อิซเมล “เนตรยักษ์” คือยอดนักรบผู้เป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูลเผ่าตาเดียว
เขาเข้าร่วมทัพกบฏเพื่อหวังกุดศีรษะวินเซนต์ วอลลาเคีย อีกทั้งยังสามารถนำทัพบุกฝ่าปราการเข้าไปได้คนแรก
แต่สุดท้ายทัพกบฏของอิซเมลก็ถูกเปลวเพลิงกวาดล้าง และตัวอิซเมลเองก็ “ควรจะ” โดนกระสุนปืนใหญ่ศิลามนตรายิงเละไปแล้ว
ทว่า ร่างที่ถูกเผาเกรียมกลับฟื้นคืนกลับมา และดวงตาสีฟ้างดงามของอิซเมลก็กลายเป็นดวงตาสีทองท่ามกลางลูกตาที่ดำสนิท
ร่างที่เย็นชืดของอิซเมลถือขวานศึกเดินไปตามเมืองนครหลวงที่พังเละเทะ โดยมีเพียงความอาฆาตแค้นเป็นแรงผลักดัน
อิซเมล: ――หายหัวไปอยู่ไหนกัน ไอ้สัตว์นรกน่ารังเกียจ
. ในระบบยศทหารของวอลลาเคียนั้น ผู้ที่ไต่เต้าขึ้นเป็นยศ “แม่ทัพ” ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีฝีมือต่อสู้กล้าแกร่ง น้อยคนจะเป็นประเภทเจ้ากลยุทธ์
และท็อดด์ก็ประเมินว่าอิซเมลน่าจะมีฝีมือเทียบเคียงระดับ “แม่ทัพโท” ได้เลย แปลว่าหากเข้าปะทะตรงๆ ทางสุบารุกับท็อดด์นี่แหละที่จะแตกพ่ายกันหมด
ปัญหาคือศึกระหว่างเมโซเรย์อากับแม่ทัพโมโกรมันจบลงแล้ว โดยที่มังกรเมฆาเป็นฝ่ายที่คำรามฉลองชัยชนะ
ส่วนเทพยักษ์นั้นเข่าสองข้างถูกทำลายจนร่างล้มลงบริเวณพระราชวัง อีกไม่นานอ่างเก็บน้ำก็จะถูกทำลายจนน้ำไหลท่วมนครหลวง
สรุปคือตอนนี้พวกสุบารุถูกบีบให้เลือกระหว่างประจันหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งด้านหน้า หรือถอยกลับไปลองหาทางออกใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่ามีเวลาเหลือพอไหม
มองดูอย่างผิวเผินแล้วอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” น่าจะเอื้อต่อการเลือกวิธีอย่างหลัง แต่การหนีโดยที่ไม่มีจุดหมายที่ชัดเจนรังแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่า
สุบารุจึงเริ่มประเมินกำลังรบที่มีอยู่ คนที่ต่อสู้ได้คือสุบารุ เบียทริซ รุย ทันซ่า แล้วก็มีท็อดด์กับอิโดร่าเป็นกำลังเสริม
ซึ่งว่ากันตามตรงในแง่กำลังรบ สุบารุเป็นแค่ตัวแถมของเบียทริซเท่านั้น ส่วนอิโดร่าควรอยู่คุ้มกันเรม คาชัว ฟล็อป และพวกองค์ชายตัวปลอมที่ต่อสู้ไม่ได้มากกว่า
สุบารุกับท็อดด์จ้องตากันชั่วขณะ จากนั้นทั้งสองก็ได้บทสรุปว่าต้องผสานพละกำลังกับปัญญาเข้าด้วยกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคในครั้งนี้
สุบารุ & ท็อดด์: ――มาโค่นซอมบี้กันเถอะ
. พอได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้น อิซเมลก็โน้มตัวเตรียมเข้าปะทะและกวาดสายตาไปเห็นบ้านทั้งหลังที่ถูกถอนออกมาจากพื้นกำลังลอยมาทางเขา
อิซเมล: ――อ่อนหัด!
แทนที่จะเลือกหนีให้เข้าทางแผนศัตรู อิซเมลกลับตวัดขวานศึกผ่าบ้านทั้งหลังที่ลอยมาจนแหกเป็นสองซีก
แต่ยามที่ฝุ่นควันกำลังตลบอบอวล มีใครบางคนแอบเขวี้ยงก้อนหินเล็งใส่ศีรษะของอิซเมลด้วยความเร็วสูง
ทว่า เผ่าตาเดียวนั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมเหนือเผ่าพันธุ์อื่น อิซเมลจึงเอียงคอหลบหินไปได้อย่างไม่ยากเย็น แถมตอนนี้เขาพอจะรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของศัตรูแล้ว
อิซเมลเปิดใช้งานวิชาเนตรของเผ่าตาเดียว ด้วยพลังนี้ อิซเมลสามารถมองเห็นอารมณ์ของผู้อื่นเป็นสีสันได้
ยามที่มองเห็น “สีแดง” ซึ่งเป็นสีแห่งจิตต่อสู้กระจุกตัวกันอยู่ในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ร่างของอิซเมลก็พรั่งพรูด้วยสัญชาตญาณนักรบในตัว
ไม่มีสิ่งใดที่อิซเมลปรารถนาไปมากกว่าศึกระหว่างนักรบปะทะนักรบอีกแล้ว ตัวเขาในตอนนี้ถึงได้ถูกผลักดันด้วยแรงอาฆาตเพราะถูกหยามเกียรตินักรบก่อนตาย
. คราวนี้ก้อนหินและบ้านถูกเขวี้ยงมาพร้อมกันเพื่อโจมตีขนาบจากสองทิศทาง กระนั้นอิซเมลก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นการโจมตีของพวกขี้ขลาดเลย
ไม่ใช่แค่บ้านที่อันตราย ก้อนหินเองก็ถูกเขวี้ยงมาด้วยแรงและความแม่นยำที่มากพอจะทำให้กระดูกแตกหักหากโดนเข้าไปเต็มๆ
อิซเมลจึงใช้ขวานศึกผ่าเป็นแนวตั้งเพื่อกำจัดกระสุนบ้านและจามใส่พื้นถนนให้แตกไปพร้อมกัน จากนั้นเขาก็ใช้เท้างัดพื้นถนนขึ้นมาเตะให้กระจายไปทางศัตรู
นั่นไม่ใช่เพื่อโจมตี แต่เป็นการสร้างฝุ่นควันมาบดบังทัศวิสัยของศัตรู เผ่าตาเดียวสามารถมองทะลุม่านควันได้อยู่แล้ว อิซเมลจึงได้เปรียบในสถานการณ์นี้
อิซเมล: ผู้ชายที่โตแล้วกับเด็กสาว――
คราวนี้ อิซเมลเห็นชัดแล้วว่าคนผู้ชายมีหน้าที่ใช้ก้อนหินปาขัด ส่วนเด็กสาวคือคนที่ถอนบ้านทั้งหลังออกมาเขวี้ยงเป็นกระสุน
. แม้ฝั่งศัตรูท่าทางจะไม่ใช่นักรบโดยพื้นฐาน แต่ทั้งคู่ก็เปี่ยมล้นไปด้วยจิตต่อสู้ เพื่อมิให้เสื่อมเสียเกียรติ อิซเมลจึงจำเป็นต้องฆ่าทั้งสอง…
…ต้องฆ่า ต้องฉีกแขนขา ต้องกระชากหัว แล้วก็ดื่มโลหิตจากหัวใจที่ควักออกมา ความกระหายต่อเลือดและความตายมันคลุ้มคลั่งไปหมด
ระหว่างที่ทำลายกระสุนบ้านหลังที่สาม อิซเมลก็มองเห็นใบหน้าของตัวเองผ่านเศษกระจก แล้วก็ได้เห็นว่าเขากำลังแสยะยิ้มอยู่
แถมมันยังเป็นรอยยิ้มกระหายเลือดแบบที่อิซเมลสมัยยังมีชีวิตอยู่ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นเลยสักครั้ง
อิซเมล: ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!
แทนที่รู้สึกรังเกียจรอยยิ้มนั้น อิซเมลกลับหัวเราะลั่นและกระโจนตัวเข้าไปจามขวานผ่ากระสุนบ้านนัดต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว
ท็อดด์: ――มีแค่ตาเดียวระยะมองเห็นเลยแคบอย่างที่คิดสินะ?
ระหว่างที่อิซเมลกำลังสะบั้นกระสุนบ้านหลังที่ 5 ให้แหลก คำเยาะเย้ยของใครบางคนก็ดังมาถึงหู ทว่า มันดันเป็นเสียงของบุคคลที่อิซเมลอาฆาตพยาบาทที่สุด
“ไม่ ไม่ๆๆๆๆๆ ไม่มีทาง”
อิซเมล: ――นี่เอ็ง!!
พอเหลือบไปเห็นทหารผมสีส้มแอบนอนแนบพื้นอยู่ในบ้านที่ถูกทำลาย จิตต่อสู้ของอิซเมลก็แปรเปลี่ยนเป็นจิตสังหารอันเยือกเย็น
อิซเมลเปลี่ยนการตวัดขวานแนวตั้งเป็นแนวทแยงกลางคันเพื่อผ่าร่างของศัตรูที่เป็นต้นเหตุให้เขา “ตาย” แต่แล้วร่างของทหารคนนั้นกลับเลือนหายไปในพริบตา
เนตรยักษ์ของอิซเมลกวาดสายตาไปเห็นศัตรูคู่แค้นไปโผล่อีกที่หนึ่ง แถมยังมีเด็กสาวผมทองอีกคนที่จับเข็มขัดหนังของมันไว้
. ลางสังหรณ์ไม่ดีมันร้องเตือนตัวเขาไม่หยุดว่าเจ้าศัตรูคนนั้นไม่มีทางมาหยอกล้อเขาในระยะใกล้อย่างประโยชน์ แล้วทันใดนั้นเอง…
อิซเมล: ――อุก!?
ก้อนหินที่ถูกเขวี้ยงมาด้วยความเร็วสูงก็ปะทะเข้าที่ไหล่ซ้ายของอิซเมล แต่แทนที่จะทรมานแสนสาหัสเพราะกระดูกแตก เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
แขนซ้ายของอิซเมลแตกออกราวกับเป็นแก้ว แต่มันไร้ซึ่งโลหิตและความเจ็บปวด แถมแขนที่แตกไปยังฟื้นคืนกลับมาใหม่อย่างสมบูรณ์ภายในเวลา 2 วินาที
อิซเมลที่รู้สึกหยิ่งพยองสลับขวานศึกมายังแขนซ้ายที่งอกใหม่แล้วลองสะบั้นเศษบ้านที่เหลืออยู่จนแหลก
ระหว่างนั้นศัตรูก็ยังคงกระหน่ำโจมตีเข้ามาด้วยก้อนหิน แต่คราวนี้อิซเมลยื่นมือขวาไปรับหิน ปล่อยให้มือแตกออก เพราะถึงอย่างไรก็ฟื้นคืนกลับมาได้ในพริบตา
อิซเมล: นี่สินะ คือแก่นแท้ของร่างกายนี้…
อิซเมลเข้าใจแล้วว่าร่างกายที่ถูกคืนชีพกลับมาของเขานั้นไร้ซึ่งโลหิต ความเจ็บปวด และดูท่าจะหลีกเลี่ยงได้กระทั่ง “ความตาย”
. อิซเมลกวาดสายตาหาศัตรูอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นชัดเจนว่าไอ้ศัตรูขี้ขลาดมันเคลื่อนย้ายไปโผล่ด้านหลังผู้ชายและเด็กสาวที่โจมตีเขาอย่างหาญกล้าก่อนหน้านี้
การที่สองนักรบร่วมมือกับไอ้ตาขาวทำให้อิซเมลสูญเสียความเคารพนับถือไปจนหมด ทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาตพยาบาท
อิซเมล: พวกเอ็งทุกคนต้องชดเชยที่ดูหมิ่นสงครามด้วยชีวิต――
อิซเมลกระโจนตัวพุ่งเข้าไปหากลุ่มศัตรูโดยทันที เด็กสาวกวางที่งัดบ้านขึ้นมาไม่ทันหันมารุมปาหินใส่อิซเมลร่วมกับชายไว้เคราแทน
อิซเมล: ――เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์!
อิซเมลปล่อยให้หินอัดกระแทกร่างจนแตกโดยไม่คิดจะตวัดขวานป้องกัน เพราะถึงอย่างไร ร่างของเขาก็ฟื้นคืนกลับมาโดยไร้ความเสียหายอยู่ดี
หนทางเดียวที่ร่างกายใหม่อันไร้ซึ่งชีวิตของอิซเมลจะรู้สึกมีชีวิตชีวาได้ คือการได้อาบโลหิตของพวกศัตรู
. อิซเมลสังเกตเห็นว่าทั้งชายไว้เคราและเด็กสาวกิโมโนที่เป็นสีแดง และไอ้ศัตรูคู่อาฆาตที่เป็นสีฟ้าไม่ได้มีสีหน้าเหมือนกลัวตายเลย
สัญชาตญาณนักรบในตัวอิซเมลสัมผัสได้ว่ามีศัตรูพยายามจะตลบหลังเขา อิซเมลจึงบิดตัวกลางอากาศและหันไปเห็นเงาเล็กๆ ของเด็กสาม
เด็กชายผมดำ เด็กสาวในชุดเดรสและเด็กสาวผมทองที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาออกมากลางอากาศ อิซเมลมองเห็นทั้งสามเป็นสีแดง เปี่ยมล้นด้วยจิตต่อสู้
สุบารุ: เอล――
พอได้ยินคำร่ายมนตร์ สัญชาตญาณนักรบในตัวก็สั่งให้เขาเตะหินเพื่อสร้างกำบัง แต่อิซเมลกลับเลือกกำขวานศึกให้แน่นเพื่อเตรียมฟันสวนแลกกับศัตรูไปเลย
ด้วยร่างกายใหม่นี้ เขาย่อมสามารถเข่นฆ่าศัตรูด้วยวิธีการสุ่มเสี่ยงกว่าร่างกายเดิมได้อยู่แล้ว…
สุบารุ: มีเนีย――!!
อิซเมลใช้มือเปล่ารับผลึกสีม่วงที่ถูกยิงออกมาจากมือพวกเด็กๆ และเตรียมที่จะตวัดขวานสวนกลับ
――หารู้ไม่ว่า อิซเมล “เนตรยักษ์” ยอดนักรบแห่งเผ่าตาเดียวคนเดิมไม่มีทางที่จะตัดสินใจโง่เขลาเช่นนั้นแน่นอน
. จบตอน