ท็อดด์ แฟงก์ เป็นชายที่มีความน่าขนลุกเหนือยิ่งกว่าพวกบิชอปมหาบาปที่สุบารุเคยเผชิญหน้ามา ได้ประจันหน้ากันทีไร ในหัวเขามันขาวโพลนทุกที
และไม่ใช่แค่สุบารุ เรมกับรุยเองก็ระแวงท็อดด์เช่นกัน พอสังเกตเห็นว่าคาชัวเกาะชายเสื้อของท็อดด์อยู่ เรมจึงสั่งให้ท็อดด์ปล่อยตัวคาชัวทันที
สุบารุเองก็เชื่อว่าคนอย่างท็อดด์จะต้องใช้คาชัวเป็นโล่มนุษย์เพื่อปั่นหัวพวกตนอีกแน่ๆ และการปล่อยให้ท็อดด์ปั่นหัวนั้นนำไปสู่ความตายทุกครั้ง
ตั้งแต่ที่เริ่มเปิดศึกบุกนครหลวงจักรวรรดิ สุบารุยังไม่เคยตายสักครั้ง เขาเลยไม่รู้เหมือนกันว่าจุดเซฟจะไปอยู่ตรงไหน
สุบารุจึงเตรียมใจที่ต้องทำทุกอย่างซ้ำใหม่หมด หากถูกฆ่าตายที่นี่และจุดเซฟดันอยู่ไกล ทว่า…
คาชัว: ดะ…เดี๋ยวก่อนสิ! ผิดแล้ว! ฉันไม่ได้ถูกจับตัวไว้สักหน่อย เรม!
เรม: คุณคาชัว?
คาชัว: เข้าใจผิด… ใช่ เข้าใจผิดกันหมดแล้ว! ท็อดด์น่ะ ไม่ใช่ศัตรูของพวกคุณนะ!
คาชัวตะโกนพลางพยายามเลื่อนรถเข็นไปด้านหน้า แต่ท็อดด์ก็ใช้มือกันเธอเอาไว้ก่อน
คาชัว: เดี๋ยวเถอะ ทำอะไรน่ะ! มันอันตรายนะ!
ท็อดด์: เธอนั่นแหละที่ตกอยู่ในอันตราย อย่าเลื่อนมาด้านหน้าตามใจชอบสิ
คาชัว: นะ…นี่คิดว่าฉันทำไปเพื่อใครกันยะ!
ท็อดด์: แหงแหละว่าเพื่อชั้นสินะ แต่ถึงยังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงที่รักตกอยู่ในอันตรายหรอก
คำพูดของท็อดด์ไร้ซึ่งคำลวง แถมคาชัวก็เขินจนหน้าแดง ภาพตรงหน้าเป็นอะไรที่สุบารุคาดไม่ถึงสุดๆ แต่ข้อสรุปเดียวที่อธิบายได้มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
เรม: คุณคาชัว นี่หรือว่าจะเป็น…
คาชัว: บอกเธอ…ไปตั้งกี่ครั้งแล้ว… หมอนี่คือ…นั่นนะ…ของฉัน…
ท็อดด์: คู่หมั้นน่ะ
คาชัว: ตามนั้นแหละ…
. นอกเหนือจากความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับท็อดด์ทั้งในด้านความขี้ระแวงและความเหี้ยมโหดแล้ว สุบารุก็ยังจำได้ลางๆว่าท็อดด์เคยพูดถึง “คู่หมั้น” อยู่ด้วย
ท็อดด์ดูเหมือนจะจำเรมได้จากที่ค่ายในป่าแบดไฮม์ แต่เขาดูท่าจะยังไม่รู้ว่าสุบารุในร่างเด็กคือคนเดียวกันกับนัตสึกิ สุบารุและนัตสึมิ ชวาร์ซ
เรมพูดออกมาตรงๆ ให้ฟล็อปกับคาชัวฟังว่าเธอเคยเจอท็อดด์อยู่หลายครั้ง(สองครั้ง) และชีวิตเธอตกอยู่ในอันตรายทุกรอบ
ซึ่งฝั่งท็อดด์ก็แก้ตัวว่าเขาแค่ต้องทำตามหน้าที่และคำสั่งเนื่องจากว่าเป็นทหาร ไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับเรมเลย
เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ท็อดด์หยิบขวานที่เหน็บไว้ออกมาและโยนให้มันกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงหน้าสุบารุที่เสียวสันหลังไปชั่วขณะ
รุยเก็บขวานขึ้นมาด้วยความลังเล มันเป็นขวานธรรมดาที่ท็อดด์โยนเพื่อปลดอาวุธตัวเองจริงๆ ไม่ได้เป็นระเบิดหรือกับดักอะไรเลย
สุบารุไม่อยากลองเชิงว่าท็อดด์จะตอบโต้อย่างไรหากถูกปฏิเสธ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจยอมรับท็อดด์กับคาชัวเข้าร่วมกลุ่ม
คาชัว: ยะ…อย่าห่วงเลย สบายใจได้! หมอนี่น่ะ หมอนี่มันดื้อด้านสุดๆ! รับรองว่าช่วยให้ฉันกับพวกคุณทุกคนหนีออกไปได้หมดแน่นอน!
ท็อดด์: เฮ้ยๆ อย่าเอาคู่หมั้นไปเปรียบเทียบกับแมลงซอดด้าสิ
. มีเหตุผลอยู่ 3 ข้อที่สุบารุมิอาจปฏิเสธการเข้าร่วมกลุ่มของ “ท็อดด์ แฟงก์” ได้
ข้อแรก เพราะว่าคาชัวที่สนิทกับเรมดันเป็นคู่หมั้นของท็อดด์ ถ้าหากจะปฏิเสธท็อดด์ เขาก็ต้องยอมปฏิเสธคาชัวที่เป็นสาวพิการนั่งรถเข็นด้วย
ข้อที่ 2 ถึงแม้ว่าท็อดด์จะเคยสังหารสุบารุและพวกพ้องของเขาไปมากกว่าศัตรูคนใดที่เขาเผชิญในโลกนี้ รวมถึงฟล็อป อิโดร่าและทันซ่าที่อยู่ด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้
แต่สุดท้าย เหตุการณ์ส่วนใหญ่ก็ได้ถูกรีเซ็ตด้วยอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” ไปหมดแล้ว
ทั้งการเผาป่าที่เผ่าชูดราคอาศัยอยู่ ทั้งการบุกจู่โจมที่นครล้อมกำแพงกัวลาล และการสังหารหมู่ที่เกาะทาสดาบ ทุกอย่างล้วนแต่ไม่ได้เกิดขึ้นในลูปปัจจุบัน
และสุดท้ายข้อที่ 3 ก็คือ…
ท็อดด์: ――เล็งตั้งแต่ส่วนอกขึ้นไป! เล็งขาไปก็ได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น!
สุบารุ: ชิ เบียทริซ!
เบียทริซ: เข้าใจแล้วย่ะ! มีเนีย!
ผลึกเวทของพวกสุบารุยิงเจาะศีรษะของกลุ่มซอมบี้ บางตัวถูกเจาะแค่ส่วนลำตัวจึงไม่ตายในทันที แต่ทันซ่าก็เข้าไปเหยียบซ้ำจนแหลกสลายได้ง่ายๆ อยู่ดี
ท็อดด์: เท่านี้ก็กำจัดอุปสรรคที่ตรอกด้านหลังได้หมดแล้ว เวทมนตร์ของพวกเธอนี่เห็นผลชะงัดดีจริงๆ ยังยิงได้อีกเยอะไหม?
เบียทริซ: …ยังไหวอยู่ย่ะ อีกสักหนึ่งหมื่นหรือหนึ่งแสนนัดกระมัง
ท็อดด์: ฟังแล้วอุ่นใจ แต่อย่านำหน้าเร็วเกินไปล่ะ ยังไงพวกเธอก็เป็นเส้นชีวิตของเราล่ะนะ
ถึงแม้จะกำจัดซอมบี้ได้อย่างราบคาบ แต่การชมเชยของท็อดด์ก็ทำให้สุบารุกับเบียทริซรู้สึกตงิดใจแปลกๆ
ท็อดด์กับฟล็อปแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ฝั่งท็อดด์ตั้งข้อสังเกตว่าพวกซอมบี้ไม่มีฝักฝ่ายและถึงจะพูดจาได้แต่ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี
แถมเท่าที่พวกเขาสังเกตมา อาวุธธรรมดาอย่างหอกหรือดาบไม่สามารถฆ่าพวกมันได้แม้จะฟันหัวจนขาด มีเพียง “เวทมนตร์” ที่เห็นผลชัดเจนที่สุด
ท็อดด์: ตอนที่ถูกวิญญาณที่ชั้นเก็บไว้เผาจนเป็นถ่าน พวกมันก็ไม่ลุกกลับขึ้นมาเหมือนกัน ถึงจะยังไม่ได้ลองดูว่าไฟธรรมดาใช้ได้ผลเหมือนเวทมนตร์ไหมก็เถอะ
สุบารุ: …
ท็อดด์: อ้อ เผื่อยังไม่รู้ พวกที่โดนโจมตีส่วนหัวขึ้นไปจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าพวกที่ถูกทำลายร่างกายส่วนอื่น ยิ่งส่วนขานี่งอกไวเหลือเชื่อเลย อย่าคิดว่าจะสกัดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ง่ายๆ
เหตุผลข้อที่ 3 ความรู้ความสามารถในการหากลยุทธ์รับมือศัตรูได้อย่างฉับไวท็อดด์ แฟงก์นั้น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยพาพวกสุบารุหนีออกจากนครหลวง
. กลุ่มของสุบารุและท็อดด์เลือกใช้เส้นทางที่เดินลำบากเล็กน้อยและต้องปะทะกับฝูงซอมบี้เป็นครั้งคราว โดยมีอิโดร่าขี่ม้าลมกรดนำทาง
การพาพวกองค์ชายตัวปลอมมาด้วยทำให้ยิ่งเดินทางได้ช้า แต่พวกเขาก็เริ่มเข้าใกล้กำแพงนครหลวงไปทุกที
เรมและคาชัวตามหลังกลุ่มอยู่เล็กน้อยเนื่องจากว่าเรมต้องคอยเข็นรถเข็นให้แก่คาชัว แต่รุยก็คอยยืนประกบเพื่อคุ้มกันอยู่ตลอด
สุบารุเคลือบแคลงใจอยู่เล็กน้อยที่เหตุการณ์ซอมบี้ระบาดมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขานำทัพตีปราการจนแตกพอดิบพอดี แต่เลือกที่จะไม่เก็บไปคิดมากกว่านั้น
สุบารุยังคงระแวงท็อดด์ไม่หาย เขาจึงแอบสั่งให้ทันซ่าจับตาดูท็อดด์เอาไว้ทุกฝีก้าว ฟล็อปเองก็อ่านสีหน้าของสุบารุออกว่าเขายังคงกังวลเรื่องท็อดด์อยู่
(ฟล็อปเรียกท็อดด์ว่า “ทหารคุง” + เรียกเบียทริซว่า “เดรสจัง”)
. พวกสุบารุเดินทางมาถึงจุดที่น้ำจากอ่างเก็บน้ำที่แตกเริ่มท่วมถนน หากพวกเขาใช้เวลานานเกินไป มีหวังได้จมน้ำตายกันหมดแน่
ท็อดด์ที่รู้สึกตัวเรื่องนั้นเช่นกันชี้ขวานของเขาไปทางพระราชวังแก้วผลึก
ท็อดด์: ดูท่าว่าแม่ทัพเอกโมโกรจะเสียเปรียบ “มังกรเมฆา” อีกไม่นานก็คงจะพ่ายแพ้ ถ้าเป็นศึก 1 ต่อ 1 ก็ว่าไปอย่าง แต่ 2 ต่อ 1 นี่ยังไงก็ยับ… หลังจากที่แม่ทัพเอกพ่าย คิดว่าศัตรูจะเคลื่อนไหวยังไงต่อ?
สุบารุ: นายรู้…งั้นเหรอ?
ท็อดด์: นอกจาก “มังกรเมฆา” แล้ว ดูเหมือนว่านักขี่มกรบินที่คอยช่วยอยู่จะเป็นซากศพ จนถึงตอนนี้พวกซากศพมันโจมตีพวกเราทันทีที่เห็น สรุปก็คือ…
สุบารุ: พวกซอมบี้มันพยายามจะฆ่ามนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่
เป้าหมายของพวกซอมบี้คือการสังหารคนเป็นทุกคนที่พวกมันพบเจอ แปลว่าพวกมันอาจจะหาวิธีลัดที่จะช่วยให้ฆ่าคนจำนวนมากในทีเดียวก็เป็นได้
ดังนั้น หากแม่ทัพหากโมโกรแพ้เมื่อไหร่ พวกซอมบี้ก็น่าจะทำลายกำแพงอ่างเก็บน้ำให้สิ้นซาก น้ำจะได้ท่วมเมืองในทันที
ท็อดด์: น่าปวดหัวชะมัด ว่าแต่ถูกใจชื่อเรียก “ซอมบี้” นั่นแฮะ ถึงยังไงก็ต้องเรียกพวกมันว่าอะไรสักอย่าง หลังจากนี้ไปขอเรียกว่า “ซอมบี้” เลยละกัน
เบียทริซถามท็อดด์ขึ้นมาว่าเขารู้สึกอะไรไหมที่ต้องสังหารพวกซอมบี้ที่แต่งเครื่องแบบทหารจักรวรรดิแบบตนเอง
ทว่า ท็อดด์ไม่ได้มองพวกซอมบี้เป็นทหารหรือพวกพ้องเลย สำหรับเขา พวกนั้นเป็นเพียงอุปสรรคที่น่ารำคาญเพียงเท่านั้น
เบียทริซ: …
ท็อดด์: ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใครหรือต้องการอะไร มันก็ไม่ได้สำคัญต่อการเอาชีวิตรอดในตอนนี้เลย เรื่องนั้นน่ะปล่อยให้พวกคนใหญ่คนโตเบื้องบนคิดหาคำตอบเองดีกว่า
ท็อดด์เอ่ยปากชมว่าเบียทริซเป็นคู่หูที่ดี เขาจึงแนะนำให้สุบารุที่มีสีหน้ากังวลระบายความในใจให้คู่หูฟังจะได้ช่วยคลายเครียด ซึ่งสุบารุก็รับปากว่าจะลองคิดดู
. ท็อดด์ล่วงหน้ากลุ่มไปก่อนเพื่อทำหน้าที่เป็นพลลาดตระเวนและนำข้อมูลกลับมาให้พวกสุบารุคิดหาหนทางรับมือ
สิ่งที่ทำให้สุบารุเครียดในตอนนี้มีอยู่สามสาเหตุ อย่างแรกคือความระแวงที่มีต่อท็อดด์ อย่างที่สองคือมานาที่ถูกเบียทริซดึงไปใช้
แต่ที่หนักสุดก็คือภาระทางจิตใจที่สุบารุต้องแบกรับในการสังหารซอมบี้ที่พูดจาตอบโต้ได้ เขาไม่เหมือนกับท็อดด์ที่สามารถมองพวกมันเป็นเพียงอุปสรรคได้
ฟล็อป: ผมน่ะ มองว่านั่นเป็นข้อดีของสามีคุงนะ
สุบารุ: ไม่รู้สิ ดันมัวแต่ใจอ่อนอย่างงี้มีหวังถูกเรมเตะก้นอีกแหง
ฟล็อป: คุณภรรยาน่ะ ไม่ทำอย่างงั้นหรอก ――ไม่มีทาง
สุบารุ: …เพราะคุณฟล็อปแท้ๆ โล่งใจขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ
ไม่รู้ว่าเพราะสุบารุอยู่ในร่างเด็กหรือเปล่า แต่เขาสังเกตได้เป็นครั้งแรกว่าฟล็อปมีออร่าความเป็นพี่ชายที่น่าเชื่อถือสูงมาก ไม่แปลกใจเลยที่มีเดียมเคารพรัก
ฟล็อปคือชายผู้ที่มีชีวิตรอดอยู่ในจักรวรรดิได้ทั้งที่ไร้ซึ่งความสามารถในการสู้รบหรือเวทมนตร์ คำพูดที่เป็นอาวุธเดียวของเขาจึงมีอำนาจโน้มน้าวใจสูงมากๆ
แต่เนื่องจากว่าฟล็อปดันตัดหน้าเบียทริซในการพูดปลอบใจสุบารุ เบียทริซจึงแสดงอาการงอนออกมาและเริ่มโวยวาย
เบียทริซ: เมินเบ็ตตี้ที่อุตส่าห์เป็นห่วงได้ลงคอนะยะ เอาอีกแล้วนะ สุบารุ เจอผู้ชายหน้าตาดีทีไรก็รีบผูกมิตรแล้วเมินเบ็ตตี้ตลอด
สุบารุ: เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดหมดหรอก! เปล่านะ ไม่ได้คิดจะเมินเธอเลยสักนิดนี่? อีกอย่าง คุณฟล็อปกับเซสชี่น่ะถือเป็นข้อยกเว้น ส่วนอิโดร่ากับไวส์ถึงจะน่าค้นหาแต่ก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไร… แต่เฮียอินนี่แอบมีเสน่ห์ดีนะ
เบียทริซ: ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยย่ะ!
. เรมสังเกตเห็นสุบารุกับเบียทริซหยอกล้อกัน เธอเลยเหน็บเบาๆ ว่าในสถานการณ์แบบนี้สุบารุก็ยังเล่นได้อยู่อีก
คาชัว: นี่ ท็อดด์เขาไม่ได้ก่อเรื่องอะไรใช่มั้ย? หมอนั่นตั้งใจทำตัวให้มีประโยชน์รึเปล่า?
สุบารุ: …อา ช่วยได้มากเลยล่ะ จมูกดี ตาก็ดี คำแนะนำก็แม่นยำและมีประโยชน์
คาชัว: งะ…งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ…
สุบารุไม่ได้พูดไปเพื่อหลอกให้คาชัวสบายใจ แต่เขาประเมินว่าความสามารถทางการทหารของท็อดด์มันช่วยพวกเขาได้มากจริงๆ
ถึงจะไม่ได้ช่วยกำจัดซอมบี้โดยตรง แต่คำแนะนำ กลยุทธ์ การวางเส้นทาง และการสอดแนมของท็อดด์นั้นไร้ที่ติ
ข้อเสียเดียวคือการมีท็อดด์อยู่ด้วยทำให้สุบารุเครียดไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะหนีรอดออกจากเมืองได้โดยที่ไม่โดนขวานเจาะกะโหลกหรือเปล่า
ท็อดด์: ――คาชัว บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้คอยอยู่ด้านหลังไว้ อย่านำหน้ามาแบบนี้
พอท็อดด์กลับมาจากการลาดตระเวนอย่างปลอดภัย คาชัวก็แสดงสีหน้าโล่งใจ จากนั้นก็แสดงสีหน้ารำคาญคำพูดของคู่หมั้นและเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลต่อ
คาชัว: ท็อดด์ มีอะไรงั้นเหรอ?
ท็อดด์: …ไม่ไหวๆ ในเวลาแบบนี้เธอดันสัญชาตญาณแม่นเชียว ――ที่สุดทางนี้มีซอมบี้ท่าทางน่าเกรงขามอยู่ด้วย เจ้าเผ่าตาเดียวคนนั้น น่าจะเป็นเจ้าคนที่โดดเด่นที่สุดในศึกวันนี้ซะด้วย
. จบตอน