ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเริ่มต้นขึ้นที่จักรวรรดิวอลลาเคียแบบไม่ค่อยราบรื่นนัก
สุบารุผู้เกลียดชังทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับวอลลาเคีย เรมผู้โหยหา “ความทรงจำ” ที่หายไป และบิชอปมหาบาปรุย อาร์เน็บ ผู้เป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง
หลังเวลาผ่านพ้นไปสักพัก หลังจากที่ต้องผ่านพ้นวันคืนอันแสนทรมาน หลังจากที่ต้องตายวนเวียนหลายครั้งจนอยากสาปแช่ง
สุบารุเริ่มได้พบผู้คนที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในจักรวรรดิ เรมเริ่มแสดงความอ่อนโยนออกมาให้เห็นแม้ไม่มีความทรงจำ กระทั่งรุยยังเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาไว้
มันคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องสะสางความสัมพันธ์แสนกำกวมนี้ให้เรียบร้อยเสียที
. เรมสงสัยว่าสุบารุคุยกับวินเซนต์เรียบร้อยหรือยัง แต่สุบารุส่ายหัวและบอกว่าต้องสะสางเรื่องรุยให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะหารือกับวินเซนต์ต่อได้
สุบารุเล่าว่ารุยปรากฏอยู่ในคำทำนายของ “นักอ่านดารา” เธอเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาชนะศึกครั้งนี้
เรมไม่พอใจที่สุบารุจะให้เด็กน้อยพูดจาไม่รู้เรื่องอย่างรุยไปต่อสู้ สุบารุจึงขัดขึ้นว่ารุยไม่ใช่เด็กไม่รู้ประสีประสา เธอเข้าใจสถานการณ์ดีและแยกมิตรกับศัตรูได้
รัมเองก็เห็นด้วย เนื่องจากการที่รุยเลือกติดตามสุบารุกับเรมมานั้นเป็นเพราะเธอตัดสินใจเลือกข้างเอง ไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณเอาตัวรอด
รัมกับทันซ่าทำหน้าที่เป็นพยานและคอยให้มุมมองแบบเป็นกลางไม่เลือกฝักฝ่าย
สุบารุรู้ดีว่ารัมรักน้องสาวมาก แต่เธอก็ยังให้มุมมองที่เป็นกลางในสถานการณ์นี้อยู่ดี ทำเอาเขาเผลอพึมพำออกมาว่า “ท่านพี่ใจดีเกินไป… สินะ” เลย
. สุบารุ: รุย เดี๋ยวมีเรื่องสำคัญจะบอก ชั้นจะพูดถึงเธอด้วยความรู้สึกจากใจจริง ไม่มีอ้อมค้อม ช่วยอยู่ฟังโดยไม่หนีไปไหนได้มั้ย?
รุย: …อาอู!
สุบารุ: งั้นเหรอ เด็กดี ขอบใจนะ
พอเห็นรุยพยักหน้าตอบสุบารุ เรมก็รู้ซึ้งเสียทีว่าเด็กคนนี้เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด แถมยังไม่มีท่าทีว่าแค่แสร้งทำเป็นเข้าใจอีกด้วย
สุบารุเล่าย้อนความว่าในตอนแรกสุดตัวเขานั้นระแวงรุย ทำตัวเหินห่างจากรุย และถึงขั้นเกลียดรุยด้วยซ้ำ
ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เรมพาลเกลียดสุบารุไปด้วย จนถึงขั้นที่เธอเคยหักนิ้วเขามาแล้ว
การมีอยู่ของรุยทำให้ความสัมพันธ์ของสุบารุกับเรมแย่ลง จึงไม่แปลกที่เขาจะเกลียดรุย ซึ่งจุดเปลี่ยนมันเริ่มขึ้นตอนที่รุยกับเขาไปที่นครมารเคออสเฟลมด้วยกัน
สุบารุ: ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ชั้นไม่เคยบอกเลย เหตุผลว่าทำไมชั้นถึงได้เกลียดรุย ทำไมถึงได้เกลียดเธอน่ะ
รุย: อูอาอู…
บาดแผลบางอย่างมิใช่ว่าแค่เมินเฉยปล่อยไว้แล้วมันจะหายเอง เช่นเดียวกับบาดแผลนี้ เขาต้องยอมเผชิญกับมันซึ่งๆ หน้า เพื่อที่จะได้หายขาด
เรม: …ได้โปรดหยุดเถอะ
รุยจ้องตาสุบารุกลับเหมือนเธอเตรียมใจที่จะรับฟังทุกอย่างไว้แล้ว แต่เรมกลับเป็นฝ่ายที่ออกปากห้ามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาแทน
เรม: ไม่อยากฟังค่ะ คุณจะเกลียดรุยจังเพราะอะไร ก็ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลยค่ะ เหตุผลเอาเป็นว่าคุณเป็นคนไร้หัวใจก็พอแล้วนี่คะ?
เรมใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของรุยไว้ แล้วระบายความไม่สบายใจด้วยการบีบมืออีกข้างของตัวเองให้แน่นจนกระดูกลั่น เธอพยายามปฏิเสธความจริงอย่างเต็มที่
สุบารุ: โทษทีนะ เรื่องนี้น่ะ ยอมให้เธอทำเป็นหูทวนลมไม่ได้หรอก
เรมเองก็รู้ดีว่าหากเธอหนีออกจากห้องไปตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการปฏิเสธความทรงจำที่หายไปของตัวเอง กระนั้นเธอก็ไม่อยากที่จะฟังมันอยู่ดี
รุย: อูอาอู
ถึงแม้อีกฝ่ายจะพูดไม่เป็นคำ แต่ตัวเขาในตอนนี้รู้ดีว่าเธอกำลังเรียกชื่อเขาว่า “สุบารุ” ซึ่งแปลว่ารุยอนุญาตให้สุบารุพูดต่อได้
สุบารุ: รุย สาเหตุที่ชั้นเกลียดเธอน่ะ…เป็นเพราะว่า…
เรม: …หยุดนะ!
สุบารุ: ――เธอคือบิชอปมหาบาป “ตะกละ” ที่ขโมย “ความทรงจำ” ของเรมไป
. หลังพูดความลับที่อัดอั้นมานาน สุบารุรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แต่บรรยากาศในห้องเงียบงันและหนักแน่นขึ้นจนกระทั่ง…
เรม: ――ม่ายยยยยย!!
เรมที่กรีดร้องเสียงสูงกระโจนตัวมาหาสุบารุแล้วกดร่างเขาลงกับพื้นอย่างแรง แน่นอนว่าสุบารุสู้แรงของเธอไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นร่างเด็กในตอนนี้หรือร่างผู้ใหญ่ก็ตาม
เรม: ทำไมกัน… ทำไมกันล่ะคะ?
ทันซ่าพยายามจะช่วยสุบารุโดยทันที แต่ว่ารัมห้ามเธอไว้ก่อน เพราะว่าเรมยังไม่ได้ลงมือทำร้ายเกินเหตุ สุบารุเองก็ยกมือส่งสัญญาณว่าเขาไม่เป็นไรเช่นกัน
น้ำตาของเรมเริ่มไหลรินลงมา มันไม่ใช่หยาดน้ำตาแห่งโทสะหรือความเศร้าโศก สิ่งเดียวที่เต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาคู่นั้นคือความรู้สึกร้อนรน
ลึกๆ แล้วเรมรู้มาโดยตลอดว่ามันมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้สุบารุเกลียดรุยได้ขนาดนั้น นั่นคือรุยต้องมีความเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของเธอ
เรม: รู้ทันอยู่หรอก… คิดว่าฉันโง่ใช่ไหมล่ะคะ? บางทีอาจจะโง่จริงๆ ก็ได้ เป็นนังผู้หญิงโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ! แค่เรื่องเกี่ยวกับคุณก็ยังไม่รู้เลย! ไม่ได้อยากรู้ด้วยซ้ำ! แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหน้าด้านเข้ามายุ่มย่ามอีก… เกลียดคุณจริงๆ เลยค่ะ!
สุบารุ: …
เรม: คุณน่ะเทียบกับรุยจังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รุยจังคอยอยู่เคียงข้างฉัน ใส่ใจฉันมาโดยตลอด… จะบอกว่ารุยจังคนนั้นน่ะ…เป็นคน… ฉันเหรอ…
น้ำตาของเรมไหลท่วมหนักข้อขึ้นไปอีก เธอรู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว แต่เลือกที่จะปฏิเสธความจริงและแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป
เรม: ต้องมี…ต้องมีอะไรผิดพลาดจากเรื่องทั้งหมดนี้แน่ๆ… เรื่องทั้งหมด…เป็นคำโกหกของคุณ…
สุบารุ: ――เรม
สุบารุค่อยๆ ใช้มือเล็กๆ ของเขาประคองใบหน้าน้ำตาท่วมของเรมเอาไว้ ให้เธอได้เห็นหน้าเขาชัดเจนก่อนที่จะเอ่ยต่อ
สุบารุ: ไม่ได้โกหกหรอก ทุกอย่างที่เรมคิดไว้น่ะถูกต้องแล้ว รุยน่ะคือศัตรูของพวกเรา
เรม: ――อึก ศัตรูอะไรกันคะ? พะ…เพราะสิ่งที่เธอทำกับ “ความทรงจำ” ของฉันน่ะเหรอ? ถ้างั้น…ถ้างั้นล่ะก็!
เรมสลัดใบหน้าออกจากมือของสุบารุ เธอลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองไปทางรุยที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรก
เรม: ถ้างั้นล่ะก็ ฉัน…ฉันจะให้อภัยรุยจังค่ะ ฉันยกโทษให้แล้ว แค่นั้นก็เพียงพอแล้วนี่คะ? เห็นไหม เท่านี้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วนี่คะ…
สุบารุ: เปล่าเลย ไม่ได้หรอก แค่นั้นยังไม่เพียงพอจะแก้ไขทุกอย่าง
เรม: ทำไมล่ะคะ!!
สุบารุ: ――เพราะว่าชั้นจะไม่มีวันให้อภัยต่อสิ่งที่รุยทำไว้กับเธอ
คำตอบของสุบารุทำให้เรมเข่าทรุดหมดเรี่ยวแรง ในขณะที่ตัวเขาค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนในระดับสายตาเดียวกันกับเธอ
สุบารุ: ไม่ใช่แค่ชั้นนะ ทั้งรัมเอง และคนอื่นๆ ทุกคนที่คิดว่าเรมเป็นคนสำคัญล้วนแต่ไม่อยากยกโทษให้รุย
เรม: ไม่จริง…น่า…
สุบารุ: นอกจากนี้นะ เรม… สิ่งที่รุยทำไว้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอคนเดียว ยังมีผู้คนอีกมากมายมหาศาลที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะบาป “ตะกละ” จากฝีมือของรุย
. มันไม่สำคัญว่าเรมจะรู้สึกอยากให้อภัยรุยจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะว่ามันยังมีเหยื่อแบบเรมอยู่อีกมากมายอยู่ดี
จนกว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการช่วยเหลือ คำอ้อนวอนของเรมย่อมไร้ค่า
เรมเริ่มหนีความจริง เธอเพ้อออกมาว่าในเมื่อมีเหยื่อมากขนาดนั้น มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แค่บอกเหยื่อพวกนั้นว่าช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้มันยังไม่พอหรือไง
เรมในตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องความทรงจำของตัวเองอีกแล้ว สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาคือการช่วยรุยไว้ให้ได้ สุบารุเองก็เจ็บปวดที่ได้เห็นเธอในสภาพนั้น
สุบารุขอโทษที่เขาปิดบังไว้นานจนเรมต้องแบกรับความเจ็บปวดขนาดนี้ แต่เรมไม่ได้อยากฟังคำขอโทษจากเขา กระนั้นสุบารุก็ยังคะยั้นคะยอให้เธอฟังเขาก่อน
สุบารุ: ชั้นน่ะยังไม่อยากยอมแพ้ ――ไม่อยากที่จะให้อภัยรุยไม่ได้อยู่แบบนี้ไปตลอด
เรม: ――เอ๋?
สุบารุอยากที่จะให้อภัยรุยเหมือนกับเรม แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเรมคือคนสำคัญ และรุยขโมยความทรงจำของเรมไปและทำให้เรมทุกข์ทรมานจนถึงตอนนี้
เพื่อนมากมายให้คำปรึกษากับสุบารุในเรื่องนี้ ทั้งคนที่ฉลาด ทั้งคนที่โง่เง่า ทั้งคนที่เท่ ทั้งคนที่จิตใจดี ทั้งคนที่สุดยอด และในที่สุดสุบารุก็ได้ “จุดประนีประนอม” มา
สุบารุ: ชั้นน่ะ อยากที่จะเชื่อในตัวรุย อยากที่จะให้อภัย …แต่ว่า ในตอนนี้น่ะยังยกโทษให้ไม่ได้หรอก
[ท็อดด์: ใครมันจะอยากไปข้องเกี่ยวกับคนที่ตัดสินความเป็นความตายของคนอื่นตามความรู้สึกส่วนตัวกัน?]
ในวินาทีนั้นเอง สุบารุห้วนนึกย้อนถึงคำพูดของชายคนหนึ่งที่เข้ากันไม่ได้กับเขาเลยสักนิด
บางทีสิ่งที่หมอนั่นพูดคงจะมีส่วนถูก กระนั้นสุบารุก็ยังอยากจะโอบกอดอุดมคติจากหัวใจอันเปราะบางที่อยากจะช่วยเหลือทุกคนที่เขาเอื้อมมือไปถึงต่อไป
. สุบารุโอบกอดศีรษะของเรมที่นั่งคุกเข่าคอตกอยู่เอาไว้ แล้วพอรุยส่งเสียงทักขึ้นมา เรมก็ออกจากอ้อมกอดของสุบารุแล้วไปสวมกอดรุยแทน
เรม: ขะ…ขอโทษนะ รุยจัง… ที่พวกเราถือวิสาสะไป…
รุย: อาอู อูอาอู อาาาอาอู
เรมกล่าวขอโทษรุยพลางเช็ดคราบน้ำตา แล้วหลังจากที่เรมลุกขึ้นยืน สองสาวก็กุมมือกันเอาไว้ สุบารุอาศัยจังหวะนั้นในการสอบถามคำยืนยันจากรุย
สุบารุ: รุย เธอยังอยากจะเป็นชั้นอยู่รึเปล่า?
รุย: …อู?
เรม: …พูดถึงอะไรคะนั่น?
สุบารุ: รุย ชั้นน่ะอยากจะยกโทษให้เธอ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำอย่างงั้น เพราะงั้นแหละ ช่วยบอกมาที ――เธอคือบิชอปมหาบาปหรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นแค่ความเป็นไปได้?
รุย: …
สุบารุ: มีคนบอกมาเยอะ และชั้นเองก็เห็นด้วย ว่าโลกใบนี้จะไม่ยกโทษให้และไม่ควรที่จะให้อภัยบิชอปมหาบาปน่ะ บิชอปมหาบาป “ตะกละ” รุย อาร์เน็บ เป็นบุคคลที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย
รุย: …
สุบารุ: แต่ว่า เธอช่วยชั้นไว้ คอยปกป้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเคยอยากจะเป็นชั้น ไม่เหมือนกับรุย อาร์เน็บที่ชั้นรู้จักเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับยังใช้อำนาจบาป “ตะกละ” ได้ และมีปัจจัยแม่มดอยู่
เหมือนกับตัวตน “นัตสึกิ สุบารุ” ที่เสียความทรงจำก่อนหน้านี้ของเขา และเหมือนกับ “เรม” คนปัจจุบัน ทั้งที่ควรที่จะเป็นคนเดียวกัน แต่กลับมีความแตกต่าง
ดังนั้น “รุย” เองก็เลือกได้เหมือนกันว่าส่วนไหนในตัวเธอที่อยากจะให้เป็นเหมือนรุยคนเก่าและส่วนไหนที่เธออยากจะแตกต่าง
สุบารุ: เธอคือบิชอปมหาบาปที่ไม่มีใครในโลกใบนี้อยากที่จะให้อภัยงั้นเหรอ? หรือว่าจะเป็นความเป็นไปได้ที่อาจจะสามารถหักล้างสิ่งที่บิชอปมหาบาปทำลงไปกันแน่?
รุย: อา…อูวว…
สุบารุ: นี่เธอ…นี่เธออยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่งั้นเหรอ?
. “รุย” เลือกที่จะแบกรับภาระหนักหนาสาหัสจากการถูกความคาดหวังเกี่ยวกับตัวตนเก่ากดทับ สุบารุกับเรมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
สุบารุยื่นมือออกมา และร้องขอว่าถ้าหากรุยมั่นใจที่จะเลือกเดินในเส้นทางนี้ ก็ขอให้เธอจับมือเขาไว้
สุบารุนึกย้อนถึงคำพูดของเอมิเลีย ตัวเขาไม่รู้หนทางที่จะทำให้คนอื่นยกโทษให้รุยก็จริง แต่เขานั้นรู้ดีว่าหนทางที่ตัวเขาเองจะยกโทษให้รุยคืออะไร
สุบารุ: ――รุย ช่วยเหลือผู้คนไว้ให้มาก
รุย: …
สุบารุ: ช่วยแล้ว ช่วยอีก ช่วยต่อไปเรื่อยๆ ช่วยไปจนกว่าการช่วยเหลือจะมากกว่าที่เคยช่วงชิง… แล้วอย่างน้อยตัวชั้น อย่างน้อยก็ชั้นคนนึงนี่แหละที่ยืนหยัดเคียงข้างเธอเอง
สิ่งที่เคยทำไว้จะไม่มีวันเลือนหายไป แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ผู้คนเริ่มหันมาเชื่อมั่น ก็ต้องแสดงด้านที่ดีให้พวกเขาเห็นจนกว่าจะเปลี่ยนใจ
สุบารุเองก็เปลี่ยนใจเรื่อง “รุย” ได้ด้วยเหตุผลนั้น ดังนั้น มันจึงความเป็นไปได้ที่เหยื่อคนๆ อื่นเองอาจจะเปลี่ยนใจเช่นกัน
สุบารุ: ――นั่นแหละคือ การ “เริ่มใหม่จากศูนย์” ที่ชั้นสามารถมอบให้เธอได้
. บางทีอาจจะไม่ใช่แค่เริ่มใหม่จากศูนย์ แต่เป็นการเริ่มใหม่จากไมนัส(ติดลบ)ในระดับโลก มันเป็นเส้นทางแสนยากลำบากที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
กระนั้น นี่แหละคือเงื่อนไขจากจุดประนีประนอมที่ดีที่สุดที่สุบารุสามารถหาให้แก่ “รุย” ได้แล้ว
สุบารุยังคงเอื้อมมือออกไป รอคอยอย่างไม่รีบร้อนว่า “รุย” จะเลือกตอบรับอย่างไร
เรม: ฉันน่ะ ไม่เข้าใจเลยค่ะ… ทั้งเรื่องบิชอปมหาบาป ทั้งเรื่องชื่อรุย อาร์เน็บอะไรนั่น ทั้งหมดเลย
สุบารุ: …
เรม: แต่ว่า ถ้าหากโลกใบนี้ไม่มีวันที่จะให้อภัยทั้งบิชอปมหาบาปและคนที่ชื่อรุย อาร์เน็บแล้วล่ะก็… แล้วเด็กคนนี้ควรจะเป็นอะไรล่ะ?
หากว่า “รุย” เลือกที่จะไม่เป็นทั้งบิชอปมหาบาปตะกละและรุย อาร์เน็บ แล้วเด็กสาวผู้เลือกเดินบนเส้นทางยากลำบากเพื่อไขว่คว้าการให้อภัยควรจะเป็นอะไรกัน?
สุบารุมีคำตอบในใจสำหรับคำถามนั้นอยู่
สุบารุ: ――สปิก้า
เรม: …เอ๋?
สุบารุ: ชั้นขอมอบนามนี้ให้แก่เด็กสาวที่อยากจะเลือกเดินบนเส้นทางชีวิตใหม่ด้วยตัวตนใหม่
สุบารุหวังจากก้นบึ้งของหัวใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถให้อภัยเด็กสาวได้ เพื่อการนั้นจึงได้มอบชื่อใหม่ให้แก่เธอด้วยความหวัง
เรม: สปิก้า…
สปิก้า: ――อูอาอู
เด็กสาวเรียกชื่อสุบารุอีกครั้ง เขายังคงไม่เร่งรีบและยื่นมือค้างไว้เงียบๆ รอให้เธอตัดสินใจ
สปิก้า: อาอูอูอาอู
เด็กสาวฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนและเอื้อมมือมาสัมผัสฝ่ามือของสุบารุ น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น
นับตั้งแต่วินาทีนี้ไปเด็กสาวนาม [สปิก้า] ได้เลือกเส้นทางชีวิตใหม่ที่ไม่ใช่ทั้งบิชอปมหาบาปและรุย อาร์เน็บ
มันเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ซึ่งสปิก้าจะต้องแบกรับอะไรอีกมากมาย
สุบารุ: สักวันหนึ่ง ชั้นอยากที่จะให้อภัยเธอ ――เพราะงั้นแหละ มาพยายามด้วยกันเถอะ
สปิก้า: …อาอู!
เรมที่มองดูรอยยิ้มของเด็กสาวอยู่ข้างๆ เก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เธอรีบเข้ามาสวมกอดสปิก้าและปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรู ไม่คิดจะอัดอั้นอีกต่อไป
สปิก้าเองก็ปิดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว เธอร้องไห้เสียงดังราวกับทารกที่พึ่งถือกำเนิดใหม่ กระทั่งสุบารุเองก็ยังน้ำตาซึมตามไปด้วย
. จบตอน