webnovel arc8 chapter14

บทที่ 8 ตอนที่ 14 "ราชอาณาจักรและจักรวรรดิ"

สุบารุปะติดปะต่อได้ว่าการหายตัวไปของยอร์น่าและพริสซิลล่าคือสาเหตุที่ทันซ่าหม่นหมองแปลกๆ

ฝั่งวินเซนต์มองว่ามีผู้คนมากมายสูญหายในศึกนี้ เขาจึงไม่ควรให้สิทธิ์พิเศษกับใครและเลือกอพยพเพื่อรักษาชีวิตเท่าที่รักษาได้ไว้ก่อน

ฝั่งสุบารุไม่พอใจการตัดสินใจนั้น กรณียอร์น่าก็ว่าไปอย่าง แต่สุบารุเดาว่าพริสซิลล่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับวินเซนต์ แต่วินเซนต์ก็ยังทิ้งเธอไว้

แม่ทัพกอซ ราลฟอนตะโกนด่าสุบารุเสียงดังข้อหาพูดจาหยาบคายกับองค์จักรพรรดิ แต่วินเซนต์กลับเป็นคนออกปากห้ามมวยกับกอซเอง

เอมิเลียแตะไหล่สุบารุเพื่อทักว่ามันยังพอมีความหวังอยู่บ้าง เนื่องจากวิชาวิวาห์ดวงวิญญาณ(คงคง)ของทั้งสองยังคงแสดงผลอยู่

การเสริมแกร่งจากวิชาคงคงของยอร์น่ายังคงแสดงผลกับชาวเมืองเคออสเฟลมและทันซ่า และการเสริมแกร่งจากวิชาคงคงของพริสซิลล่ายังคงส่งผลกับชูลท์

นั่นแปลว่าอย่างน้อยเจ้าของพลังทั้งสองคนต้องยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ วินเซนต์จึงไม่ได้กังวลต่อความปลอดภัยของน้องสาวนัก

. ปัจจุบันชูลท์กำลังนอนหลับอยู่ในห้องพักห้องหนึ่งของรถมกรพ่วง แต่สมาชิกฝ่ายพริสซิลล่าคนที่เหลือไม่ได้อยู่บนขบวนรถเลยสักคน

อัลปฏิเสธการขึ้นรถอพยพหนีและเลือกอยู่ที่นครหลวงจักรวรรดิต่อเพื่อตามหานายหญิงด้วยตัวคนเดียว ส่วนไฮน์เคลก็หายตัวไปดื้อๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าไฮน์เคลนัก แต่สุบารุก็ไม่อยากให้ตาลุงขี้เมาคนนั้นตาย ไม่งั้นไรน์ฮาร์ดกับวิลเฮล์มคงจะเศร้าแย่

พอที่ประชุมเงียบลงไป ออตโต้ก็ลุกขึ้นยืนและชูนิ้วเรียกความสนใจ ก่อนที่จะเปิดหัวข้อสนทนาต่อไปทันที

ออตโต้: น่าจะพอทราบกันแล้ว พวกผมน่ะเป็นคนจากราชอาณาจักรครับ แต่ก่อนจะยอมรับความผิดที่แอบข้ามพรมแดนมาในตอนที่ไม่ควรข้าม มีอะไรอยากจะแจ้งอยู่ครับ

วินเซนต์: ――ว่ามาได้เลย

ออตโต้: ครับ ――พวกผมทำตามจุดประสงค์สำเร็จแล้ว หากไปถึงนครป้อมปราการการ์คลาเมื่อไหร่ พวกเราจะมุ่งขึ้นเหนือผ่านนครรัฐคารารากิเพื่อกลับสู่ราชอาณาจักรลูกุนิก้ากันเลยครับ

ออตโต้ประกาศเช่นนั้นต่อหน้าองค์จักรพรรดิแบบไม่ใยดีทั้งที่จักรวรรดิวอลลาเคียกำลังเผชิญหน้าอยู่กับวิกฤติการณ์

. ออตโต้: ――คุณนัตสึกิกับเอมิลี่ รบกวนเงียบปากไว้นะครับ

ก่อนที่ทั้งเอมิเลียและสุบารุจะได้ออกปากทักท้วง ออตโต้ชิงตัดหน้าเอ่ยดักคอพวกเขาเอาไว้ก่อน

รัม: จะเรียกว่าไร้หัวใจก็ไม่ว่ากัน แต่รัมเองก็เห็นพ้องกับออตโต้ เราได้ตัวเรมกับบารุสุที่แขนขาสั้นคืนมาแล้ว ผลลัพธ์มันดีพอแล้วล่ะ

เอมิเลีย: รัม…

รัม: ไม่ต้องมามองกันด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างนั้นเลย เอมิลี่ เธอเองก็น่าจะเข้าใจ พวกเราโชคดีที่ยังไม่เสียใครไป แต่ถ้าฝืนมากไปกว่านี้มันจะอันตราย

เซรีน่า: ดัดลี่ย์ เจ้าเองก็เห็นพ้องกับภริยางั้นรึ?

รอสวาล: ไม่ใช่ภริยาก็จริง แต่โดยรวมแล้วเห็นด้วยกับทั้งสองคนนั้น

รอสวาลปฏิเสธเรื่องเข้าใจผิดของไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอย แต่ก็ยังเห็นพ้องกับออตโต้และรัมอยู่ดี

รอสวาล: ที่จริง หากดูแค่จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ถึงแม้แขนขาของเขาจะสั้นลงเล็กน้อยและเด็กสาวที่หลับไหลจะตื่นมากลายเป็นสาวก๋ากั่นไป แต่ผลลัพธ์มันก็ยอดเยี่ยม การถอยทัพกลับไปที่ราชอาณาจักร ณ ตอนนี้เลยน่าจะเป็นการตัดสินใจที่สุ่มเสี่ยงน้อยที่สุดสำหรับฉันแล้ว

รัม: ต่อให้บารุสุจะฟันงอกไม่ครบทั้งปาก ความสูญเสียก็แทบไม่มีอยู่ดีล่ะนะ

ออตโต้ รอสวาลและรัมคือสมาชิกสามคนที่เป็นมันสมองของฝ่ายเอมิเลีย แต่พวกเขากลับยืนหยัดในการไม่ช่วยจักรวรรดิ ทำให้สุบารุต้องรีบหาพวกเพิ่ม

สุบารุ: อย่างน้อยทางนี้ก็ยังมีเบียโกะอยู่…

เบียทริซ: …รู้สึกผิดต่อสุบารุก็จริง แต่เบ็ตตี้ก็แอบเห็นด้วยกับฝั่งนั้นย่ะ พอรวมเรื่องสุบารุตัวหดเข้าไปแล้ว การข้องเกี่ยวกับจักรวรรดิมากไปกว่านี้มันค่อนข้างอันตรายกระมัง

สุบารุ: ไม่จริงน่า กระทั่งเธอก็ด้วยเหรอ!

. สุบารุถูกคู่หูหักหลังอย่างไม่น่าเชื่อ เหงื่อเย็นเริ่มไหลอาบจนหมดเรี่ยวแรง ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับเอมิเลียที่ยังยืนกรานจะช่วยวอลลาเคีย

ออตโต้: ขอบอกไว้เลยว่าเพทร่าจังเองก็เห็นด้วยกับพวกผม ถึงคุณเฟรเดริก้าจะลังเลแต่ใจก็เอนเอียงไปทางกลับประเทศ…รบกวนนับรวมพวกเฉพาะการ์ฟีลนะครับ

สุบารุ: มีแค่เอมิเลียตัน การ์ฟีลกับชั้นงั้นเรอะ!? ไม่ขำเลยนะเฟ้ย!

ถ้านี่เป็นปัญหาที่แก้ได้ด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว สุบารุคงอุ่นใจที่มีเอมิเลียกับการ์ฟีลอยู่ด้วย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนี่สิ

กอซที่เงียบไปสักพักเริ่มหมดความอดทน เขาจึงตรงดิ่งมาหาสุบารุ จากนั้นก็ใช้เพียงสองนิ้วกระชากคอเสื้อของสุบารุจนตัวลอย

กอซ: นี่คือปัญหาของจักรวรรดิ! หากพวกเจ้ามิใช่ชาวจักรวรรดิแต่เป็นชาวราชอาณาจักร ก็จงรีบข้ามพรมแดนกลับไปดังที่สมควรแต่แรกเสีย! ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของพวกเจ้า!

สุบารุ: หวา! ระ…รอเดี๋ยวก่อนสิ! ฝั่งนี้ยังหารือกันเองไม่เสร็จเลย…

กอซ: ――ชักช้าน่าเบื่อ!!

เสียงแหกปากตะโกนในระยะประชิดของกอซมันดังจนหูอื้อ กระทั่งว่าสุบารุยกมือมาปิดหูแล้วก็ยังป้องกันไม่ไหว

เอมิเลีย: พอแค่นั้นแหละ คุณกอซ ก่อนอื่นก็วางสุบารุลงก่อน แล้วค่อยมาคุยกันดีๆ ดีกว่าค่ะ

เอมิเลียลุกขึ้นมาเอามือเท้าสะเอวและกล่าวติเตียน แม่ทัพกอซจึงหันมามองทางเธอทั้งที่ยังคว้าร่างของสุบารุเอาไว้

กอซ: เจ้าน่ะ เห็นพ้องกับหนุ่มน้อยคนนี้สินะ! ทว่า! หมาป่าดาบแห่งจักรวรรดิมิต้องการความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อันใด! ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของพวกเจ้า! รีบกลับไปกับพวกพ้องเสีย…

เอมิเลีย: เรื่องนั้นน่ะ! ฉันน่ะ ขอเห็นต่างสุดดดใจค่ะ!

กอซ: ว่าไงนะ!?

เอมิเลีย: ปากบอกไม่ต้องพึ่งพาพลังของพวกเรา! แต่ว่านะ! ฉันว่ามันไม่จริงเลย!

เบียทริซ: เสียงมันดังขึ้นเรื่อยๆ เลยนะยะ

เอมิเลียเร่งระดับเสียงให้ดังขึ้นตอนถกกับกอซ จนกลายเป็นเหมือนว่าทั้งสองแข่งกันแหกปากตะโกนเสียงดัง กอซที่พ่ายแพ้ในระดับเสียงถึงกับหน้าเหวอไป

เอมิเลีย: ก็แหม! ตอนศึกที่นครหลวงจักรวรรดิ ถ้าฉันกับพริสซิลล่าไม่อยู่ด้วย ทุกคนน่าจะลำบ้ากลำบากกว่านี้จริงไหมคะ!

กอซ: …อึก

เอมิเลีย: พวกเราน่ะ! แกร่งใช่ไหมล่ะ คุณเบลสเต็ตซ์!

การเข้าร่วมทัพกบฏของฝ่ายเอมิเลียทำให้การตอบโต้ของฝั่งจักรวรรดิไม่ราบรื่นดังที่คิด กระทั่งเสนาบดีเบลสเต็ตซ์เองก็ยอมรับในเรื่องนั้น

แถมเซรีน่ายังเสริมอีกว่าผู้ที่หยุดกระสุนปืนใหญ่ผลึกมนตราที่เกือบจะพลิกผลแพ้ชนะเอาไว้ได้ก็คือเบียทริซ

. พอทั้งสุบารุ เอมิเลีย เซรีน่าและเบลสเต็ตซ์ออกความเห็นไปในทางเดียวกัน กอซจึงยอมถอยแต่โดยดี ทว่า ในบรรดาฝ่ายเอมิเลียเองนั่นแหละที่ยังเถียงกันค้างไว้

แถมตัวการหลักที่สุบารุกับเอมิเลียจำเป็นต้องเอาชนะยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ได้เถียงให้ชนะง่ายๆ อย่างกอซอีกต่างหาก

ออตโต้: อย่างที่แม่ทัพเอกกอซกล่าวไว้ เรื่องนี้คือปัญหาของทางจักรวรรดิครับ นี่มันต่างจากสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็น การข้องเกี่ยวหลังจากนี้ไปจะถือเป็นการแทรกแซงเรื่องภายในของประเทศอื่น…ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศได้ครับ

สุบารุ: อึก…

ออตโต้: ก่อนอื่นเลย ทำไมคุณนัตสึกิถึงได้อยากยุ่งเกี่ยวด้วยนักล่ะ? น่าจะเป็นเพราะหนี้บุญคุณหรือความชอบพอที่มีต่อเหล่าผู้คนที่ได้รู้จักในจักรวรรดิใช่ไหม?

สุบารุ: ไม่ต้องมาพูดจาเหมือนว่าตัวเองเข้าใจดีเลยนะ! แล้วแบบนั้นมันผิดนักรึไง!

ออตโต้: ไม่ผิดหรอก เพราะงั้นถึงได้มีข้อเสนอมาโน้มน้าว ――ด้วยการให้คุณนัตสึกิพาทุกคนที่ไม่อยากทอดทิ้งออกจากจักรวรรดิไปด้วยกัน

การโต้แย้งด้วยตรรกะคือเรื่องถนัดของออตโต้ ข้อเสนออันน่าเหลือเชื่อแต่สมเหตุสมผลของเขาทำให้กอซอึ้งตามไปด้วยจนเผลอปล่อยสุบารุหลุดมือ

ออตโต้ชำเลืองมองไปทางรอสวาลเพื่อขอคำยืนยันจากเจ้านายว่าพร้อมจะใช้อำนาจและฐานะที่มีรับอุปถัมภ์เหล่าคนที่สุบารุอยากพากลับลูกุนิก้าด้วยกันไหม

รอสวาล: อย่างน้อยนายจ้างของฉันคงไม่ปฏิเสธ ตราบใดที่มันช่วยลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นลงได้ นั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มเสีย

รัม: เพราะเป็นบารุสุที่มีความคิดแบบเด็กๆ พวกคนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้วยกันไม่น่าจะเป็นพวกที่มีพลังมากพอจะต่อสู้ น่าจะเป็นจำพวกที่ทางจักรวรรดิยอมปล่อยมือทิ้งได้

ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออันยากที่จะเถียงของออตโต้ การใช้อำนาจแก้ปัญหาของรอสวาล การวิเคราะห์อันเฉียบแหลมของรัม สุบารุไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย

แถมออตโต้ยังปิดช่องโหว่เพิ่มเติมด้วยการขออนุญาติวินเซนต์ตรงๆ ซึ่งองค์จักรพรรดิก็ยอมรับว่าข้อเสนอของออตโต้นั้นคิดมาอย่างดีและยากที่จะปฏิเสธ

. ออตโต้: ว่าไงครับ คุณนัตสึกิ? ผมประนีประนอมและคำนึงถึงใจคุณให้ได้มากสุดเท่านี้แหละครับ

อุดทุกช่องโหว่ให้ทันตา แต่บังคับเปลี่ยนจุดหมาย ไม่ปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย แต่เสนอทางออกเชิงบังคับที่ยากจะปฏิเสธให้

ยามปกติเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่เสมอ แต่พอความเห็นต่างกัน ออตโต้ก็กลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว สุบารุมืดแปดด้านเพราะไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ จนกระทั่ง…

เอมิเลีย: ――นี่ อาเบล ขอถามอะไรหน่อยนะคะ

สุบารุ: เอมิเลียตัน?

เอมิเลีย: จักรวรรดิวอลลาเคียมีประชากรอยู่ทั้งหมดกี่คนเหรอคะ?

วินเซนต์: ――สงครามกลางเมืองในห้วงเดือนที่ผ่านมาน่าจะลดจำนวนลงไปเยอะ แต่ก่อนหน้านั้นจะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านคน

เอมิเลีย: งั้นเหรอ ตามนั้นแหละค่ะ สุบารุ

พอได้คำตอบ เอมิเลียก็หันกลับมามองสุบารุด้วยสายตาคาดหวังและชูนิ้วขึ้นมาป้องปากเหมือนส่งสัญญาณให้ ทีแรกเขางงว่าเธอหมายถึงอะไร แต่ก็ได้เบียทริซช่วยให้กำลังใจอีกแรงว่าเธออยู่ข้างเขาเสมอ

สุบารุ: ห้าสิบล้าน

ออตโต้: …ว่าไงนะครับ?

สุบารุ: เมื่อกี้นายบอกไว้เองนี่ ว่าให้ชั้นพาทุกคนที่ไม่อยากทอดทิ้งกลับไปที่ราชอาณาจักรด้วยกัน ถ้างั้นล่ะก็! ผู้คนที่ชั้นไม่อาจทอดทิ้งได้น่ะมีอยู่ห้าสิบล้านคน!

ออตโต้: ――อึก คุณนัตสึกิ!

ในเมื่อสุบารุไม่มีวันเถียงชนะออตโต้ รอสวาล รัมด้วยตรรกะและเหตุผลได้ เขาจึงเลือกเถียงด้วยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกที่ตัวเขา เอมิเลีย และการ์ฟีลถนัด

. สุบารุยอมรับว่าคำขอของเขามันเห็นแก่ตัว แต่เขาก็คงกินอะไรไม่ลงหากต้องยอมปล่อยให้จักรวรรดิถูกทำลายจนย่อยยับ

ออตโต้พยายามโต้ว่าการช่วยเหลือคนแปลกหน้า 50 ล้านคนมันไม่คุ้มเลย หากว่าฝั่งตนต้องเสียใครไป แม้กระทั่งแค่คนเดียวก็ตาม

แต่สุบารุให้คำยืนยันว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกพ้องฝ่ายเอมิเลียคนใดคนหนึ่งต้องตายอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็มองไปยังรอสวาลผู้ที่สามารถช่วยยืนยันในเรื่องนั้นให้ได้

สุบารุ: รอสวาล! นายควรจะรู้ดี ว่าคำพูดของชั้นน่ะจริงแท้แน่นอน

รอสวาล: …ฉันคือดัดลี่ย์นะ สุบารุคุง อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนที่มีความคาดหวังในตัวนายอย่างสุดซึ้ง หากไม่พยักหน้ายอมรับคำถามนั้นก็คงเป็นการหลอกตัวเอง

แม้จะไม่รู้ถึงเงื่อนไขของอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” แต่รอสวาลก็รู้ดีสุบารุมีอำนาจที่สามารถแก้ไขเหตุการณ์ และมั่นใจว่าสุบารุจะใช้อำนาจนั้นรักษาชีวิตของสมาชิกฝ่ายเอมิเลียทุกคนตาม “สัตย์สาบาน”

ในระหว่างนั้นเอมิเลียก็ไปออดอ้อนรัมจนเธอเริ่มใจอ่อน ซึ่งเป็นอะไรที่มีเพียงเอมิเลียเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าสุบารุทำแบบเดียวกันรับรองว่าคงโดนตบหน้าไปแล้ว

สุดท้ายรัมก็ยอม เนื่องจากเธอรู้ดีว่าเรมมีความผูกพันกับผู้คนที่นี่ เพราะงั้นการฝืนบังคับเรมหนีกลับมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

. รอสวาลกับรัมยอมไปแล้ว แต่ออตโต้ยังคงเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ยากจะเจาะ

สุบารุ: ออตโต้ ขอร้องล่ะ!

ออตโต้: จะบีบน้ำตาใส่แบบเอมิลี่เหรอครับ? น่าเสียดายที่ผมต่างจากคุณรัม ไม่ได้บ้าพอจะเซ็นสัญญาที่ไม่รู้ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหรอกนะครับ ――นี่มันเป็นการแบกรับความเสี่ยงโดยที่พวกคุณนัตสึกิไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนะครับ

วิธีออดอ้อนที่เอมิเลียใช้กับรัมไม่ได้ผล แถมสุบารุก็ไม่มีอะไรจะซื้อใจเขาอย่างรอสวาลอีก การถกเถียงเริ่มมาถึงทางตันอีกครั้ง จนกระทั่ง…

วินเซนต์: ――บอกว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรสินะ เช่นนั้นล่ะก็ หากมีผลประโยชน์มันก็อีกเรื่อง

ออตโต้: ถ้ามีผลประโยชน์ ล่ะนะครับ คิดจะเสนออะไรกันแน่ล่ะครับ? ขอบอกเลยว่ารางวัลอะไรก็คงไม่คุ้มเสี่ยง…

วินเซนต์: ――ถ้าเป็นการขอการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้าล่ะ

คำตอบของวินเซนต์ทำให้ออตโต้อ้ำอึ้ง เซรีน่าฉีกยิ้ม เบลสเต็ตซ์เบิกตากว้าง ที่หนักสุดคือกอซที่ทำหน้าเหมือนโลกถึงจุดจบและเริ่มตะโกนทักท้วงเสียงดัง

ในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิเทวาวอลลาเคียไม่เคยมีการขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นมาก่อน กอซจึงกลัวว่าการตัดสินใจของวินเซนต์จะทำให้ประชาชนมองว่าเสื่อมเสียเกียรติ

แต่วินเซนต์มองว่าเกียรติยศอันว่างเปล่าไม่ใช่สิ่งที่จักรวรรดิต้องการในเพลานี้ พวกเขาต้องการชัยชนะที่จะนำพาไปสู่การหล่อหลอมอนาคตของประเทศ

. หลังโน้มน้าวกอซ เซรีน่า และเบลสเต็ตซ์ให้ยอมรับการตัดสินใจของเขาได้แล้ว วินเซนต์ก็เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าเอมิเลีย

วินเซนต์: ได้ยินแล้วสินะ ผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์กษัตริย์เอ๋ย จักรวรรดิวอลลาเคียอยากขอการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากราชอาณาจักรลูกุนิก้าเพื่อยุติวิกฤติการณ์นี้ ――ขอยืมพลังของเจ้าหน่อย

เอมิเลีย: …คือว่านะ อาเบล ฉันน่ะอยากให้ยืมพลังก็จริง แต่ว่าตัวฉันน่ะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องการคัดสรรกษัตริย์อะไรนั่นเลยสักนิด

สุบารุ: เอมิเลียตัน ผิดคิวแล้ว! ที่จริงเป็นจังหวะที่ต้องเลิกตีเนียนน่ะ!

เอมิเลียที่ตื่นตระหนกกวาดสายตาหาสุบารุกับเบียทริซที่พากันพยักหน้า แล้วมองดูรัมที่เธอยังคงกอดแขนอยู่เป็นคนสุดท้าย

รัม: ค่ะ ตามนั้นเลย ――เชิญทำตามใจชอบได้เลยค่ะ ท่านเอมิเลีย

พอได้รับคำยืนยันจากรัม เอมิเลียก็กระแอมหนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปหาวินเซนต์ที่ยืนรออยู่

เอมิเลีย: ฉันชื่อเอมิเลีย แค่เอมิเลียเฉยๆ ค่ะ หนึ่งในผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นกษัตริย์คนถัดไปแห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้า แล้วก็เป็นผู้ที่อยากช่วยเหลือจักรวรรดิที่กำลังมีภัย

วินเซนต์: ――นี่คือคำขออย่างเป็นทางการ ปกติแล้วจักรวรรดิวอลลาเคียจะไม่ขอความช่วยเหลือจากคนของประเทศอื่น โดยเฉพาะผู้มีที่ภาระใหญ่หลวงต้องแบกรับ ฉะนั้นแล้ว หากสาธารณะชนได้รับรู้เรื่องนี้ มันย่อมกลายเป็นต้นลมที่จะเกื้อหนุนการชิงบัลลังก์ของเจ้า…

เอมิเลีย: โธ่! เรื่องนั้นไว้ทีหลังเถอะ! ที่อยากทำตอนนี้ก็คือนี่!

พอวินเซนต์เริ่มสาธยายยืดยาว เอมิเลียก็ทำหน้างอนแก้มป่อง จากนั้นก็ยื่นฝ่ามือไปหาวินเซนต์

เอมิเลีย: ให้พวกเราได้ช่วยเหลือจักรวรรดิของคุณเถอะนะ

วินเซนต์อึ้งไปเล็กน้อยกับการตัดบทตามใจของเอมิเลียจนต้องมองไปทางสุบารุ ซึ่งฝั่งนู้นก็ฉีกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นต่อ

สุบารุ: เชิญเลย องค์จักรพรรดิ จะอนุญาติให้จับมือกับเอมิเลียตันของชั้นก็แล้วกัน

เอมิเลีย: บอกแล้วไงว่าสุบารุต่างหากที่เป็นของฉัน…

วินเซนต์มองดูการหยอกล้อของหนุ่มสาวจากนั้นก็เอื้อมมือไปสัมผัสฝ่ามือของเอมิเลีย เป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

วินเซนต์: ――ย่อมได้ ขอยืมพลังของเจ้าหน่อย

. หลังจากที่ตัวแทนระหว่างสองประเทศจับมือกันเป็นการสานสัมพันธ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของลูกุนิก้าและวอลลาเคีย สุบารุก็หันมาถามออตโต้ที่เป็นคนต้นเรื่อง

สุบารุ: เอ่อ คุณออตโต้ แบบนี้พอรับได้ไหม…?

สุบารุยังคงเกร็งไม่หายจนเผลอเติม “คุณ” หน้าชื่อและไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย แถมฝั่งออตโต้ก็นิ่งเงียบไม่ตอบกลับจนสุบารุเริ่มสั่นกลัวและกอดเบียทริซเอาไว้

แต่แล้วจู่ๆ ออตโต้ก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างสบายใจในระหว่างที่สุบารุสะดุ้งโหยง แล้วกล่าวต่อว่า…

ออตโต้: …เอาเถอะ ก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้วล่ะนะ

สุบารุ: …เอ๋? …ไม่จริงน่า …อย่าบอกนะว่านายรู้ว่ามันจะลงเอยแบบนี้ตั้งแต่แรก…

ออตโต้: เราไม่รู้ว่าจักรพรรดิวินเซนต์จะยอมประนีประนอมแค่ไหน แต่ถึงยังไงคุณนัตสึกิกับท่านเอมิเลียก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจอยู่แล้ว ก็เลยคิดหาจุดลงเอยที่ดีที่สุดเอาไว้

สุบารุ: อะ…โอ…อุ…เอ…อา…โอ…อุ…

คำตอบของออตโต้ทำให้สุบารุอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่เป็นคำ แถมพอมองไปทางรอสวาลกับรัม สองคนนั้นก็ทำหน้าเหมือนเตี๊ยมกันมาตั้งแต่แรกแล้ว

สุบารุ: พวกแก…พวกแกนี่มัน… น่ากลัวโว้ยยยย!!

ออตโต้: เสียใจด้วยน้า! หลักๆ ก็เพราะพวกคุณนัตสึกิดื้อด้านกันนั่นแหละ!

สุบารุ: ว้ากกก ชั้นจะไม่เชื่อใจใครนอกจากเบียโกะกับเอมิเลียตันอีกแล้ววว…! แล้วก็เรม! รุย! ทันซ่ากับทุกคนในหน่วยรบ พวกคุณฟล็อป แล้วก็พวกคุณมิเซลด้าแค่นั้น!

เบียทริซ: ยังเหลือเพียบอยู่ดีนี่ยะ!

สุบารุกอดเบียทริซและแหกปากด้วยความหวาดกลัวต่อเหล่าสายมันสมองประจำฝ่าย บางทีวินเซนต์เองก็อาจจะรู้ทันแต่แรกและเล่นไปตามน้ำด้วยเช่นกัน

. ในขณะที่เรื่องทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมากลางห้องประชุม

??: ――แหม ได้เห็นอะไรบันเทิงดีแท้ แหล่มเลยๆ ไม่เลวนี่

ที่มุมห้องประชุมมีชายแปลกหน้ายืนปรบมืออยู่ในเงามืด โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไร

กอซรีบไปยืนขวางเพื่อคุ้มกันวินเซนต์กับเอมิเลียโดยทันที ส่วนอีกฝ่ายนั้นสูบไปป์คิเซะรุ และพูดจาเรื่อยเปื่อยสบายใจเฉิบ

แขกไม่ได้รับเชิญมีลักษณะภายนอกโดดเด่นเป็นมนุษย์หมาป่าขนสีดำ ตัวสูงเกือบสองเมตร และสวมชุดกิโมโน

??: ตายแล้ว ทุกคนดูจะสนใจผมกันจังเลยเนอะ

เอมิเลีย: คุณเป็นใครกัน? แล้วมาที่นี่เพื่ออะไร?

ฮาลิเบล: ผมน่ะ ชื่อว่าฮาลิเบล พอดีอยากแวะมาทักทายสักหน่อยจะเป็นไรไหมเอ่ย?

. จบตอน