webnovel arc8 chapter39

บทที่ 8 ตอนที่ 39 "ผู้ไร้ขีดจำกัดที่หัวเราะร่า"

“เซซิลุส เซ็กมุนต์” นั้นเป็น “นักอ่านดารา” หรือก็คือผู้ที่ได้รับลิขิตสวรรค์จากเบื้องบนและให้ความสำคัญกับมันเหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต

หลังจากที่ “โลอัน เซ็กมุนต์” ทำตามลิขิตสวรรค์ของเขาจนลุล่วง เซซิลุส เซ็กมุนต์ ก็ถือกำเนิดมาเป็น “นักอ่านดารา” เหมือนกับบิดา

ทว่า กระทั่งในฐานะ “นักอ่านดารา” นั้น เซซิลุส เซ็กมุนต์ ก็เป็นตัวตนที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของความเป็นจริงเช่นกัน

. ตัดกลับมาปัจจุบัน เซซิลุสกำลังมองสำรวจจากบนหลังคาเพื่อมองหาหอรบที่ต้องทำลายตามแผนการสร้างทางเข้าให้กำลังเสริมของอัล

ที่เซซิลุสเห็นด้วยกับแผนการนี้ ก็เนื่องจากว่าเขาอยากให้มีนักแสดงสมทบและคนดูมาชมการแสดงของตนเพิ่มขึ้น และเพื่อรางวัลที่อัลสัญญาไว้

ตามความเชื่อของเซซิลุส ทุกที่ในโลกใบนี้คือเวทีแสดง ผู้คนล้วนแต่มีบทบาทที่เหมาะสมกับตนอยู่ และแน่นอนว่าดารานำแสดงเด่นอย่างเซซิลุสไม่เหมาะกับบทสนับสนุนหลังฉากอยู่แล้ว

เซซิลุส: เหล่าออเดียนซ์(ผู้ชม)ทุกคนคงเห็นด้วยในประเด็นนั้นล่ะเนอะ?

เซซิลุสกล่าวเช่นนั้นพลางเงยหน้ามองฟากฟ้าที่ไม่มีสิ่งใดอยู่ ตามปกติแล้วการเอ่ยถามท้องฟ้าเช่นนั้นย่อมไม่ได้รับคำตอบจากหมู่เมฆ

ทว่า เซซิลุสมิใช่คนปกติ เขาคือ “ดารานำแสดงเด่น” ของโลกใบนี้ ด้วยเหตุนั้น เสียงของ “ผู้ชม” ที่ผู้อื่นมิอาจได้ยินจึงตอบกลับมาเป็นเสียงกระซิบที่ดังกังวาล

『■■■■』『■●■●■●■』『――■■』『●●●●●!!』『■■■■●●■■』『●●■■●■■●●』『■■!!』『●●●■■■』『■■■●■●●■■●●』『●●■●■●●●■■●――』『●●……■』『●■●■●■●■』

เสียงของผู้ชมเหล่านี้คือสิ่งที่เซซิลุสได้ยินอยู่เสมอในทุกการกระทำของเขา เซซิลุสได้ยินมันมาไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ที่จำความได้ เสียงเหล่านั้นพยายามเป่าหูให้เขาทำอะไรสักอย่าง ทว่า…

เซซิลุส: ฮ่าฮ่าฮ่า วันนี้เองก็ตื่นเต้นยินดีกันน่าดูนะครับเนี่ย! เข้าใจแล้วคร้าบๆ ถึงอย่างไรทุกอากัปกิริยาของผมก็ย่อมทำให้ทุกคนหลงใหลได้อยู่แล้ว! จากนี้ไปก็ขอให้จับตาดูผมไว้ อย่าได้กระพริบตาเชียวล่ะ รอชมว่าเรื่องราวจะดำเนินต่ออย่างไรได้เลยครับ!

สำหรับเซซิลุสผู้ไม่เคยตั้งใจฟังคำสั่งจากผู้ชมที่อยู่เบื้องบน เสียงเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรจากเสียงเชียร์ของแฟนๆ ที่ตั้งตารอชมการแสดงของเขา

ไม่มี “นักอ่านดารา” คนใดที่สามารถต่อต้านลิขิตสวรรค์ของตนได้ ไม่แม้แต่กระทั่งโลอัน เซ็กมุนต์

มีเพียง “เซซิลุส เซ็กมุนต์” ผู้เดียวที่เป็นตัวตนเหนือสามัญสำนึกในบรรดานักอ่านดารา

. เซซิลุส: ขอบพระคุณสำหรับการสนับสนุนครับ ถึงจะไม่เข้าใจว่าพูดอะไรอยู่และฟังไม่เข้าหูเหมือนอย่างเคยก็เถอะ แต่อย่าได้กังวล! รับรองว่าไม่ผิดหวัง! สมความคาดหวังแน่นอน! นี่แหละคือวิถีชีวิตของผมในฐานะดารานำแสดงเด่นล่ะครับ!

กรูวี่: ――เฮ้ย ไอ้งั่ง อย่าแหกปากสิวะ เดี๋ยวแม่งก็งานเข้าตอนถูกเจอตัวเอาหรอก

เซซิลุสหันมามองกรูวี่จอมหัวร้อนที่ตำหนิเขา กรูวี่เป็นนักรบมนุษย์สัตว์ที่แข็งแกร่งติดห้าอันดับสูงสุดของบุคคลที่เซซิลุสเคยพบมานับตั้งแต่ที่เกาะทาสดาบ

เซซิลุสถูกใจทั้งรูปลักษณ์ของกรูวี่รวมถึงระดับกำลังรบของเขาที่ไม่สามารถวัดได้จากฝีมือดาบเพียงอย่างเดียว หากจะมีอะไรให้เขาตัดคะแนน คงเป็นเรื่องที่กรูวี่ใช้คำสบถมากเกินไปหน่อย

กรูวี่กล่าวถึงบุคคลที่ชื่อ “จิชา” ขึ้นมาและเล่าว่าจิชานี่แหละคือคนที่ย้อนวัยเซซิลุสให้กลายเป็นเด็ก ซึ่งป่านนี้เซซิลุสเชื่อแล้วว่าเรื่องพรรค์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง

กระนั้นเซซิลุสก็ยังคาใจอยู่ดีคือจิชาคนที่ว่าเป็นใครกัน เขาถึงสามารถเล่นงานเซซิลุสจนกลายเป็นเด็กได้เช่นนี้

แน่นอนว่าเซซิลุสมิได้มองว่าตัวเขาไร้เทียมทานหรือเป็นอมตะ ถ้าหากโดนควักหัวใจ เฉือนคอ หรือสูบเลือดทิ้งครึ่งร่าง เขาก็ตายได้อยู่ดี ไม่ต่างจากคนทั่วไป

กระนั้น ก็ใช่ว่าจะมีใครที่สามารถเล่นงานเซซิลุสให้เสียท่าขนาดนี้ได้ง่ายๆ กรูวี่เดาว่าจิชาคงใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่างหรือไม่ก็เซซิลุสนั่นแหละที่ประมาทเอง

. กรูวี่ไม่รู้วิธีคืนร่างให้เซซิลุส แต่ตามปกติศาสตร์ชิโนบิน่าจะมีการตั้งเวลาหรือตั้งเงื่อนไขในการคืนกลับเอาไว้ โดยในกรณีจิชา น่าจะตั้งเป็นเงื่อนไขไว้มากกว่า

สรุปคือตัวตนของจิชาไม่สำคัญ สิ่งที่เซซิลุสต้องเคลียร์ให้ได้ในตอนนี้คือเงื่อนไขในการปลดวิชาย้อนวัยเพื่อกลับไปเป็นผู้ใหญ่ดังเดิม

ตอนนั้นเองที่อัลซึ่งพึ่งจะตามมาถึงบนหลังคาได้เอ่ยทักขึ้นเพื่อขัดการสนทนา เขาตำหนิทั้งสองคนที่ขึ้นหลังคามาซะไว แล้วทิ้งอัลไว้ให้เดินขึ้นบันไดเพียงคนเดียว

เซซิลุสรายงานผลสำรวจว่าหอรบที่ 1-3 มีการป้องกันอย่างแน่นหนาเนื่องจากว่านั่นคือเส้นทางที่พวกสุบารุใช้ถอยทัพก่อนหน้านี้

หอรบที่ 1 ตั้งอยู่ทิศเหนือ หอรบที่ 2 ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หอรบที่ 3 ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หอรบที่ 4 ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และหอรบที่ 5 ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้

อัลมองว่าหอรบสองฝั่งทางทิศใต้ที่มีการคุ้มกันน้อยกว่าดูท่าทางมีกลิ่นตุๆ เซซิลุสจึงบอกว่าถ้างั้นอัลก็เป็นคนเจ้าเล่ห์น่าดู ถึงได้ส่งไฮน์เคลกับโลอันไปทางนั้น

อัลนิ่งเงียบไปเมื่อเซซิลุสรู้ทันว่าเขาเป็นคนประเภทที่พร้อมจะใช้ทุกอย่างที่มีแบบทิ้งขว้างตราบใดที่มันไม่กระทบถึงความสัมพันธ์กับกำลังรบที่เขาอยากรักษาไว้

กระนั้นเซซิลุสก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่อัลอาจส่งพ่อของเขาไปยังที่อันตรายนัก เขามองว่าการกระจายกำลังรบที่มีจำกัดเป็นวิธีคิดที่ถูกต้องแล้วด้วยซ้ำ

เซซิลุส: แต่ว่าแอบแปลกใจนะเนี่ย แบบว่า เห็นคุณอัลกับคุณไฮน์เคลคุยกันสนิทสนมเหมือนเป็นพวกพ้องกันแท้ๆ

อัล: ชั้นน่ะไม่ใช่วีรชนเฟ้ย ก็เลยจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญไว้ให้ดี

เซซิลุสสัมผัสได้ว่าคำตอบของอัลเป็นการตำหนิตัวเขาเองมากกว่าการประณามเรื่องการใช้งานไฮน์เคลแบบทิ้งขว้าง กระนั้นมุมมองที่เซซิลุสมีต่ออัลก็มิได้เปลี่ยนไป

เซซิลุส: ――อย่างนี้นี่เอง ต่างไปจากบอส(สุบารุ)สินะครับ

อัล: …

เซซิลุสสัมผัสได้ถึงสายตาของอัลที่จ้องเขม็งผ่านหมวกเกราะ ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ตาม

เซซิลุส: เอาเถอะ ถึงบางครั้งจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าตอนนี้เป็นแบบนั้นนี่ครับ

อัล: …ไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่ช่างเถอะ มันก็จริงอยู่ที่ชั้นน่ะแตกต่างจากพี่น้อง

เซซิลุส: หืม? ก็ต้องแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ผมมองว่าคุณอัลแกร่งกว่าด้วยซ้ำนะ ถ้าเทียบกับบอสแล้ว

. ถ้าหากแนวทางของสุบารุคือการดิ้นรนอย่างยากลำบากด้วยวิธีการที่งดงามโดดเด่นแล้ว แนวทางของอัลคือการดิ้นรนอย่างยากลำบากด้วยวิธีการสกปรกที่คนทั่วไปหันหน้าหนี

ในมุมมองของเซซิลุส แนวทางของสุบารุกับอัลมิได้มีใครด้อยกว่าหรือเหนือกว่าใคร มันคือความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิธีเลือกแสดงออกเพียงเท่านั้น

กรูวี่เริ่มหมดความอดทนในการปรึกษาปัญหาชีวิตระหว่างอัลกับเซซิลุส ทั้งสามจึงกลับมาจดจ่ออยู่กับการดำเนินแผนขั้นต่อไป

อุดมคติของเซซิลุสคือการทำให้ผู้ชมชื่นชมการแสดงของเขาทุกอากัปกิริยาโดยไม่ละสายตา แม้จะเป็นการกระทำที่สกปรกโสมมด้วยก็ตาม

ดังนั้น เขาจึงไม่มีปัญหากับการที่อัลส่งพ่อของเขากับไฮน์เคลไปเสี่ยงอันตราย ข้อกังขาเดียวที่เขามีคือโลอันจะยอมทำตามแผนการของอัลหรือเปล่าเท่านั้นเอง

เซซิลุสรู้ซึ้งดีว่าคุณพ่อจอมเห็นแก่ตัวของเขามักทำอะไรตามใจชอบเสมอ มันคือนิสัยที่ส่งต่อมายังเซซิลุสด้วย กระนั้นตัวเขากับพ่อก็แตกต่างกันอยู่ดี เช่นเดียวกับที่อัลแตกต่างจากสุบารุ

กรูวี่: ถ้างั้นแล้ว ไอ้เวรหมวกเกราะ อยากเลือกจู่โจมที่ไหนล่ะ?

อัล: ――ไม่เลือกพระราชวังแก้วผลึกแน่ๆ เพราะงั้นไม่เอาหมายเลข 1 คงเลือกเป็นหมายเลข 2 หรือหมายเลข 3 อยากจะเลี่ยงแอเรียที่พลซุ่มยิงอยู่ก่อนหน้านี้ด้วยสิ งั้นหมายเลข 3 ละกัน

เซซิลุส: อ้าาววว! ทั้งที่ผมอยากจะรีเวนจ์(ล้างแค้น)อยู่เชียวนะครับ!

. ถึงแม้จะมีเสียงบ่นจากเซซิลุส แต่สุดท้ายกรูวี่ก็กล่อมให้เขายอมรับข้อเสนอของอัลได้ เพราะถึงอย่างไรตัวกรูวี่เองก็ไม่มีปัญหากับการตัดสินใจนั้นของอัล

กรูวี่: ต่อให้เป็นชั้นก็ไม่พยักหน้ายอมรับข้อเสนอที่ฟังดูห่วยแตกหรอกโว้ย ไม่มีอะไรจะโต้แย้งแผนการของเอ็งเลย …ชั้นเองก็ไม่อยากไปหาเรื่องไอ้งั่งบัลรอยเหมือนกัน

อัล: …เพราะเป็นสหายเก่าสินะ

กรูวี่: เรื่องนั้นก็มีส่วนถูก อีกเหตุผลคือมันแม่งโคตรแกร่งยังไงล่ะ ถ้าอยากจะหาเรื่องไอ้เวรนั่น ต้องให้โมโกรจัดการ รับรองว่าไม่มีทางแพ้แน่นอนเฟ้ย

เซซิลุสลังเลว่าควรลองโน้มน้าวอีกสองคนไหม กระนั้นเขาก็เห็นพ้องกับการประเมินของกรูวี่ เซซิลุสยอมรับว่าพลซุ่มยิงคนนี้แกร่งจริง

ที่ผ่านมาเขาได้โอกาสปะทะกับบัลรอยคนที่ว่ามาหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยเข้าใกล้ในระยะที่เห็นหน้าตาได้เลยสักครั้ง

อัลสรุปแผนการว่าเป้าหมายของสามคนคือการถล่มหอรบหมายเลข 3 เพื่อเปิดทางให้แก่กำลังเสริม ซึ่งกรูวี่รีบเตือนก่อนว่าถ้าหากปฏิบัติการสำเร็จเร็วเกินไป เซซิลุสอาจจะมุ่งหน้าไปหาบัลรอยต่อทันที

อัล: …รอให้ดาราเด่นเปิดตัวก่อนเถอะ แล้วอยากจะทำอะไรก็เชิญเลย

เซซิลุส: เรียกคนอื่นว่าดาราเด่นแทนที่จะเป็นผมเหรอ ช่างโอหังเหลือเกิน!

. การเดินทางไปยังหอรบที่ 3 เป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากไม่ค่อยมีผีดิบออกตามหาผู้คนในเมืองเท่าไรนัก

ปัจจุบันเซซิลุสกำลังขี่หลังอัล โดยที่มีกรูวี่เกาะท้องเขาอยู่อีกที ออกมาเป็นภาพที่อัลถูกประกบเป็นแซนด์วิชภายใต้ผ้าคลุม ซึ่งคงไม่ค่อยน่าดูจากสายตาผู้ชมเบื้องบนนัก

เซซิลุส: แต่มันไม่เท่เลยอ่ะ! แบบนี้ผมจะขายความเฉิดฉายของตัวเองยังไงล่ะครับ คุณกรูวี่!

กรูวี่: หุบปากไป! ถึงมันจะช่วยเก็บซ่อนตัวตนได้ แต่เสียงกับกลิ่นก็ยังมีอยู่ดีเฟ้ย! ถ้าไอ้พวกเวรรอบๆ สังเกตเห็นล่ะก็ แม่งงานเข้าแน่ๆ โว้ย!

อัล: …เสียงดังทั้งคู่นั่นแหละเฟ้ย! …แล้วก็อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็ร่วงหรอก!

ปัจจุบันทั้งสามใช้ผ้าคลุมหนังสัตว์ของกรูวี่คลุมร่างเอาไว้เพื่อปกปิดกลิ่นอายจากสายตาของศัตรู กรูวี่ ไฮน์เคล และโลอันใช้อุปกรณ์อันเดียวกันนี้ในการลักลอบเข้านครหลวง

เซซิลุส: จินตนาการภาพที่พวกคุณพ่อทั้ง 3 คนลักลอบเข้านครหลวงแบบพวกเราด้วยขนาดตัวที่แตกต่างกับอากาศร้อนอบอ้าวไม่ออกเลยนะครับ ว่าแต่ไปหาซื้อผ้าคลุมพิศวงแบบนี้มาจากไหนครับเนี่ย?

กรูวี่: ไม่ได้ซื้อโว้ย ชั้นทำขึ้นเอง ไอ้งั่งอย่างเอ็งคงจะลืมไปแล้ว “ดาบอสูร” ของเอ็งน่ะ ชั้นเป็นคนที่หลอมและตีมันขึ้นมาเองนะเฟ้ย

เซซิลุส: โฮ่โฮ่ “ดาบอสูร” เหรอ! ชื่อเท่สุดๆ ไปเลยครับ! อยากจะได้เห็น ได้รู้จัก และบูชาเหลือเกิน!

กรูวี่: พึ่งบอกว่ามันเป็นดาบคาตานะของเอ็งไปหยกๆ เลยนะโว้ย!

. กรูวี่เล่าให้เซซิลุสฟังว่าตัวเขาทำเป็นทั้งตีดาบ ทอผ้าคลุม และประดิษฐ์เครื่องมือไสยเวท ทว่า ผ้าคลุมหนังที่ทั้งสามคนใช้อยู่มิใช่เครื่องมือไสยเวท…

…แต่เป็นหนังของ “มนุษย์หมาป่า”

เซซิลุส: มนุษย์หมาป่านี่เข้าข่ายหายากสินะครับ ถึงจะรู้ว่ามีอยู่ แต่ไม่เคยเจอเลยล่ะครับ

กรูวี่: เดิมทีเจ้าพวกนั้นแม่งก็หาตัวยากอยู่แล้วล่ะนะ แถมทั้งเผ่าพันธุ์ยังได้รับพรคุ้มครองเหมือนกับมกรปฐพีและเผ่าอุลฮาของราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อีก ถ้าหากจับถลกหนังตอนยังมีชีวิตอยู่ พรคุ้มครองก็จะติดมากับหนังด้วย ถือเป็นการใช้งานอย่างคุ้มค่าสำหรับไอ้พวกเวรที่ตลบหลังเรา

อัล: “พรคุ้มครองแห่งการหายเข้ากลีบเมฆ” สินะ…

กรูวี่: เหอ? นี่แม่งรู้จักชื่อเรียกเก่าของมันด้วยเรอะ โดยทั่วไปเรียกกันว่า “พรคุ้มครองแห่งการตลบหลัง” มากกว่า… แต่เดิมทีเรื่องราวของไอ้พวกมนุษย์หมาป่ามันก็ไม่ได้รู้กันทั่วไปอยู่แล้วล่ะฟะ

ความเกลียดชังที่ชาววอลลาเคียมีต่อเผ่ามนุษย์หมาป่าเป็นสิ่งที่ฝังลึกผ่านเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ แต่ตัวเซซิลุสเองไม่ได้รู้สึกอะไรต่อเผ่าหมาป่าสมิงและมนุษย์หมาป่าเป็นพิเศษ

เซซิลุส: ทั้งที่จักรวรรดิปฏิบัติต่อมนุษย์หมาป่าแบบนั้น แต่เรากลับได้ผ้าคลุมหนังจากมนุษย์หมาป่าช่วยเอาไว้ แอบย้อนแย้งดีนะครับ แค่หนังอย่างเดียว…

อัล & กรูวี่: …

เซซิลุส: อ้าววว? เมินกันเหรอ? ถูกเมินเหรอครับเนี่ย? นึกว่าพูดอะไรเฉียบคมอยู่แล้วเชียวนะครับ…

『――■■■■■■』

ที่อัลกับกรูวี่ไม่ตอบเซซิลุสเป็นเพราะร่างกายของพวกเขาสั่นเทาอย่างเฉียบพลัน แล้วหลังจากที่ได้ยินเสียงจากผู้ชม เซซิลุสก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งเดียวกัน

มีหนามแหลมสีเทาเลื้อยมาเจาะทะลุเข้าไปพวกรัดกุมหัวใจของพวกเซซิลุสเอาไว้ ทั้งที่ทั้งสามควรจะมีผ้าคลุมหนังช่วยเก็บซ่อนตัวตน

. ถ้าหากศัตรูรู้ตำแหน่งของพวกเซซิลุสจริง ทั้งสามน่าจะถูกเล่นงานไปตั้งนานแล้ว ดังนั้น ไม่แน่ว่าหนามพวกนี้อาจจะเป็นคำเตือนจากศัตรู หรือไม่ก็…

กรูวี่: ――มันคือการโจมตีระยะไกลแบบไม่สนว่าเป้าหมายเป็นใคร ฝีมือไอ้งั่งที่ไหนกันเนี่ย!? ต้องเพี้ยนขนาดไหนกันถึงได้ใช้คำสาปเฮงซวยแบบนี้วะ!

กรูวี่ตะโกนด่าราชาแห่งหนามที่เขายังไม่เคยเจอหน้าอย่างเดือดดาล แล้วในวินาทีต่อมา หนามแหลมก็ค่อยๆ เลื้อยลึกเข้าไปในร่างและแสดงผลคำสาปใส่ทั้งสามคน

เซซิลุส: ――กะแล้วเชียวว่าโลกคงไม่ยอมให้ผมทำตัวย่องเบาแบบนี้หรอกครับ อุปสรรคอันใหม่มาถึงแล้ว! มาก้าวข้ามมันแบบระเบิดเถิดเทิงกันเถอะ!

ทว่า ตัวตนที่ไร้ขีดจำกัดกลับหัวเราะร่าออกมาทั้งที่หัวใจของเขาถูกบีบรัดอย่างเจ็บปวด

. จบตอน