว่าง” งั้นหรือ? หากหมายถึงหอรบ เจ้าหมายถึงหอรบแห่งใดกัน?

มีเดียม: อ๊ะ! จริงด้วย! โทษทีนะ อาเบลจิน! มีคนฝากข้อความมาบอก! เอ่อคือ… บนหอรบสามเหลืออยู่แต่ตุ๊กตา บนหอรบสี่เหลืออยู่แต่เงาดำ… ไม่เห็นยอร์น่าจังจากทั้งสองที่ด้วย!

วินเซนต์: …

มีเดียม: อาเบลจิน?

ดวงตาของวินเซนต์เบิกกว้างชั่วขณะหลังได้ฟังข้อความจากมีเดียม เขามิได้กังขาในเนื้อหาหรือใส่ใจวิธีการพูดของผู้เล่า แต่สนใจในประเด็นที่สำคัญกว่า

วินเซนต์: ใครส่งเจ้ามาบอกกัน?

มีเดียม: เอ๊ะ?

วินเซนต์: ใครกัน?

. “ออตโต้ ซูเวน” ทำสมาธิเพื่อเตรียมรับกระแสข้อมูลนับไม่ถ้วนที่ไหลเข้ามาในหัวเขาในรูปแบบของ “เสียง” โดยการเปิดใช้ “พรคุ้มครองแห่งประกาศิต”

ประสบการณ์เช่นนี้คือ “เปลแห่งนรก” ที่เขาเคยสัมผัสในวัยเด็ก พรของเขาเป็นดาบสองคมที่ทำให้ชีวิตวัยเด็กของออตโต้ยากลำบากดุจนรก

ผู้ถือครองพรนี้ส่วนใหญ่รอดชีวิตได้ไม่ถึงวัยผู้ใหญ่ เพราะต้องตกอยู่ในขุมนรกแห่งเสียงที่แยกไม่ออกตั้งแต่จำความได้

แล้วในเวลานี้ ออตโต้ก็ได้เปิดใช้พรคุ้มครองของเขาอย่างเต็มที่เพื่อดึงข้อมูลจากเปลแห่งนรกอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ สุบารุได้ถามไถ่ถึงพรคุ้มครองแห่งประกาศิตของออตโต้และตั้งชื่อเล่นให้กับมันว่า “ชาแนล” ซึ่งออตโต้ก็มองว่ามันเป็นชื่อที่ไม่เลวและจำติดมาใช้ด้วย

. ออตโต้แยกเสียงนับไม่ถ้วนที่เขาได้ยินผ่าน “ชาแนล” มันมีทั้งความกลัว ความโกรธ ความเกลียดชังและข้อมูลไร้ประโยชน์มากมาย แต่เขาก็ประเมินข้อมูลอย่างไม่ลดละ

ออตโต้และสมาชิกในฝ่ายแอบเตรียมการกันลับๆ ว่าถ้าหากเอมิเลียตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะต้องบังคับดึงตัวเธอออกจากแนวหน้าทันที

แต่มาถึงจักรวรรดิขนาดนี้ พวกเขาไม่อาจกลับบ้านมือเปล่าได้อีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาตัวสุบารุกับเรมกลับมาด้วย

ด้วยเหตุนี้ การ์ฟีลจึงได้รับภาระหน้าที่สุดแสนหนักหนา แต่ออตโต้ก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวเข้าใจคำสั่งอย่างถูกต้องหรือเปล่า

. หลังได้ฟังคำแนะนำของเขา เอมิเลียก็ยังคงเลือกเส้นทางแสนยากลำบาก แต่ลึกๆ แล้วออตโต้ก็ดีใจที่เธอเป็นที่สามารถเลือกเส้นทางที่ตัวเขาเองอยากหลีกหนี

เพื่อการนั้นแล้ว ออตโต้ ซูเวนจึงตั้งใจจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มเพื่อห้อุดมการณ์ของเอมิเลียไปให้ถึงฝั่งฝัน

เพทร่า: ――คุณออตโต้เนี่ยบางทีก็บ้าจังเลยนะ นี่ค่ะ เลือดกำเดาไหลเยอะเลย แอบน่ากลัวนะคะ

เพทร่า เลเต กล่าวพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้ออตโต้เช็ดเลือดกำเดาที่ไหลอกมาเพราะออตโต้ใช้พรคุ้มครองหนักเกินไป

พอเห็นอีกฝ่ายอาการไม่ค่อยดี เพทร่าก็สั่งให้ออตโต้นั่งลงบนพื้นหญ้า เพื่อที่เธอจะได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดแทนเขา

ยิ่งออตโต้ถามคำถามเหล่าสิ่งมีชีวิตมากเท่าไหร่และยิ่งเพิ่มระยะการใช้งานของพรคุ้มครองกว้างเท่าไหร่ ผลกระทบก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

แต่นี่ก็เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและออตโต้นั้นก็ดื้อด้านที่จะพยายามสุดกำลังไม่ให้แพ้การ์ฟีลที่ต้องออกไปลุยแนวหน้า

. เมื่อครู่ออตโต้พึ่งวานมีเดียมไปบอกข้อมูลให้แก่วินเซนต์ โดยหวังให้ผู้บัญชาการผู้ปราดเปรื่องได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการชิงความได้เปรียบ

ออตโต้สังเกตเห็นว่าเพทร่ามีท่าทีงอนแปลกๆ จึงพยายามถามไถ่หาสาเหตุ

เพทร่า: ตัวฉันน่ะไม่ได้เป็นเด็กโง่อย่างที่คุณออตโต้คิดหรอกนะคะ

ออตโต้: เปล่าเลย ไม่สิ ใช่ครับ ผมคิดว่าเพทร่าจังเป็นเด็กที่หัวไวมากเลย

เพทร่า: แล้วก็ คุณออตโต้น่ะไม่ได้หัวดีอย่างที่ตัวเองคิดหรอกนะคะ

ออตโต้: เรื่องนั้นนี่… ตอบยากแฮะ

ออตโต้ไม่เคยประเมินว่าตนเองเป็นผู้ฉลาดรอบรู้เหนือใครที่สามารถประลองปัญญากับจอมเจ้าเล่ห์ที่สามารถวางแผนล่วงหน้าหลายก้าวราวกับมองเห็นทุกสิ่งได้

ที่เขารอดมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะประสบการณ์ เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ และทักษะในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเสียมากกว่า

เพทร่า: ฉันไม่ได้หมายถึงความฉลาดแบบนั้นค่ะ คุณออตโต้คะ ตัวฉันน่ะไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณออตโต้คิดนะคะ

ออตโต้: …นั่นมัน

เพทร่า: น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น…

เมื่อเพทร่าวางมือของเธอลงบนมือที่สั่นเทาของออตโต้ แสงสีขาวก็ส่องประกายขึ้นมา มันส่งผลให้เสียงอื้ออึงในหัวของออตโต้เบาลง

ออตโต้: นี่มัน… เวทตะวันงั้นเหรอ?

เพทร่า: หนึ่งในเวทมนตร์ที่นายท่านช่วยสอนให้ค่ะ ถึงจะยังเป็นแค่ระดับพื้นฐานก็เถอะ…

เวทมนตร์ของเพทร่าช่วยแบ่งเบาภาระที่ออตโต้ต้องแบกรับ มือของเด็กสาวผู้กล้าหาญช่วยดึงตัวออตโต้ไว้จากกระแสวังวนแห่งเสียงที่เชี่ยวกราก

เพทร่าไม่รู้ตัวเลยว่ามือของเธอเองก็กำลังสั่นเทา การมาอยู่กลางศึกสงครามคงทำให้เธอกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็เลือกมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเขา

ออตโต้จึงเตรียมที่จะใช้ไพ่ทุกอย่างที่เขามีอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยต่อสู้ในแบบของพ่อค้า

ออตโต้: เพทร่าจัง ขอรบกวนยืมมือหน่อยนะ ――ชาแนลของสงครามนี้น่ะ ผมจะครอบครองให้อยู่หมัดเอง

เพทร่า: พวกเราจะครอบครองให้อยู่หมัดค่ะ

ออตโต้ ซูเวนเปิด “ชาแนล” แบบเต็มที่อีกครั้งเพื่อกลับลงไปสู่ “เปลแห่งนรก” ทว่า ในคราวนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนสมัยวัยเยาว์

. จบตอน