webnovel arc8 chapter22

บทที่ 8 ตอนที่ 22 "อยากจะเชื่อ ไม่อยากให้อภัย"

ฟล็อป โอคอนเนล เรียกวินเซนต์ วอลลาเคียให้หยุด เนื่องจากว่าเขามีเรื่องจะคุยด้วย

ทว่า วินเซนต์กำลังเร่งรีบไปหารือกับเบลสเต็ตซ์และเซรีน่าเรื่องคำทำนายจาก “นักอ่านดารา” เขาจึงไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระในตอนนี้

ฟล็อปรีบคว้าไหล่ของวินเซนต์ไม่ให้เดินหนี แล้วบอกว่าเขาต้องใช้เวลาเล่า มันไม่ใช่เรื่องที่รีบคุยให้จบได้

เนื่องจากวินเซนต์ยังคงดื้อด้าน มีเดียม โอคอนเนลที่มากับพี่ชายจึงยกร่างของวินเซนต์จนตัวลอย จากนั้นสองพี่น้องก็ย้ายวินเซนต์ไปคุยกันในห้องรับแขกข้างๆ

พฤติกรรมของพี่น้องโอคอนเนลมันเสียมารยาทอย่างมาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าสองคนนี้ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังรู้ตัวจริงของวินเซนต์

วินเซนต์สังเกตเห็นว่าฟล็อปยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บเจียนตาย เขาเพียงแค่ใช้เครื่องสำอางปิดซ่อนใบหน้าที่ซีดเซียวเอาไว้

ฟล็อป: มีข้อความฝากมาบอก ――จากผู้ที่สวมบทบาทเป็นจักรพรรดิแทนที่คุณ

ทันใดนั้นฟล็อปก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา พอรวมกับเนื้อหาที่เขาพูดแล้ว มันทำให้ดวงตาของวินเซนต์เบิกกว้าง ไม่กล้าเอ่ยขัดอีกต่อไป

ฟล็อป: คุณควรจะฟังสิ่งที่ฝากมาบอกไว้หน่อยนะ หัวหน้าหมู่บ้านคุง ――ไม่สิ องค์จักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย

. ตัดกลับมาทางพวกสุบารุ ซึ่งย้ายที่ไปคุยกันต่อในห้องรับแขกใหญ่ที่วินเซนต์อนุญาตให้พวกเขาใช้

เรื่องของบิชอปตะกละ รุย อาร์เน็บ เป็นเหมือนดั่งกล่องต้องห้ามใกล้ตัวที่สุบารุไม่เคยอยากจะเปิด

สมาชิกผู้หารือประกอบด้วย สุบารุ เอมิเลีย เบียทริซ ออตโต้ การ์ฟีล รอสวาล อนาสตาเซีย และยุลิอุส ซึ่งสองคนสุดท้ายเป็นเหยื่อของอำนาจบาปตะกละโดยตรง

ตอนนี้รุยพักอยู่กับพวกเรมที่อีกห้องหนึ่ง ในบรรดาสมาชิกประชุม มีอนาสตาเซีย ยุลิอุส และรอสวาลที่ยังไม่รู้จักรุยเลยด้วยซ้ำ

ว่ากันตามตรงสุบารุยังแอบประหลาดใจที่เฟิร์สคอนแท็คของพวกเอมิเลียกับรุยจบลงด้วยดี ไม่มีการนองเลือด

สุบารุ: ยั้งใจไว้ได้สินะ นึกว่าออตโต้กับการ์ฟีลจะชิงลงมือทันทีซะอีก

ออตโต้: ที่จริงแล้ว ตัวผมกับการ์ฟีลมองว่าควรกำจัดทิ้งหรือพันธนาการไว้ อย่างใดอย่างหนึ่งน่ะครับ เหตุผลเดียวที่เธอไม่ได้ลงเอยแบบนั้น ก็เพราะว่าท่านเอมิเลียโน้มน้าวทุกคนเอาไว้ได้ครับ

สุบารุ: เอมิเลียตันเองสินะ…

. เอมิเลียเสริมว่าในตอนนั้นมีเดียมช่วยปกป้องรุยสุดตัว เธอจึงมองว่าการตัดสินรุยตั้งแต่ตอนนั้นจะเป็นการด่วนสรุปเกินไปหน่อย

ครั้งล่าสุดที่สุบารุได้เห็นเธอ มีเดียมยังกลัวรุยขนลุกอยู่เลย เขาจึงโล่งใจมากที่สองสาวกลับมาสนิทกันแล้ว

เอมิเลียในฐานะฝ่ายเป็นกลางแสดงความเห็นว่าเธอเองก็มีประสบการณ์ถูกทุกคนรังเกียจในฐานะแม่มดเลยพอเข้าใจรุยอยู่บ้าง

แต่ออตโต้ที่เป็นฝ่ายเข้มงวดแทรกขึ้นว่ากรณีเอมิเลียนั้นเป็นเรื่องของอคติที่ไม่เป็นธรรมต่อฮาล์ฟเอลฟ์ ส่วนกรณีรุยเป็นเพราะการกระทำของตัวเธอเอง

เรียกได้ว่าออตโต้นั้นวางตัวเป็นอย่างดี เขาประกาศจุดยืนชัดเจนว่าตนอยู่ข้างเอมิเลีย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมองรุยเป็นศัตรู

. รอสวาลถามแทรกขึ้นว่าที่ผ่านมารุยได้แสดงพฤติกรรมน่าสงสัยอะไรบ้าง

การ์ฟีลที่เห็นด้วยกับออตโต้นั้นบอกว่าเขาจับตาดูรุยอยู่ตลอด จนกระทั่งถึงตอนศึกใหญ่ที่ต้องแยกกัน

ส่วนออตโต้ก็ย้ำว่าเขากับเบียทริซนั้นเคยเผชิญหน้ากับบิชอปตะกละรุย อาร์เน็บที่เมืองพริสเทล่ามาแล้ว แถมออตโต้ยังถูกรุยในตอนนั้นเฉือนเนื้อที่ขาทิ้งอีก

ยุลิอุสเสนออีกมุมมองว่า “รุย” ที่อยู่กับพวกสุบารุอาจจะเป็นตัวจริง และบิชอปตะกละ “รุย อาร์เน็บ” เพียงแค่กินชื่อของเธอและนำรูปลักษณ์มาใช้เท่านั้น

หากมันเป็นอย่างที่ยุลิอุสคาดเดา ทุกอย่างคงง่ายขึ้น แต่สุบารุรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความจริง เพราะว่ารุยคนปัจจุบันใช้อำนาจบาปตะกละได้

สุดท้ายสุบารุจึงจำใจต้องปฏิเสธทฤษฎีข้อนั้นทิ้งไป

. สุบารุตัดสินใจเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ที่ตัวเขา เรม และรุยถูกวาร์ปมาโผล่ที่จักรวรรดิให้เหล่าเพื่อนๆ ฟัง

ตลอดการเล่าเรื่อง เขารู้สึกเหมือนถูกกดดันด้วยสายตาจากเพื่อนๆ ราวกับว่าตนกำลังทำข้อสอบที่เคร่งเครียดอยู่ แต่ก็ได้เอมิเลียกับเบียทริซช่วยมอบกำลังใจให้

สุบารุใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เล่าไปจนถึงช่วงที่เขาขาดการติดต่อจากพรรคพวกที่นครมารเคออสเฟลม ซึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับรุยหลังจากนั้น พวกเอมิเลียย่อมรู้ดีกว่าตัวเขา

สิ่งหนึ่งยืนกรานได้คือ ที่ผ่านมารุยยังไม่เคยแสดงท่าทีมีพิรุธ หากไปถามเรมกับรัม สองคนนั้นก็คงเห็นพ้องกับเขา ไม่อย่างนั้น รัมคงไม่ยอมให้เรมอยู่กับรุยแน่ๆ

มิหนำซ้ำ รุยยังถูกกล่าวถึงไว้ในคำทำนายของ [นักอ่านดารา] อูบิรูคอีก ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ

แต่แล้วอนาสตาเซียก็กล่าวแทรกขึ้นมาว่าสุบารุมีนิสัยนำทุกอย่างหรือทุกคนที่ใช้งานได้มาใช้ให้คุ้มจริงๆ ซึ่งเหมือนกับกรณีเมลี่ไม่มีผิด

สุบารุ: นั่นมันก็…ใช่… เหมือนกันเลยนี่? เมลี่กับรุยน่ะควรจะอยู่ในสถานะแบบเดียวกัน

อนาสตาเซีย: อือ ผิดจ้า ――เรื่องนั้นน่ะ นอกจากนัตสึกิคุงแล้ว คงไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอก

สุบารุพยายามมองหน้าเพื่อนๆ เพื่อหาดูว่ามีใครสักคนคิดที่จะเถียงอนาสตาเซียไหม แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครตอบรับความคาดหวังนั้น

สุบารุ: ทุกคน… เฮือก

ออตโต้: ในเมื่อไม่มีใครยอมพูด ถ้างั้นจะบอกให้เองละกันครับ ผมเห็นด้วยกับท่านอนาสตาเซียครับ สถานการณ์ของเธอกับเมลี่จังมันต่างกัน ไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกันเลยครับ

สุบารุ: ออตโต้!

ออตโต้: เรื่องนี้เองก็ไม่มีใครยอมพูด เพราะงั้นจะยอมรับหน้าให้เองครับ ――เพราะว่าเธอเป็นบิชอปมหาบาปยังไงล่ะครับ

คำตอบของออตโต้อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่มันบ่งบอกชัดเจนถึงเหตุผลที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเข้าข้างสุบารุ

. เบียทริซ: สุบารุ เบ็ตตี้เองก็อยากอยู่ข้างสุบารุนะยะ เด็กสาวคนนั้น…รุยน่ะ ในตอนนี้สามารถเชื่อใจได้ว่าเป็นเด็กสาวที่ไร้จิตมุ่งร้ายก็จริงอยู่ แต่ว่า…

รอสวาล: ในความเป็นจริง พวกเราเองก็ได้รับผลกระทบจาก “ตะกละ” เช่นกัน มิหนำซ้ำ เนื่องจากความเสียหายที่ชัดเจนมันระบุได้ยาก จำนวนเหยื่อที่แท้จริงมันจะมีมากขนาดไหนกานน้า~?

ยุลิอุส: คงไม่มีทางยืนยันเรื่องนั้นได้… แต่ฉันก็พอจะจินตนาการได้ถึงความเสียใจของผู้ที่สูญเสียตัวตน ผู้ที่ถูกลืมลืน และผู้ที่ไร้สถานที่จะหวนกลับไปหา

ในโลกนี้มีเหยื่อของอำนาจบาปตะกละมากมาย และหลายคนในนั้นไม่ได้โชคดีพอที่จะมีคนจดจำได้ พวกเขาคงได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดของสังคมโดยที่ไร้บ้านและคนที่จดจำได้ไปตลอดกาล

เอมิเลีย: มันไม่ใช่ว่าทุกคนเขา ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ

สุบารุ: เอมิเลีย…

เอมิเลีย: ไม่ใช่ว่าไม่อยากเชื่อ… แต่ก็ไม่อยากจะให้อภัยเช่นกัน

คำพูดของเอมิเลียสรุปใจความสำคัญทั้งหมดได้อย่างชัดเจนจนสุบารุใจสลาย

มันไม่ใช่ว่าเขาอธิบายเรื่องรุยได้ไม่ดีพอจนทุกคนไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด พวกเอมิเลียรู้ดีว่ารุยคนปัจจุบันมิใช่ศัตรู

กระนั้นสิ่งที่รุยใน “อดีต” กระทำลงไปก็ยังคงเป็นความจริงอยู่ดี

. อนาสตาเซีย: ――สิ่งที่ทำลงไป จะไม่มีวันเลือนหาย

สุบารุ: ――เฮือก

ประโยคที่อนาสตาเซียพึมพำออกมาทำให้สุบารุสะดุ้งโหยง เนื่องจากมันบังเอิญไปตรงกับประโยคที่เธอเคยกล่าวไว้ในลูปเมื่อนานมาแล้ว (Arc 3)

อนาสตาเซีย: ไม่ว่านัตสึกิคุงจะมองว่าเด็กคนนั้นไร้พิษภัยแค่ไหน มันก็ไม่ได้ลบเลือนความจริงที่ว่าเธอเคยอันตราย แถมเหล่าผู้เคราะห์ร้ายก็ยังคงเป็นเหยื่อต่อไป… นี่มันไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ขนาดที่จะทำเป็นเมินเฉยได้หรอกนะ

สุบารุ: ――อุก

อนาสตาเซีย: ก่อนอื่นเลย เราต้องเอา “ชื่อ” และ “ความทรงจำ” ที่ถูกกินเข้าไปจนถึงตอนนี้คืนมาให้ได้ก่อนไม่ใช่เหรอ? ถ้าจะบอกให้ปล่อยผ่านเรื่องนั้นไปเลย นัตสึกิคุงเองก็คงไม่เห็นด้วย ถูกไหม?

คำพูดที่ยากจะปฏิเสธของอนาสตาเซียกรีดแทงร่างของสุบารุราวกับคมมีด โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องเอา “ชื่อ” กับ “ความทรงจำ” คืนมาให้แก่เหยื่อ

รอสวาลเอ่ยแทรกขึ้นว่า ไม่ว่าการหารือของพวกเขาจะจบลงอย่างไร ก่อนอื่นก็ต้องให้รุยไปช่วยยับยั้งมหาภัยพิบัติตามที่จักรพรรดิวินเซนต์ต้องการก่อน

คำถามคือจะบอกเธอเรื่องเงื่อนไขแลกเปลี่ยนในการทำหน้าที่ว่าอย่างไร

รอสวาล: หรือก็คือวิธีการโน้มน้าวให้เธอยอมให้ความร่วมมือยังไงล่า~ ยกตัวอย่างเช่น “ถ้าหากชะตากรรมของจักรวรรดิแห่งนี้สามารถผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไปได้ เธอก็จะได้รับการนิรโทษกรรม” ――แล้วพอทำตามที่สัญญาไว้เสร็จ หลังจบเรื่องก็จะได้รับการลงทันฑ์ตามฐานความผิดที่ก่อไว้

การ์ฟีล: ――อย่ามาพูดบ้าๆ นะว้อย! ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นพวกนอกรีต ฝั่งเราก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรนอกรีตตามเลยนี่วะ! หลอกล่อคนอื่นด้วยเหยื่อที่ไม่มีอยู่จริงนี่มันเกินที่จะยอมรับได้เฟ้ย!

รอสวาล: แหม งั้นหรอกเหรอ? คิดว่าออตโต้คุงจะเห็นด้วยเสียอีก…

การ์ฟีล: อย่ามาเหมารวมพี่ออตโต้ไปกับเอ็งนะโว้ย!

ออตโต้: ――ที่มาร์เกรฟเขาพูดมาคงเป็นการพูดแทนความเห็นของผู้คนส่วนใหญ่นั่นแหละ บิชอปมหาบาปไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม นอกเสียจากว่า …คุณนัตสึกิน่ะ ตั้งใจจะแสดงตัวอย่างให้เห็นว่าบิชอปมหาบาปสมควรได้รับการให้อภัยงั้นเหรอ?

สุบารุ: ――อึก ไม่ใช่อย่างงั้นเฟ้ย ในโลกนี้น่ะมีพวกคนชั่วที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัยอยู่ พวกบิชอปมหาบาปแห่งลัทธิบูชาแม่มดก็เช่นกัน

เพเทลกิอุส เรกุลุส พี่น้องไร & รอย ซิริอุส คาเพลล่า ไม่ว่าจะคนไหน ก็มีแต่พวกเห็นแก่ตัวที่ทำเรื่องชั่วช้าเพื่อสนองแก่ความต้องการของตนเอง

ออตโต้: ――จะบอกว่าเธอ “รุย อาร์เน็บ” เป็นข้อยกเว้นอย่างงั้นเหรอ?

สุบารุ: เรื่องนั้น…น่ะ…

. คำถามของออตโต้ทำให้สุบารุไปต่อไม่เป็น เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าคิดอย่างไรกับรุย อาร์เน็บกันแน่

ตอนเจอกันที่ “โถงทางเดินแห่งความทรงจำ” สุบารุเกลียดรุยมากถึงขั้นที่เขาไม่คิดจะช่วยเธอหลังได้รับผลกระทบทางจิตใจจาก “ตายแล้วกลับมา” และหากย้อนเวลากลับไปได้ สุบารุก็จะตัดสินใจแบบเดิม

แต่ในขณะเดียวกัน รุยที่เสี่ยงชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกันกับสุบารุในจักรวรรดิก็ได้สร้างความประทับใจที่ฝังรากลึกลงในดวงวิญญาณของเขา

เอมิเลียถามย้ำไปว่าทำไมสุบารุถึงได้เปลี่ยนความคิด สุบารุได้แต่ตอบแบบเสียงอ่อยว่ารุยช่วยให้เขากับเรมก้าวข้ามประสบการณ์แสนเลวร้ายในจักรวรรดิมาได้

ยุลิอุส: สุบารุ คงต้องขอบอกความจริงที่โหดร้ายกับนายอีกครั้ง ――ผู้คนในโลกนี้ไม่มีวันให้อภัยบิชอปมหาบาป [ตะกละ] และเด็กสาวที่ชื่อรุย อาร์เน็บ ไม่ว่าราชอาณาจักรกับจักรวรรดิจะมองอย่างไร โลกก็จะมีฉันทมติเช่นนั้นอยู่ดี

สุบารุ: …

ยุลิอุส: ไม่ว่าจะหนีไปที่ไหนในโลก ก็จะไม่มีที่ใดยอมให้อภัย ความผิดบาปจะต้องได้รับการลงทัณฑ์ และคนบาปที่ต้องชดเชยด้วยชีวิตเท่านั้นก็คือบิชอปมหาบาป

ยุลิอุสย้ำเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าไม่มีที่ใดในโลกที่รุย อาร์เน็บ จะได้รับการให้อภัยและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ จนสุบารุยังอ้ำอึ้งไม่รู้จะเถียงอย่างไร

ยุลิอุส: ฉันเอง ก็ต้องการให้บิชอปมหาบาปชดเชยด้วยความตาย มีเพียง “ความตาย” เท่านั้นที่เหมาะสมต่อเหล่าตัวตนที่พวกเราเรียกว่าเป็นศัตรูของโลก ฉันบอกได้เพียงเท่านี้แหละ

สุบารุ: …เอ๋?

ออตโต้: ยุลิอุส ยูคริอุส!!

ทันใดนั้นออตโต้ก็เดือดดาลขึ้นมาเนื่องจากยุลิอุสที่เป็นคนนอกแสดงความเห็นส่วนตัวมากเกินไป

แต่ฝั่งยุลิอุสมองว่าตัวเขาเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงและมีสิทธิ์แสดงความเห็นส่วนตัวในเรื่องนี้ได้

. ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังปะทะกันด้วยสายตาดุดัน สมองของสุบารุก็เริ่มเหนื่อยล้าจากเรื่องทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามา

เบียทริซให้มุมมองว่าบิชอปมหาบาปรุย อาร์เน็บที่เธอเคยเจอที่เมืองพริสเทล่าแตกต่างจากรุยที่เธอได้เจอในจักรวรรดิราวกับเป็นคนละคน สุบารุจึงลองนำเรื่องนั้นมาคิดหาทางออกใหม่ดู

“รุย” คนปัจจุบัน กับ รุย อาร์เน็บที่โถงทางเดินแห่งความทรงจำเป็นคนละคนกัน ปัญหาคือ “รุย” ในปัจจุบันยังคงใช้อำนาจบาปตะกละได้อยู่

“รุย” ยังคงมีอำนาจบาปตะกละ เพียงแต่ว่าดวงจิตของเธอถือกำเนิดใหม่

สุบารุ: เหมือนกับตัวชั้น ตอนที่สูญเสียความทรงจำเลย

บางที “รุย” เองก็ผ่านประสบการณ์แบบเดียวกัน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและไม่รู้จะเชื่อใจใคร แต่สุดท้ายเธอก็ยังเลือกช่วยเหลือสุบารุกับเรมมาจนถึงตอนนี้

เอมิเลียทักขึ้นมาว่าบางทีคำตอบของปัญหานี้หรือก็คือหนทางที่จะให้อภัยผู้ทำความผิดอาจน่ะจะเป็นสิ่งที่สุบารุเคยสอนเธอไว้

เอมิเลีย: “คนๆ นี้น่ะปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุขมากกว่าปรารถนาที่จะได้รับการให้อภัย”

สุบารุ: …

เอมิเลีย: “คนๆ นี้น่ะปรารถนาให้ผู้คนมากมายทั้งหลายรอบกายมีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก” ต้องทำให้รู้สึกแบบนี้ให้ได้ก่อน พวกเราถึงจะอยากให้อภัยเด็กคนนั้น

คำพูดของเอมิเลียที่สุบารุจำไม่ได้ว่าเคยสอนเธอไปตอนไหนค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในหัวใจของเขา หนทางสู่การให้อภัยผู้ทำความผิด เริ่มต้นจากตัวผู้ทำความผิดเอง

“ทำไมสุบารุถึงรู้สึกอยากช่วยบิชอปมหาบาป “รุย” จนใจสลายขนาดนี้? ก็คงเพราะว่าที่ผ่านมา “รุย” ทำเพื่อสุบารุมามากกว่าที่เขาทำเพื่อเธอนั่นแหละ”

อนาสตาเซียที่มองดูอยู่ห่างๆ ถามจุดยืนของสุบารุอีกครั้งว่าตัวเขากำหนด “จุดประนีประนอม” ไว้ที่ตรงไหนกันแน่

. ตัดไปยังอีกห้องรับแขกอีกแห่งหนึ่งซึ่งเรมกำลังพักผ่อนอยู่กับรุย โดยมีรัมกับทันซ่าตามมาอยู่ด้วย ซึ่งทันซ่าถูกสุบารุสั่งมาให้พักผ่อนโดยเฉพาะ

ระหว่างที่รัมกับทันซ่าคุยกัน เรมเผลอหยิกแก้มรุยแรงเกินจนเธอร้องขึ้นมา รุยพยายามจะถามอะไรบางอย่าง แต่ว่าเรมไม่เข้าใจที่เธอจะสื่อเลยสักนิด

รัมวางชาที่เธอพึ่งชงเสร็จให้เรมแก้วหนึ่งพลางเหน็บแนมว่ารถมกรพ่วงลับสุดยอดของจักรวรรดิมีใบชาเก็บไว้น้อยกว่าที่เธอคิด

พอเรมกำลังยกชาขึ้นจิบ รัมที่สังเกตได้ว่าน้องสาวกำลังมีเรื่องกลุ้มใจบางอย่างอยู่ จึงถามขึ้นว่าบารุสุไปทำอะไรเธอไว้ ซึ่งทำให้เรมเผลอพ่นชาใส่หน้ารุย

เรม: คือว่า คุณเอมิเลียคนนั้นน่ะค่ะ

รัม: ท่านเอมิเลียน่ะเหรอ? ก็จริงอยู่ที่ท่านเอมิเลียเธอเป็นคนไร้เดียงสาและมุทะลุ นั่นคือเหตุผลที่เรมมีสีหน้ากลุ้มใจงั้นเหรอ

เรม: ปะ…เปล่า ไม่ใช่ค่ะ! ก็แค่สงสัยว่า …คนๆ นั้น นัตสึกิ สุบารุกับคุณเอมิเลียน่ะมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่…

ทันทีที่ได้ฟังคำตอบจากน้องสาว ดวงตาสีแดงของรัมก็หรี่เล็กลงในทันที

รัม: อย่างงี้นี่เอง นั่นสินะ บารุสุสมควรถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไว้ค่อยมาลงมือด้วยกันทีหลัง

เรม: ท่านพี่!?

รัม: ฮุฮุ พี่น้องร่วมมือกัน นานๆ ทีบารุสุก็มีประโยชน์เหมือนกันนี่

ระหว่างนั้น ทันซ่าที่นั่งจิบชาของตัวเองอยู่ก็ได้ยินเข้าและปล่อยผ่านคำพูดของรัมไม่ได้

ทันซ่า: พูดจาเลินเล่อเกินไปหน่อยหรือเปล่าคะ? บารุสุที่ว่า… ขอเดาว่าหมายถึงท่านชวาร์ซ ถ้าหากแตะต้องท่านชวาร์ซล่ะก็ ฉันกับทุกคนในหน่วยรบไม่นิ่งดูดายแน่ค่ะ

รัม: ตอบได้ห้าวหาญดีนี่… ทันซ่า เธอน่ะอายุเท่าไหร่แล้ว?

ทันซ่า: …? ปีนี้จะอายุ 12 ปีค่ะ

พอได้รับคำตอบจากเด็กสาว รัมก็ดูจะพอใจ แต่ฝั่งทันซ่าและเรมนั้นตามไม่ทันว่าเธอรู้สึกพอใจในเรื่องอะไรกันแน่

. สุบารุ: ――เรม สะดวกคุยรึเปล่า?

เรม: หา!?

รุย: อาอูวว!?

ระหว่างที่กำลังรอคำตอบจากพี่สาวเรื่องความสัมพันธ์ที่ดูสนิทสนมกันของสองคนนั้น เสียงทักของสุบารุก็ดังขึ้นมา ทำให้เรมเผลอยกตัวรุยที่นั่งตักอยู่ขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้

เรมไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน แต่เธอสัมผัสได้ด้วยสัญชาตญาณว่าตอนนี้ควรจะอยู่ข้างรุยไว้ตลอดเวลา เธอจึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุมอะไรกับพวกสุบารุเลย

ทันซ่ากล่าวต้อนรับสุบารุเข้ามาในห้องรับแขก สุบารุทยอยทักทายไล่ตั้งแต่ รัม รุย และเรมที่ตอนแรกซ่อนตัวอยู่ด้านหลังรุยจนสุบารุมองไม่เห็น

เรม: …นี่หรือว่าจะหักโหมเกินไปอีกแล้วเหรอคะ? รู้สึกว่าจะเคยบอกไปแล้วนี่คะ ว่ารบกวนอย่าทำอะไรที่ฝืนตัวเองมากเกินไป เพราะว่าคุณน่ะ ไม่ใช่วีรชนที่ทำได้ทุกอย่างค่ะ

สุบารุ: เปล่าเลย ตัวชั้นน่ะถ้ามองในเชิงเป็นกลางก็คือซูเปอร์แมนชัดๆ รู้สึกขอบคุณต่อความเห็นของเรมนะ แต่คงมองมันเป็นแค่เสียงน่ารักๆ แค่นั้นแหละ

เรม: ช่วยเลิกพูดจาล้อเล่นด้วยค่ะ

สุบารุ: ไม่ได้ล้อเล่นนะ ――เรม มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับรุยที่ต้องบอกเธออยู่

สุบารุนั่งตัวตรงและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง รอยยิ้มแห้งๆ ก่อนหน้านี้เลือนหายไป

รัม: บารุสุ จะให้พวกรัมออกไปข้างนอกหรือเปล่า?

สุบารุ: ม่ายอ่ะ ท่านพี่กับทันซ่าจะอยู่ด้วยก็ได้ ถือว่าท่านพี่เป็นตัวแทนของฝ่ายพี่สาว ส่วนทันซ่าเป็นตัวแทนของฝ่ายโลลิ

รัม: จะบอกว่าเป็นพี่สาวที่เหนือกว่าเฟรเดริก้าสินะ แน่นอนอยู่แล้ว

ทันซ่า: เอ่อ ฝ่าย “โรริ” นี่มันคืออะไรเหรอคะ…?

หลังพูดจาหยอกล้อกันเสร็จ สุบารุจดจ้องกลับมาทางเรมอีกครั้ง เธอจึงอุ้มตัวของรุยมากอดไว้ให้แน่น

สุบารุ: ――มาสะสางให้เรียบร้อยกันเถอะ ไอ้ความสัมพันธ์หวานชื่นที่พวกเราไม่ค่อยจะเข้าใจมันเลยเนี่ย

. จบตอน