webnovel arc8 chapter10

บทที่ 8 ตอนที่ 10 "ไม่มีใครอยู่ตัวคนเดียวได้"

หลังหมดสติไปกลางคันในศึกก่อนหน้า นัตสึกิ สุบารุก็ฟื้นขึ้นมาบนเตียงนอนในห้องเล็กๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนที่ผ่านมา

เบียทริซ: …ตื่นเสียทีนะยะ สุบารุเนี่ยเป็นตัวปัญหาที่ขี้เซาเสียจริงย่ะ

สุบารุ: เบียทริซ…

เบียทริซกุมมือสุบารุอยู่ตลอดเพราะกลัวว่าเขาตื่นมาแล้วจะหนีไปไหนอีก ยังไงเสียสุบารุก็เป็นประเภทที่ต่อให้ถูกโซ่ล่ามก็จะหนี แต่แพ้ทางการถูกคนอื่นจับมือไว้

พอสุบารุมองไปรอบตัวก็พบว่ามีเหล่าเพื่อนพ้องหลับอยู่รอบเตียงนอนของเขามากมาย ทั้งทันซ่า การ์ฟีล พวกเฮียอิน รุย และอูตาคาตะ

นอกจากเบียทริซที่กุมมือซ้ายเขาอยู่แล้ว ก็ยังมีเพทร่าที่นอนหลับอยู่บนเตียงข้างๆ และกุมมือขวาของเขาไว้

อิงจากคำพูดของเบียทริซ ดูเหมือนว่าเพื่อนๆ แต่ละคนจะแย่งกันกุมมือสุบารุ แต่สุดท้ายผู้ที่ชนะก็คือเบียทริซกับเพทร่า

สุบารุ: เฮ้ยๆ นี่ทุกคนอยากกุมมือชั้นตอนที่หลับอยู่งั้นเรอะ? ไม่ว่าจะฟังยังไง มันก็บ้าบอไปหน่อยไหม…

เบียทริซ: ไม่บ้าเลยสักนิดย่ะ

. เบียทริซย้ำเตือนให้สุบารุฟังอีกทีว่าตัวเขาสำคัญต่อพวกพ้องขนาดไหน ทุกคนถึงอยากช่วยเหลือเขา แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยอย่างกุมมือตอนหลับ

สุบารุ: …ที่เป็นห่วงชั้นกันจนเว่อร์เนี่ย เพราะตัวหดลงใช่มั้ยล่ะ ทุกคน

ออตโต้: จะใช่จริงเหรอ ส่วนตัวผมมองว่า แทนที่จะคำนึงถึงความเป็นห่วงเป็นใยของคนอื่น คุณนัตสึกิควรจะกังวลที่ตัวหดลงก่อนนะครับ

สุบารุ: ออตโต้เหรอ!

ออตโต้เปิดประตูห้องเข้ามาและย้ำเตือนให้สุบารุคำนึงถึงความรู้สึกของการ์ฟีลกับเพทร่า ที่ทั้งสองนอนเฝ้าสุบารุอยู่คงเพราะอยากคุยกับสุบารุเป็นคนแรก

ในเมื่อออตโต้ดันมาตัดหน้าไปเสียแล้ว เขาจึงพยายามเดินเลี่ยงผู้คนที่นอนอยู่ในห้องเล็กๆ เพื่อเข้ามาคุยกับสุบารุที่นอนอยู่บนเตียงใกล้ๆ

ออตโต้อาศัยช่วงก่อนที่ทุกคนจะตื่นเพื่อขออนุญาตบ่นเรื่องพฤติกรรมของสุบารุเป็นการส่วนตัว สุบารุจึงเตรียมใจให้พร้อมก่อนจะโดนบ่นจนหูชา

สุบารุ: เอาล่ะ จัดมาเลย บอกเลยนะว่าเมนทอล(จิตใจ)ของชั้นน่ะผ่านการฝึกมาแล้วจากที่นี่ อย่าหลงคิดว่าแค่คำพูดครึ่งๆ กลางๆ จะชนะได้เสียล่ะ

ออตโต้: ใช่เรื่องน่าอวดเหรอครับนั่น เอาเถอะ ไม่ได้คิดจะเทศนาให้ยืดยาวอยู่แล้วล่ะครับ ยังไงก็คงมีแค่ผมที่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะงั้นแค่สั้นๆ ก็พอ ――คุณนัตสึกิ

สุบารุ: โอ้…

ออตโต้: ――ดีใจเหลือเกินที่กลับมาเจอกันได้อย่างปลอดภัย อย่าปล่อยให้เป็นห่วงนักสิครับ

สุบารุ: อึก…

ออตโต้กล่าวเช่นนั้นพลางเอื้อมมาแตะไหล่สุบารุด้วยนิ้วมือที่สั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ที่กลั้นเอาไว้แทบไม่อยู่

การเตรียมใจของสุบารุสูญเปล่าหมดทันที คำพูดและท่าทางที่คาดไม่ถึงของออตโต้เป็นการโจมตีที่เจาะทะลุถึงดวงจิตของเขาราวกับเล่นโกง

ออตโต้: คุณนัตสึกิน่ะแพ้ทางอะไรแบบนี้ที่สุดอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?

สุบารุ: โธ่เว้ย… ไอบ้านี่… ว้ากกก!! แพ้แล้วๆ แพ้ขาดเลย ไอ้เวรออตโต้เอ๊ย!!

พอออตโต้เปลี่ยนสีหน้ากลับมายิ้มกว้างอย่างที่คุ้นเคย สุบารุก็รู้สึกละอายจนหน้าแดงและยอมรับความพ่ายแพ้แบบตะโกนโวยวายเสียงดัง

แน่นอนว่าเสียงโวยวายของสุบารุปลุกให้เพื่อนๆ คนอื่นที่หลับอยู่ทยอยกันตื่นขึ้นมา เบียทริซได้แต่ส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมแบบเด็กๆ ของเด็กหนุ่มทั้งสอง

. ห้องที่สุบารุพักอยู่ปัจจุบันคือห้องโดยสารแบบมีเตียงนอนบนรถมกรสำหรับชนชั้นสูง

เขาได้ทราบข่าวเพิ่มเติมว่าหลังตนหลับไปมีการอพยพจากนครหลวงจักรวรรดิลูปุกาน่าครั้งใหญ่

เฮียอิน: พี่น้อง! โล่งอกไปทีที่ปลอดภัย! ตอนที่อยู่ดีๆ พลังหายไปจากร่างน่ะ รู้สึกกังวลจนขวัญหนีดีฝ่อหมดเลยน้าา!

ไวส์: ถึงไอ้หนวดจะตายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าขาดเอ็งไปน่ะ หน่วยรบได้จบสิ้นแน่… ถ้าจะต้องตายล่ะก็ ใช้ข้าหรือคนอื่นเป็นโล่แทนเสียสิ…

อิโดร่า: ไวส์มันอาจจะพูดจาชวนงงหน่อย แต่ฉันก็เห็นด้วยนะ ชวาร์ซ ดีใจเหลือเกินที่นายยังกลับมาได้ ทั้งในฐานะหน่วยรบและส่วนตัวฉันเองด้วย

แก๊งสปาร์ก้าแสดงความห่วงใยต่อสุบารุ โดยเฉพาะเฮียอินกับไวส์ที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนเกิดเรื่อง แถมตอนที่สุบารุหมดสติไป การเสริมแกร่งจากคอร์ ลีโอนิสก็ถูกตัดขาด

โชคดีที่หน่วยรบเพลอาเดสกำลังถอยทัพอยู่พอดี คนที่หวิดตายมีเพียงไวส์ที่ดันแบกเสาที่เกือบจะถล่มอยู่และได้กุสตาฟช่วยเอาไว้ได้ทัน

อิโดร่า เฮียอินและไวส์กอดคอกันออกจากห้อง เพื่อเปิดโอกาสให้สุบารุได้เสวนากับทันซ่าตามลำพัง ทว่า ทันซ่ากลับเดินตามทั้งสามไปอย่างเงียบงันผิดปกติ

สุบารุต้องเอ่ยทักให้เธอหยุดก่อน แต่เด็กสาวกลับมีใบหน้าหม่นหมอง คอตก และพูดจาด้วยน้ำเสียงโทนจริงจังอย่างเดียว

สุบารุ: เป็นอะไรไป? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็…

ทันซ่า: ――เปล่าค่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาคุยกับท่านชวาร์ซในตอนนี้ ได้โปรดพักผ่อนให้เต็มที่และใช้เวลากับทุกท่านก่อนเถอะค่ะ

ทันซ่าทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป โดยที่สุบารุไม่กล้าพอจะหยุดเธอและได้แต่เพียงเตรียมใจไว้ว่าจะถามเธอทีหลัง

. เอมิเลีย: ――สุบารุ

เจ้าของน้ำเสียงที่ไพเราะดุจกระดิ่งเงินรอให้คนอื่นออกห้องไปหมดก่อนถึงเอ่ยทัก สุบารุทิ้งช่วงห่างก่อนตอบเล็กน้อยเพื่อเตรียมใจก่อนคุยกับเธอ

สุบารุ: เอมิเลีย

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เรียกชื่อเธอ หัวใจของสุบารุก็เปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกหวานละมุนและสั่นสะท้าน

เอมิเลียฉีกยิ้มและชมเชยสุบารุที่หามิตรสหายเพิ่มได้มากมายกระทั่งว่าเขาจะถูกพาตัวมาโผล่ที่แดนไกล การที่ทุกคนนอนเฝ้าเขาเต็มห้องเป็นหลักฐานอย่างดี

สุบารุ: ชั้นนี่ เป็นคนที่โชคดีเหลือเกินนะ

เอมิเลีย: ไม่ผิดแน่ แต่ว่าฉันน่ะอยากให้สุบารุมีความสุขยิ่งกว่านี้อีก แค่นี้ยังถือว่าน้อยไป ไม่พอหรอกนะ

สุบารุ: ทั้งที่ทำเพื่อกันมากขนาดนี้แล้วน่ะเหรอ?

เอมิเลีย: ถ้างั้น เวลาที่สุบารุทำอะไรเพื่อฉัน เคยรู้สึกพอใจว่าเท่านี้ก็พอแล้วไหมล่ะ?

เอมิเลียเอียงคอปล่อยให้เส้นผมสีเงินไหลพาดบ่า เป็นภาพที่งดงามจนสุบารุอ้ำอึ้งพูดต่อไม่ออก

นอกจากนั้นเขาก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด คนเราเวลาที่ทำเพื่อคนรัก ต่อให้มากเท่าไรมันก็ไม่เคยจะพออยู่แล้ว

เอมิเลีย: ฮุฮุ ว่าไง? ที่ฉันพูดมาไม่ได้มีอะไรผิดเลยใช่ไหมล่ะ? ท่านอัศวินของฉัน

สุบารุ: …นั่นสิเนอะ ช่วงที่ไม่ได้อยู่กับชั้น ดูเหมือนว่าเธอจะเติบโตขึ้นมากเลย ถึงจะภูมิใจแต่ก็คิดถึงเธอเหลือเกินนะ เอมิเลีย

เอมิเลีย: “เอมิเลีย”?

สุบารุ: …ไม่ใช่สิ ต้อง “เอมิเลียตัน” ถึงจะถูก

สุบารุเค้นเอาชื่อเล่นที่อยู่ความทรงจำออกมา ชื่อเล่นของเด็กสาวสุดแสนสำคัญ เด็กสาวผู้เป็นที่รักยิ่ง และยังเป็นเด็กสาวคนที่เขาคิดถึงอยู่เสมอจนหัวใจว้าวุ่น

. เพทร่า: ท่านพี่เอมิเลีย! ขอพวกเราคุยกับสุบารุมั่งสิคะ

ตอนนั้นเอง เพทร่า ออตโต้ การ์ฟีล เบียทริซ และเฟรเดริก้าก็ทยอยกันเข้าห้องมา ทุกคนพากันเหน็บแนมออตโต้ที่แอบย่องไปคุยกับสุบารุก่อนใครเพื่อน

เพทร่ากับเฟรเดริก้าสวมชุดเดินทางที่สุบารุไม่คุ้นเคย พอทุกคนกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าอย่างปลอดภัย เฟรเดริก้าก็น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน

สุบารุเองก็รู้สึกซาบซึ้งที่เพื่อนๆ ถ่อกันมาหาเขาถึงวอลลาเคียทั้งที่ชายแดนน่าจะปิดจนหาทางลักลอบเข้าได้ยากลำบากแท้ๆ

สุบารุ: ขอบคุณจริงๆ นะ ทุกคน

การ์ฟีล: เหะๆ พวกชั้นน่ะต้องมาอยู่แล้วเซ่ ขืนขาดจอมพลไป เรามีหวังไปไม่เป็นกันหมดแหง

เพทร่า: อื้อ คุณการ์ฟพูดถูก …แต่ตกใจนิดหน่อยที่ตัวเล็กลงขนาดนี้นะเนี่ย

แน่นอนว่าเรื่องขนาดตัวของสุบารุคือปัญหาสำคัญที่เขาต้องแก้ไขก่อนเดินทางกลับลูกุนิก้า หากไม่กลับไปเป็นวัย 18 ปีดังเดิม สุบารุคงยืนเคียงข้างเอมิเลียไม่ได้

เบียทริซกับเพทร่าเองก็อยากให้สุบารุกลับไปวัยเดิมเช่นกัน ถึงแม้ว่าเพทร่ากับเอมิเลียจะเสียดายเล็กน้อยเพราะสุบารุในร่างเด็กน่ารักดี

การได้มาอยู่พร้อมหน้าและพูดจาหยอกล้อกับสมาชิกพรรคเอมิเลียอีกครั้งทำให้สุบารุอิ่มเอมใจ มันเป็นอะไรที่หาเทียบไม่ได้แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนใหม่หลายคนที่นี่

สุบารุ: แต่ว่า รอสวาลกับรัมมาด้วยไม่ได้อย่างที่คิดเลยสินะ ไม่สิ แค่เอมิเลียตันมาคนเดียวก็สุ่มเสี่ยงแย่อยู่แล้ว

สุบารุกล่าวถึงสองคนที่เขายังไม่เห็นหน้าและเดาว่าสองคนนั้นรวมถึงเมย์ลี่คงได้อยู่เฝ้าที่คฤหาสน์

เอมิเลีย: เอ๊ะ? อา ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก รอสวาลกับรัมเองก็มาด้วย ทั้งสองคนเป็นห่วงสุบารุม้ากมากเหมือนกัน

คำตอบของเอมิเลียทำให้สุบารุตกใจจนสติค้างไปเล็กน้อย การที่รอสวาลถ่อมาถึงนี่เองนั้นน่าตกใจก็จริง แต่ที่สุบารุช็อคกว่าคือรัมมาด้วย เพราะนั่นแปลว่า…

สุบารุ: ธะ…เธอได้เจอกับเรมรึยัง?

สีหน้าของทุกคนบ่งบอกได้ทันทีว่าเรมกับรัม สองพี่น้องที่พลัดพรากได้เจอกันเรียบร้อยแล้ว แถมมันดันเกิดขึ้นตอนที่สุบารุหมดสติอยู่อีกต่างหาก

สุบารุ: อุว้ากกกกก!! อยากอยู่ดูฉากนั้นด้วยชะมัดเลยเฟ้ยยย!!

พอสุบารุเริ่มโวยวาย เอมิเลียก็ขอโทษเพราะเธออยากให้สองพี่น้องได้เจอกันไวๆ ซึ่งสุบารุก็เข้าใจดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ยืดเยื้อการเจอกันของสองแฝด

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความผิดของสุบารุ แต่สุบารุก็เจ็บใจอยู่ดีที่เขาไม่ได้อยู่ดูเหตุการณ์สำคัญนั้นด้วยตาตัวเอง

สุบารุ: ละ…แล้วเป็นไงมั่ง? การตอบสนองของทั้งสองคนน่ะ…

เอมิเลีย: ก็แบบว่า…ยังเกร็งๆ กันอยู่อย่างที่คิด… แต่ว่า เป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดๆ เลยล่ะ! ขนาดฉันเองยังน้ำตาไหลนิดๆ เลย…

สุบารุ: ว้ากกกก!

เบียทริซ: เอมิเลีย! คิดก่อนพูดหน่อยสิยะ! สุบารุน่าสงสารชะมัดเลยย่ะ!

สุดท้ายสุบารุดันเสียน้ำตาให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเพื่อนๆ ต้องช่วยกันปลอบ เรื่องนี้ทำให้เขาสาปแช่งร่างวัยเด็กแสนขี้แยของตนเข้าไปใหญ่

. ในขณะเดียวกัน เรมก็อยู่นอกห้องพักกับรุยเพื่อเปิดโอกาสให้สุบารุได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ซึ่งเรมในตอนนี้รู้แล้วว่าพวกเขาแล้วแต่เป็นคนดีทั้งนั้น

กลุ่มคนที่นำโดยเอมิเลียยอมลงทุนเดินทางข้ามมาวอลลาเคียทั้งที่ชายแดนปิดและเข้าร่วมสงครามกลางเมืองที่พวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อช่วยสุบารุกับเรม

รัม: ――ได้ยินเสียงไม่น่าฟังของบารุสุดังมาถึงนี่เลยนะ

การพูดจาเหน็บแนมสุบารุของรัมทำให้รุยที่นั่งอยู่บนตักเรมจ้องเธอเขม็ง มันไม่เชิงว่ารัมเกลียดสุบารุ เธอเพียงแค่จิกกัดเขาเป็นกิจวัตร ซึ่งเป็นสิ่งที่เรมกับรุยเข้าไม่ถึง

กระทั่งตอนนี้ เรมก็ยังคงต้องขอเวลาทำใจสักนิดก่อนจะมองหน้ารัมเพื่อสนทนาด้วย

เรม: …คุณรัม

รัม: เรียกกันซะห่างเหินเลยนะ แต่ทางรัมน่ะพร้อมให้เรียกว่าพี่สาวแล้ว

เรม: สำหรับทางฉัน อะไรๆ มันก็ปุบปับไปหมดเลยค่ะ…

รัมหน้าตาเหมือนเธอทุกประการ ต่างกันแค่สีผม สีตา และความมั่นใจอันเปี่ยมล้น ถึงแม้จะไร้ความทรงจำ ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือฝาแฝดของตน

รัม: ไม่ว่าจะคิดยังไง หัวใจของเรมจะต้องสัมผัสได้อย่างแน่นอน เพราะว่ารัมกับเรมน่ะเป็นพี่น้องกัน… ประสาทสัมผัสเชื่อมมันไม่โกหกอยู่แล้ว

เรม: ประสาทสัมผัสเชื่อม…

รัม: เป็นเหมือนการเชื่อมต่อของดวงวิญญาณระหว่างฝาแฝดร่วมสานเลือดน่ะ รัมสัมผัสได้ถึงตัวตนของเรมตลอดมา …เรมสัมผัสไม่ได้เหรอ?

เรมนิ่งเงียบไป ไม่ใช่ว่าเธอปฏิเสธสิ่งที่รัมพูด ถึงจะไม่รู้ว่าประสาทสัมผัสเชื่อมคืออะไร แต่ทันทีที่เห็นรัม เรมก็รู้ทันทีว่าเธอคนนี้เป็นคนสำคัญ

เรม: …แต่ว่า กลัวค่ะ

สำหรับเรมที่สูญเสียความทรงจำ เธอมีเพียงสุบารุกับรุยเป็นความสัมพันธ์ตั้งต้นนับแต่ที่จำความได้

หลังจากนั้นเรมก็ได้สร้างสัมพันธ์อีกมากมายกับทั้งกับเผ่าชูดราค ฟล็อป มีเดียม พริสซิลล่า และคาชัว

ทว่า ตัวตนของรัมกลับก้าวข้ามลำดับสำคัญเหนือกว่าความสัมพันธ์ที่เรมอุตส่าห์สร้างมาเหล่านั้นรวมกันในทันที เพราะงั้นแหละเรมถึงได้กลัว

. จริงอยู่ว่าถ้าหากเธอได้ความทรงจำคืนมา ปัญหาทั้งหลายก็จะคลี่คลายไปหมด แต่เรมก็กลัวว่าพอได้ความทรงจำคืนแล้ว ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมดเช่นกัน

ทว่า รัมเองก็กลัวเรื่องเดียวกัน รัมกลัวว่าเรมจะยอมรับเรื่องประสาทสัมผัสเชื่อมได้ง่ายๆ และโผกอดเธอทันที

สถานะความสัมพันธ์อันซับซ้อนของทั้งคู่ทำให้สองพี่น้องกังวลไม่ต่างกัน

พอสัมผัสได้ว่าจิตใจของเรมสับสน รุยก็ส่งเสียงไม่พอใจใส่รัม ฝั่งรัมเลยจิกกัดรุยด้วยคำพูดและสายตาคืนแต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือทำอะไร

เรม: คุณน่ะคือพี่สาวของฉันไม่ผิดแน่ เรื่องนั้นปักใจเชื่อได้อย่างไร้ข้อกังขา แต่ว่า…

รัม: ถึงหัวใจจะเชื่อมั่น แต่สมองมันทำใจเชื่อไม่ได้สินะ?

เรม: ค่ะ…

รัม: งั้นเหรอ ในตอนนี้ แค่นั้นก็ดีแล้วล่ะ

พอรัมพยายามเดินเข้าใกล้อีก รุยก็มายืนขวางเรมไว้ จนเรมต้องบอกรุยว่า “ไม่เป็นไร” ก่อน เด็กสาวถึงยอมหลีกทางให้ จากนั้นรัมก็ยื่นมือออกมา

รัม: ชื่อรัมนะ เป็นพี่สาวของเธอ ที่เกิดมาเพื่อรักเธออย่างแน่นอน

เรม: ยังคิดว่าคุณเป็นคนน่ากลัวอยู่ก็จริง แต่พอคุยกับคุณทีไร ก็รู้สึกปลอดภัยจนอยากปล่อยตัวปล่อยใจไปหมดทุกที

รัม: ช่วยไม่ได้ล่ะนะ รัมน่ะคือพี่สาวที่อยากได้ความเชื่อใจและความรักจากน้องอย่างเต็มที่ยังไงล่ะ

เรม: ค่ะ พี่รัม

เรมตัดสินยอมรับความรู้สึกในหัวใจและเอื้อมมือไปสัมผัสกับพี่สาวเป็นครั้งแรก ทว่า รัมกลับมีท่าทีประหลาดต่อวิธีเรียกชื่อจนเธอชั่งใจอยู่สักพัก

รัม: ――“ท่านพี่” น่ะ

เรม: เอ๋?

รัม: ช่วยเรียกว่า “ท่านพี่” ที เรียกแบบนั้นสบายใจที่สุดแล้ว

เรม: ท่านพี่…รัม?

รัม: ชื่อไม่ต้องก็ได้

เรม: ――ท่านพี่

พอได้ยินเรมเรียกเธอด้วยคำที่สุบารุเคยบอก รัมก็ดึงตัวเรมมากอดไว้ทันที ไม่มีอะไรค้างคาอีกต่อไป ทั้งสองเชื่อมั่นว่าอีกฝ่ายคือพี่น้อง

ความรู้สึกปลอดภัยและความรักที่มีต่อพี่สาวเอ่อล้นจากร่างของเรมผ่านอ้อมกอดนั้น ทั้งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในความทรงจำ แต่มันกลับสะท้อนออกมาจากดวงวิญญาณ

ในเมื่อเรื่องพี่น้องจบปัญหาไปแล้ว รัมจึงจะพาตัวเรมเข้าไปหาพวกเอมิเลียและสุบารุในห้องพัก รุยแสดงท่าทีเป็นห่วง เรมจึงลูบหัวเธอเพื่อปลอบใจ

จากนั้นสองพี่น้องฝาแฝดก็เปิดประตูห้องเข้าไป หาเพื่อนๆ ของพวกเธอ

เรม: ――ขอรบกวนนะคะ ได้ยินเสียงน่ารำคาญไปถึงด้านนอกเลย

รัม: บารุสุน่ะสิ เสียงอย่างกับสัตว์ตัวเล็กแหกปากเลยนะ

. สุบารุรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก หลังเขาพาตัวเรมกลับมาเจอรัมและเหล่าสมาชิกพรรคเอมิเลียได้สำเร็จตามเป้าหมาย

ปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ในปัจจุบันเหลือเพียงขนาดตัวที่หดเล็กลงของเขา และความทรงจำของเรมที่ยังคงไม่กลับมา

กระนั้นสุบารุก็เชื่อมั่นว่าปัญหาทั้งสองอย่าง พวกตนจะต้องร่วมมือกันคิดหาหนทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน

ที่เหลือคือการเสวนากับบุคคลหนึ่ง ซึ่งสุบารุจำเป็นต้องขอให้เบียทริซและพวกเอมิเลียออกไปรอด้านนอกก่อน ไม่เช่นนั้น บุคคลดังกล่าวอาจจะไม่ยอมคุยด้วย

ยังมีคำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในหัวและสุบารุต้องการคำตอบ

มีการอพยพผู้คนออกมาจากนครหลวงจักวรรดิมากเพียงใด? ตัวจริงของพวกซอมบี้คืออะไรกันแน่? ทหารจักรวรรดิกับทัพกบฏคืนดีกันหรือยัง?

ทำไมพวกเอมิเลียถึงเล่าเฉพาะข่าวดี? เหตุใดทันซ่าถึงดูท่าทางเศร้าโศก? และเหตุการณ์ก่อนที่สุบารุจะหมดสติมันจบลงอย่างไรกัน?

สุบารุ: ช่วยตอบคำถามพวกนี้ให้หมด หรือไม่ก็อย่างน้อยสักครึ่งนึงได้ไหม?

วินเซนต์: ――นั่นน่ะ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าพร้อมจะแลกเปลี่ยนมากเพียงใด

วินเซนต์ที่นั่งอยู่ในห้องเงียบๆ มาโดยตลอดส่งเสียงพูดเป็นครั้งแรก เขาเดินเข้าประชิดหาเตียงนอนของสุบารุแล้วกล่าวต่อด้วยสายตาชิงชัง

วินเซนต์: เจ้าน่ะแตกฉานในวิชามากเพียงใดกัน นัตสึกิ สุบารุ? ――“นักอ่านดารา” แห่งราชอาณาจักรมิตรมังกรเอ๋ย

. จบตอน