webnovel arc8 chapter45

บทที่ 8 ตอนที่ 45 "วิธีสอยดวงดาวให้ร่วง"

สาเหตุที่สุบารุส่งการ์ฟีลเป็นแนวหน้าบุกไปคนแรกก็เนื่องจากว่า “มังกรเมฆา” เมโซเรย์อานั้นเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดต่อการบุกเข้านครหลวงลูปุกาน่า

ขืนทะเล่อทะล่าบุกเข้าไปทางเดียวพร้อมกัน หน่อยกอบกู้จักรวรรดิก็อาจจะโดนลมหายใจมังกรเป่าหายยกทีมในทีเดียวได้เลย

หลังการ์ฟีลเข้าปะทะ “มังกรเมฆา” ที่หอรบ 1 ทางทิศใต้ สมาชิกกลุ่มที่เหลือก็ใช่ว่าจะเจองานง่าย เนื่องจากยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งอีกมากมายอยู่ในเมือง

กลุ่มของสุบารุ เบียทริซ สปิก้า วินเซนต์ และจามาลเข้าปะทะกับฝูงซอมบี้บริเวณหอรบที่ 5 ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งกำแพงเมืองได้ถูกทำลายโดยการ์ฟีลไปก่อนหน้านี้แล้ว

จามาลกำลังประดาบอยู่กับผีดิบผู้ใช้หอกคนหนึ่ง เขาใช้ดาบคู่หวดปลายหอกจนศัตรูเสียสมดุล แล้วเตรียมที่จะฟันเด็ดหัวเผด็จศึก

สุบารุ: ไอ้บ้า ห้ามฆ่านะ!

เสียงตะโกนห้ามทำให้จามาลตัดใจเปลี่ยนวิถีดาบกลางอากาศไปตัดแขนซ้ายของศัตรูทิ้งแทน แต่ฝั่งผีดิบเพียงแค่ถอยไปตั้งหลักแล้วเปลี่ยนไปถือหอกมือขวาเพื่อเตรียมสวนต่อทันที

วินเซนต์: ――“ขุนนางเมฆาขาว” เการัน เพย์ซิต

พอได้ยินคนเรียกนามของตน ซอมบี้ชายร่างใหญ่ผู้มีเคราสีขาวที่ไว้ยาวก็หยุดชะงักด้วยความฉงน สุบารุ เบียทริซ และสปิก้าอาศัยจังหวะนั้นเข้าประชิดทันที

สุบารุ: เการัน เพย์ซิต!!

สปิก้า: อิอาอาอิอาอู(ขอทานล่ะนะคะ)

สปิก้าสัมผัสร่างกายแล้วทำการกิน “บทบาท” ของอดีตมนุษย์ผู้ถูกช่วงชิงหลักฐานของชีวิตเก่าและถูกใช้งานเยี่ยงทาสในฐานะผีดิบเข้าไป

ภายในวินาทีต่อมา ร่างกายของ “เการัน เพย์ซิต” ก็เริ่มสลายกลายเป็นฝุ่น เการันใช้ช่วงวินาทีสุดท้ายโค้งคำนับให้แก่วินเซนต์ผู้ที่กล่าวนามของเขาออกมา

. วินเซนต์: “อาเทรม เนวี” “ดิฟอน เทรโวล่า” “ไกออน ทัลโฟ” “เลสเกอร์ เบรน” “นิออล์ฟ ทราต” “ยาเลน สโวลเกอร์” “เบรัม จอยต์”

วินเซนต์เอ่ยนามของผีดิบที่ทยอยโผล่ออกมาขวางทางกลุ่มของสุบารุได้อย่างแม่นยำด้วยสปีดอันน่าเหลือเชื่อ เพื่อปูทางให้สปิก้าใช้อำนาจ “กินดารา” จัดการต่อ

กระทั่งสุบารุยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมว่าวินเซนต์สามารถทำตามบทบาทที่ได้รับมอบหมายได้อย่างสุขุมและเท่สุดๆ

เบียทริซ: เอล มีเนีย!!

เบียทริซที่กุมมือขวาของสุบารุอยู่ทำการร่ายเวทเสกผลึกสีม่วงมายิงผนึกแขนขาและอาวุธของพวกผีดิบ ส่วนสุบารุก็รีบดึงตัวสปิก้าที่มือซ้ายเพื่อเข้าประชิด

สุบารุ: ลุยล่ะนะ! “อาเทรม เนวี” “ดิฟอน เทรโวล่า” “ไกออน ทัลโฟ” “เลสเกอร์ เบรน” “นิออล์ฟ ทราต” “ยาเลน สโวลเกอร์”

สปิก้า: อาอู! อู! อูวอู! อาอู! อูอาอู! อูอูววว!

สปิก้าทำการไล่เอามือสัมผัสพวกผีดิบตามลำดับที่สุบารุไล่เรียงชื่อ แต่เจ้าผีดิบตัวสุดท้ายยังอุตส่าห์ตวัดดาบสวนโดยเล็งผ่าหน้าผากของเขาได้อยู่อีก

โชคดีที่ร่างกายส่วนตั้งแต่เอวจนถึงไหล่ขวาของมันถูกเวทมีเนียเคลือบเป็นผลึกไปเสียก่อน สปิก้าจึงอาศัยโอกาสนั้นสัมผัสหน้าอกของเจ้าผีดิบ

สุบารุ: ลาสต์(สุดท้าย)! เบรัม จอยยยต์!!

สปิก้า: อิอาอาอิอาอู! (ขอทานล่ะนะคะ)

. สุบารุเหนื่อยหอบหลังพวกผีดิบสลายกลายเป็นฝุ่นหมด สปิก้าจึงลูบหลังเขาด้วยความเป็นห่วง ส่วนเบียทริซก็ตำหนิสุบารุที่รีบบุกไวจนเสี่ยงตายเกินไป

ที่จริงสุบารุกับสปิก้าควรกะจังหวะสัมผัสตัวผีดิบให้ตรงกับจังหวะที่เบียทริซพร้อมยิงเวทปิดฉากตามต่อ ความประมาททำให้สุบารุเกือบโดนผ่ากะโหลกแยกไปแล้ว

สุบารุเหน็บวินเซนต์ว่าภาพที่องค์จักรพรรดิมัวแต่ยืนกอดอกแล้วปล่อยให้เด็กสามคนสู้มันช่างดูย้อนแย้งในสถานการณ์ซอมบี้แพนเดมิกของโลกโพสต์อะโพคาลิปส์เหลือเกิน

จามาล: ถ้าเชือดผีดิบที่โผล่มาให้หมดมันน่าจะไวกว่านี้เยอะ ทำไมถึงไม่ทำอย่างนั้นฟะ

เบียทริซ: …เป็นคนที่ไม่รู้จักฟังที่คนอื่นพูดเอาซะเลยนะยะ ขืนทำอย่างนั้น ก็ไม่ได้ใช้อำนาจของสปิก้าส่งผีดิบ “สู่สุคติ” พอดีกระมัง

จามาล: หา? ไอ้ “สู่สุคติ” นี่มันคืออะไรนะ?

เบียทริซ: วิธีการป้องกันไม่ให้ผีดิบมันคืนชีพกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่าไงล่ะยะ! อธิบายให้ฟังไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบกระมัง!

วินเซนต์ถือโอกาสกำชับให้จามาลเชื่อฟังตามที่พวกสุบารุสั่ง ซึ่งจามาลก็น้อมรับคำสั่งจักรพรรดิแต่โดยดี ทำให้เบียทริซยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

. จนถึงตอนนี้อำนาจ “กินดารา” ยังไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อสปิก้า สุบารุจึงพออุ่นใจได้บ้าง

วินเซนต์กับสุบารุประเมินสถานการณ์ว่ากองทัพศัตรูที่ถูกส่งไปบุกโจมตีเมืองการ์คลาจะเน้น “ปริมาณ” ส่วนพวกที่เหลืออยู่ป้องกันนครหลวงจะเน้น “คุณภาพ”

เห็นได้ชัดจาก “มังกรเมฆา” เมโซเรย์อา และพวกผีดิบทหารมากฝีมือทั้งหลาย ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวสูงแต่ต่อสู้ไม่ค่อยเป็นทีมเท่าไรนัก

ดูเผินๆ การรวมทีมระหว่างสุบารุ เบียทริซ สปิก้า วินเซนต์ และจามาลอาจจะดูแปลกตา

แต่สุบารุทดสอบมาแล้วเป็นอย่างดีว่าถ้าหากเขารวมทีมต่างไปจากนี้ ปฏิบัติการ “กอบกู้จักรวรรดิจากการล่มสลาย” จะล้มเหลวอย่างแน่นอน

หนึ่งในเหตุผลคือมีเพียงกลุ่มของสุบารุเท่านั้นที่สามารถกำจัดสฟิงซ์อย่างเด็ดขาดด้วยอำนาจ “กินดารา” ของสปิก้าได้

มิหนำซ้ำ การแยกทีมให้ได้ลงตัวเช่นนี้ก็ยังถือเป็นเพียงแค่จุดสตาร์ทเท่านั้น

. จามาล: ถ้างั้น ก่อนที่จะมีตัวเกะกะโผล่มาขวางทาง ก็รีบบุกไปเชือดหัวหน้าของศัตรูที่พระราชวังแก้วผลึกกันเหอะ! จากนั้นฝ่าบาทจะได้ป่าวประกาศว่ายึดนครหลวงกลับมาได้แล้ว!

สปิก้า: อูอูววว!!

สุบารุ: ถ้าเป็นงั้นได้จริงก็คงดี แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นนี่สิ

ระหว่างที่จามาลกับสปิก้ากำลังคึกคักพร้อมที่จะบุกตลุยฐานใหญ่ของศัตรูอย่างเต็มที่ สุบารุก็กล่าวดักคอเสียก่อน

สุบารุ: การตรงดิ่งไปยังพระราชวังแก้วผลึกเลยมันเปล่าประโยชน์ ที่จริงแค่เข้าไปใกล้พระราชวังก็ทำได้ยากแล้วด้วยซ้ำ

จามาล: นี่เอ็ง เกิดตาขาวขึ้นมารึไง…

เบียทริซ: เหตุผลไม่น่าใช่เพราะว่าใจเสาะหรอกกระมัง มีอะไรรออยู่ที่นั่นรึไงยะ?

สุบารุ: ――คำสาปน่ะสิ เพราะว่ามีมันอยู่ แค่เข้าใกล้พระราชวังก็ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้แล้ว

สุบารุตอบพลางกุมมือที่หน้าอกราวกับว่าเขาจดจำความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรหดได้

ตราบใดที่ยังคงมีอุปสรรคดังกล่าวอยู่ ก็ไม่มีใครที่สามารถเข้าใกล้พระราชวังหรือเคลื่อนไหวภายในนครหลวงได้อย่างสะดวกทั้งนั้น

. จามาล: ทำไมเอ็งถึงได้รู้ดีจังเลยวะ หา?

ปกติมีพวกพ้องที่เชื่อใจเขาแบบไร้ข้อกังขาอย่างเอมิเลียกับเบียทริซอยู่ แต่แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้สนิทอย่างจามาลย่อมกังขาข้อมูลซึ่งมีที่มาที่ไปคลุมเครือ

วินเซนต์: ดูผิวเผินมันอาจจะเป็นพฤติกรรมที่มุทะลุและอ้อมค้อม แต่เจ้าคงรู้อะไรบางอย่างมาสินะ

จามาล: ฝ่าบาท!?

วินเซนต์: เลิกโวยซะ จามาล โอเรลี่ อย่าให้ต้องย้ำรอบที่สามอีก จงทำตาม ――จงทำตามที่เจ้าพวกนี้บอกเสีย

พอได้ยินจักรพรรดิสั่งเช่นนั้น จามาลก็ใช้ด้ามจับดาบตีหน้าผากตัวเองเพื่อเรียกสติโดยทันที เขาให้คำปฏิญาณว่าวินเซนต์จะไม่ต้องสั่งซ้ำครั้งที่ 3 แน่นอน

พอเบียทริซเห็นจามาลมีเลือดไหลออกจากหน้าผาก เธอก็โวยวายและรีบร่ายเวทมนตร์รักษาให้แก่เขาโดยทันที

. วินเซนต์หันมาปรึกษากับสุบารุว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ในเมื่อปัจจุบันยังไม่มีใครที่สามารถเข้าใกล้พระราชวังแก้วผลึกได้เลย

สุบารุยืนกรานว่าการต่อสู้ของกลุ่มพวกตนมีความหมายแน่นอน ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสฟิงซ์ที่พระราชวังให้ได้

สุบารุ: เพื่อการนั้นแล้ว…

ตอนนั้นเองที่เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นเนื่องจากอาคารหลายหลังถล่มลง ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วท้องถนน

เบียทริซกับจามาลที่ก่อนหน้านี้มัวแต่ยืนเถียงกันอยู่รีบกลับมายืนปกป้องสุบารุกับวินเซนต์โดยทันที

จามาล: …กะแล้วเชียว หน้าที่อารักขาฝ่าบาทมันไม่ใช่งานหมูๆ อย่างที่คิดเลยเฟ้ย

สิ่งมีชีวิตอัปลักษณ์ลากร่างของมันโผล่ออกมาจากฝุ่นควันพลางส่งเสียงร้องโหยหวน อวัยวะของมันงอกออกมาเกินจำนวนดั้งเดิมแบบผิดลักษณะ เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดเขี่ยๆ ของเด็ก

แขนขวาของมันที่ยืดยาวเป็นพิเศษกำลังแกว่งไปมาคล้ายหางสัตว์ ในขณะที่แขนซ้ายข้างสั้นๆ คอยเกาะพื้นและออกแรงเพื่อลากร่างกายและขาที่ใช้การไม่ได้สี่ข้างไปตามทาง

สัดส่วนลำตัวก็เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ขนาดหน้าอก ท้อง และไหล่ สะเปะสะปะไปหมด สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือดวงตาสีทองดวงใหญ่ดวงเดียวบนใบหน้า

เบียทริซ: ――สุบารุ

สุบารุ: อา รู้แล้วล่ะ

อิซเมล: ――โฮกกกกกก!!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สุบารุได้เผชิญหน้ากับเจ้าตัวอัปลักษณ์ที่ควรจะโดนระเบิดฝุ่นตายไปแล้วตัวนี้ มันอ้าปากกว้างจนฉีกออกและคำรามออกมาเสียงดัง

. นครหลวงจักรวรรดิลูปุกาน่ากลายเป็นสนามรบเพื่อตัดสินผู้ที่จะได้ครอบครองบัลลังก์แห่งจักรวรรดิที่อยู่ภายในพระราชวังแก้วผลึกอีกครั้ง

และยังเป็นอีกครั้งที่หอรบทั้ง 5 ทิศของเมืองกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักที่มีการต่อสู้ครั้งสำคัญเกิดขึ้น พร้อมๆ กันกับที่พวกสุบารุกำลังเผชิญหน้ากับเจ้าตัวอัปลักษณ์

ซึ่งประกอบไปด้วย…

การ์ฟีล: ยังไหวอยู่โว้ย! จากนี้ไปคือที่เขาเรียกกันว่า “อิฟลูเซ่ไร้โอกาสชนะ” ไงล่ะ ไอ้มังกรเลือดกำเดา!

จิตต่อสู้ของเขาพลั่งพรูออกมาจนลืมกระทั่งความเจ็บปวด เด็กหนุ่มได้ทุ่มทั้งกายและใจอย่างเต็มพิกัดในการท้าทายกับตำนาน เพื่อตอบรับความเชื่อใจที่เขาได้รับมา

(การ์ฟีล vs เมโซเรย์อา/มาเดลิน)

เซซิลุส: เหล่าผู้ชมบนสรวงสวรรค์จงเบิ่งตามองให้ดี ――ว่าโลกจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

ทั้งร่ำร้อง หัวเราะ และเต้นรำ สายฟ้าร่างเล็กฟาดฟันเข้าใส่สุริยาดวงที่สองซึ่งหมดใจยอมแพ้ต่อทุกสิ่ง

(เซซิลุส vs อาราเคีย)

ทันซ่า: ――ในที่สุด ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้งเสียทีค่ะ

ยามที่ได้เห็นสภาพของบุคคลสุดแสนสำคัญอีกครั้ง เด็กสาวเขากวางผู้มีหิมะติดตามมาด้วยก็มิอาจเก็บซ่อนความปิติยินดีในน้ำเสียงของเธอได้

(ทันซ่า & เอมิเลีย & ไอริส/ยอร์น่า)

มีเดียม: ไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหนอีกแล้ว ยอมคุยกับชั้นซะดีๆ พี่บัล

เด็กสาวผู้ร่าเริงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับนักขี่มกรบินบนฟากฟ้าอีกครั้งอย่างโหดร้าย โดยมีจอมเวทคอยให้ความช่วยเหลือเธออยู่

(มีเดียม & รอสวาล vs บัลรอย)

ฮาริเบล: ไรกันเนี่ย เป็นผู้ใช้วิชาที่นิสัยเลวร้ายชะมัดยาด ――ไม่มีความรักอยู่สักนิด

สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเดรัจฉานขนสีดำผู้น่าชิงชังในชุดกิโมโนสีดำคือคำสาปที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าตัวตนของเขาเสียอีก

(ฮาริเบล vs ยูการ์ด)

ศึกแย่งชิงนครหลวงจักรวรรดิ ศึกช่วงชิงหอรบทั้ง 5 ทิศ และศึกเพื่อที่จะสอยดวงดาวให้ร่วงหล่น เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง ณ บัดนี้

. จบตอน