การตามหาพริสซิลล่าในนครหลวงจักรวรรดิลูปุกาน่าซึ่งถูกผีดิบยึดครองจนแปรเปลี่ยนเป็นนครซากศพนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากอัลไม่สามารถถามเบาะแสจากใครได้
ภายในเมืองมีเพียงผีดิบที่มุ่งร้ายต่อคนเป็นอย่างชัดเจนและคนเป็นอีกบางส่วนที่สนใจแต่การหลบซ่อนหรือหนีออกจากเมือง
แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดแลดูจะเป็นเจ้าหนูเซซิลุสที่เตะอัลแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเขาเกือบตกจากหลังคาของอาคาร 5 ชั้น ปัจจุบันอัลจึงกำลังห้อยต่องแต่งอยู่ด้วยแขนข้างเดียว
เซซิลุส: ไม่ว่าจะเป็น “เทสต์” หรือ “เช็ค” ต่างก็มีจุดประสงค์เพื่อการตรวจสอบให้แน่ชัด การที่ไม่ได้ดิ่งหัวทิ่มพื้นก็แปลว่าปฏิกิริยาตอบสนองดีกว่าบอสแหละนะ
อัล: อ้อเหรอ ไม่เข้าใจเลยว้อย
ตั้งแต่ที่เจอกันอัลสัมผัสจิตสังหารจากเซซิลุสที่มีต่อตัวเขาไม่ได้เลยสักนิด หลังจากที่เซซุลิสช่วยเขาไว้จากศัตรู ทั้งสองได้แนะนำตัวกันและอัลก็เล่าเป้าหมายของอีกฝ่ายให้ฟัง
แล้วอยู่ดีๆ เซซิลุสก็เรียกอัลมาดูอะไรบางอย่างบนหลังคา จากนั้นก็ถีบเขาทีเผลอ แถมยังบอกอีกว่าไม่คิดจะช่วยดึงขึ้นมา
กระนั้นอัลกลับสามารถทำใจยอมรับสถานการณ์ไร้เหตุผลได้ไวอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่า…
อัล: ――ได้ยินมาตั้งกี่ครั้งแล้วไม่รู้ เลยไม่ได้คาดหวังล่ะวะ
เซซิลุส: โอ๊ะ
. อัลตัดสินใจปล่อยมือจากขอบหน้าต่าง ทิ้งดิ่งร่างของตนเองให้ร่วงจากความสูงราว 15 เมตร ซึ่งเป็นความสูงที่สามารถเปลี่ยนให้คนธรรมดาแหลกเป็นมะเขือเทศที่ถูกบี้ได้เลย
พื้นเบื้องล่างไม่มีสิ่งใดพอจะช่วยรองรับแรงกระแทกได้ อัลจึงตัดสินใจยืดขาที่งอเข่าเตรียมไว้ไปถีบกำแพงอย่างรุนแรงเพื่ออาศัยโมเมนตัมดีดตัวไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม
ไทม์มิ่งการถีบกำแพงเองก็สำคัญมาก เนื่องจากอัลรู้ดีว่าถ้าหากกะไม่ตรงช่วงกึ่งกลางระหว่าง 1-2 วินาที ร่างของเขาจะอัดกับกำแพงตึกจนเละเป็นมะเขือเทศ
ทว่า คราวนี้อัลกะไทม์มิ่งมาอย่างตรงเป๊ะ ร่างของเขาจึงทะลุบานหน้าต่างเข้าสู่ภายในอาคารฝั่งตรงข้ามอย่างพอดิบพอดี
ดาเมจจากเศษแก้วที่บาดไหล่และแผ่นหลัง รวมถึงแรงกระแทกทำให้อัลร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เขารีบตรวจสอบบาดแผลถึงชีวิตกับอวัยวะที่หักทันที
อัล: อ้าวเฮ้ย แขนซ้ายหาย!? โอ๊ะ มันขาดไปตั้งเกือบ 20 ปีแล้วนี่หว่า…
. อัลรีบไปซ่อนหลังบานประตูที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินแล้วชักดาบมังกรฟ้าออกมาเตรียม เพราะเขารู้ดีว่าเสียงกระแทกเข้าอาคารจะเรียกพวกศัตรูให้ออกมา
ซอมบี้ 1: ตรงนี้เรอะ!
ซอมบี้ 2: ใช่แล้ว!!
อัลตวัดดาบตัดคอผีดิบตัวแรกที่เตะบานประตูเพื่อบุกเข้ามาโดยทันที จากนั้นก็ใช้ร่างไร้ศีรษะของมันเป็นโล่กำบังพลางประเมินสถานการณ์
ยังมีผีดิบอีกสองตัวอยู่หลังบานประตูและมีเสียงฝีเท้าดังมาจากบันได รวมเป็นศัตรูจำนวนทั้งหมด 3 ตัว
หลังจากผีดิบตัวที่ 2 หายตกใจอย่างรวดเร็ว มันก็แทงหอกปลายแหลมใส่ทันที อัลจึงใช้ศพไร้หัวเป็นโล่กำบังตามที่เขาคุ้นเคย
แต่แล้วร่างของซอมบี้ไร้หัวกลับแหลกสลายเป็นเศษในพริบตา ส่งผลให้หอกปลายแหลมของผีดิบตัวที่ 2 ปักเข้าหน้าอกของอัลเต็มๆ
× × ×
ซอมบี้ 1: ตรงนี้เรอะ!
ซอมบี้ 2: ใช่แล้ว!!
อัลตวัดดาบตัดคอซอมบี้ตัวแรก ถีบศพของมันให้พ้นทาง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปตั้งหลักที่ส่วนด้านหลังห้องเพื่อรอรับมือผีดิบถือหอก
อัล: โดน่า!
กำแพงพุ่งพรวดขึ้นมายึดปลายหอกเอาไว้ แล้วพอเห็นว่าศัตรูเสียจังหวะอัลก็รีบประกบปลายเท้าที่กำแพงดินต่อทันที
อัล: โดน่า! โดน่า! โดน่า!
เสาดินโผล่พรวดออกมาจากฝั่งตรงข้ามของกำแพงดินไปอัดกระแทกหน้าซอมบี้ถือหอกจนมันกระเด็นถอยหลังไปชนซอมบี้อีกตัว
จากนั้นก็มีเสาดินต้นที่ 2 โผล่พรวดออกมาจากปลายเสาดินต้นแรก แล้วมีเสาดินต้นที่ 3 โผล่ออกมาจากปลายเสาต้นที่ 2 อีกที
เสาดินสามชั้นซ้อนแปรสภาพเป็นเหมือนการโจมตีด้วยร็อคเก็ต(จรวด)หลายชั้นซึ่งอัดขยี้ซอมบี้สองตัวติดกำแพงจนเละเหมือนการปั๊มสแตมป์
อัล: …อีก 1 ตัว!
อัลยังคงวางเท้าประกบกำแพงดินเพื่อตั้งท่ารอรับมือศัตรูตัวสุดท้ายซึ่งพังเสาดินที่ขวางทางเข้าห้องทั้งหมดภายในพริบตา
พอเห็นว่าหัวหน้าของศัตรูเป็นซอมบี้เผ่าตาเดียวที่ถือขวานเล่มใหญ่ท่าทางน่าเกรงขาม อัลก็รู้ได้ทันทีว่ามันแตกต่างจากสามตัวที่ผ่านมา
อัล: จะทันมั้ยเนี่ยยย!!
ระหว่างที่อัลรีบหันหลังให้ศัตรูและวิ่งหนีไปทางหน้าต่าง ขวานของซอมบี้ตาเดียวก็ผ่าร่างเขาจนเครื่องในขาดกระจุยไปประดับกำแพงห้อง
× × ×
ซอมบี้ 1: ตรงนี้เรอะ!
ซอมบี้ 2: ใช่แล้ว!!
อัลตวัดดาบตัดคอซอมบี้ตัวแรกที่บุกเข้ามาก่อน จากนั้นก็รีบไปตั้งหลักที่หลังห้อง
อัล: โดน่า!
เขาต้องรีบจัดการศัตรูอีกสองตัวเพื่อเตรียมแผนการรับมือสัตว์ประหลาดที่กำลังจะมาถึง
. เซซิลุส: ว้าว สุดยอด สุดยอด! นึกว่าเผ่าตาเดียวที่ตามเข้าไปคนสุดท้ายจะเกินมือคุณอัลจนไม่มีทางสู้ไหวซะอีก แต่ก็ยังอุตส่าห์ชนะมาได้อีกนะครับเนี่ย
อัล: ไอ้ห่ารากเอ๊ย…
เมื่ออัลเดินออกมาจากอาคารในสภาพเหนื่อยหอบและมีแผลเต็มตัวจนต้องพิงกำแพงพักก่อน เซซิลุสก็ต้อนรับเขาอย่างร่าเริงเหมือนเคย แถมเขายังนึกว่าอัลกำลังด่าซอมบี้ตาเดียวซะอย่างงั้น
อัลมองว่าเซซุลิสจิตไม่ปกติเสียยิ่งกว่า “ไซโคพาธ” เพราะอย่างน้อยไซโคพาธก็ยังรู้ตัวเวลาตัวเองถูกคนอื่นเกลียด
อัลให้คำนิยามไซโคพาธว่าหมายถึงคนที่ทำให้ผู้อื่นตายได้โดยไม่รู้สึกอะไร เซซิลุสจึงปฏิเสธว่าถ้างั้นเขาก็ไม่ใช่ไซโคพาธ เนื่องจากอัลรอดตายมาได้
เซซิลุส: ชายเผ่าตาเดียวที่พูดถึงเมื่อกี้น่ะเก่งใช้ได้เลยนะครับ จริงอยู่ว่าไม่ได้ใกล้เคียงผมเลย แต่กับคุณอัลน่ะ ต่อให้สู้ 100 ครั้งก็คงจะแพ้ทั้ง 100 แหงเลยครับ นี่คือความเป็นจริงที่ผมเห็นมากับตาเลยครับ!
อัล: …แต่ว่าชั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เรอะ? นี่จะบอกว่าทางนี้ตายแล้วรึไง?
เซซิลุส: ไม่เลยๆ ต้องยังมีชีวิตอยู่แน่นอนสิครับ ก็สงสัยอยู่หรอกว่าอาจจะเป็นผีดิบที่สวมรอยคนเป็น แต่เกรงว่าจะไม่ใช่กรณีนั้น ก็เลยคิดออกแค่ความเป็นไปได้เดียว ――คือคุณอัลลองไปทั้งหมด 101 ครั้งไงล่ะครับ
เซซิลุสชูหนึ่งนิ้วขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง สองนิ้วที่ว่าไม่สามารถรวมกันเป็นเลข 101 ได้เลย กระนั้นเนื้อหาที่เขาพูดออกมาก็ทำให้อัลสะดุ้งโหยง
เซซิลุส: ไม่สำคัญว่าจะเป็น 101 ครั้งหรือเปล่า จะเป็น 102 103 หรือ 200 ก็ได้ครับ! ต่อให้คุณอัลจะลองสู้ 100 ครั้งก็คงแพ้เผ่าตาเดียวคนนั้นทั้ง 100 ครั้ง แต่ถ้าเป็นพันครั้ง หมื่นครั้ง แสนครั้งล่ะ? มันอาจจะเป็นการลองกี่ครั้งในบรรดานั้นก็ได้ แต่สามารถทำให้เกิดขึ้นในครั้งแรกได้เลย พูดผิดตรงไหนไหมครับ?
อัล: เฮือก…
ใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กของอัลบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเซซิลุส สายตาของหนุ่มน้อยคนนี้ต้องเฉียบคมขนาดไหนกันถึงสามารถมองได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนั้น
สิ่งที่เซซิลุส เซ็กมุนต์คาดเดามันใกล้เคียงกับ “อำนาจ” ที่อัลครอบครองมากๆ ถึงส่วนสูงและอายุของเขาจะผิดแปลกไป แต่ท่าทางว่าเซซิลุสคนนี้จะเป็นตัวจริง
. อัลพยายามลุกขึ้นมาทันที เพราะเขาเกรงว่าตอนนี้เซซิลุสเป็นเหมือนตุ้มนาฬิกาที่อาจเอนเอียงไปทางมิตรหรือศัตรูก็ได้
เซซิลุสสงสัยอยู่ว่าถ้าหากอัลมีความสามารถทำให้ชัยชนะจากการลองนับครั้งไม่ถ้วนเป็นจริงได้ในครั้งเดียว อัลจะสามารถใช้ความสามารถนั้นเอาชนะตัวเขาได้ไหม
อัลรำพึงในใจว่าหากเป็นกรณีที่ต้องสู้กับเซซิลุสเขาคงต้องลองเป็นร้อยล้านหรือล้านล้านครั้ง …แต่ว่าโอกาสชนะก็ไม่ใช่ศูนย์
อัลตัดสินใจตะเพิดไล่เซซิลุสให้เลิกพยายามล้วงความลับพลังของเขา เพราะอาจทำให้เสียใจภายหลังได้ ซึ่งทำให้เซซิลุสถูกใจขึ้นมาแทนซะงั้น
อัลเลือกที่จะเมินเฉยนิสัยตามใจตัวเองของเซซิลุสไปก่อน เนื่องจากตอนนี้มันถึงเวลาเปลี่ยนสเตจแล้ว
อัล: ――ปลดอาณาเขต จากนั้นเริ่มกางใหม่อีกครั้ง เริ่มต้นการทดลองทางความคิดครั้งใหม่
ก่อนที่เซซิลุสจะทำอะไรอุกอาจ อัลรีบปรับจูนเมทริกซ์ที่ตั้งค่าเอาไว้อีกครั้ง ขนาดและความถี่ในการใช้ส่งผลให้อัลต้องรับภาระอย่างหนักหนา
กระนั้นเขาก็มุ่งมั่นที่จะเพิกเฉยต่อผลกระทบที่ตามมาจนกว่าเขาจะสามารถช่วยพาพริสซิลล่าออกไปจากวอลลาเคียได้
อัล: เพื่อการนั้นแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะกี่ครั้งชั้นก็จะ… อุหวา!?
. ทันใดนั้นเอง ภาพของเซซิลุสที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็เกิดพล่ามัวขึ้นมากะทันหัน พร้อมกันกับที่อัลที่ถูกรองเท้าโซริเตะสีข้างจนกระเด็น
พออัลโวยวายที่เซซิลุสเตะคนอื่นทีเผลอ เจ้าหนุ่มน้อยก็ชี้ให้เห็นถึงรูที่เกิดขึ้นบนกำแพงบริเวณที่อัลยืนอยู่เมื่อสักครู่ หากเขาไม่ช่วยเตะ อัลคงหน้าอกเป็นรูไปแล้ว
อัล: ซุ่มยิง… ว้ากกก!
เซซิลุส: ขอรบกวนเล็กน้อย!
เป็นอีกครั้งที่ร่างของเซซิลุสพล่ามัวไป จากนั้นร่างของอัลก็ปะทะกับแรงโน้มถ่วงอย่างกะทันหัน เนื่องจากเซซิลุสคว้าเอวเขาไว้แล้วออกวิ่งไปพร้อมกัน
อัลมองเห็นอาคารและถนนที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่ถูกอะไรบางอย่างกระหน่ำโจมตี แถมมือปืนที่ซุ่มยิงพวกตนยังพยายามไล่ตามมาอีกต่างหาก
อัล: สไนเปอร์บ้านไหนมันแหกกฎเหล็กการซุ่มยิงด้วยการเคลื่อนย้ายตำแหน่งวะเนี่ย!
พลซุ่มยิงที่ไล่ล่าพวกอัลมีการยิงกระสุนดักหน้าอย่างแม่นยำ แต่ฝั่งเซซิลุสก็ใช้สัญชาตญาณในการกระโจนตัวหลบกระสุนได้หวุดหวิดอย่างต่อเนื่อง
. เซซิลุสเล่าว่าเขาเจอพลซุ่มยิงคนนี้มาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เคยเข้าถึงตัวได้เสียที แต่ครั้งนี้เซซิลุสสัมผัสได้ว่าพลซุ่มยิงเข้าใกล้พวกตนเป็นพิเศษ
ว่าแล้วเซซิลุสจึงดีดตัวอย่างรุนแรงจนพื้นระเบิดเพื่อหาทางเข้าถึงตัวพลซุ่มยิง จากสิ่งที่เขากล่าวมา แปลว่าศัตรูตัวนี้คือตัวปัญหาที่กระทั่งเซซิลุสยังจัดการไม่ได้ง่ายๆ
เซซิลุสรำพึงว่าเขามองไม่เห็นศัตรูด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่เพราะเขามองตามความเร็วของศัตรูไม่ทันด้วย อีกอย่างศัตรูคนนี้น่าจะกำลังบินอยู่บนฟ้า
ข้อมูลจากเซซิลุสทำให้อัลทราบคีย์เวิร์ดทันทีว่านี่คือศัตรูที่ “ล่องหน” ได้ ฉะนั้น หากเข้าใจลูกเล่นของศัตรูเมื่อไหร่ ก็คงหาหนทางรับมือได้เมื่อนั้น
ตอนนั้นเองที่สไนเปอร์ล่องหนยิงทำลายเสาของอาคารบริเวณรอบๆ จำนวนสามหลังจนมันพากันถล่มลงมาใส่เซซิลุสกับอัลที่กำลังวิ่งอยู่พร้อมๆ กัน
อัล: อาณาเขต ตั้งค่าใหม่ ――อึก!
เซซิลุส: จะฝ่าเข้าไปในอาคารตรงหน้าละกันนะครับ!
หลังจากที่อาณาเขตถูกตั้งค่าขึ้นมาใหม่ เซซิลุสก็แบกอัลกระโจนทะลุหน้าต่างของอาคารที่กำลังจะหล่นทับพวกตนเข้าไปด้านใน
. เซซิลุสถีบเพดานให้ทะลุเพื่อสร้างเส้นทางลัดใหม่แล้วมุ่งหน้าขึ้นสู่ชั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ของอาคารที่กำลังถล่ม จนในที่สุดทั้งสองก็กระโจนทะลุเพดานชั้นบนสุดออกไปสู่ท้องฟ้านอกอาคารได้ทันเวลา
อัล: ――ไม่ใช่ แบบนี้ก็ยังไม่ได้แฮะ
ที่เบื้องล่างอาคารสามหลังที่ทับกันจนเละเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง คงเป็นเพราะอาคารสักหลังมีวัตถุไวไฟไม่ก็ศิลามนตราบรรจุอยู่ภายใน
เซซิลุส: นี่มันช่างเป็นศัตรูที่แกร่งใช้ได้เลยนะครับ!
ทันใดนั้นเองที่กระสุนของพลซุ่มยิงปะทะเข้ากับขาข้างซ้ายของเซซิลุสกลางอากาศจนมันขาดกระเด็น หนุ่มน้อยกัดฟันแน่นเพื่อฝืนทนความเจ็บ
เซซิลุส: ――ตรงนี้แหละ!
เมื่อเซซิลุสเหลือบไปเห็นตำแหน่งศัตรู เขาก็ใช้อัลเป็นแท่นเหยียบเพื่อดีดตัวย่นระยะห่าง แต่ช่างโชคร้ายที่แรงจากขาข้างเดียวมันไม่เพียงพอ
อัล: ――แบบนี้ยังไม่ได้
พอรู้ตัวว่าเซซิลุสที่เหลือขาเดียวโจมตีไปไม่ถึงศัตรู อัลก็ชักดาบมังกรฟ้าขึ้นมาปาดคอตัวเองอย่างไร้ซึ่งความลังเล
× × ×
เซซิลุส: จะฝ่าเข้าไป――
อัล: ไม่ใช่ เข้าตึกทางขวาแทน!!
เซซิลุสฉีกยิ้มเมื่อได้ยินคำสั่งจากอัลแล้วเปลี่ยนเส้นทางโดยทันที หลังจากที่เซซิลุสแบกอัลเข้าไปในอาคารฝั่งขวา อัลก็ชี้นิ้วสั่งการต่อ
อัล: ในห้องนั้น! ต้องหยิบกล่องด้านในมาด้วย!
เซซิลุส: อาย อาย เซอร์!
เซซิลุสพุ่งตัวเข้าไปในห้องแบบไร้ข้อกังขาเพื่อให้อัลคว้ากล่องเหล็กในห้องติดมือมาด้วย จากนั้นอัลก็สั่งให้เขาวิ่งเจาะทะลุเพดานขึ้นสู่ชั้นบนสุดของอาคาร
ทันทีทั้งสองทะลุขึ้นมาบนยอดอาคาร อัลก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่ตัวเขาเห็นซ้ำมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ว่าแล้วเขาจึงเขวี้ยงกล่องเหล็กออกไปเพื่อเตรียมการรับมือพลซุ่มยิง
อัล: ――โดน่า
เวทมนตร์ระดับต่ำของอัลกระตุ้นให้ศิลามนตราภายในกล่องเหล็กทำงาน ก่อเกิดเป็นม่านเปลวเพลิงขึ้นมาเบื้องหน้า
แน่นอนว่าม่านเพลิงแค่นี้ไม่สามารถทำให้พลซุ่มยิงพลาดเป้าได้ ดังนั้น จุดประสงค์หลักของมันจึงไม่ใช่การหลอกสายตาศัตรู
เซซิลุส: ――ตรงนี้แหละ
ทันทีที่กระสุนของมือปืนพุ่งทะลุม่านเพลิง เซซิลุสที่มองเห็นวิถีกระสุนก็เอียงตัวหลบจนกระสุนเฉี่ยวไปโดนกิ๊บติดผมของเขาแทน
เส้นผมสีน้ำเงินของหนุ่มน้อยสยายออก เขาฉีกยิ้มกว้างที่การเดิมพันของอัลเห็นผลชะงัด คราวนี้เซซิลุสไม่ได้เสียแขนขาไปสักข้าง
. เซซิลุสกับพลซุ่มยิงสบตาเจอกันในชั่ววินาทีที่ม่านเพลิงถูกเจาะเป็นรู เซซิลุสจึงวางเท้าบนตัวอัลเพื่อเตรียมกระโจนไปหาศัตรูที่ระบุตำแหน่งได้โดยทันที
อัล: ――ไม่ประมาทหรอกโว้ย
ถึงแม้ว่าคราวนี้หนุ่มน้อยจะมีอวัยวะครบถ้วนจนโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นสูง แต่อัลก็ไม่ชะล่าใจและเตรียมการกางอาณาเขตรอบต่อไปทันที
ทุกครั้งที่ใช้พลัง อัลจะรู้สึกดิ่งเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกฉีกกระชากออกไป แต่อย่างที่เซซิลุสกล่าวไว้ หากพลาดโอกาสหนึ่งในล้านไปที การจะหวังรอบสองยิ่งเป็นไปได้ยาก
ด้วยเหตุนั้น อัลจึงได้เตรียมการตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่เผื่อเอาไว้ก่อน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ลงมือ ก็เกิดภาพอันน่าเหลือเชื่อขึ้น…
โลอัน: ――สะบั้นเมฆา
ทั้งม่านเพลิงและหมู่เมฆก้อนดำทมิฬที่ปกคลุมน่านฟ้าของนครซากศพลูปุกาน่าถูกผ่าจนแยกด้วยการโจมตีสามครั้งซ้อน
. เซซิลุสสัมผัสได้ว่าพลซุ่มยิงล่องหนกำลังล่าถอยจากศึกครั้งนี้ เขาจึงหงุดหงิดขึ้นมา เพราะอยากไล่ตามไปเก็บศัตรูให้ได้
โลอัน: ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! หนีเข้าไป หนีเข้าไป กลัววิชาดาบของตัวเราขนาดนั้นเชียวรึ!
ระหว่างที่อัลกับเซซิลุสกำลังลอยตัวลงสู้พื้น ทั้งสองก็หันไปเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนหัวเราะพลางชูดาบขึ้นฟ้าอยู่บนหลังคาของอาคารอีกหลัง
ดูจากดาบคาตานะที่ถืออยู่ในมือ ชายคนนั้นคงเป็นผู้ที่ฟันท้องฟ้าจนแยกก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่
เซซิลุส: อ้าว ไม่ได้เจอกันนาน แก่ขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย คุณพ่อ
อัล: คุณพ่อเรอะ?
อัลคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับพ่อของเซซิลุสที่นี่ แน่นอนว่าการได้ชายผู้ไล่ตะเพิดสไนเปอร์ล่องหนให้ล่าถอยมาเป็นพวกเพิ่มคงจะดีมาก
แต่สิ่งแรกที่อัลยังคงคาใจอยู่ก็คือทั้งสองจะลงจอดบนพื้นจากการร่วงหล่นครั้งนี้โดยที่ตัวเขาไม่ตายได้หรือเปล่า
. จบตอน