สุบารุปะติดปะต่อได้ว่าการหายตัวไปของยอร์น่าและพริสซิลล่าคือสาเหตุที่ทันซ่าหม่นหมองแปลกๆ
ฝั่งวินเซนต์มองว่ามีผู้คนมากมายสูญหายในศึกนี้ เขาจึงไม่ควรให้สิทธิ์พิเศษกับใครและเลือกอพยพเพื่อรักษาชีวิตเท่าที่รักษาได้ไว้ก่อน
ฝั่งสุบารุไม่พอใจการตัดสินใจนั้น กรณียอร์น่าก็ว่าไปอย่าง แต่สุบารุเดาว่าพริสซิลล่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับวินเซนต์ แต่วินเซนต์ก็ยังทิ้งเธอไว้
แม่ทัพกอซ ราลฟอนตะโกนด่าสุบารุเสียงดังข้อหาพูดจาหยาบคายกับองค์จักรพรรดิ แต่วินเซนต์กลับเป็นคนออกปากห้ามมวยกับกอซเอง
เอมิเลียแตะไหล่สุบารุเพื่อทักว่ามันยังพอมีความหวังอยู่บ้าง เนื่องจากวิชาวิวาห์ดวงวิญญาณ(คงคง)ของทั้งสองยังคงแสดงผลอยู่
การเสริมแกร่งจากวิชาคงคงของยอร์น่ายังคงแสดงผลกับชาวเมืองเคออสเฟลมและทันซ่า และการเสริมแกร่งจากวิชาคงคงของพริสซิลล่ายังคงส่งผลกับชูลท์
นั่นแปลว่าอย่างน้อยเจ้าของพลังทั้งสองคนต้องยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ วินเซนต์จึงไม่ได้กังวลต่อความปลอดภัยของน้องสาวนัก
. ปัจจุบันชูลท์กำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักห้องหนึ่งของรถมกรพ่วง แต่สมาชิกฝ่ายพริสซิลล่าคนที่เหลือไม่ได้อยู่บนขบวนรถเลยสักคน
อัลปฏิเสธการขึ้นรถอพยพหนีและเลือกอยู่ที่นครหลวงจักรวรรดิต่อเพื่อตามหานายหญิงด้วยตัวคนเดียว ส่วนไฮน์เคลก็หายตัวไปดื้อๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าไฮน์เคลนัก แต่สุบารุก็ไม่อยากให้ตาลุงขี้เมาคนนั้นตาย ไม่งั้นไรน์ฮาร์ดกับวิลเฮล์มคงจะเศร้าแย่
พอที่ประชุมเงียบลงไป ออตโต้ก็ลุกขึ้นยืนและชูนิ้วเรียกความสนใจ ก่อนที่จะเปิดหัวข้อสนทนาต่อไปทันที
ออตโต้: น่าจะพอทราบกันแล้ว พวกผมน่ะเป็นคนจากราชอาณาจักรครับ แต่ก่อนจะยอมรับความผิดที่แอบข้ามพรมแดนมาในตอนที่ไม่ควรข้าม มีอะไรอยากจะแจ้งอยู่ครับ
วินเซนต์: ――ว่ามาได้เลย
ออตโต้: ครับ ――พวกผมทำตามจุดประสงค์สำเร็จแล้ว หากไปถึงนครป้อมปราการการ์คลาเมื่อไหร่ พวกเราจะมุ่งขึ้นเหนือผ่านนครรัฐคารารากิเพื่อกลับสู่ราชอาณาจักรลูกุนิก้ากันเลยครับ
ออตโต้ประกาศเช่นนั้นต่อหน้าองค์จักรพรรดิแบบไม่ใยดีทั้งที่จักรวรรดิวอลลาเคียกำลังเผชิญหน้าอยู่กับวิกฤติการณ์
. ออตโต้: ――คุณนัตสึกิกับเอมิลี่ รบกวนเงียบปากไว้นะครับ
ก่อนที่ทั้งเอมิเลียและสุบารุจะได้ออกปากทักท้วง ออตโต้ชิงตัดหน้าเอ่ยดักคอพวกเขาเอาไว้ก่อน
รัม: จะเรียกว่าไร้หัวใจก็ไม่ว่ากัน แต่รัมเองก็เห็นพ้องกับออตโต้ เราได้ตัวเรมกับบารุสุที่แขนขาสั้นคืนมาแล้ว ผลลัพธ์มันดีพอแล้วล่ะ
เอมิเลีย: รัม…
รัม: ไม่ต้องมามองกันด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างนั้นเลย เอมิลี่ เธอเองก็น่าจะเข้าใจ พวกเราโชคดีที่ยังไม่เสียใครไป แต่ถ้าฝืนมากไปกว่านี้มันจะอันตราย
เซรีน่า: ดัดลี่ย์ เจ้าเองก็เห็นพ้องกับภริยางั้นรึ?
รอสวาล: ไม่ใช่ภริยาก็จริง แต่โดยรวมแล้วเห็นด้วยกับทั้งสองคนนั้น
รอสวาลปฏิเสธเรื่องเข้าใจผิดของไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอย แต่ก็ยังเห็นพ้องกับออตโต้และรัมอยู่ดี
รอสวาล: ที่จริง หากดูแค่จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ถึงแม้แขนขาของเขาจะสั้นลงเล็กน้อยและเด็กสาวที่หลับไหลจะตื่นมากลายเป็นสาวก๋ากั่นไป แต่ผลลัพธ์มันก็ยอดเยี่ยม การถอยทัพกลับไปที่ราชอาณาจักร ณ ตอนนี้เลยน่าจะเป็นการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับฉันแล้ว
รัม: ต่อให้บารุสุจะฟันงอกไม่ครบทั้งปาก ความสูญเสียก็แทบไม่มีอยู่ดีล่ะนะ
ออตโต้ รอสวาลและรัมคือสมาชิกสามคนที่เป็นมันสมองของฝ่ายเอมิเลีย แต่พวกเขากลับยืนหยัดในการไม่ช่วยจักรวรรดิ ทำให้สุบารุต้องรีบหาพวกเพิ่ม
สุบารุ: อย่างน้อยทางนี้ก็ยังมีเบียโกะอยู่…
เบียทริซ: …รู้สึกผิดต่อสุบารุก็จริง แต่เบ็ตตี้ก็แอบเห็นด้วยกับฝั่งนั้นย่ะ พอรวมเรื่องสุบารุตัวหดเข้าไปแล้ว การข้องเกี่ยวกับจักรวรรดิมากไปกว่านี้มันค่อนข้างอันตรายกระมัง
สุบารุ: ไม่จริงน่า กระทั่งเธอก็ด้วยเหรอ!
. สุบารุถูกคู่หูหักหลังอย่างไม่น่าเชื่อ เหงื่อเย็นเริ่มไหลอาบจนหมดเรี่ยวแรง ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับเอมิเลียที่ยังยืนกรานจะช่วยวอลลาเคีย
ออตโต้: ขอบอกไว้เลยว่าเพทร่าจังเองก็เห็นด้วยกับพวกผม ถึงคุณเฟรเดริก้าจะลังเลแต่ใจก็เอนเอียงไปทางกลับประเทศ…รบกวนนับรวมพวกเฉพาะการ์ฟีลนะครับ
สุบารุ: มีแค่เอมิเลียตัน การ์ฟีลกับชั้นงั้นเรอะ!? ไม่ขำเลยนะเฟ้ย!
ถ้านี่เป็นปัญหาที่แก้ได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว สุบารุคงอุ่นใจที่มีเอมิเลียกับการ์ฟีลอยู่ด้วย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนี่สิ
กอซที่เงียบไปสักพักเริ่มหมดความอดทน เขาจึงตรงดิ่งมาหาสุบารุ จากนั้นก็ใช้เพียงสองนิ้วกระชากคอเสื้อของสุบารุจนตัวลอย
กอซ: นี่คือปัญหาของจักรวรรดิ! หากพวกเจ้ามิใช่ชาวจักรวรรดิแต่เป็นชาวราชอาณาจักร ก็จงรีบข้ามพรมแดนกลับไปดังที่สมควรแต่แรกเสีย! ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของพวกเจ้า!
สุบารุ: หวา! ระ…รอเดี๋ยวก่อนสิ! ฝั่งนี้ยังหารือกันเองไม่เสร็จเลย…
กอซ: ――ชักช้าน่าเบื่อ!!
เสียงแหกปากตะโกนในระยะประชิดของกอซมันดังจนหูอื้อ กระทั่งว่าสุบารุยกมือมาปิดหูแล้วก็ยังป้องกันไม่ไหว
เอมิเลีย: พอแค่นั้นแหละ คุณกอซ ก่อนอื่นก็วางสุบารุลงก่อน แล้วค่อยมาคุยกันดีๆ ดีกว่าค่ะ
เอมิเลียลุกขึ้นมาเอามือเท้าสะเอวและกล่าวติเตียน แม่ทัพกอซจึงหันมามองทางเธอทั้งที่ยังคว้าร่างของสุบารุเอาไว้
กอซ: เจ้าน่ะ เห็นพ้องกับหนุ่มน้อยคนนี้สินะ! ทว่า! หมาป่าดาบแห่งจักรวรรดิมิต้องการความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อันใด! ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของพวกเจ้า! รีบกลับไปกับพวกพ้องเสีย…
เอมิเลีย: เรื่องนั้นน่ะ! ฉันน่ะ ขอเห็นต่างสุดดดใจค่ะ!
กอซ: ว่าไงนะ!?
เอมิเลีย: ปากบอกไม่ต้องพึ่งพาพลังของพวกเรา! แต่ว่านะ! ฉันว่ามันไม่จริงเลย!
เบียทริซ: เสียงมันดังขึ้นเรื่อยๆ เลยนะยะ
เอมิเลียเร่งระดับเสียงให้ดังขึ้นตอนถกกับกอซ จนกลายเป็นเหมือนว่าทั้งสองแข่งกันแหกปากตะโกนเสียงดัง กอซที่พ่ายแพ้ในระดับเสียงถึงกับหน้าเหวอไป
เอมิเลีย: ก็แหม! ตอนศึกที่นครหลวงจักรวรรดิ ถ้าฉันกับพริสซิลล่าไม่อยู่ด้วย ทุกคนน่าจะลำบ้ากลำบากกว่านี้จริงไหมคะ!
กอซ: …อึก
เอมิเลีย: พวกเราน่ะ! แกร่งใช่ไหมล่ะ คุณเบลสเต็ตซ์!
การเข้าร่วมทัพกบฏของฝ่ายเอมิเลียทำให้การตอบโต้ของฝั่งจักรวรรดิไม่ราบรื่นดังที่คิด กระทั่งเสนาบดีเบลสเต็ตซ์เองก็ยอมรับในเรื่องนั้น
แถมเซรีน่ายังเสริมอีกว่าผู้ที่หยุดกระสุนปืนใหญ่ผลึกมนตราที่เกือบจะพลิกผลแพ้ชนะเอาไว้ได้ก็คือเบียทริซ
. พอทั้งสุบารุ เอมิเลีย เซรีน่าและเบลสเต็ตซ์ออกความเห็นไปในทางเดียวกัน กอซจึงยอมถอยแต่โดยดี ทว่า ในบรรดาฝ่ายเอมิเลียเองนั่นแหละที่ยังเถียงกันค้างไว้
แถมตัวการหลักที่สุบารุกับเอมิเลียจำเป็นต้องเอาชนะยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้เถียงให้ชนะง่ายๆ อย่างกอซอีกต่างหาก
ออตโต้: อย่างที่แม่ทัพเอกกอซกล่าวไว้ เรื่องนี้คือปัญหาของทางจักรวรรดิครับ นี่มันต่างจากสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็น การข้องเกี่ยวหลังจากนี้ไปจะถือเป็นการแทรกแซงเรื่องภายในของประเทศอื่น…ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ครับ
สุบารุ: อึก…
ออตโต้: ก่อนอื่นเลย ทำไมคุณนัตสึกิถึงได้อยากยุ่งเกี่ยวด้วยนักล่ะ? น่าจะเป็นเพราะหนี้บุญคุณหรือความชอบพอที่มีต่อเหล่าผู้คนที่ได้รู้จักในจักรวรรดิใช่ไหม?
สุบารุ: ไม่ต้องมาพูดจาเหมือนว่าตัวเองเข้าใจดีเลยนะ! แล้วแบบนั้นมันผิดนักรึไง!
ออตโต้: ไม่ผิดหรอก เพราะงั้นถึงได้มีข้อเสนอมาโน้มน้าว ――ด้วยการให้คุณนัตสึกิพาทุกคนที่ไม่อยากทอดทิ้งออกจากจักรวรรดิไปด้วยกัน
การโต้แย้งด้วยตรรกะคือเรื่องถนัดของออตโต้ ข้อเสนออันน่าเหลือเชื่อแต่สมเหตุสมผลของเขาทำให้กอซอึ้งตามไปด้วยจนเผลอปล่อยสุบารุหลุดมือ
ออตโต้ชำเลืองมองไปทางรอสวาลเพื่อขอคำยืนยันจากเจ้านายว่าพร้อมจะใช้อำนาจและฐานะที่มีรับอุปถัมภ์เหล่าคนที่สุบารุอยากพากลับลูกุนิก้าด้วยกันไหม
รอสวาล: อย่างน้อยนายจ้างของฉันคงไม่ปฏิเสธ ตราบใดที่มันช่วยลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นลงได้ นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มเสีย
รัม: เพราะเป็นบารุสุที่มีความคิดแบบเด็กๆ พวกคนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้วยกันไม่น่าจะเป็นพวกที่มีพลังมากพอจะต่อสู้ น่าจะเป็นจำพวกที่ทางจักรวรรดิยอมปล่อยมือทิ้งได้
ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออันยากที่จะเถียงของออตโต้ การใช้อำนาจแก้ปัญหาของรอสวาล การวิเคราะห์อันเฉียบแหลมของรัม สุบารุไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย
แถมออตโต้ยังปิดช่องโหว่เพิ่มเติมด้วยการขออนุญาติวินเซนต์ตรงๆ ซึ่งองค์จักรพรรดิก็ยอมรับว่าข้อเสนอของออตโต้นั้นคิดมาอย่างดีและยากที่จะปฏิเสธ
. ออตโต้: ว่าไงครับ คุณนัตสึกิ? ผมประนีประนอมและคำนึงถึงใจคุณให้ได้มากสุดเท่านี้แหละครับ
อุดทุกช่องโหว่ให้ทันตา แต่บังคับเปลี่ยนจุดหมาย ไม่ปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย แต่เสนอทางออกเชิงบังคับที่ยากจะปฏิเสธให้
ยามปกติเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่เสมอ แต่พอความเห็นต่างกัน ออตโต้ก็กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว สุบารุมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ จนกระทั่ง…
เอมิเลีย: ――นี่ อาเบล ขอถามอะไรหน่อยนะคะ
สุบารุ: เอมิเลียตัน?
เอมิเลีย: จักรวรรดิวอลลาเคียมีประชากรอยู่ทั้งหมดกี่คนเหรอคะ?
วินเซนต์: ――สงครามกลางเมืองในห้วงเดือนที่ผ่านมาน่าจะลดจำนวนลงไปเยอะ แต่ก่อนหน้านั้นจะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านคน
เอมิเลีย: งั้นเหรอ ตามนั้นแหละค่ะ สุบารุ
พอได้คำตอบ เอมิเลียก็หันกลับมามองสุบารุด้วยสายตาคาดหวังและชูนิ้วขึ้นมาป้องปากเหมือนส่งสัญญาณให้ ทีแรกเขางงว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ก็ได้เบียทริซช่วยให้กำลังใจอีกแรงว่าเธออยู่ข้างเขาเสมอ
สุบารุ: ห้าสิบล้าน
ออตโต้: …ว่าไงนะครับ?
สุบารุ: เมื่อกี้นายบอกไว้เองนี่ ว่าให้ชั้นพาทุกคนที่ไม่อยากทอดทิ้งกลับไปที่ราชอาณาจักรด้วยกัน ถ้างั้นล่ะก็! ผู้คนที่ชั้นไม่อาจทอดทิ้งได้น่ะมีอยู่ห้าสิบล้านคน!
ออตโต้: ――อึก คุณนัตสึกิ!
ในเมื่อสุบารุไม่มีวันเถียงชนะออตโต้ รอสวาล รัมด้วยตรรกะและเหตุผลได้ เขาจึงเลือกเถียงด้วยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่ตัวเขา เอมิเลีย และการ์ฟีลถนัด
. สุบารุยอมรับว่าคำขอของเขามันเห็นแก่ตัว แต่เขาก็คงกินอะไรไม่ลงหากต้องยอมปล่อยให้จักรวรรดิถูกทำลายจนย่อยยับ
ออตโต้พยายามโต้ว่าการช่วยเหลือคนแปลกหน้า 50 ล้านคนมันไม่คุ้มเลย หากว่าฝั่งตนต้องเสียใครไป แม้กระทั่งแค่คนเดียวก็ตาม
แต่สุบารุให้คำยืนยันว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกพ้องฝ่ายเอมิเลียคนใดคนหนึ่งต้องตายอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็มองไปยังรอสวาลผู้ที่สามารถช่วยยืนยันในเรื่องนั้นให้ได้
สุบารุ: รอสวาล! นายควรจะรู้ดี ว่าคำพูดของชั้นน่ะจริงแท้แน่นอน
รอสวาล: …ฉันคือดัดลี่ย์นะ สุบารุคุง อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนที่มีความคาดหวังในตัวนายอย่างสุดซึ้ง หากไม่พยักหน้ายอมรับคำถามนั้นก็คงเป็นการหลอกตัวเอง
แม้จะไม่รู้ถึงเงื่อนไขของอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” แต่รอสวาลก็รู้ดีสุบารุมีอำนาจที่สามารถแก้ไขเหตุการณ์ และมั่นใจว่าสุบารุจะใช้อำนาจนั้นรักษาชีวิตของสมาชิกฝ่ายเอมิเลียทุกคนตาม “สัตย์สาบาน”
ในระหว่างนั้นเอมิเลียก็ไปออดอ้อนรัมจนเธอเริ่มใจอ่อน ซึ่งเป็นอะไรที่มีเพียงเอมิเลียเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าสุบารุทำแบบเดียวกันรับรองว่าคงโดนตบหน้าไปแล้ว
สุดท้ายรัมก็ยอม เนื่องจากเธอรู้ดีว่าเรมมีความผูกพันกับผู้คนที่นี่ เพราะงั้นการฝืนบังคับเรมหนีกลับมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
. รอสวาลกับรัมยอมไปแล้ว แต่ออตโต้ยังคงเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ยากจะเจาะ
สุบารุ: ออตโต้ ขอร้องล่ะ!
ออตโต้: จะบีบน้ำตาใส่แบบเอมิลี่เหรอครับ? น่าเสียดายที่ผมต่างจากคุณรัม ไม่ได้บ้าพอจะเซ็นสัญญาที่ไม่รู้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหรอกนะครับ ――นี่มันเป็นการแบกรับความเสี่ยงโดยที่พวกคุณนัตสึกิไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะครับ
วิธีออดอ้อนที่เอมิเลียใช้กับรัมไม่ได้ผล แถมสุบารุก็ไม่มีอะไรจะซื้อใจเขาอย่างรอสวาลอีก การถกเถียงเริ่มมาถึงทางตันอีกครั้ง จนกระทั่ง…
วินเซนต์: ――บอกว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรสินะ เช่นนั้นล่ะก็ หากมีผลประโยชน์มันก็อีกเรื่อง
ออตโต้: ถ้ามีผลประโยชน์ ล่ะนะครับ คิดจะเสนออะไรกันแน่ล่ะครับ? ขอบอกเลยว่ารางวัลอะไรก็คงไม่คุ้มเสี่ยง…
วินเซนต์: ――ถ้าเป็นการขอการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้าล่ะ
คำตอบของวินเซนต์ทำให้ออตโต้อ้ำอึ้ง เซรีน่าฉีกยิ้ม เบลสเต็ตซ์เบิกตากว้าง ที่หนักสุดคือกอซที่ทำหน้าเหมือนโลกถึงจุดจบและเริ่มตะโกนทักท้วงเสียงดัง
ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเทวาวอลลาเคียไม่เคยมีการขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นมาก่อน กอซจึงกลัวว่าการตัดสินใจของวินเซนต์จะทำให้ประชาชนมองว่าเสื่อมเสียเกียรติ
แต่วินเซนต์มองว่าเกียรติยศอันว่างเปล่าไม่ใช่สิ่งที่จักรวรรดิต้องการในเพลานี้ พวกเขาต้องการชัยชนะที่จะนำพาไปสู่การหล่อหลอมอนาคตของประเทศ
. หลังโน้มน้าวกอซ เซรีน่า และเบลสเต็ตซ์ให้ยอมรับการตัดสินใจของเขาได้แล้ว วินเซนต์ก็เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าเอมิเลีย
วินเซนต์: ได้ยินแล้วสินะ ผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์กษัตริย์เอ๋ย จักรวรรดิวอลลาเคียอยากขอการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากราชอาณาจักรลูกุนิก้าเพื่อยุติวิกฤติการณ์นี้ ――ขอยืมพลังของเจ้าหน่อย
เอมิเลีย: …คือว่านะ อาเบล ฉันน่ะอยากให้ยืมพลังก็จริง แต่ว่าตัวฉันน่ะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องการคัดสรรกษัตริย์อะไรนั่นเลยสักนิด
สุบารุ: เอมิเลียตัน ผิดคิวแล้ว! ที่จริงเป็นจังหวะที่ต้องเลิกตีเนียนน่ะ!
เอมิเลียที่ตื่นตระหนกกวาดสายตาหาสุบารุกับเบียทริซที่พากันพยักหน้า แล้วมองดูรัมที่เธอยังคงกอดแขนอยู่เป็นคนสุดท้าย
รัม: ค่ะ ตามนั้นเลย ――เชิญทำตามใจชอบได้เลยค่ะ ท่านเอมิเลีย
พอได้รับคำยืนยันจากรัม เอมิเลียก็กระแอมหนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปหาวินเซนต์ที่ยืนรออยู่
เอมิเลีย: ฉันชื่อเอมิเลีย แค่เอมิเลียเฉยๆ ค่ะ หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นกษัตริย์คนถัดไปแห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้า แล้วก็เป็นผู้ที่อยากช่วยเหลือจักรวรรดิที่กำลังมีภัย
วินเซนต์: ――นี่คือคำขออย่างเป็นทางการ ปกติแล้วจักรวรรดิวอลลาเคียจะไม่ขอความช่วยเหลือจากคนของประเทศอื่น โดยเฉพาะผู้มีที่ภาระใหญ่หลวงต้องแบกรับ ฉะนั้นแล้ว หากสาธารณะชนได้รับรู้เรื่องนี้ มันย่อมกลายเป็นต้นลมที่จะเกื้อหนุนการชิงบัลลังก์ของเจ้า…
เอมิเลีย: โธ่! เรื่องนั้นไว้ทีหลังเถอะ! ที่อยากทำตอนนี้ก็คือนี่!
พอวินเซนต์เริ่มสาธยายยืดยาว เอมิเลียก็ทำหน้างอนแก้มป่อง จากนั้นก็ยื่นฝ่ามือไปหาวินเซนต์
เอมิเลีย: ให้พวกเราได้ช่วยเหลือจักรวรรดิของคุณเถอะนะ
วินเซนต์อึ้งไปเล็กน้อยกับการตัดบทตามใจของเอมิเลียจนต้องมองไปทางสุบารุ ซึ่งฝั่งนู้นก็ฉีกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นต่อ
สุบารุ: เชิญเลย องค์จักรพรรดิ จะอนุญาติให้จับมือกับเอมิเลียตันของชั้นก็แล้วกัน
เอมิเลีย: บอกแล้วไงว่าสุบารุต่างหากที่เป็นของฉัน…
วินเซนต์มองดูการหยอกล้อของหนุ่มสาวจากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือของเอมิเลีย เป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
วินเซนต์: ――ย่อมได้ ขอยืมพลังของเจ้าหน่อย
. หลังจากที่ตัวแทนระหว่างสองประเทศจับมือกันเป็นการสานสัมพันธ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของลูกุนิก้าและวอลลาเคีย สุบารุก็หันมาถามออตโต้ที่เป็นคนต้นเรื่อง
สุบารุ: เอ่อ คุณออตโต้ แบบนี้พอรับได้ไหม…?
สุบารุยังคงเกร็งไม่หายจนเผลอเติม “คุณ” หน้าชื่อและไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย แถมฝั่งออตโต้ก็นิ่งเงียบไม่ตอบกลับจนสุบารุเริ่มสั่นกลัวและกอดเบียทริซเอาไว้
แต่แล้วจู่ๆ ออตโต้ก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายใจในระหว่างที่สุบารุสะดุ้งโหยง แล้วกล่าวต่อว่า…
ออตโต้: …เอาเถอะ ก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้วล่ะนะ
สุบารุ: …เอ๋? …ไม่จริงน่า …อย่าบอกนะว่านายรู้ว่ามันจะลงเอยแบบนี้ตั้งแต่แรก…
ออตโต้: เราไม่รู้ว่าจักรพรรดิวินเซนต์จะยอมประนีประนอมแค่ไหน แต่ถึงยังไงคุณนัตสึกิกับท่านเอมิเลียก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจอยู่แล้ว ก็เลยคิดหาจุดลงเอยที่ดีที่สุดเอาไว้
สุบารุ: อะ…โอ…อุ…เอ…อา…โอ…อุ…
คำตอบของออตโต้ทำให้สุบารุอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่เป็นคำ แถมพอมองไปทางรอสวาลกับรัม สองคนนั้นก็ทำหน้าเหมือนเตี๊ยมกันมาตั้งแต่แรกแล้ว
สุบารุ: พวกแก…พวกแกนี่มัน… น่ากลัวโว้ยยยย!!
ออตโต้: เสียใจด้วยน้า! หลักๆ ก็เพราะพวกคุณนัตสึกิดื้อด้านกันนั่นแหละ!
สุบารุ: ว้ากกก ชั้นจะไม่เชื่อใจใครนอกจากเบียโกะกับเอมิเลียตันอีกแล้ววว…! แล้วก็เรม! รุย! ทันซ่ากับทุกคนในหน่วยรบ พวกคุณฟล็อป แล้วก็พวกคุณมิเซลด้าแค่นั้น!
เบียทริซ: ยังเหลือเพียบอยู่ดีนี่ยะ!
สุบารุกอดเบียทริซและแหกปากด้วยความหวาดกลัวต่อเหล่าสายมันสมองประจำฝ่าย บางทีวินเซนต์เองก็อาจจะรู้ทันแต่แรกและเล่นไปตามน้ำด้วยเช่นกัน
. ในขณะที่เรื่องทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมากลางห้องประชุม
??: ――แหม ได้เห็นอะไรบันเทิงดีแท้ แหล่มเลยๆ ไม่เลวนี่
ที่มุมห้องประชุมมีชายแปลกหน้ายืนปรบมืออยู่ในเงามืด โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไร
กอซรีบไปยืนขวางเพื่อคุ้มกันวินเซนต์กับเอมิเลียโดยทันที ส่วนอีกฝ่ายนั้นสูบไปป์คิเซะรุ และพูดจาเรื่อยเปื่อยสบายใจเฉิบ
แขกไม่ได้รับเชิญมีลักษณะภายนอกโดดเด่นเป็นมนุษย์หมาป่าขนสีดำ ตัวสูงเกือบสองเมตร และสวมชุดกิโมโน
??: ตายแล้ว ทุกคนดูจะสนใจผมกันจังเลยเนอะ
เอมิเลีย: คุณเป็นใครกัน? แล้วมาที่นี่เพื่ออะไร?
ฮาลิเบล: ผมน่ะ ชื่อว่าฮาลิเบล พอดีอยากแวะมาทักทายสักหน่อยจะเป็นไรไหมเอ่ย?
. จบตอน