webnovel arc8 chapter18

บทที่ 8 ตอนที่ 18 "การพบเจออีกครั้งเพียงประเดี๋ยวเดียว"

เด็กสาวเผ่าเอลฟ์ผมสีชมพูที่ลอยอยู่บนฟ้า คือหนึ่งในร่างโคลนของริวซู เมย์เอล ซึ่งถูกสร้างขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ทว่า “สฟิงซ์” มีความพิเศษตรงที่เธอคือร่างโคลนที่แม่มดแห่งโลภะ “เอคิดน่า” ย้ายร่างไม่สำเร็จจนกลายเป็นผลงานล้มเหลวที่หนีออกไปก่อวีรกรรมมากมาย

สฟิงซ์: ความเสียหายต่อแขนขา ไม่มี ความทรงจำก็ยังอยู่ครบดีเหมือนก่อนหน้านี้ รูปลักษณ์ของฉัน… ตกอยู่สถานะที่ไม่พึงประสงค์ การตระหนักรู้ทำให้ปวดหัวได้เหมือนกันนะคะเนี่ย “มาตรการรับมือ” จำเป็นค่ะ

สฟิงซ์มีผิวซีดและดวงตาสีทองแบบผีดิบตัวอื่น แต่เธอตระหนักรู้ถึงสถานะของตนเองมากกว่าผีดิบทุกตัวที่พวกรอสวาลเคยเผชิญมา

รอสวาลรู้สึกช้ำใจอย่างสุดซึ้งที่ได้เห็นศัตรูที่เขาพลาดท่าฆ่าไม่สำเร็จเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน แถมเบียทริซกับการ์ฟีลยังต้องมาประจันหน้ากับศัตรูคนนี้อีก

กล่าวคือ สฟิงซ์เป็นศัตรูร้ายที่ดันมีรูปลักษณ์แบบเดียวกับบุคคลสำคัญของการ์ฟีลและเบียทริซ รอสวาลจึงอดที่จะกังวลมิได้

รอสวาล: ――การ์ฟีล อย่าพึ่งวู่วามล่ะ

การ์ฟีล: ――เบียทริซ ถอยออกมาซะ

เบียทริซ: ――รอสวาล ใจเย็นก่อนนะยะ

กลายเป็นว่ารอสวาลไม่ใช่คนเดียวที่กังวล ทั้งสามพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่ละคนต่างตั้งใจจะเตือนสติคนที่ตนเองคิดว่ามีโอกาสแตกตื่นมากที่สุด

. กระทั่งมิเซลด้าที่เป็นคนนอกยังประเมินได้ว่าสฟิงซ์มีบรรยากาศที่แตกต่างจากผีดิบตัวอื่น รอสวาลพยายามชวนคุยล้วงข้อมูลแต่ไม่ค่อยได้อะไรมาก

ที่แน่ๆ การที่สฟิงซ์สามารถพัฒนาคุณสมบัติของเวท “สัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะ” ได้ แปลว่าเธอเป็นอสุรกายที่อันตรายขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอน

การ์ฟีล: เอ็งน่ะ เป็นตัวอะไรกันแน่วะ หา?

การ์ฟีลสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณว่าสฟิงซ์ไม่ใช่หนึ่งในร่างโคลนที่คุณยายของเขาดูแลอยู่แน่ๆ แต่แล้วสฟิงซ์กลับเมินเขาโดยสิ้นเชิงและหันไปคุยกับรอสวาลต่อ

ฝั่งเบียทริซก็ไม่รู้จักสฟิงซ์ เพราะเธอหมกตัวอยู่ในคลังสมุดต้องห้ามตอนที่เกิดเรื่องขึ้น แต่ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอะไร

สิ่งสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่การโทษรอสวาลที่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่เป็นการกำจัดสฟิงซ์ให้สิ้นซาก พอสัมผัสได้ถึงความตั้งใจนั้น สฟิงซ์ก็จ้องตาเบียทริซกลับ

สฟิงซ์: ฉันเอง ก็สัมผัสถึงอันตรายได้ค่ะ “กำจัด” จำเป็นค่ะ

รอสวาล: ――ตายซะ

ระหว่างที่เด็กสาวสองคนกำลังรวบรวมพลังเวทเตรียมปะทะ รอสวาลก็เป็นฝ่ายชิงเปิดฉากการต่อสู้ด้วยเวทระเบิดเพลิงก่อนใครเพื่อน

. ตัดไปทางสุบารุและเอมิเลียซึ่งอยู่ที่ทางเดินของรถมกรพ่วง สุบารุพึ่งส่งเบียทริซไปลุยแนวหน้า ใจเขาเลยยังเต้นรัวด้วยความกังวลไม่หาย

หลังการเจรจาพันธมิตรจบลง เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็กำลังปรึกษาหารือเรื่องการแบ่งกำลังรบและเส้นทางการขนส่งทรัพยากรอยู่

สุบารุและเอมิเลียต่างรู้สึกเจ็บใจที่ช่วยอะไรไม่ได้ กระทั่งตอนที่อยู่กับหน่วยรบเพลอาเดส เรื่องแนวนั้นสุบารุก็ต้องพึ่งพากุสตาฟกับอิโดร่าอยู่ตลอด

ส่วนเอมิเลียก็จำใจต้องฝากฝังให้ออตโต้กับรัมเป็นตัวแทนพรรคเข้าร่วมการประชุมข้างต้นแทนเช่นกัน

สุบารุนึกในใจว่าวันนี้เอมิเลียก็ยังคงสวยไม่เปลี่ยน ที่จริงเขาอยากก็จะใช้เวลาชื่นชมความน่ารักของเธออยู่หรอก

แต่ตอนนี้สุบารุอดเป็นห่วงเบียทริซที่ติดตามรอสวาลไปวิเคราะห์คุณลักษณะของพวกซอมบี้ไม่ได้ เพราะเธออาจจะทำตัวมุทะลุเพื่อเอาใจเขา

นอกจากนี้สุบารุก็ยังเป็นห่วงการ์ฟีลและหน่วยรบเพลอาเดสที่กำลังสู้รบเพื่อซื้อเวลาอยู่ด้านนอก มีเพียงทันซ่าที่อยู่บนขบวนรถมกรพ่วงเหมือนเขา

ไหนจะมีเซซิลุสที่ยังไม่โผล่หน้ามากลับมารวมกลุ่มอยู่อีก ถึงแม้ว่าสุบารุจะเชื่อมั่นในฝีมือของเพื่อนๆ แต่เขาก็อดกังวลใจไม่ได้

. ยุลิอุสเดินผ่านมาเจอสุบารุกับเอมิเลีย เขาเลยเข้าร่วมวงสนทนาด้วยคน

สุบารุกล่าวขอบคุณยุลิอุส อนาสตาเซีย และเอคิดน่าจิ้งจอกที่ถ่อมาถึงวอลลาเคียเพื่อช่วยเขา ทำให้ยุลิอุสแอบประหลาดใจเล็กน้อย

ยุลิอุสสงสัยว่าทำไมสุบารุดูสนิทกับจักรพรรดิวินเซนต์จนถึงขั้นพูดหยอกล้อแบบแรงๆ ได้ ซึ่งสุบารุก็ได้แต่ยิ้มแหยแกว่าเขาทำอะไรเสียมารยาทต่อวินเซนต์ยิ่งกว่าการพูดจาแบบไม่ไว้หน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

เอมิเลียบอกว่าสุบารุกับวินเซนต์เป็นเพื่อนกัน ยุลิอุสเลยสงสัยว่าสุบารุนับเขาเป็นเพื่อนด้วยไหม ซึ่งสุบารุก็ยอมรับแบบแก้ๆ กังๆ ว่าคงใช่นั่นแหละ

ยุลิอุส: สุบารุ เรื่องร่างกายของนาย…

สุบารุ: ฝีมือตาเฒ่าชิโนบิน่ะ ครั้งหน้าขอให้หดร่างนายบ้างดีกว่า อยากเห็นชะมัด

ยุลิอุส: ขอปฏิเสธ พอดีไม่อยากเห็นหน้าตัวเองในวัยเด็กเท่าไหร่น่ะ หากเป็นท่านอนาสตาเซียกับท่านเอมิเลียล่ะก็ วัยเด็กคงจะน่ารักมากแน่ๆ

สุบารุ: เอมิเลียตันวัยเด็กเหรอ! จริงด้วยสิ! ลืมไปว่ามีตัวเลือกนั้นอยู่ด้วย!

เอมิเลีย: ฉันเหรอ? อืมมม ไม่รู้สิ ที่จริงก็ได้เห็นหน้าตาตัวเองตอนเด็กที่ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” มาแล้วอยู่หรอก แต่ฉันว่าสุบารุในตอนนี้กับเบียทริซน่ารักกว่าอีกนะ

สุบารุรู้ดีว่าเอมิเลียมีความมั่นใจในตัวเองต่ำ เขาจึงเดาว่าตัวเธอในวัยเด็กจะต้องน่ารักมากแน่ๆ เผลอๆ ก็ถึงขั้นสูสีกับเบียทริซเลย

. ในตอนนี้โอลบาร์ตผู้เป็นตัวการหดร่างสุบารุกำลังต่อสู้กับซอมบี้อยู่ด้านนอก เอมิเลียกับยุลิอุสมองว่าทันทีที่เขากลับมาคงขอให้คืนร่างแก่สุบารุได้ไม่ยากเย็นนัก

ทว่า ทางสุบารุนั้นยังไม่คิดจะคืนร่างในตอนนี้ เนื่องจากบัฟเสริมพลังจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของหน่วยรบเพลอาเดสยังคงเป็นสิ่งจำเป็น

คำโกหกที่ว่าเขาเป็นองค์ชายรัชทายาท “นัตสึกิ ชวาร์ซ” กลายเป็นรากฐานของความสามัคคีในหมู่หน่วยรบเพลอาเดสไปแล้ว แต่สุบารุก็ไม่ได้คิดที่จะโกหกตลอดไป

อย่างน้อยก็จนกว่าพวกตนจะสามารถชิงวอลลาเคียกลับมาได้ พอถึงตอนนั้นสุบารุค่อยกลับคืนร่างเดิมและบอกความจริงออกไป

ความมุ่งมั่นของสุบารุทำให้ทั้งยุลิอุสและเอมิเลียต่างรู้สึกนับถือชื่นชม แต่สถานะที่เป็นเด็กของสุบารุก็ทำให้เอมิเลียรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย

สุบารุ: อุก ไม่มีอะไรจะแก้ตัวได้เลย ที่จริง ชั้นเองก็อยากกลับคืนร่างเดิมเพื่อจู๋จี๋กับเอมิเลียตันเหมือนกันนะ รู้ไหม? แต่ก็แบบว่า…

เอมิเลีย: เข้าใจดีค่ะ สุบารุมีเรื่องให้ชั่งใจมากมาย เลยต้องเลือกที่สิ่งที่สำคัญกว่าเอาไว้ก่อนใช่ไหมล่ะ? ฉันเองก็คิดนะ ว่าด้านนั้นของสุบารุเหมือนกับยุลิอุสเลย

เอมิเลียวางมือข้างหนึ่งลูบหัวสุบารุที่ออกอาการลุกลี้ลุกลน และใช้นิ้วมืออีกข้างหนึ่งสัมผัสปลายจมูกของเขา

เอมิเลีย: แต่ว่านะ ไม่ว่าจะตัวเล็กลงแค่ไหน สุบารุก็ยังเป็นสุบารุสำหรับฉันอยู่ดี ต่อให้จะกลับคืนจากร่างจิ๋วไม่ได้ ฉันจะรอคอยตราบนานเท่านานจนกว่าจะโตเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ

สุบารุ: อย่างที่คิดเลย ชั้นเองก็ไม่อยากติดอยู่ในร่างนี้เหมือนกัน… เอ๊ะ ที่พูดเมื่อกี้…?

พอสมองของสุบารุประมวลผลคำพูดของเอมิเลียทัน เขาก็เขินอายจนหน้าแดง แต่เอมิเลียดูจะไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอส่งผลให้สุบารุคิดมากขนาดไหน

สุบารุหันไปขอความช่วยเหลือจากยุลิอุส แต่ฝั่งนั้นก็ได้แต่ยักไหล่ให้เพราะช่วยอะไรไม่ได้ เขาสาปแช่งเพื่อนทรยศและกวาดสายตาต่อไปจนไปเจอเข้ากับเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่พึ่งเดินผ่านมา

เรม: หา?

. เอมิเลียกล่าวทักทายเรมตามปกติ ส่วนสุบารุก็ถามถึงคาชัว เรมจึงเล่าว่าเธอปลอบคาชัวจนหลับไปแล้ว ตอนนี้ปล่อยให้จามาลเป็นคนเฝ้าดูแลต่อ

ยุลิอุสกล่าวทักทายและแสดงความยินดีที่เรมได้สติคืนมาแล้ว แต่ทั้งเรมและยุลิอุสยังคงไม่ได้รับ “ชื่อ” กลับมา ต่างฝ่ายต่างจึงยังจดจำกันไม่ได้

ยุลิอุส: ท่านหญิงเรมคงยังจำไม่ได้ แต่ในฐานะที่ได้เดินทางร่วมกัน รู้สึกยินดีเหลือเกิน

เอมิเลีย: อื้อ ฉันเห็นด้วย ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของสุบารุเนอะ

เอมิเลียฉีกยิ้มพลางลูบหัวสุบารุ ถึงแม้ว่ามันจะรู้สึกดี แต่ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายในตัวสุบารุก็เขินอายเกินกว่าจะปล่อยให้เอมิเลียปฏิบัติกับเขาเป็นเด็กน้อยไปนานๆ

สุบารุ: เอ…เอมิเลียตัน ชั้นไม่ได้น่ารักอะไรสักหน่อย

เอมิเลีย: ก็คิดว่าน่ารักอยู่หรอก แต่นี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวน่ารักเลยสินะ? สุบารุนี่สุดยอดจริงๆ สมกับที่เป็นท่านอัศวินของฉันเลยจ๊ะ

เรม: หา?

เอมิเลีย: เอ๋?

เสียงที่โพล่งขึ้นมาขัดทำให้เอมิเลียกับสุบารุเอียงคอสงสัยเป็นจังหวะเดียวกัน เรมจึงถือโอกาสนี้ถามสิ่งที่คาใจเธอมาสักพักแล้ว

เรม: …ทั้งสองคน มีความสัมพันธ์กันยังไงงั้นเหรอคะ?

เอมิเลีย: ฉันกับสุบารุน่ะเหรอ?

สุบารุ: ชั้นกับเอมิเลียตันน่ะเหรอ? นั่นสินะ ถ้าจะให้สรุปสั้นๆ เอมิเลียตันคือตำแหน่งท็อปของพรรคเรา ผู้ที่จะได้เป็นกษัตริย์ในอนาคตของราชอาณาจักรลูกุนิก้าล่ะ

เอมิเลีย: กำลังอยู่ระหว่างการพยายามขึ้นเป็นน่ะ เพราะงั้นถึงเป็นผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์จ๊ะ แล้วสุบารุก็เป็นท่านอัศวินผู้สนับสนุนอันดับหนึ่งของฉันล่ะ

เรม: ผู้สนับสนุนอันดับหนึ่ง…

สุบารุ: อา จะทำให้ความฝันของเอมิเลียตันของชั้นกลายเป็นจริงให้ได้เลย

เอมิเลีย: ใช้แล้ว ถึงได้พยายามกันสุดฝีมือ แต่ว่าที่ถูกคือสุบารุของฉันต่างหาก

พอได้ฟังคำตอบจากทั้งสองคน เรมก็เอามือก่ายหน้าผากแล้วครุ่นคิดทำความเข้าใจอยู่สักครู่

เรม: ขอโทษทีนะคะ มึนไปหมดแล้วค่ะ นี่ผิดที่ทางฉันเองหรือเปล่าคะเนี่ย?

ยุลิอุส: ――เปล่าหรอก ไม่ใช่ความผิดของท่านหญิงเรมเลยครับ นี่พูดในมุมมองของคนนอกนะครับ

เรม: ขอบคุณค่ะ…

ทั้งสุบารุและเอมิเลียต่างสับสนว่าเรมงงเรื่องอะไร แต่ฝั่งยุลิอุสกับเข้าใจความรู้สึกเรมดี เพราะสองคนนั้นอธิบายความสัมพันธ์ได้ชวนงงมาก

เอมิเลียนึกว่าเธอบอกข้อมูลเรื่องลูกุนิก้ามากเกินไปจนเรมตามไม่ทัน ส่วนสุบารุนึกว่าพริสซิลล่าไปเป่าหูอะไรเรมด้วยข้อมูลที่ไม่จำเป็น

. เรม: เอ่อนี่ รบกวนช่วยคลายข้อสงสัยก่อนหน้านี้ให้ฉันก่อนจะได้ไหมคะ?

ระหว่างที่สุบารุกับเอมิเลียกำลังคิดหาวิธีอธิบายให้เรมเข้าใจ สุบารุก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากฟากฟ้ายามราตรีและกระแทกทุ่งราบเบื้องล่าง

สุบารุรุดหน้าไปที่หน้าต่างเพื่อยืนยันสถานการณ์ให้ชัดเจนว่าอะไรกันแน่ที่ล่วงหล่นลงมา

สุบารุ: ――ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่? คุณริวซู?

ร่างเล็กๆ ที่ค่อยๆ ลุกกลับขึ้นมามีใบหน้าเดียวกับบุคคลที่สุบารุคุ้นเคย เธอจ้องตาสุบารุกลับ สัญชาตญาณในตัวมันบอกเขาว่าต่างฝ่ายต่างจำกันได้

ร่างของเด็กสาวขยับริมฝีปากพูดอะไรบางอย่าง สุบารุจึงพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ระยะห่างของทั้งคู่มันไกลเกินไป

สุบารุ: ――อ๊ะ

ทันใดนั้นเอง ประกายแสงสีขาวก็กระหน่ำลงมาโจมตีรถมกรพ่วงที่นัตสึกิ สุบารุอยู่จนรถทั้งขบวนกระจุยออกไป

. จบตอน