เอมิเลียและเบียทริซตามมาสมทบกับเรมที่ตู้โดยสารซึ่งมีห้องพักของสุบารุอยู่ ตามความรู้สึกของเรม สองคนนี้มีความเกี่ยวพันกับสุบารุอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ
สามสาวเฝ้ารอดูผลลัพธ์ของการเผชิญหน้าระหว่างสุบารุกับวินเซนต์ แม้จะสังหรณ์ไม่ดีเพราะสองหนุ่มเข้ากันไม่ได้ดุจน้ำกับน้ำมัน
เรมรู้สึกอุ่นใจที่พวกเอมิเลียไม่ได้มีกลิ่นประหลาดที่น่าหวาดระแวงแบบสุบารุ เลยรู้สึกวางใจและเชื่อมั่นว่าพวกเธอเป็นคนดีได้อย่างรวดเร็ว
เรม: …ดูเหมือนว่าจู่ๆ กลิ่นของเขาคนนั้นจะหายไปนะคะเนี่ย
มีเดียม: หือออ? เรมจัง เอมิลี่จัง แล้วก็เบียทริซจังนี่นา!
ระหว่างที่กำลังตั้งข้อสังเกตเรื่องกลิ่นของสุบารุ มีเดียมที่ร่างกายกลับมาเป็นสาวผู้ใหญ่ดังเดิมก็ตามมาสมทบ เธอเป็นห่วงว่าสุบารุกับวินเซนต์จะตีกันเลยมาเตรียมห้ามมวย
เรมไม่คิดว่าวินเซนต์จะเป็นประเภทที่ลดตัวไปต่อยตีระหว่างถกเถียง แต่เอมิเลียกับเบียทริซเห็นพ้องกับมีเดียมว่าสุบารุอาจเป็นฝ่ายที่ลงไม้ลงมือก่อนได้ และตอนนั้นเองประตูห้องพักก็เปิดออก
สุบารุ: ――ฟังนะ เราต้องแอบย่องไปหาการ์ฟีลก่อน ถ้าเป็นหมอนั่นจะต้องเข้าใจสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพวกเราแน่นอน
วินเซนต์: เรื่องอื้อฉาวว่าอัศวินแห่งราชอาณาจักรลงไม้ลงมือกับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิงั้นหรือ?
สุบารุ: ขอบอกเลย ถ้าเกิดต้องขึ้นโรงขึ้นศาลล่ะก็ ชั้นจะปากโป้งเรื่องของนายแน่!
วินเซนต์กับสุบารุที่เนื้อตัวท่วมไปด้วยเลือดไม่ได้คาดฝันว่าจะมีสี่สาวดักรออยู่หน้าห้องพัก พวกเขาจึงหมดหนทางที่จะปิดบังเรื่องที่วิวาทกัน
เรม: นี่หรือว่า…
มีเดียม: ทั้งสองคนทะเลาะกันหนักกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย!?
เอมิเลีย: ยะ…แย่แล้ว! เบียทริซ! รีบใช้เวทมนตร์รักษาเร็ว!
เบียทริซ: เห็นไหมล่ะยะ! รู้งี้เบ็ตตี้อยู่ด้วยแต่แรกก็ดีหรอกย่ะ!
สุบารุ: เอ่อคือว่า รู้เลยว่าต้องโกรธกันแน่ๆ เพราะงั้นขอบอกไว้เลยว่า…คืนดีกันเรียบร้อยแล้ว
. หลังได้รับการรักษาแผลโดนมีดบาดที่ฝ่ามือ มีเดียมก็ตำหนิสองหนุ่มที่ทะเลาะวิวาทกันจนห้องพักเละเทะหมด
แถมมีเดียมยังกล้ากระทั่งเขกกะโหลกสั่งสอนวินเซนต์ไปที เรมขออนุญาตเขกกะโหลกด้วยคน แต่วินเซนต์ปฏิเสธ เพราะเดี๋ยวไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี
เบียทริซทำการรักษาแผลให้สุบารุ ส่วนเอมิเลียก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดเลือดตามตัวเขาพลางลูบหัว แล้วแนะนำให้สุบารุไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
เรมเห็นภาพสองสาวดูแลสุบารุอย่างมีความสุขแล้วรู้สึกจุกอกแปลกๆ ระหว่างนั้น มีเดียมที่ปลอบใจวินเซนต์เสร็จก็ชวนเข้าประเด็นต่อไป
มีเดียม: ถ้างั้น ไปรวมตัวกับทุกคนเลยมั้ย? อันจังมีเรื่องที่อยากคุยกับอาเบลจินอยู่ด้วยล่ะ
วินเซนต์: ยังไม่มีเวลาคุยกับเจ้านั่น น่าจะถึงเวลาที่เรือเหาะมกรบินของเซรีน่า ดราครอยกลับมาแล้ว ถึงอย่างไรก็อยากหารือกับเหล่าสมาชิกหลักก่อน
วินเซนต์ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในนครหลวงจักรวรรดิเป็นลำดับแรก หลังจากนี้จึงน่าจะมีการประชุมที่คนสำคัญอย่างสุบารุกับเอมิเลียได้เข้าร่วม
แต่ก่อนหน้านั้น สุบารุมีธุระอื่นที่จะต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน
สุบารุ: ――เรม ช่วยพาไปหาคุณคาชัวที
. พอไปถึงที่หมาย สุบารุก็ได้พบชายสวมผ้าปิดตาผู้มีใบหน้าและน้ำเสียงป่าเถื่อนรออยู่ที่นั่นด้วยอย่างไม่คาดฝัน
จามาล: อารายว้า ไอ้เด็กเหลือขอ? ที่ที่ไม่ใช่ที่ของเอ็งนะโว้ย
สุบารุ: นั่น จามาลเรอะ?
จามาล: อ๋า? ไหงถึงรู้ชื่อข้าได้ล่ะวะ ทางนี้ไม่รู้จักเอ็งเลยนะโว้ย
สุบารุ: นาย ยังมีชีวิตอยู่หรอกเรอะ…
จามาล: เป็นเด็กเปรตที่หยาบคายชิบหายเลยนะ เฮ้ย!?
ในที่สุดสุบารุก็ปะติดปะต่อได้ว่าจามาลคือพี่ชายของคาชัว เนื่องจากท็อดด์เคยบอกไว้ว่าคู่หมั้นของเขาเป็นน้องสาวของจามาล ไหนจะมีเรื่องสีผมกับความหยักศกอีก
จามาล: ถึงจะไม่รู้จัก แต่พูดจาน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ไอ้เด็กเปรต ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ไสหัวไป…
คาชัว: ――พี่คะ! หยุดเลยนะ!
คาชัวตะโกนห้ามพี่ชายที่กำหมัดขู่เด็กจากบนเตียงในห้องพักที่มีลักษณะโครงร่างเหมือนห้องพักของสุบารุทุกประการ
จามาล: อย่าฝืนสิน้อง! อาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะงั้นอย่าขยับตัวนักเลย
คาชัว: หนูไม่ได้บอบบางขนาดนั้น! อย่าเอาไปเทียบกับพี่ชายที่ขนาดตายก็ยังไม่ตายสิ!
จามาล: ไม่ได้ตายตั้งแต่แรกแล้ว พวกเธอนั่นแหละที่ฆ่าพี่ในหัวกันเอาเอง!
. เรมที่มาด้วยกันสอบถามสารทุกข์สุกดิบจากคาชัว ซึ่งเปิดโอกาสให้สุบารุเดินเข้าไปใกล้ๆ เตียงนอนเพื่อบอกเรื่องสำคัญกับเธอ
สุบารุ: ขอโทษนะ ที่พาท็อดด์กลับมาด้วยไม่ได้
แม้ความสัมพันธ์จะแตกหักจนยากที่จะแก้ไข แต่สุบารุก็ปฏิเสธที่จะฆ่าท็อดด์จนถึงท้ายที่สุด ถึงกระนั้นก็ยังหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่มันลงเอยไม่ได้อยู่ดี
สุบารุ: คือว่า… เห็นถูกกระแสน้ำที่ท่วมเมืองพัดหายไป ที่บอกได้มีแค่นั้นแหละ
คาชัว: อา…
สุบารุ: ตอนที่ต่อสู้กับซอมบี้ดันรับบทเป็นเหยื่อล่อจนมีบาดแผลตามตัวด้วย เพราะงั้นแหละ…
สุบารุไม่อยากมอบความหวังที่เกินจริง เขาจึงรายงานสิ่งที่เห็นกับตาให้แก่คาชัวและจามาล สุบารุเห็นกับตาจริงๆ ว่าท็อดด์ถูกน้ำโคลนพัดหายไปและยังไม่มีใครพบร่าง
ทว่า สุบารุไม่ได้เล่ารายละเอียดทุกอย่าง เขาเก็บงำเรื่องที่ท็อดด์เป็นมนุษย์หมาป่าและการที่ท็อดด์ถูกเรมใช้ขวานจามอกก่อนตกน้ำเอาไว้เป็นความลับ
เพราะถึงอย่างไร ท็อดด์ แฟงก์ ที่บาดเจ็บหนักจนหมดสติและถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดพาก็คงไม่มีทางรอดชีวิตกลับมาได้
จามาล: กรอด…
กระทั่งจามาลยังกัดฟันเสียงดัง เพราะถึงอย่างไรท็อดด์ก็เป็นทั้งคู่หูและคนที่เกือบจะได้กลายเป็นน้องเขยของเขา
แม้ตัวจริงจะเป็นมนุษย์หมาป่า แต่ท็อดด์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าสุบารุมากมาย ดังนั้นในสถานการณ์ที่สุบารุไม่มีทางรอด ท็อดด์เองก็ไม่น่าจะรอดมาได้เช่นกัน
“ท็อดด์ แฟงก์จมน้ำตายไปแล้ว” จึงเป็นคำตอบเดียวที่สุบารุผู้ได้เห็นจุดจบของเขากับตาสามารถมอบให้แก่ครอบครัวของเขาได้
. ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอยู่พักหนึ่ง บรรยากาศเริ่มหนักหน่วงจนสุบารุรู้สึกไม่สบายกายสบายใจ จนกระทั่ง…
คาชัว: …มะ…ไม่ได้เห็นตอนจังหวะสำคัญใช่มั้ยล่ะ? เพราะงั้น…อาจจะยัง…ไม่ตายก็ได้…
คาชัวเริ่มใช้นิ้วเขี่ยเส้นผมของตน ดวงตากวาดไปมาซ้ายขวา จนทุกคนในห้องพากันมองเธอ
คาชัว: สมมุติ…ลองสมมุติดูนะ? สมมุติว่านายเห็นหัวท็อดด์ถูกขยี้ หรือร่างถูกผ่าเป็นสองซีก หรือถูกเผาเป็นถ่าน มันก็ว่าไปอย่างเนอะ? ถ้าได้เห็นแบบนั้น จะคิดงั้นคงไม่แปลกหรอก…
สุบารุ: คุณคาชัว…
คาชัว: แต่ว่าว่าไงดีล่ะ หมอนั่นน่ะ โกงความตายเก่งมากเลย อีกอย่างตอนที่แยกกันก็บอกไว้ว่า…จะกลับมาหา…อย่างแน่นอน …เขาบอกกับฉันแบบนั้น หมอนั่น…ไม่เคยโกหก… ที่บอกว่าพี่ชายตายไปแล้วน่ะ! ก็คงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด!
เรม: คุณคาชัว!
คาชัวเริ่มส่งเสียงดังระหว่างที่ข่วนเส้นผมตัวเอง เรมจึงรีบรุดเข้าไปปลอบใจเพื่อนสาวด้วยการลูบแผ่นหลังของเธอ
เรมปล่อยให้คาชัวที่ทำใจรับข่าวร้ายเรื่องการเสียชีวิตของคู่หมั้นไม่ได้หลั่งน้ำตาอย่างเต็มที่ในอ้อมกอดของเธอ
ภาพตรงหน้าทำให้สุบารุพอจะเดาได้ว่าความรักระหว่างท็อดด์กับคาชัวคงเป็นของจริง ไม่อย่างงั้นคาชัวคงไม่เสียน้ำตาต่อการจากไปของเขาขนาดนี้
เพราะงั้นสุบารุถึงไม่กล้าเปิดเผยความจริงที่ว่าเรมอาจเป็นผู้สังหารท็อดด์ในร่างมนุษย์หมาป่ากับมือเธอเอง โดยที่ตัวเรมเองน่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
บางทีสุบารุอาจจะต้องแบกรับความลับเรื่องนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว เพื่อที่จะไม่ต้องทำลายมิตรภาพระหว่างเรมกับคาชัว รวมถึงความทรงจำดีๆ ระหว่างคู่รัก
สุบารุ: ท็อดด์น่ะ ห่วงใยคุณคาชัวจริงๆ นะ จนถึงวาระสุดท้ายเลย
คาชัว: ฮึก…
มีเพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียวที่นัตสึกิ สุบารุ สามารถยืนยันกับคาชัว โอเรลี่ได้อย่างมั่นใจว่ามิใช่คำลวง
คาชัวที่สะอึกสะอื้นกอดเรมกลับและเผลอใช้นิ้วจิกหลังเรมอย่างรุนแรง แต่เรมไม่ได้ใส่ใจ เธอส่ายหน้าเป็นสัญญาณบอกสุบารุว่าจากนี้ไปเธอจัดการต่อเอง
. จามาล: ――โทษทีที่ต้องปล่อยให้แกรับบทหนักนะ ไอ้เด็กน้อย
พอสองหนุ่มเดินออกห้องมาเพื่อปล่อยให้สองสาวอยู่ตามลำพัง จามาลก็ทักขึ้นมาเช่นนั้น
ถึงอย่างไรการแจ้งข่าวร้ายกับครอบครัวผู้เสียชีวิตก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากเสมอ สุบารุจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าจามาลรู้สึกเศร้าโศกต่อการจากไปของท็อดด์บ้างไหม
จามาล: ว่าไงดีนะ ถ้าเกิดไอ้เวรนั่นไม่ตาย ก็คงจะหัวเราะล้อเลียนที่เราดันรอดมาได้ทั้งคู่อยู่หรอก แต่มันก็เลยจุดนั้นมาแล้ว เอาเหอะ การได้ตายในสงครามถือเป็นเกียรติของทหารจักรวรรดิ ถึงเจ้านั่นจะมองว่าเป็นเรื่องบ้าบอก็ตาม
สุบารุ: …
จามาล: แต่ว่านะ ――ไม่คิดว่าไอ้เวรนั่นจะตายง่ายอย่างงั้นหรอก เห็นด้วยกับที่คาชัวพูดเลยล่ะ …ไม่ได้เห็นมันตายกับตาสักหน่อยนี่
สุบารุ: แต่นั่นมัน…โอ๊ย!
จามาล: หุบปากไปเลย ไอ้เด็กเวร ถึงจะไม่ต้องนับข้า แต่นั่นก็เป็นความหวังของคาชัว
จามาลดีดหน้าผากสุบารุที่กำลังจะอ้าปากเถียง สองพี่น้องยังคงไม่ทิ้งความหวังว่าท็อดด์จะรอดชีวิตมาได้และสุบารุรู้ตัวว่าไม่ควรที่จะสอดไปมากกว่านั้น
จามาล: ให้ตายสิ ปากบอกว่าเกลียดการต่อสู้ แต่ดันเป็นไอ้เวรที่บ้าดีเดือดซะได้ เพราะงั้นถึงได้ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายยิ่งกว่าข้าเสียอีก
จามาลกล่าวทิ้งท้ายเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทาพลางเงยหน้ามองเพดานเพื่อไม่ให้สุบารุเห็นสีหน้าของเขา
. หลังออกจากห้องของคาชัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังขบวนโดยสารใหญ่ สุบารุก็บังเอิญไปเจอคนคุ้นเคยระหว่างทาง
รอสวาล: แห๊ม~ แหม สุบารุคุง ท่าทางจะแข็งแรงดีไม่ช่ายเหรอนั่น ไม่ได้เจอกันพักเดียวเด็กลงเยอะเลย เป็นเพราะอาหารของจักรวรรดิหรือเปล่าน้า?
สุบารุ: สุดตรีนเลย คนที่จะเล่นโจ๊คขำไม่ออกตอนได้เห็นชั้นในร่างนี้ คงจะมีแค่รอสวาลคนเดียวนี่แหละ
รอสวาล: โอ๋ คนอื่นคงไม่กล้าล่ะเน้อ~ แล้วก็นะ ก่อนอื่นเลย ตอนอยู่ที่นี่ให้เรียกฉันว่า “ดัดลี่ย์” ――จากนี้ไปก็ฝากด้วยนะ
“รถมกรพ่วง” ที่สุบารุโดยสารอยู่ตอนนี้เป็นการเอาขบวนรถมกรหลายคันมาต่อกันคล้ายขบวนรถไฟแล้วให้มกรปฐพีหลายตัวลาก
มันคือพาหนะซึ่งสามารถใช้ได้ในจักรวรรดิวอลลาเคียเท่านั้น เนื่องจากประเทศนี้มีภูมิประเทศเป็นที่ราบมากกว่าประเทศอื่น
สุบารุจดจำข้อมูลนี้ไว้เผื่อว่าในอนาคตจำเป็นสร้างสิ่งที่คล้ายกันมาใช้ราชอาณาจักรลูกุนิก้าที่มีมกรปฐพีมากที่สุด ในกรณีที่พื้นที่มันรองรับการใช้งานได้
รอสวาล: ได้ยินว่ารถมกรพ่วงคันนี้ที่จริงเป็นหนึ่งในความลับของจักรวรรดิแหละ ว่ากันว่ามันถูกสร้างขึ้นโดย “เก้าแม่ทัพเทวะ” ผู้ทรงปัญญาคนหนึ่ง…
สุบารุ: ว่าแล้วเชียว ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในราชอาณาจักรเลย… พอมาคิดดูแล้ว พวกเราได้ล่วงรู้ความลับวงในของจักรวรรดิหลายอย่างเลยนะเนี่ย
รอสวาล: ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าหากถูกห้ามกลับบ้านเพราะล่วงรู้ความลับดำมืดของจักรวรรดิมากไปคงงานเข้าน่าดู จากนี้ไป หลับหูหลับตาไว้อาจจะฉลาดกว่านะเนี่ย
ออตโต้: นั่นน่ะ ไม่ใช่เรื่องที่น่าขำเลยสักนิดนะครับ…
. พวกสุบารุเดินทางมาถึงขบวนรถที่มีโต๊ะตั้งอยู่มากมายเพื่อเป็นที่นั่งประชุมสำหรับคนจำนวนประมาณ 20 คนได้
สมาชิกฝ่ายเอมิเลียที่อยู่ที่นั่นในตอนนี้ประกอบด้วยสุบารุ ออตโต้ รอสวาล เอมิเลีย เบียทริซ และรัม
รัม: บารุสุจิ๋ว เรมหายไปไหน? ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ?
สุบารุ: …ตอนนี้เรมอยู่ที่ห้องคุณคาชัว คงมาร่วมการประชุมตอนนี้ไม่ได้ จะว่าไป เมมเบอร์คนอื่นหายไปไหน? เพทร่ากับเฟรเดริก้า แล้วก็การ์ฟีลล่ะ?
เอมิเลีย: เพทร่าจังกับเฟรเดริก้าไปช่วยสนับสนุนเหล่าทหารที่กำลังต่อสู้อยู่ ส่วนการ์ฟีลก็วุ่นอยู่กับการรักษาคนเจ็บ…
สุบารุ: การต่อสู้ยังไม่จบงั้นเหรอ?
เอมิเลีย: อื้อ ใช่แล้วล่ะ สุบารุเองก็คงได้เห็นพวกมันในนครหลวงจักรวรรดิ…
สุบารุ: ซอมบี้สินะ…
ออตโต้: อะ…อะไรน่ะครับ วิธีเรียกแปลกประหลาดนั่น
สุบารุ: คนตายที่ยังขยับได้น่ะ ที่บ้านเกิดชั้นเรียกกันว่า “ซอมบี้” แหละ คิดว่ามีชื่อเรียกไว้น่าจะดี เลยเรียกแบบนั้นเพื่อความสะดวก
ออตโต้: บ้านเกิดของคุณนัตสึกิมีทุกอย่างเลยรึไงเนี่ย?
รอสวาล: อย่างงี้นี่เอง ไม่เลวเลยนี่ ซอมบี้ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเรียกพวกมันว่า “ทหารซากศพ”
สุบารุ: ทหารซากศพ… ฟังดูเหมือนว่าความทรงจำแย่ๆ เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยนะ?
รอสวาล: ก็จริงแหละนะ มันเป็นความทรงจำที่ไม่อยากจะนึกถึงเลย
เบียทริซ: อย่างที่เคยเล่าให้ฟังในนครหลวงจักรวรรดิ เรื่องนี้คงเป็นผลลัพธ์จากการใช้ “สัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะ” ไม่ผิดแน่กระมัง เท่าที่บันทึกไว้ มันถูกใช้งานครั้งล่าสุดในสงครามกลางเมืองของราชอาณาจักรย่ะ
รอสวาลพยายามเลี่ยงตอบและได้แต่ยิ้มแบบคลุมเครือ สุบารุจึงได้แต่เดาว่าเขามีอดีตอันเลวร้ายบางอย่างเกี่ยวข้องกับเวทสัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะและสงครามกลางเมือง
. เบียทริซยังแอบรู้สึกกังขา เพราะเท่าที่เธอทราบ “สัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะ” เป็นเวทมนตร์ที่ไม่เสถียร
มันไม่ควรจะสามารถสร้างซอมบี้ที่มีจำนวนมากและมีพลังฟื้นฟูมหาศาลขนาดนี้ได้ ไหนจะเรื่องที่พวกมันสามารถพูดจาได้อีก
เบลสเต็ตซ์: ――ฝ่าบาท มีรายงานจากแม่ทัพโทคาฟม่าว่าเขาจะอยู่ในพื้นที่เขตร้อนไกราฮาลต่อไปเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดขอรับ!
กอซ: แม่ทัพเอกโอลบาร์ตเองก็แจ้งว่าจะให้ชิโนบิในสังกัดใช้กลยุทธ์สู้ถ่วงเวลา! ทว่า เนื่องจากศัตรูไม่ต้องการน้ำหรืออาหาร จำนวนกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้คงลดลงไปครึ่งหนึ่ง!
วินเซนต์: แจ้งคาฟม่า อิรูลุกซ์กับโอลบาร์ต ดันคลูเคนให้ดำเนินยุทธการต่อไป เซรีน่า ดราครอย เรือเหาะมกรบินล่ะ?
เซรีน่า: ยังไม่กลับมาเลย หวังว่าที่กลับมาล่าช้าเล็กน้อยไม่ได้แปลว่านครป้อมปราการพินาศไปแล้ว
วินเซนต์: …หากเจ้านั่นทำสิ่งที่คาดไว้ล่ะก็ นครป้อมปราการไม่มีทางไร้การเตรียมพร้อมรับมือหรอก
ระหว่างนั้นผู้ติดตามของวินเซนต์ที่เป็นชายแก่ ชายร่างยักษ์ และหญิงสาวผู้เลอโฉมก็ปรากฏตัวเพื่อรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ให้แม่ทัพใหญ่ทราบ
แต่สุบารุไม่รู้จักสามคนนั้นเลย ออตโต้จึงถือโอกาสช่วยอธิบายเสริมให้
ออตโต้: ท่านผู้เฒ่าคือเสนาบดีเบลสเต็ตซ์ ฟอนดัลฟอน ชายร่างสูงคือแม่ทัพเอกกอซ ราลฟอน ส่วนหญิงสาวคนนั้นคือไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอยครับ
สุบารุ: ช่วยได้เยอะเลย… รู้สึกว่ากอซคือคนที่ช่วยอาเบลหลบหนีเลยถูกจับไว้สินะ
สุบารุรู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ว่ากอซรอดชีวิตมาได้ เพราะเท่าที่ได้ยินมาเขาคนนี้เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้แน่นอน
. วินเซนต์: พวกเจ้ามากันพร้อมหน้าแล้วสินะ เช่นนั้นก็ดี ขอเปิดสภาการสงคราม ณ บัดนี้
สุบารุ: อ้าว โดยที่ไม่มีพวกคุณฟล็อปจะดีเหรอ?
วินเซนต์: ถ้าหากว่านครป้อมปราการขาดกำลังพล ในสถานการณ์นั้นเพิ่มพ่อค้าเร่มาแค่หนึ่งคนในสภาการสงครามจะช่วยอะไรได้?
ออตโต้: ก็จริงแหละนะ ว่าแต่ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย…
รุยเองก็อยู่กับฟล็อปและมีเดียมที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม เผ่าชูดราคก็ขอไม่ร่วมประชุมเช่นกันเพื่อรอรับคำสั่งที่พวกเธอจะทำประโยชน์ได้
สุบารุขอเข้าประชุมเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของหน่วยรบเพลอาเดสเนื่องจากเขากลัวว่าพวกไวส์อาจจะพยายามฆ่าวินเซนต์เพื่อมอบบัลลังก์ให้สุบารุได้
คำโกหกเรื่ององค์ชายรัชทายาทเองก็เป็นประเด็นสำคัญที่สุบารุต้องจัดการให้เรียบร้อย เพื่อการนั้นแล้ว เขาต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายเอมิเลียโดยเฉพาะเบียทริซ
ไหนจะมีประเด็นเรื่องรุยที่ต้องหารือกับทุกคนอีก แล้วก็มีเรื่องทันซ่าที่มัวแต่ที่นั่งเศร้าจนสุบารุไม่กล้าลากเธอมาเข้าประชุมด้วยกัน
. วินเซนต์เรียกสติสุบารุให้กลับมาสนใจเรื่องสภาการสงคราม แต่สุบารุยังค้างคาใจที่เขายังไม่เห็นบุคคลสำคัญอีกสองคนเข้าร่วมประชุมด้วย
สุบารุ: ――พริสซิลล่าล่ะ? เธออยู่ด้วยตอนที่กัวลาล แต่ไม่ได้มาที่นครหลวงจักรวรรดิหรอกเหรอ? อีกอย่าง ทันซ่าบอกว่าคุณยอร์น่าเองก็มาด้วย
สุบารุยังไม่เห็นสมาชิกฝ่ายพริสซิลล่ารวมถึงตัวอัลด้วย และเขารู้ว่ายอร์น่ามาที่นครหลวงเนื่องจากทันซ่าสามารถสัมผัสถึงนายหญิงผ่านวิชาคงคงได้
จะว่าไปขาประจำอีกคนที่หายหน้าไปก็คือเจ้าเซซิลุส ซึ่งทำให้สุบารุกังวลอยู่เล็กน้อย
สุบารุ: ――เฮ้ย?
ทว่า วินเซนต์ รวมถึงทุกคนห้องประชุมกลับนิ่งเงียบ ไม่มีใครตอบคำถามของสุบารุ
เบียทริซ: ――สุบารุ เราไม่ได้บอกเรื่องนี้เพราะไม่อยากให้นายสับสน
สุบารุ: เบียโกะ?
เอมิเลีย: ใจเย็นแล้วฟังกันก่อนนะ สุบารุ พริสซิลล่ากับคุณยอร์น่าเขา… ตอนที่ทุกคนหนีออกจากนครหลวงจักรวรรดิ เราหาตัวสองคนนั้นไม่เจอเลย ――อยากจะเชื่อมั่นว่าปลอดภัยดีอยู่หรอก
ท่าทางว่าการเปิดศึกที่นครหลวงจักรวรรดิจะไม่ได้จบลงโดยที่ฝั่งพันธมิตรไร้บาดแผลเสียทีเดียว
. จบตอน