webnovel arc8 chapter25

บทที่ 8 ตอนที่ 25 "ความปรารถนาของผู้ใกล้ตาย"

เวลาที่ฟล็อปเรียกวินเซนต์แบบเต็มยศว่า “องค์จักรพรรดิวินเซนต์ วอลลาเคีย” มันแปลว่าเขาเปลี่ยนเข้าโหมดจริงจัง

ฟล็อปแจ้งแบบหน้าด้านว่าเขาขอเล่าความหลังให้ฟังก่อน และหลังจากที่ถ่ายทอดข้อความจากจิชาเสร็จแล้ว เขาก็มีเรื่องอยากจะขอร้องวินเซนต์อยู่หนึ่งอย่าง

ฟล็อปบอกว่าวินเซนต์ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่รู้เนื้อหาข้อความ แต่วินเซนต์ขู่กลับว่าเขาสามารถสั่งให้โอลบาร์ตทรมานฟล็อปเพื่อเค้นข้อมูลก็ได้

อย่างไรก็ตาม คำขอร้องกับเรื่องในอดีตที่ฟล็อปต้องการเล่าคงสำคัญจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่กล้ายกขึ้นมาเจรจากับจักรพรรดิ

วินเซนต์ขอให้ฟล็อปเลิกเรียกเขาว่า “องค์จักรพรรดิ” และเรียกแค่ “ฝ่าบาท” ก็พอ ทว่า ฟล็อปกลับเปลี่ยนไปเรียกเขาว่า “องค์จักรพรรดิคุง” แทน

. ฟล็อปเกริ่นนำว่าที่เขาอยากเล่าความหลังก็เนื่องจากว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองพี่น้องโอคอนเนลและวินเซนต์อยู่

มีเดียมรู้จักบุคคลที่ว่าในนาม “พี่บัล” ส่วนวินเซนต์รู้จักชายคนนั้นในฐานะหนึ่งในเก้าแม่ทัพเทวะนามว่า “บัลรอย เทเมกริฟ” นั่นเอง

บัลรอย เทเมกริฟ เป็น “พี่น้องร่วมสาบาน” ของฟล็อปและมีเดียม พวกเขาสนิทสนมกันราวกับเป็นครอบครัวคนสำคัญจริงๆ

สองพี่น้องโอคอนเนลเคยอยู่ใต้การดูแลของไฮเคาน์เตสเซรีน่า ดราครอย ด้วยเช่นกัน

เซรีน่าช่วยให้ทั้งสองพี่น้องได้รับการศึกษา แต่ว่ามีเดียมดันชอบไปฝึกฝนการต่อสู้กับบัลรอยเสียมากกว่า

มีเดียมติดเรียกเคาน์เตสเซรีน่าว่า “พี่เซรี” ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่เซรีน่าตั้งเอง เพื่อไม่ให้มีเดียมถูกมองเป็นคนนอกหรือเด็กสาวที่โตเกินอายุจริง

บัลรอยเคยเป็นบริวารของเซรีน่า ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับกองทัพและถูกเสนอชื่อเป็น “เก้าแม่ทัพเทวะ” จนกลายเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้มีอนาคตไกล

แต่แล้ว บัลรอยกลับพยายามก่อกบฏเพื่อหมายเอาชีวิตจักรพรรดิวินเซนต์และล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า นั่นคือจุดจบของบัลรอยตามบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

หารู้ไม่ว่าบัลรอย เทเมกริฟได้คืนชีพกลับมาเป็นผีดิบที่กำลังทำลายล้างจักรวรรดิวอลลาเคียอยู่ในขณะนี้

ซึ่งวินเซนต์ก็ได้ประเมินว่าในตอนนี้ยังมิใช่เวลาอันเหมาะควรที่จะบอกความจริงดังกล่าวให้ฟล็อปทราบ

. เซรีน่า ดราครอยเปิดโอกาสให้เด็กกำพร้าในการดูแลของเธอได้ศึกษาเล่าเรียน และค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง

แต่เนื่องจากเซรีน่าเป็น “ขุนนางแผดเผา” ที่สังหารบิดาตัวเองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน บางครั้งสองพี่น้องจึงโดนมือสังหารจากพวกคู่อริหมายหัวไปด้วย

ฟล็อป: เนื่องจากได้ผ่านพ้นวันวานเหล่านั้นมาด้วยกัน พวกเราพี่น้องกับบัลรอยถึงได้มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น แล้วก็เพราะสายสัมพันธ์นี้แหละ ถึงได้อยากจะถามนาย องค์จักรพรรดิคุง

วินเซนต์: …

ฟล็อป: พี่น้องร่วมสาบานของพวกเรา บัลรอย เทเมกริฟน่ะเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่าเขาเป็นกบฏผู้โง่เขลาและมองอะไรตื้นเขิน จนสุดท้ายต้องดับสิ้นไปความปรารถนาที่เกินตัว… เป็นงั้นจริงเหรอ?

ฟล็อปต้องการที่จะรู้ความเป็นจริงเบื้องการตายของพี่น้องร่วมสาบาน นั่นคือเงื่อนไขของเขา ก่อนที่จะส่งต่อข้อความจากจิชาให้แก่วินเซนต์

ถึงแม้ว่าวิถีชาวจักรวรรดิจะเชยชูเกียรติผู้ที่ตายในสนามรบ แต่สำหรับคนใกล้ตัวแล้ว พวกเขาก็ต้องการ “เหตุผล” หรือ “ความหมาย” เบื้องหลังการตายของคนสนิทอยู่ดี

ตามมุมมองของวินเซนต์ การปล่อยให้ทั้งโลกรับรู้เกี่ยวกับการตายของบัลรอยไปตามเดิมนั้นถูกต้องแล้ว เขาจึงคิดที่จะปฏิเสธว่าข่าวลือถูกต้องตามนั้น

มีเดียม: ――อาเบลจิน

มีเดียมที่ยืนเฝ้าประตูทางออกอยู่มีน้ำตาไหลคลอเบ้า ถึงแม้ว่าวินเซนต์จะชินชากับการเห็นน้ำตาจนเขาไม่หวั่นไหว แต่น้ำตาของเธอก็ทำให้เขาครุ่นคิดอีกครั้ง

วินเซนต์ทราบดีว่าสิ่งที่สองพี่น้องต้องการคืออะไร พวกเขาต้องการเพียงแค่ “ความจริง” ซึ่งถ้าเป็นตามปกติ วินเซนต์คงจะเลือกทำเป็นเมินเฉย

ทว่า คติ “ทำเหมือนอย่างที่เคย” ที่วินเซนต์ยึดถือมาโดยตลอดทำให้เขาถูกมือขวาคนสนิท(จิชา)และชายผู้มีหัวคิดอ่อนต่อโลก(สุบารุ)หักหน้ามาแล้วทั้งคู่

มันคงจะถึงเวลาอันควรแล้วที่วินเซนต์จะต้องปรับเปลี่ยนคติของเขาใหม่ ยกระดับจาก “ทำเหมือนอย่างที่เคย” ให้เป็น “ทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม” เพื่อการนั้นแล้ว…

วินเซนต์: ――ความจริงเบื้องหลังการตายของบัลรอย เทเมกริฟน่ะ มันต่างออกไปจากข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ในหมู่สาธารณชน

. พี่น้องโอคอนเนลแสดงการตอบรับต่างกันออกไปหลังได้ยินวินเซนต์เฉลยความจริง ฟล็อปมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนมีเดียมอึ้งจนไปต่อไม่ถูก

วินเซนต์: ฟล็อป โอคอนเนล เจ้ารู้อยู่แล้วสินะว่าความจริงไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือ

มีเดียม: เอ๋… อันจัง?

ฟล็อป: ก็ไม่เชิงว่ารู้หรอก แค่เรื่องราวตามข่าวลือมันฟังดูไม่เหมือนสิ่งที่บัลรอยจะทำเลย แบบนั้นมันฟังดูเหมือนมีเดียมมากกว่า

มีเดียม: อุ อื้อ…

ฟล็อป: อย่าบอกนะว่า พอองค์จักรพรรดิคุงเห็นว่าผมกับบัลรอลสนิทกัน เลยกะจะหลอกถามว่าบัลรอยเคยหลุดปากบอกแผนไว้ก่อนหรือเปล่าน่ะ?

วินเซนต์: ――ความเป็นไปได้นั้นมีอยู่…ใกล้เคียงศูนย์ ชายคนนั้นที่ข้ารู้จักจะไม่มีวันปริปากบอกใครจนกว่าจะถึงช่วงเวลาลงมือ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงต่อการผิดพลาดให้น้อยลง ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

ฟล็อป: …นั่นสิเนอะ องค์จักรพรรดิคุงคิดถูกแล้ว โล่งอกไปที ดูเหมือนว่าทั้งคุณและผมต่างก็รู้จักบัลรอยดีจนน่าจะคุยถูกคอกันนะ ถึงยังไงซะ

วินเซนต์: …

ฟล็อป: หลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น ไม่ว่าจะได้ยินชื่อของบัลรอยจากที่ไหนในจักรวรรดิ ก็คิดได้แต่เพียงว่านั่นเป็นคนแปลกหน้าที่ผมกับมีเดียมไม่รู้จัก

วินเซนต์เข้าใจสิ่งที่ฟล็อปผู้แสดงสีหน้าเหงาหงอยตั้งใจจะสื่อดี เพราะถึงอย่างไร เขานี่แหละก็คือคนที่สั่งการให้แพร่กระจายข่าวลือเหล่านั้น

เนื้อหาของข่าวลือคือบัลรอย เทเมกริฟไม่พอใจในสถานะ “เก้าแม่ทัพเทวะ” ของตน จึงก่อกบฎเพื่อหวังตำแหน่งที่สูงกว่า และสุดท้ายก็เสียท่าเยี่ยงสุนัขขี้แพ้

โดยวินเซนต์ได้จิชาเป็นผู้ปรับแต่งเนื้อหาข่าวลือและมีเบลสเต็ตซ์เป็นผู้ช่วยกำกับดูแลการกระจายข่าวลือ

ทั้งหมดเพื่อปกปิดสาเหตุที่แท้จริงที่บัลรอยเข้าร่วมกับพวกกบฏ และดับฝันผู้คิดก่อกบฏคนอื่นให้หัวหดเข้ากระดอง หลังได้เห็นว่ากระทั่งบัลรอยยังล้มเหลว

. ฟล็อป: ――การก่อกบฏในครั้งนั้นน่ะ ไม่ใช่เจตจำนงของบัลรอย

มีเดียม: อันจัง!? แบนนั้นมันพิลึกไปไหม ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ก็พี่บัลเขาน่ะ… อาเบลจินก็ด้วย! พูดอะไรหน่อยสิ! บอกทีว่าที่อันจังพูดมันแปลก…

วินเซนต์: หากเป็นเรื่องที่สมควรแก้ไขก็จะท้วงให้เอง หากไม่ใช่ก็จะไม่ท้วง มันก็แค่นั้นแหละ

เมื่อวินเซนต์เลือกที่จะไม่ปฏิเสธข้อสันนิษฐานของเขา ฟล็อปจึงได้แต่ถอนหายใจยอมรับความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบัลรอย

วินเซนต์ยอมรับว่ามันช่างน่าย้อนแย้ง ที่แผนการสร้างข่าวลือเมื่อคราวนั้นกลายมาเป็นเชื้อเพลิงให้สงครามกลางเมืองครั้งนี้

ฟล็อป: บัลรอยมีจุดประสงค์ที่ต่างออกไป จริงอยู่ที่องค์จักรพรรดิคุงนำผลลัพธ์มาใช้งานได้ แต่เป้าประสงค์เดิมคงจะต่างออกไป องค์จักรพรรดิคุงน่ะ รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงหรือเปล่า?

เป้าหมายที่แท้จริงที่ทำให้ “มือปืนกระสุนมนตรา” บัลรอย เทเมกริฟ เลือกเข้าร่วมกับพวกกบฏ นั่นก็คือ…

วินเซนต์: ――เพื่อแก้แค้นให้กับการเสียชีวิตของพลทหารชั้นพิเศษไมลซ์ที่เดินทางไปยังราชอาณาจักรลูกุนิก้าเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษ

ฟล็อป: ――อึก

วินเซนต์: มีอะไรน่าแปลกใจด้วยรึ ฟล็อป โอคอนเนล เรื่องนี้เองก็เป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าทราบอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีแต่การแสร้งไม่รู้เพื่อทดสอบจักรพรรดิ โอหังเสียเหลือเกิน

ฟล็อปไม่ปฏิเสธว่าเขารู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องบัลรอยรวมถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของบัลรอย และเขาก็พยายามจะทดสอบวินเซนต์จริงๆ

ทว่า สาเหตุที่ฟล็อปตกใจนั้นเป็นเพราะวินเซนต์พูดถึงชื่อของ “พี่ไมลซ์” ขึ้นมาอย่างเกินความคาดหมาย

ฝั่งวินเซนต์มองว่าการเป็นผู้นำย่อมต้องรู้จักชื่อ รูปร่างหน้าตา และตำแหน่งของบริวารตนเองเป็นเรื่องธรรมดา จะได้รู้ทันเวลาที่ลูกน้องคนไหนคิดจะหันคมดาบใส่ตน

แต่ถึงแม้ว่าวินเซนต์ไม่คิดที่จะปลอบประโลมการสูญเสียของลูกน้องเขาก็ได้ตั้งมั่นที่จะจดจำชื่อของบริวารทุกคนที่อุทิศชีวิตทำตามคำสั่งจนต้องจบชีวิตลง

ด้วยเหตุนี้ วินเซนต์ วอลลาเคีย จึงจะจดจำพลทหารชั้นพิเศษไมลซ์และบัลรอย เทเมกริฟไว้ โดยไม่คิดที่จะลืมเลือนพวกเขา

. วินเซนต์บอกสองพี่น้องว่าเขาไม่สามารถแก้ไขข่าวลือเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของบัลรอย เทเมกริฟคืนมาได้

เพราะถ้าหากข้อเท็จจริงกับข่าวลือไม่ตรงกันเมื่อไหร่ ก็จะมีคนบางจำพวกที่เริ่มกังขาทุกข่าวลือที่ได้ยิน ซึ่งส่งผลให้รากฐานของจักรวรรดิเกิดรอยร้าวขึ้นมา

ทั้งวินเซนต์และฟล็อปเห็นพ้องกันว่าเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่บัลรอยมิได้ต้องการให้เกิดขึ้น แต่ฟล็อปสังเกตเห็นว่ามีเดียมเริ่มมีสีหน้าขุ่นเคืองเพราะยอมรับเรื่องนี้ไม่ค่อยได้

ฟล็อปจึงปลอบใจน้องสาวด้วยการย้ำเตือนถึง “คำมั่นสัญญาในครอบครัว” ที่ว่าจะขอความช่วยเหลือกันเสมอเวลาที่ประสบปัญหา

บัลรอยไม่เคยร้องขอสองพี่น้องให้มาช่วยกันฆ่าจักรพรรดิวินเซนต์ นั่นแปลว่าศัตรูของไมลซ์ที่บัลรอยหมายหัวไม่ใช่จักรพรรดิวินเซนต์

ฟล็อป: สุดท้ายนี้ ขอถามอะไรอีกสักอย่างจะได้ไหม? ――ความปรารถนาสูงสุดของบัลรอยในการล้างแค้นให้พี่ไมลซ์น่ะมันสำเร็จรึเปล่า?

วินเซนต์: ――ไม่สำเร็จ

ฟล็อป: งั้น…เหรอ…

วินเซนต์เลือกตอบเพียงสั้นๆ ไม่ให้ข้อมูลมากไปกว่านั้น และต่อให้ฟล็อปคิดจะถามเพิ่ม วินเซนต์ก็ไม่คิดจะให้คำตอบอยู่ดี

เพราะไม่ว่าฟล็อปอยากจะแก้แค้นให้ไมลซ์และบัลรอยมากแค่ไหน เส้นทางการล้างแค้นของเขาก็ไม่มีวันที่จะสำเร็จและที่สำคัญ…

วินเซนต์: บัลรอย เทเมกริฟ คงจะมิได้ปรารถนาเช่นนั้นหรอก

. ฟล็อปโค้งศีรษะขอบคุณหลังได้รับคำตอบ เนื่องจากเขารู้ตัวดีว่าในตอนนี้เวลาแต่ละวินาทีมันมีมากค่าแค่ไหนสำหรับวินเซนต์

กระนั้นในฐานะพ่อค้า ฟล็อปย่อมไม่พลาดโอกาสทองที่จะขายสินค้าที่เขามี(ข้อความจากจิชา)ในราคาสูงสุด เพื่อแลกกับคำตอบที่เขากับน้องสาวอยากรู้มานาน

วินเซนต์ขัดว่านี่คือ “คำตอบที่ฟล็อปเองต้องการ” มิใช่คำตอบที่ฟล็อปกับมีเดียมต้องการ

ซึ่งฟล็อปก็ยอมรับตามนั้นและเสริมว่าหากวินเซนต์จะเอาผิดสองพี่น้องที่ทำให้เขาเสียเวลา ก็ขอให้ตัดคอฟล็อปคนเดียวพอ

ฟล็อปสารภาพว่าทีแรกเขาตั้งใจจะเอาข้อความของจิชาไปบอกสุบารุแทน เพื่อให้สุบารุกลายเป็นผู้กอบกู้วอลลาเคียและขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่

แต่เนื่องจากว่าวินเซนต์ตอบทุกคำถามอย่างจริงใจ และไม่ตกหลุมพลางการหลอกถามของฟล็อปเลยสักครั้งแม้ว่าเขาจะรีบอยู่ สุดท้ายฟล็อปจึงเปลี่ยนใจ

. สองพี่น้องเล่าให้วินเซนต์ฟังถึงเป้าหมายของฟล็อปที่จะ “แก้แค้นต่อโลก” ที่แสนไม่เป็นธรรมใบนี้ด้วยการทำความดีช่วยคนอื่น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

ตามมุมมองของฟล็อปนั้น วินเซนต์ “เคยเป็น” ผู้สร้างโลกอันไม่เป็นธรรมที่เขาอาศัยอยู่ แต่ฟล็อปเลิกนับวินเซนต์รวมเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายแก้แค้นแล้ว

วินเซนต์พึมพำว่า “ไร้สาระ” แต่กระนั้นแนวคิดเกี่ยวกับการแก้แค้นต่อโลกและผู้สร้างของโลกที่ฟล็อปพล่ามมาก็ทำให้วินเซนต์อดนึกถึง “เซซิลุส เซ็กมุนต์” ไม่ได้

ถึงแม้ว่าวินเซนต์จะเริ่มคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ตราบใดที่เขายังคงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ วินเซนต์ก็ยังไม่อยากให้ฟล็อปเลิกนับเขาเป็นเป้าหมายแก้แค้น

. ถึงเวลาอันสมควรแล้ว วินเซนต์จึงกำชับให้ฟล็อปถ่ายทอดข้อความจากจิชาแบบครบถ้วนทุกคำห้ามขาดหาย มิเช่นนั้นอนาคตของจักรวรรดิอาจจะเปลี่ยนได้เลย

ฟล็อป: ตั้งใจจะทำแบบนั้นแต่แรกอยู่แล้ว แต่น่ากลัวชะมัดเลยน้า! โดยรวมแล้วได้รับมาทั้งหมดสามข้อความ… อะแฮ่มๆ ช่วยให้กำลังใจพี่หน่อยนะ น้องสาวเอ๋ย

มีเดียม: อื้อ! เชื่อมือได้เลย อันจัง! พยายามเข้าน้า~!

วินเซนต์: …

ฟล็อป: ก่อนอื่นก็ข้อความแรก ――เซซิลุส เซ็กมุนต์นั้น ถูกหดร่างด้วยทักษะวิชาของโอลบาร์ต ดันคลูเคนที่ลอกเลียนมา และทิ้งไว้ที่เกาะทาสดาบ ไม่แน่ว่าเจ้าตัวอาจจะตะเกียกตะกายออกมาเองได้ แต่ถ้าหากเกรงว่าจะช้าไป ก็สามารถหาตัวเขาได้ที่นั่น

ฟล็อปเสริมเล็กน้อยว่าจิชามีใบหน้าและน้ำเสียงเหมือนกับวินเซนต์เป๊ะเลย ในตอนที่ฝากข้อความไว้กับเขา

ตอนที่วินเซนต์ได้เห็นเซซิลุสกลายเป็นเด็กที่นครหลวงลูปุกาน่า เขาก็พอเดาได้แล้วว่าจิชาอยู่เบื้องหลัง คาดว่าเซซิลุสคงเป็นเสี้ยนหนามต่อการขับไล่วินเซนต์ออกจากบัลลังก์

จิชาอาศัยความสนิทสนมเข้าหาเซซิลุสและแอบหดร่างเขาตอนที่ประมาท เพื่อกำจัดเซซิลุสออกจากเกมไปชั่วคราวและฝากวิธีเอาเซซิลุสกลับสู่เกมไว้กับฟล็อป

. วินเซนต์: ไม่มีข้อกังขา ต่อได้เลย

ฟล็อป: ถ้างั้นก็ข้อความที่สอง ――“อาณาเขตเทวา” ถูกเก็บไว้ที่นครป้อมปราการ สถานะการปรากฏอยู่ของเจ้านั่นจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ “มหาภัยพิบัติ” ที่จะทำให้จักรวรรดิล่มสลาย

วินเซนต์: …

ฟล็อป: บอกตามตรง ข้อนี้ฟังดูสำคัญมากเลย เสียดายที่ไม่ค่อยเข้าใจความหมาย ตอนนั้นไม่มีอารมณ์จะถามกลับด้วย…

สีหน้าของวินเซนต์เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ฟังข้อความนั้น เขาทั้งกลืนน้ำลาย กัดฟันแน่นและเอามือกุมปากตัวเองไว้ แถมยังหลับตาขวาลงข้างหนึ่ง

เดิมทีที่วินเซนต์ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังนครป้อมปราการการ์คลา เพราะนึกว่าจิชาเตรียม “มาตรการรับมือ” เอาไว้ที่นั่น

ทว่า ข้อความจากฟล็อปบ่งชี้ว่าสิ่งที่จิชา โกลด์หลงเหลือไว้ให้วินเซนต์ ณ ที่แห่งนั้นคือ “คำตอบ” ต่างหาก

วินเซนต์: ต้องรีบเข้าสู่นครป้อมปราการอย่างด่วนที่สุด

มีเดียม: เดี๋ยวสิๆ อาเบลจิน! มันมีสามข้อความไม่ใช่เหรอ? รอฟังอีกข้อก่อนสิ!

วินเซนต์เร่งรีบจะเดินออกจากห้องโดยทันที มีเดียมจึงต้องรีบเรียกสติเขาไว้ก่อน

ข้อความแรกคือเซซิลุส ข้อความที่สองคือคำตอบ จิชายังจะมีไพ่อะไรเก็บไว้ที่สามารถเป็นข้อความสุดท้ายได้อีก?

ฟล็อป: ――“ฝ่าบาท”

วินเซนต์: …

ฟล็อป: “การช่วยดึงล้อออกจากหล่มของเรา คงจะสิ้นสุดลงแค่เท่านี้แหละน้า”

… … …

วินเซนต์: ――บ้าบอเกินไปใหญ่แล้ว

(หมายเหตุ ในฉากนี้ อาจารย์ทัปเปย์ยังกั๊กไม่ให้คนอ่านอย่างเรารู้ว่าข้อความที่สามคืออะไรครับ)

. หลังได้รับฟังข้อความจากจิชาครบทั้งสาม วินเซนต์เตรียมเดินออกจาห้อง แต่ฟล็อปก็ยังอุตส่าห์เรียกให้เขาหยุดรอก่อน

ฟล็อป: ถึงรีบออกจากห้องไปก็ไม่ได้ช่วยให้ถึงการ์คลาเร็วขึ้นอยู่ดีไม่ใช่เหรอ! นอกเสียจากว่าองค์จักรพรรดิคุงจะวิ่งเร็วกว่ามกรปฐพีน่ะ!

วินเซนต์: ต้องรีบไปที่นครป้อมปราการ หากจำเป็นคงต้องใช้เรือเหาะมกรหรืออะไรก็ตามที่ช่วยได้

ฟล็อป: บนฟ้าก็อาจจะไม่ปลอดภัยไม่ใช่เหรอ! อาจจะมีมกรบินที่ตายไปแล้วบินว่อนอยู่ก็ได้! แถมยังมีเรื่องที่ต้องบอกอยู่อีกอย่าง …มีเดียม!

มีเดียม: อะ อื้อ! รับทราบแล้ว อันจัง!

มีเดียมรีบมายืนขวางประตูทางออกตามที่พี่ชายสั่ง วินเซนต์ขู่ว่าด้วยแววตาเอาจริงว่าเขาสามารถสั่งประหารถ้าสองพี่น้องถ่วงเวลาไปมากกว่านี้

ฟล็อปจึงย้ำเตือนไปว่าก่อนที่จะส่งต่อข้อความจากจิชา ฟล็อปได้เสนอขึ้นมาสองเงื่อนไข หนึ่งคือขอเล่าเรื่องย้อนความ สองคือเขามีเรื่องจะขอร้องวินเซนต์

วินเซนต์จำได้ว่าเขาไม่เคยตกลงจะรับฟังคำขอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไปตรงๆ เช่นกัน สุดท้ายวินเซนต์จึงสั่งให้ฟล็อปบอกคำขอมา

ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธเรื่องการกอบกู้ชื่อเสียงของบัลรอยไปแล้ว วินเซนต์จึงจินตนาการไม่ออกเลยว่าสองพี่น้องจะยังมีอะไรที่ต้องการได้อยู่อีก

ฟล็อป: องค์จักรพรรดิคุง หลังวิกฤติการณ์ครั้งนี้จบลง นายจะกลับไปครองบัลลังก์จักรพรรดิแห่งวอลลาเคีย และฟื้นฟูจักรวรรดิให้กลับมาเหมือนเก่า… ไม่สิ จะพยายามทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมใช่ไหม?

วินเซนต์: กังขาต่อการใช้ถ้อยคำอยู่ก็จริง แต่ในภาพรวมแล้วก็ใช่

ฟล็อป: ถ้างั้นก็ ว่าไงดีนะ หลังทุกอย่างจบลงแล้ว องค์จักรพรรดิคุงคงคิดที่จะเปิดรับภริยาจำนวนมากล่ะสินะ… สนใจรับมีเดียมไปเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า?

มีเดียม: เอ๊ะ?

วินเซนต์: อะไรกัน เรื่องนั้นเองหรอกรึ ก็ไม่ว่าหรอก

มีเดียม: เอ๊ะ?

ก่อนหน้านี้ สาเหตุที่วินเซนต์ไม่ยอมมีภรรยาก็เพื่อหลีกเลี่ยงภาระไม่จำเป็นที่จะขัดขวางการทำตามแผนการเดิมของตนให้สำเร็จ

แต่ในเมื่อจิชาทำให้แผนเดิมของเขาล่มไปแล้ว แถมมันอาจจะถึงเวลาอันเหมาะควรที่จะปรับแก้ “พิธีกรรมคัดเลือกจักรพรรดิ” เสียหน่อย

ในฐานะจักรพรรดิ มันคงได้เวลาที่วินเซนต์ วอลลาเคียจะได้ทำตามหน้าที่เสียที

มีเดียม: เอ๊ะ?

ในขณะที่ฟล็อปลูบอกพอใจต่อคำตอบของวินเซนต์ มีเดียมก็ยังคงมึนงงตามสถานการณ์ไม่ทันอยู่คนเดียว

. จบตอน