webnovel arc8 chapter32

บทที่ 8 ตอนที่ 32 "การคัดเลือกเมมเบอร์"

พันธมิตรของสุบารุทุกคนนอกเหนือจากคนของทางจักรวรรดิมารวมตัวกันในห้องขนาดใหญ่เพื่อทำการคัดเลือกว่าใครบ้างที่จะเป็นสมาชิกหน่วยบุกจู่โจมฐานทัพใหญ่ของศัตรู

รัม การ์ฟีล เพทร่า เฟรเดริก้า และเรมที่ก่อนหน้าวุ่นอยู่กับการรักษาคนเจ็บได้กลับมารวมกลุ่ม กระทั่งอนาสตาเซีย ยุลิอุส และฮาริเบลก็มาเข้าร่วมเช่นกัน

สุบารุสังเกตได้ว่าเวลาที่อนาสตาเซียอยู่กับฮาริเบล เธอมักจะแสดงด้านที่มีความเป็นเด็กออกมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงคล้ายกับเป็นคุณลุงและหลานสาว

ฮาริเบลประเมินว่าซอมบี้ในวอลลาเคียแกร่งกว่าซอมบี้ที่เขาเจอในคารารากิ ซึ่งเขาเดาว่า “ระยะทาง” น่าจะเป็นตัวแปรหลักที่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของซอมบี้

แต่ยุลิอุสเห็นต่างออกไป เขามองว่าสฟิงซ์พึ่งอยู่ในขั้นทดลองคาถาตอนที่อยู่คารารากิ จากนั้นเธอสำเร็จวิชาอย่างแตกฉานที่วอลลาเคียในภายหลัง

ฮาริเบลเสริมอีกว่าปกติจุดเด่นของตัวเขาคือวิชาคำสาปที่โดนเพียงทีเดียวศัตรูก็จบเห่ ซึ่งมันแพ้ทางพวกซอมบี้ที่ทั้งแยกร่างและฟื้นคืนชีพกลับมาได้เรื่อยๆ

สุบารุแปลกใจที่ฮาริเบลยอมเปิดเผยวิชาของตน ฝ่ายฮาริเบลเลยสวนกลับว่าถึงรู้ไปก็มีน้อยคนที่สู้เขาได้อยู่ดี นิสัยที่ก้ำกึ่งระหว่างถ่อมตนกับมั่นหน้านั้นเหมือนไรน์ฮาร์ดกับเซซิลุสไม่มีผิด

เพราะงั้น ถึงแม้คำสาปของเขาจะแพ้ทางซอมบี้ ความแข็งแกร่งของฮาริเบลก็ยังคงไร้ข้อกังขา ทุกคนจึงเห็นพ้องกันให้ฮาริเบลเป็นสมาชิกตั้งต้นของกลุ่ม

. สุบารุยกมือต่อทันทีเพื่อประกาศว่าตัวเขาและสปิก้าจำเป็นต้องอยู่ในสมาชิกกลุ่มบุกโจมตีด้วย

สปิก้ามีอำนาจที่ทำให้ซอมบี้กลับมาเกิดใหม่ไม่ได้ ซึ่งช่วยกลบจุดอ่อนให้ฮาริเบล

สุบารุให้เหตุผลว่าตัวเขาจำเป็นต้องติดตามไปเป็นผู้ดูแลของสปิก้าเวลาที่เธอใช้อำนาจด้วย และแน่นอนว่าเบียทริซไม่คิดจะแยกห่างจากพาร์ทเนอร์ของเธออีก

สุบารุหันไปขอโทษเรมที่เขาต้องพาสปิก้าไปเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว แถมสุบารุคงรู้สึกปวดใจแย่ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้เรมเกลียดเขา

เรม: …ถ้าเป็นงั้นก็ให้คุณเอมิเลียช่วยปลอบใจก็ได้นี่คะ?

สุบารุ: เอ๋?

รัม: เรม เอาไงดี? มาฉีกบารุสุเป็นชิ้นๆ กันดีไหม?

สุบารุ: อย่าโพล่งเรื่องชวนสยองขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเซ่ ท่านพี่!

รัม: ล้อเล่นน่า ขืนฉีกเป็นชิ้นๆ ไปตอนนี้ เดี๋ยวก็คืนชีพกลับมาอยู่ดีใช่ไหมล่ะ? ซากศพของบารุสุที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ… ฝันร้ายชัดๆ เลวร้ายที่สุด

. สุดท้ายเรมก็อนุญาตให้สปิก้าไป ที่จริงตัวเธอเองก็อยากตามไปด้วย แต่เรมรู้ตัวดีว่าตัวเธอในตอนนี้คงเป็นได้เพียงตัวถ่วง

เอมิเลีย: ――ถ้างั้นล่ะก็ อย่าห่วงไปเลยค่ะ เรม

เรม: เอ๋?

เอมิเลีย: ความรู้สึกเป็นห่วงเด็กคนนั้นที่ต้องไปกับพวกสุบารุน่ะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะงั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะช่วยปกป้องให้เอง!

เรม: คุณเอมิเลีย…

เอมิเลีย: วางใจได้เลย ถึงจะเห็นอย่างนี้ แต่ตัวฉันน่ะ แกร่งสุดๆ เลยค่ะ

เอมิเลียเบ่งกล้ามโชว์และยิ้มให้กำลังใจจนเรมรู้สึกตื้นตัน แต่แล้วเธอก็ถูกขัดในทันที

ออตโต้: ไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้! พูดอะไรออกมาน่ะครับ ท่านเอมิเลีย! เรื่องที่จะให้ท่านเอมิเลียไปด้วยน่ะ ไม่มีทางอนุญาตอยู่แล้วสิครับ!

เอมิเลีย: เอ๊ะ!? ทำไมล่ะ!?

ออตโต้ให้เหตุผลว่าบุคคลสำคัญประจำพรรคอย่างเอมิเลียไม่ควรไปเสี่ยงตายในที่อันตราย โดยเฉพาะที่นครหลวงลูปุกาน่าซึ่งป่านนี้คงกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในจักรวรรดิไปแล้ว

. ที่จริงจุดยืนออตโต้ก็ยังคงเดิม เขาไม่อยากให้พวกสุบารุเข้าร่วมภารกิจนี้เช่นกัน เพราะสุดท้ายเรื่องนี้มันก็เป็นปัญหาของทางจักรวรรดิ

อีกอย่างไม่ใช่แค่ออตโต้คนเดียว เพทร่ากับเฟรเดริก้าก็มีจุดยืนคัดค้านการไปเสี่ยงอันตรายของสุบารุ เบียทริซ และเอมิเลียด้วยเช่นกัน

แต่ถึงแม้ว่าสุบารุจะเกลียดวอลลาเคียเพียงใด ที่ประเทศแห่งนี้ก็ยังมีผู้คนที่เขาห่วงใยอยู่ แถมไม่ว่าอย่างไร สุบารุก็ต้องติดตามไปดูแลการใช้อำนาจของสปิก้าอยู่ดี

ทว่า เป้าหมายที่แท้จริงที่สุบารุไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ คือตัวเขาอยากติดตามไปเพื่อใช้อำนาจ “ตายแล้วกลับมา” แก้ไขโชคชะตาในศึกนองเลือดครั้งสำคัญนี้

เบียทริซให้เหตุผลว่าตัวเธอจำเป็นต้องตามไปด้วยเผื่อในกรณีที่อำนาจของสปิก้าใช้ไม่ได้ผล เบียทริซจะได้ใช้เวทมนตร์ผนึกสฟิงซ์เอาไว้ เพื่อกันไม่ให้นังแม่มดฆ่าตัวตายแล้วคืนชีพกลับมาใหม่

ว่าแล้วเบียทริซจึงแบมือข้างที่ว่างอยู่ออกแล้วสร้างผลึกแข็งตัวของเวทมนตร์เงาซึ่งใช้จับกุมบิชอปมหาบาปตะกละ “รอย อัลฟาร์ด” ที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดส

นี่คือเวทมนตร์ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ผนึก “แม่มดแห่งความริษยา” ซึ่งมีอานุภาพสามารถพันธนาการได้ทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ถูกผนึก

. เหตุผลที่เบียทริซยกมาทำให้เพทร่าถอนหายใจยอมรับว่าทั้งสองคนจำเป็นต้องเป็นสมาชิกกลุ่มบุกจู่โจม แถมการมีเบียทริซไปด้วยย่อมช่วยให้สุบารุปลอดภัยขึ้น

เอมิเลียพยายามจะเสนอให้ตัวเองตามไปด้วยอีกครั้ง แต่โดนออตโต้คัดค้านอย่างรวดเร็ว ที่สุบารุไม่ช่วยแก้ต่างให้เอมิเลีย เพราะใจนึงเขาก็แอบเห็นด้วยกับออตโต้

ถึงแม้ว่าสุบารุอยากจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาทุกอย่างให้แก่เอมิเลีย ทว่า ความปรารถนานี้จะพาตัวเธอเข้าไปเสี่ยงอันตราย

แต่การทิ้งเอมิเลียไว้ที่เมืองการ์คลาก็ไม่สามารถทำให้เขามั่นใจได้ 100% ว่าเธอจะปลอดภัย เพราะทุกที่ในจักรวรรดิตอนนี้อาจเป็นอันตรายได้หมด

รอสวาล: ――ฉันเห็นด้วยกับการเพิ่มท่านเอมิเลียเข้าไปในกลุ่มบุกนครหลวงจักรวรรดิน้า~

เฟรเดริก้า: นายท่าน!?

ความเห็นที่สวนทางคนอื่นแบบเหนือความคาดหมายของรอสวาลทำให้เฟรเดริก้าถึงกับสะดุ้ง ความประหลาดใจแพร่ขยายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว

รอสวาลเปรียบเทียบว่าถึงเอมิเลียกับอนาสตาเซียจะเป็นบุคคลสำคัญเหมือนกัน แต่กำลังรบของเอมิเลียเป็นสิ่งที่พึ่งพาได้ในภารกิจเสี่ยงอันตราย

. ออตโต้มองว่าวิธีการต่อสู้แบบโจ่งแจ้งของเอมิเลียอาจจะไม่เหมาะกับภารกิจลักลอบเท่าไรนัก

แต่รอสวาลท้วงว่าต่อให้การลักลอบล้มเหลว การมีเอมิเลียไปด้วยก็ทำให้กลุ่มจู่โจมมีตัวเลือกในการแช่แข็งครึ่งเมืองไปเลยเพิ่มเข้ามา

สุบารุปฏิเสธไม่ได้ว่ามานาปริมาณมหาศาลและความสามารถในการโจมตีด้วยเวทมนตร์จากระยะไกลของเอมิเลียเป็นสิ่งที่ยากจะหาใครทดแทน

แถมเธอยังมี “ไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์” ที่สุบารุช่วยคิดค้นในการสู้ระยะประชิดอีก ไม่ว่าใครต่างก็เห็นพ้องกันว่าเอมิเลียคือกำลังรบสำคัญประจำพรรค

กระนั้นรอสวาลก็ยังมีเหตุผลส่วนตัวอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือ…

รอสวาล: อีกอย่าง ถ้ามีท่านเอมิเลียอยู่ด้วย สุบารุคุงจะมุ่งมั่นยิ่งกว่าปกติ จริงหมาย~?

สุบารุ: นี่เอ็ง…

สุบารุขบริมฝีปากทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากรอสวาลที่หันมาแสยะยิ้มให้

ถึงแม้ว่ารอสวาลจะไม่รู้เงื่อนไขการใช้งานอำนาจ “ตายแล้วกลับมา” แต่เขาคือบุคคลเดียวที่ล่วงรู้ว่าสุบารุสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้

จริงอยู่ที่ไม่ว่าเพื่อนคนไหนตาย สุบารุย่อมใช้อำนาจเพื่อแก้ไข แต่รอสวาลก็มองขาดว่าการที่มีเอมิเลียมาเสี่ยงอันตรายด้วยจะทำให้สุบารุมุ่งมั่นเพื่อรักษาชีวิตของเธอมากเป็นพิเศษ

. เหตุผลของรอสวาลยังคงโน้มน้าวให้เฟรเดริก้ากับออตโต้เปลี่ยนใจไม่ได้ รอสวาลจึงเสนอให้ตัวเขาเองเป็นสมาชิกทีมบุกจู่โจมด้วย

ในเมื่อไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนตัวตนแล้ว รอสวาลจึงให้คำมั่นว่าจากนี้ไปเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้อย่างเต็มที่ในการเป็นกำลังรบให้กับทีมบุกจู่โจม

ปกติรอสวาลไม่ค่อยออกมาช่วยพวกเอมิเลียต่อสู้แนวหน้าอย่างเต็มที่นัก เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นตัวการเบื้องหลังเรื่องวุ่นวายเสียเอง

มันแอบย้อนแย่งที่สุบารุสามารถไว้ใจรอสวาลในวอลลาเคียได้มากกว่าตอนเขาอยู่ที่ลูกุนิก้า เพราะหากเป็นที่ต่างแดน รอสวาลคงไม่สามารถแอบวางแผนชั่วอะไรได้

ออตโต้อ้าปากเตรียมพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาเปลี่ยนใจกลางคันแล้วไปขอให้การ์ฟีลช่วยติดตามไปคุ้มกันพวกสุบารุอีกแรงแทน

เท่านี้ก็เท่ากับว่ากำลังรบหลักของพรรคเอมิเลียเข้าร่วมหน่วยบุกจู่โจมกันครบ ดังสำนวน “สามอัศวินประจัญบาน” ที่การ์ฟีลยกมาอ้างอิง

. การ์ฟีล: จัดไป ทั้งความกังวลใจของพี่ออตโต้ ความกังวลใจของเพทร่า รวมทั้งความกังวลใจของเจ๊น่ะ ชั้นคนนี้จะแบกรับเอาไว้เองเฟ้ย

รัม: การ์ฟ ยังขาดความกังวลใจของรัมอยู่นะ

การ์ฟีล: เธอน่ะไม่ต้องเป็นห่วงรอสวาลมันหรอกน่าา!

รัม: เจ้าบ้า ไม่ได้เป็นห่วงท่านรอสวาลสักหน่อย เป็นห่วงการ์ฟต่างหาก

การ์ฟีล: โฮก…

พอการ์ฟีลอ้ำอึ้งไปต่อไม่ถูก รัมก็ถือโอกาสนั้นเดินไปกล่าวลารอสวาลและถอนสายบัว เป็นอันสรุปสมาชิกพรรคเอมิเลียที่จะเข้าร่วมกลุ่มบุกจู่โจม

ตอนนั้นเองที่ยุลิอุสทักสุบารุขึ้นมา แน่นอนว่าหากต้องการรวมทีมที่มีกำลังรบสุดแกร่งจากสมาชิกในห้องนี้ ยุลิอุสย่อมเป็นตัวเลือกที่ขาดไม่ได้

แต่แล้วยุลิอุสกลับเลือกที่จะอยู่คุ้มกันอนาสตาเซียที่นี่ เขามองว่าการดึงความสนใจของศัตรูมาที่นครป้อมปราการจะช่วยให้ทีมบุกจู่โจมทำงานได้ง่ายขึ้น

อีกอย่าง เช่นเดียวกับที่สุบารุเป็นอัศวินของเอมิเลีย ยุลิอุสเองก็เป็นอัศวินของอนาสตาเซีย ทั้งสองต่างเลือกที่จะอยู่เคียงข้างนายหญิงในศึกที่จะมาถึง

สุบารุ: บอกไว้เลย ต่อให้อยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะเจอแต่งานง่ายนะ ขืนประมาทเดี๋ยวได้ขายหน้าแบบตอนเจอเรดอีก

ยุลิอุส: เรื่องนั้นสยองจริง ทุกวันนี้ พอได้เห็นแผลเป็นบนใบหน้าในกระจกทีไร ก็รู้สึกขนลุกทุกที

. สรุปแล้ว สมาชิกกลุ่มบุกจู่โจมฐานทัพใหญ่ของศัตรู(ที่พวกสุบารุคัดเลือก)จะประกอบด้วย สุบารุ เบียทริซ สปิก้า เอมิเลีย รอสวาล การ์ฟีล และฮาริเบล ส่วนสมาชิกที่เหลืออยู่เฝ้าฐาน

ความยากง่ายของภารกิจบุกจู่โจมฐานทัพใหญ่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงความสนใจจากศัตรูของฝ่ายที่อยู่ป้องกันเมืองการ์คลาด้วยเช่นกัน

เพราะงั้น การมีอนาสตาเซียช่วยออกอุบายอยู่ที่ฝั่งนี้ก็ช่วยให้สุบารุอุ่นใจขึ้นอยู่บ้าง ศึกตัดสินครั้งใหญ่กับ “มหาภัยพิบัติ” ใกล้จะมาถึงแล้ว

แถมสุบารุยังนึกขึ้นได้ว่าพวกเขามีเหตุผลสำคัญอีกข้อให้ต้องรีบบุกไปยังนครหลวงลูปุกาน่าโดยด่วน ซึ่งก็คือ…

สุบารุ: ――ตอนนี้ถ้าเกิดเจ้าเซสซี่ที่เราทิ้งเอาไว้ดันพลั้งมือเชือดศัตรูทิ้งเป็นพันเป็นหมื่นคนจนมหาวิญญาณมานาหมดแล้วจักรวรรดิเกิดล่มสลายขึ้นมาก่อน คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลย

เรื่องนี้เป็นความผิดของสุบารุที่ดันพาเซซิลุสมาด้วยหรือเป็นความผิดของจักรวรรดิที่ละเลยเซซิลุสมาโดยตลอดกันแน่ คงไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างแน่ชัด

. จบตอน