webnovel arc8 chapter38

บทที่ 8 ตอนที่ 38 "โลอัน เซ็กมุนต์"

โลอัน เซ็กมุนต์นั้นเป็น “นักอ่านดารา” หรือก็คือผู้ที่ได้รับลิขิตสวรรค์จากเบื้องบนซึ่งจะยอมเสียสละได้ทุกอย่างเพื่อทำให้ลิขิตสวรรค์ของตนกลายเป็นจริง

เดิมทีผู้คนที่ได้รับลิขิตสวรรค์มิได้มีชื่อเรียก จักรพรรดิวินเซนต์เป็นคนตั้งมันขึ้นมาตอนที่แต่งตั้งตำแหน่งให้แก่อูบิรูค

ซึ่งจุดประสงค์ของเขาอาจจะเป็นการทำให้ชื่อ “นักอ่านดารา” กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายในท้ายที่สุด

ผู้ที่ได้รับลิขิตสวรรค์จะมีแรงขับอันรุนแรงยากจะต้านทาน ซึ่งทำให้เหล่านักอ่านดาราให้ความสำคัญกับลิขิตสวรรค์ของตนเป็นอันดับสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด

มันทำให้โสเภณีชาย(อูบิรูค)ยอมฝืนทนเพื่อไต่เต้ามาเป็นผู้ให้คำปรึกษาขององค์จักรพรรดิ มันทำให้มารดา(มารีอูลี)ลืมความรักที่มีต่อลูกสาวของตน

โชคชะตาของเหล่านักอ่านดาราถูกแทรกแซงจนบิดเบี้ยว ถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางที่เคยเดินมา กระนั้นเหล่านักอ่านดารากลับมิอาจตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ได้เลย

ทว่า กรณีของ “โลอัน เซ็กมุนต์” นั้นต่างออกไป เนื่องจากความทะเยอทะยานแต่เดิมของโลอันดันเป็นสิ่งเดียวกันกับลิขิตสวรรค์ที่เขาได้รับมาอยู่แล้ว

ซึ่งความทะเยอทะยานและลิขิตสวรรค์ที่ว่าก็คือการเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ให้จงได้นั่นเอง

. โลอันคิดมาตลอดเวลายุคสมัยการปกครองของวินเซนต์มันสงบสุขเกินไป ยอดนักรบผู้กล้าแกร่งย่อมถือกำเนิดมาในยุคสมัยแห่งความโกลาหลเป็นธรรมดา

ด้วยเหตุนั้นโลอันจึงล้มเหลวไปหลายครั้งหลายครา ก่อนที่เซซิลุสมาจะเกิดมาเป็นลูกคนที่ 8 ของเขา

วินาทีที่เซซิลุสลืมตาดูโลก เขาก็หัวเราะร่ายามที่เห็นคมดาบโดยทันที นั่นเป็นสัญญาณอย่างชัดเจนว่าเด็กคนนี้จะรักในคมดาบไปตลอดชีวิต

แถมสุดท้ายลางสังหรณ์ของโลอันก็เป็นจริง ยุคสมัยแห่งความเงียบสงบของวินเซนต์ผลิกผันกลายเป็นวิกฤติการณ์ระดับโลก ซึ่งโลอันถูกใจเป็นอย่างมาก

กระนั้นเขาก็ยังคงมีเรื่องนึกเสียดายซึ่งคาใจมาตลอดอยู่ดี นั่นก็คือ…

โลอัน: การไปถึงยอดสูงสุดของเจ้าเซซิลุส เส้นทางสู่ “ดาบสุราลัย” น่ะตอนนี้ก็ยังคงห่างไกลอยู่ดีขอรับ อา… อา… ไม่น่าเลย… ไม่น่าเลย… เกิดมาผิดยุคสมัยแท้ๆ เลย

ยิ่งโลกใบนี้โกลาหลมากขึ้น คมดาบของนักรบก็ยิ่งถูกลับคมให้ประณีตยิ่งขึ้น โลอันมองว่าเส้นทางสู่ “ดาบสุราลัย” มันคงจะเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้ หากว่าเป็นยุคสมัยของ “แม่มด” เมื่อ 400 ปีก่อน

. กลับมายังปัจจุบัน ไฮน์เคลที่สร่างเมาเข้ามาทักโลอันที่ยังคงกระดกเหล้าอยู่ว่าเขาจะเอาด้วยกับแผนการของอัลไหม

โลอันสังเกตว่าไฮน์เคลมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายกว่าตอนเมาเสียอีก คงเป็นเพราะเขากดดันตัวเองให้สร้างผลงานเพื่อแก้ตัวจากความผิดพลาดก่อนหน้านี้

ว่าแล้วไฮน์เคลจึงชี้นิ้วไปยังปราการที่มุมหนึ่งของนครหลวงลูปุกาน่าซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวห้าแฉก

ไฮน์เคล: หอรบห้าแห่งที่พวกเราต้องโค่นลงให้ได้น่ะ มีอยู่ตรงนั้นหนึ่งที่

นั่นคือปฏิบัติการที่ “สหายหมวกเกราะ” อัลเดบารันเสนอขึ้นในการปูทางให้แก่ “วีรชน” ที่จะตามมาสมทบภายหลัง

เนื่องจากวิธีการที่ไฮน์เคล โลอัน และกรูวี่ใช้ในการเข้าเมืองนั้นค่อนข้างแหกคอกและยากจะเลียนแบบ เลยต้องมีการเตรียมเส้นทางเข้าเมืองแบบอื่นไว้ให้

ปัจจุบันอัล กรูวี่ และเซซิลุสจึงมุ่งหน้าไปยังหอรบแต่ละแห่งแล้ว เหลือเพียงแค่ไฮน์เคลกับโลอันที่ยังคงเถลไถลอยู่ริมถนนที่ไร้วี่แววผีดิบ

. โลอัน: เหตุผลที่ตัวเราไม่เห็นด้วยกับแผนการของสหายหมวกเกราะน่ะไม่ได้ซับซ้อนเลย… จุดประสงค์ของสหายหมวกเกราะคือการชิงนครหลวงคืนจากพวกผีดิบใช่ไหมล่ะขอรับ? ตัวเราน่ะ ไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลยนี่สิ

คำตอบของโลอันทำให้ไฮน์เคลอ้ำอึ้งไป ทั้งที่ตัวเขานึกว่าตัวเองพูดชัดเจนแล้ว

กระนั้น เดิมทีโลอันก็เป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นอยู่แล้ว แถมเจ้าลูกชายดันสืบทอดด้านนี้ของเขาไปอีก

ไฮน์เคล: แต่นั่น… สรุปว่า… แกเลือกอยู่ข้างพวกผีดิบงั้นเรอะ?

โลอัน: ไหงงั้นล่ะ? นั่นมันคนละเรื่องกันเลยขอรับ ตัวเราแค่อยากปล่อยให้ผีดิบถล่มประเทศจนล่มสลาย ถึงสถานการณ์มันจะเหมาะเจาะพอดี ก็ไม่ได้แปลว่าเลือกข้างพวกผีดิบนี่ขอรับ

ไฮน์เคล: …ไม่ไหวว่ะ ไม่เข้าใจเลยว่าเอ็งคิดอะไรอยู่ อีกอย่าง ต่อให้แกไม่เอาด้วย… ลูกชายของแก “อัสนีสีฟ้า” ก็มุ่งมั่นเต็มที่อยู่ดี คิดจะมองข้ามเรื่องนั้นรึไง?

โลอัน: เซซิลุสในตอนนี้น่ะยิ่งห่างไกลจากจุดสูงสุดของ “ดาบสุราลัย” ขึ้นไปอีก ตัวหดลงย่อมทำให้คมดาบทื่อตาม แบบนั้นคงทำตามสัญญาที่ว่าจะมาฆ่าตัวเราไม่ได้หรอก

. โลอันนึกย้อนถึงรอยแผลจากคมดาบของลูกชายบนหน้าอกของเขา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการที่แผนการใช้ลูกชายไปสังหารจักรพรรดิถูกเปิดโปง

โลอันสงสัยว่าทำไมไฮน์เคลดูสนใจเรื่องตัวเขากับลูกชายเหลือเกิน ไฮน์เคลจึงแนะนำชื่อเต็มของเขาว่า “ไฮน์เคล แอสเทรอา”

ซึ่งนั่นทำให้โลอันปะติดปะต่อได้ว่าเขามาจากตระกูล “นักดาบเทวา” แห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้า

แถมโลอันยังได้ยินข่าวลือมาว่า “ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอา” ผู้ที่เป็นนักดาบเทวารุ่นปัจจุบันนั้นแข็งแกร่งเหนือชั้นยิ่งกว่านักดาบเทวารุ่นก่อนๆ เสียอีก

โลอัน: ไม่จริงน่าๆ ผมแดง! จะบอกว่านักดาบเทวารุ่นปัจจุบันใช้ชื่อปลอมว่า “ไฮน์เคล” งั้นหรือ? น่าจะเป็นญาติมากกว่า… ไม่สิ ลูกชายสินะ! ลูกชายนายคือไรน์ฮาร์ดสินะ! พ่อของ “นักดาบเทวา”! นี่มันช่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน! โชคชะตามันช่างเล่นตลกจริงๆ ขอรับ!

ในที่สุดโลอันก็เข้าใจสีหน้าอมทุกข์ของไฮน์เคลตอนที่ได้รู้ชื่อจริงของเซซิลุสและทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างโลอันกับลูกชายเสียที

โลอันเป็นบิดาของ “อัสนีสีฟ้า” ส่วนไฮน์เคลนั้นเป็นบิดาของ “นักดาบเทวา”

โลอัน: เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เป็นลูกหลานของตระกูลผู้เข้าถึง “ดาบสุราลัย” เองรึเนี่ยขอรับ?

ไฮน์เคล: …หา?

โลอัน: ชื่อเสียงของ “นักดาบเทวา” รุ่นแรก เรด แอสเทรอา น่ะ ยังคงจดจำได้มิลืมเลือน! ในฐานะนักดาบ ไม่ว่าอย่างไรก็ย่อมเคารพนับถือผู้ที่ไปถึงยอดสูงสุดที่เรามุ่งหมายอยู่แล้วขอรับ

“เรด แอสเทรอา” คือผู้ที่ไต่เต้าไปถึงยอดสูงสุดของวิชาดาบ ชายคนแรกที่เข้าถึง “ดาบสุราลัย” และสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลแอสเทรอานับแต่นั้นมา

. ทันทีที่ได้รู้ว่าไฮน์เคลเป็นลูกหลานของเรดคนนั้น โลอันก็รู้สึกอยากขอโทษต่อพฤติกรรมเสียมารยาทที่ผ่านมาของเขาโดยทันที

โลอัน: ขอโทษด้วยนะ ผมแดง ขออภัยต่อการเสียมารยาทที่ผ่านมา ไม่รู้เลยว่าลูกหลานของเรด แอสเทรอาผู้เข้าถึง “ดาบสุราลัย” จะตกต่ำลงถึงเพียงนี้ขอรับ

ไฮน์เคล: …

คำพูดที่ดูสวนทางกับท่าทีก้มหัวขอโทษนั้นทำให้ไฮน์เคลล้มเลิกที่จะพยายามทำความเข้าใจโลอันและยอมรับว่ารากฐานของทั้งคู่ต่างกันเกินไป

ไฮน์เคล: ――เมื่อตอนนั้น ชั้นรอดตายมาได้ก็เพราะว่าแกช่วยเอาไว้ เรื่องนั้นน่ะยังไงก็ต้องขอขอบคุณ

ไฮน์เคลทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วหันหลังเป็นนัยว่าหมดเรื่องคุย โลอันรู้สึกอยากชักดาบมาฟัน แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะไฮน์เคลคงไม่ได้พร้อมจะชักดาบมาฟันตอบโต้

เพราะถึงอย่างไร โลอันก็ยึดถือคติว่าการฆ่าฟันโดยไม่ได้อะไรกลับมาย่อมมีแต่จะทำให้คมดาบทื่อลง

โลอันนึกสงสัยว่าถ้าหากไฮน์เคลไปเจอคู่ต่อสู้ที่ตึงมือในหอรบขึ้นมา เขาตั้งใจจะทำเช่นไร ไม่แน่ว่าที่พยายามชวนโลอันไปด้วยกันก็เพื่อที่จะให้เขาช่วยในเรื่องนั้น

กระนั้นโลอันก็มีเป้าหมายของเขาเองอยู่ ดังนั้น ถึงแม้จะเสียดายที่ต้องอาจเสียเพื่อนก๊งเหล้าไป แต่เกรงว่าชายทั้งสองคงต้องแยกทางกันตรงนี้

ไฮน์เคล: ละเลยลูกชายไว้คนเดียวแบบนั้น คิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย แกน่ะ

โลอัน: ถ้าเพื่อความปรารถนาสูงสุดของตัวเรามันก็แน่อยู่แล้ว ――ผมแดงเอ๋ย เรื่องนั้นเจ้าเองก็ไม่ต่างกันหรอกขอรับ

หลังกล่าวจบโลอันก็ออกวิ่งไปตามนครหลวงอย่างพริ้วไหวเพื่อทำตามเป้าหมายของตน โดยที่ไม่ได้สนใจหยุดรอดูการตอบรับของไฮน์เคลเลย

. ก่อนที่จะได้รับลิขิตสวรรค์มา โลอันก็มุ่งหวังที่จะเข้าถึง “ดาบสุราลัย” อยู่แล้ว

ที่ผ่านมาเขาได้สังหารผู้กล้าแกร่งที่ลับคมทักษะจนเฉียบแหลม สังหารสัตว์มารที่จู่โจมหมู่บ้าน สังหารชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าว สังหารมาหมดทั้งคนชั่วและคนดีเพื่อลับคมดาบของตน

เขาพยายามศึกษาวิชาดาบแขนงใหม่ เข้าไปเรียนรู้ สังหารผู้นำของโรงฝึก แล้วลองนำวิชาใหม่มาผสานกับวิชาดาบของตน แต่สุดท้ายก็ต้องละทิ้งไปเพราะมันทำให้วิชาดาบเสียสมดุล

กระนั้นเส้นทางที่โชกไปด้วยเลือดของโลอันก็ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใกล้ “ดาบสุราลัย” เลย และในยามที่เขารู้สึกท้อแท้จนอยากจบชีวิตตัวเองลงนั่นเอง

…ที่โลอันได้กลายเป็น “นักอ่านดารา”

โลอันผู้ได้รับลิขิตสวรรค์มาได้เปลี่ยนความมุ่งหมายจากการพยายามเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ด้วยตัวเอง เป็นการสร้างผู้ที่จะสามารถเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ขึ้นมาแทน

จากการพยายามลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง เริ่มจากการหาลูกศิษย์มาฝึกสอน กลับมาพยายามฝึกฝนเอง สุดท้ายวิธีการที่โลอันเลือกคือการฝากฝังความหวังให้กับเมล็ดพันธุ์ของตัวเขาเอง

และแล้วในที่สุด “เซซิลุส เซ็กมุนต์” ผู้เป็นภาชนะที่จะเติมเต็มลิขิตสวรรค์แทนที่ “โลอัน เซ็กมุนต์” ก็ถือกำเนิดขึ้นมา

ภาพของลูกชายที่ลืมตาดูโลกมาเห็นคมดาบจ่อคอตัวเองอยู่แล้วกลับหัวเราะออกมานั้น ทำให้โลอันรู้สึกว่าตัวเขาหลุดพ้นจากพันธนาการโดยทันที

. ยามที่ “นักอ่านดารา” ทำตามลิขิตสวรรค์สำเร็จ พวกเขาจะได้รับการปลดปล่อยจากบทบาทที่ถูกบังคับเอาไว้

จากนั้นก็ถูกถาโถมด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมาตนทำตามความเชื่อแสนบิดเบี้ยวเหล่านั้นไปทำไม

โลอันเองก็ไม่ต่างกัน หลังจากที่บุตรชายผู้มีพรสวรรค์ที่จะเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ถือกำเนิดขึ้นมา โลอันก็หลุดพ้นจากภาระหน้าที่ของ “นักอ่านดารา” โดยทันที

ความรู้สึกที่ที่ผ่านมาเขามัวแต่เสียเวลาช่วงที่ฝีมือยังเฉียบคมไปกับการทำให้คนอื่นได้เข้าถึง “ดาบสุราลัย” แทนตัวเขาเองถาโถมเข้ามา มันทำให้โลอันรู้สึกอยากจบชีวิตตัวเองลงอีกครั้ง ทว่า…

เซซิลุส: อา~

ยามที่ลูกชายวัยทารกเอื้อมมือมาสัมผัสนิ้วมือของบิดาที่กำลังจมปรักอยู่ในความสิ้นหวัง ความรู้สึกทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาก็มลายหายไปทันที

วินาทีนั้นโลอันได้รู้แจ้งขึ้นมา

ถ้าทารกตรงหน้าเขาที่ยังถือตะเกียบไม่ได้ด้วยซ้ำสามารถเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ได้ แสดงว่าเส้นทางการเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ของนักดาบชราที่หมดวัยแล้วอย่างเขาก็ยังไม่ได้ปิดลงเช่นกัน

“โลอัน เซ็กมุนต์” ผู้ถูกปลดปล่อยจากบทบาทของ “นักอ่านดารา” หลังจากที่ทำตามลิขิตสวรรค์จนลุล่วงผ่านการให้กำเนิดลูกชายผู้มากพรสวรรค์…

…ยังคงไม่เลิกล้มจุดมุ่งหมายที่จะเฟ้นหาเส้นทางสู่ “ดาบสุราลัย” ของตัวเขาเองอยู่ดี

. หลังแยกทางกับไฮน์เคล โลอันได้มุ่งหน้าขึ้นทิศเหนือเพื่อตรงไปยังบริเวณพระราชวังแก้วผลึกซึ่งกลายเป็นฐานทัพใหญ่ของพวกผีดิบโดยทันที

โลอันไม่ได้มาที่นี่เพื่อกุดศีรษะของหัวหน้ากองทัพผีดิบ เขาไม่สนใจว่าจักรวรรดิจะล่มสลายหรือไม่ เพราะหากประเทศยิ่งโกลาหลมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีต่อโลอันมากเท่านั้น

จุดประสงค์ที่แท้จริงของโลอันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเซซิลุส เซ็กมุนต์ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความห่วงใยในฐานะพ่อลูก

โลอัน: เจ้าเด็กสุดโต่งนั่น ดันปล่อยให้ “ดาบมายา” กับ “ดาบอสูร” หลุดมือไปซะได้

ในโลกใบนี้มีดาบมนตราและดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเป็นพิเศษอยู่จำนวน 10 เล่ม ซึ่ง “ดาบมายา” มาซายูเมะ และ “ดาบอสูร” มุราซาเมะคือ 2 เล่มบรรดาในนั้น

ยามที่เซซิลุสกลับคืนร่างเป็นผู้ใหญ่ เขาจำเป็นต้องมีดาบสองเล่มนั้นอยู่ด้วยเพื่อดึงศักยภาพออกมาให้เต็มที่และเดินหน้าเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ต่อไป

ตอนที่โลอันเสนอให้เซซิลุสสังหารจักรพรรดิวินเซนต์เพื่อปูเส้นทางสู่ “ดาบสุราลัย” เซซิลุสได้ปฏิเสธบิดาเนื่องจากเขามองว่ามัน “เหมือนตัวร้าย” เกินไป

เพราะงั้น ตอนที่วินเซนต์ส่งเซซิลุสมาสังหารตัวเขา โลอันจึงได้ให้สัญญากับลูกชายว่ายามที่เซซิลุสเข้าถึง “ดาบสุราลัย” ได้สำเร็จ โลอันจะไปรอคอยดวลดาบตัดสินกับเขาอีกที

เซซิลุสที่ตกลงยอมรับข้อเสนอจึงฟันบิดาให้เพียงแค่บาดเจ็บหนักและปล่อยให้ตกลงไปในแม่น้ำ

. เซซิลุสผลาญเงินเดือนในฐานะเก้าแม่ทัพเทวะ “ลำดับหนึ่ง” ไปกับการซื้อดาบมาสะสมเก็บไว้ที่กระท่อมทางทิศเหนือของพระราชวังแก้วผลึก

โลอันจึงคาดเดาว่า “ดาบมายา” และ “ดาบอสูร” น่าจะยังคงเก็บเอาไว้ที่กระท่อมดังกล่าว เขาจึงกะหลบสายตาของผีดิบแล้วมุ่งหน้าไปยังบริเวณใต้อ่างเก็บน้ำที่แตกออก

ตอนนั้นเองที่การโจมตีบางอย่างส่งร่างของโลอันให้กระเด็นถอยหลัง พร้อมกับบดขยี้ถนนหลักรอบอาณาบริเวณนั้นจนกลายเป็นหลุมยุบ

กำแพงพระราชวังแก้วผลึกบริเวณนั้นเริ่มบิดเบี้ยวและพังทลาย จากนั้นก็มีกลุ่มควันโขมงลอยออกมา โลอันจึงใช้วิชาดาบ “สะบั้นเมฆา” ฟันสวนเข้าไปทันที

กลุ่มควันที่กระจายออกเผยให้เห็นผู้ที่จู่โจมโลอันซึ่งเป็นหญิงสาวร่างสูงผู้งดงามในชุดเดรส เธอมีเส้นผมสีขาวที่ปล่อยยาวและหูจิ้งจอก

รวมถึงดวงตาเศร้าโศกของคนเป็นที่มิได้เป็นสีดำทมิฬเหมือนพวกผีดิบ

โลอัน: นั่นใครกัน――

ยอร์น่า: ――“ไอริส”

โลอัน: …คาดไม่ถึงเลยว่าจะแนะนำตัวกันเร็วขนาดนี้

หญิงสาวมีบรรยากาศของผู้แข็งแกร่งอย่างชัดเจน โลอันจึงกุมดาบให้แน่นเพื่อเตรียมรับมือ

ยอร์น่า: กลับไปซะ ตราบใดที่ข้าน้อยยังจับตาดูอยู่ ไม่มีใครจำเป็นต้องตายเพิ่มอีกแล้วเจ้าค่ะ

โลอัน: แหมๆ ต้องขออภัยด้วย ――เส้นทางสู่ “ดาบสุราลัย” ยังคงเต็มไปด้วยขวากหนาม คงจะต้องฟาดฟันเจ้าทิ้งเพื่อมุ่งหน้าต่อไปขอรับ

ถึงแม้ว่าหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า “ไอริส” จะพยายามร้องขอ โลอันก็มิอาจปล่อยให้มีใครมาขวางทางระหว่างเขากับเป้าหมายได้อยู่ดี

. จบตอน