webnovel arc8 chapter48

บทที่ 8 ตอนที่ 48 "คำสาปแห่งหนาม"

“จักรพรรดิพุ่มหนาม” ยูการ์ด วอลลาเคียนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สืบเนื่องจากปกรณัมโศกนาฏกรรมรักที่เรียกขานกันว่า “ไอริสและราชาแห่งหนาม”

มันคือเรื่องราวของความรักระหว่างเด็กสาวจิตใจงดงามนาม “ไอริส” กับองค์จักรพรรดิแห่งวอลลาเคียผู้เป็นที่เกรงกลัวในฉายา “ราชาแห่งหนาม”

เรื่องราวนี้ถูกแต่งเติมเนื้อหาใหม่ไปตามกาลเวลา แต่ใจความหลักยังคงเป็นความรักอันน่าหลงใหลระหว่างไอริสกับราชาแห่งหนามไม่แปรเปลี่ยน

แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเรื่องราวนี้อ้างอิงมาจากประวัติศาสตร์จริง ในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายที่มีแต่การต่อสู้ ความเศร้าโศกเสียใจ และการทรยศหักหลัง

หลังจากที่ทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรก จักรพรรดิยูการ์ดก็ถูกขับไล่ออกจากบัลลังก์โดยเหล่าบริวารที่ก่อกบฏ ยูการ์ดกับไอริสจึงร่วมมือกันทวงคืนบัลลังก์กลับมา

กว่าที่ทั้งสองจะตกหลุมรักกัน ไอริสกับยูการ์ดต้องฝ่าฟันอะไรร่วมกันมากมาย จนพวกเขาสามารถทวงคืนอนาคตที่ปรารถนามาไว้ในมือ แต่แล้วก็มิวายเกิดโศกนาฏกรรมตามมาอีก

กระนั้น ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าวขึ้น ผลงานในการพิชิตชัยและการกลับขึ้นปกครองจักรวรรดิวอลลาเคียได้อย่างสมเกียรติของยูการ์ดก็เป็นของจริง

ด้วยเหตุนั้น “จักรพรรดิพุ่มหนาม” ยูการ์ด วอลลาเคียจึงถูกเรียกขานว่าเป็นจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของวอลลาเคีย

. กรูวี่: ไอ้เวรตะไลเอ๊ยยยยย!!

ตัดกลับมาปัจจุบัน “กรูวี่ กัมเล็ต” กำลังเขวี้ยงเคียวติดโซ่ที่ตัดสายโซ่จนขาดครึ่งหนึ่งออกไป ชั่ววินาทีหลังจากที่มันลอยหลุดจากมือ เคียวติดโซ่ก็ลุกเป็นไฟ

ถ้าหากกรูวี่ตัดสินใจช้ากว่านี้ ร่างของเขาคงไหม้ตามเคียวไปแล้ว ขนทั่วร่างของเขาลุกซู่เมื่อตระหนักได้ถึงความเสี่ยงดังกล่าว

ยูการ์ด: เต้นได้ดีนี่เจ้าหมาน้อย แต่ว่าดวงดาราของข้าเต้นรำได้น่าเชยชมกว่าเยอะ

“ดาบแสงตะวัน” วอลลาเคียคืออาวุธที่ไม่ควรประดาบด้วยมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากอาวุธของคู่ต่อสู้จะลุกเป็นไฟในพริบตาที่คมดาบกระทบกัน

ในฐานะช่างตีดาบ กรูวี่ใฝ่ฝันที่จะตีดาบล้ำค่าที่แสนทรงพลังเช่นนั้นให้ได้สักวัน เขาจึงสาปแช่งวินเซนต์ที่ไม่เคยยอมให้ตนได้ชื่นชมดาบแสงตะวันใกล้ๆ สักครั้ง

ในเมื่ออีกฝ่ายมีอาวุธสุดโกงที่ฟันให้ตายในทีเดียวได้เช่นนี้ กอซกับโมโกรที่เป็นพวกชอบยืนรับการโจมตีคงไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้อย่างแน่แท้

ผิดกับกรูวี่ที่สามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายที่เตี้ยแคระแต่คล่องแคล่วว่องไวของเขาในการหลบหลีกคมดาบสีชาดที่ไล่กระหน่ำเข้ามา

. ถนนหนทางรอบข้างเริ่มถูกเผาติดไฟจากลูกหลงการปะทะ แถมในระหว่างที่กรูวี่หลบหลีกคมดาบสีชาดของดาบตะวันอยู่ ประกายสีดำก็แทรกเข้ามาผ่าโลกาจนแยกออก

กรูวี่: ――เฮือก

นั่นคือคมดาบของ “ดาบอสูร” มุราซาเมะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบคมจนกระทั่งการทำฝักดาบยังเป็นงานยาก โชคดีที่กรูวี่ที่ก้มหัวหลบได้ทันไปอย่างฉิวเฉียด

ผลลัพธ์ของการฟันครั้งเดียวนั้นทำให้อาคารบ้านเรือนในระยะ 10 เมตร ด้านหลังศีรษะของกรูวี่ถูกผ่าจนแยกออกเป็นแนวเอียงตามแนวการฟันของศัตรู

ตามปกติแล้ว “ดาบอสูร” มุราซาเมะเรียกค่าชดเชยในการใช้งานมันอย่างหนักหนาสาหัส คนทั่วไปจึงอาจตายได้จากการกวัดแกว่งดาบเพียงครั้งเดียวเลย

กรูวี่: แต่นี่แม่งฟันชิ้งๆๆๆ อย่างชิวเลยหว่า!

ยูการ์ด: ดวลกันอยู่แท้ๆ เป็นห่วงเราผู้นี้ด้วยงั้นหรือ? เช่นนั้นก็อย่าได้กังวลใจไปเลย คนแคระเฉกเช่นพวกเจ้าน่ะเป็นห่วงแค่ร่างกายของตัวเองก็พอ ผู้ที่จะมาเป็นห่วงเราผู้นี้น่ะ มีแค่ดวงดาราของข้าก็เพียงพอแล้ว

กรูวี่: พล่ามบ้าอะไรวะนั่น!

. ศัตรูของเขาคือผู้ที่สามารถถือครองและใช้งานสองอาวุธสังหารสุดทรงพลังอย่าง “ดาบแสงตะวัน” และ “ดาบอสูร” ได้อย่างช่ำช่อง

พอรวมเข้ากับเส้นผมสีเขียว มงกุฎหนาม และสถานการณ์ที่ผีดิบบุคคลในอดีตคืนชีพกลับมาแล้ว กรูวี่ก็พอจะคาดเดาตัวจริงของศัตรูได้

กรูวี่: ยูการ์ด วอลลาเคีย…

ยูการ์ด: ต่อให้ไม่บอก เราผู้นี้ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นใคร ทว่า ขอชื่นชมความรอบรู้ของเจ้าที่สามารถจดจำเราผู้นี้ซึ่งอยู่ต่างยุคสมัยกันได้

กรูวี่: ถึงจะเห็นงี้ แต่ก็เป็นคนเดียวในหมู่แม่ทัพเอกที่แม่งอ่านหนังสือนะเฟ้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แม่งบอกไปเลยละกัน ชั้นเป็นหนึ่งใน “เก้าแม่ทัพเทวะ” น่ะ

ยูการ์ด: “เก้าแม่ทัพเทวะ”… อ้อ ยังมีอยู่อีกงั้นหรือ ตำแหน่งนั้นน่ะ

กรูวี่: ในยุคสมัยของเอ็ง มันโดนกวาดล้างจนแม่งไม่เหลือเลยสินะ

ระหว่างที่ชวนอีกฝ่ายสนทนา กรูวี่ก็ล้วงไปหยิบเครื่องมือไสยเวทที่มีรูปร่างเป็นขวานด้ามสั้นออกมาสองเล่ม ปัญหาใหญ่ของศึกนี้คือพลังชีวิตของกรูวี่อาจจะหมดก่อน

จนถึงตอนนี้ “คำสาปแห่งหนาม” ของยูการ์ดยังคงผูกรัดหัวใจของกรูวี่เอาไว้ แถมวิธีแก้ทางคำสาปแบบเฉพาะหน้าของเขาก็ใช้ได้ไม่นาน

เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้ใช้อาคมประเภทกระจายคำสาปโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง กรูวี่จึงเผลอนึกว่าเขาจะเป็นจำพวกที่ต่อสู้แบบหลบๆ ซ่อนๆ

หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะออกมาประจันหน้าเขาพร้อมกับอาวุธแสนทรงพลัง ไม่สิ ปัญหาหลักจริงๆ คือผู้ถือครองอาวุธที่ว่าดันเป็นบุคคลที่ฝีมือกล้าแกร่งสุดๆ ต่างหาก

ระบบ “เก้าแม่ทัพเทวะ” มีประวัติการถูกล้มเลิกและการนำกลับมาใช้ใหม่อยู่หลายครั้งหลายคราในหน้าประวัติศาสตร์ของวอลลาเคีย

โดยครั้งแรกที่ระบบนี้สูญหายไปคือในยุคสมัยการปกครองของ “ยูการ์ด วอลลาเคีย” ซึ่งเหตุผลที่ระบบเก้าแม่ทัพเทวะถูกล้มเลิกไปในตอนนั้นก็คือ…

ยูการ์ด: ――ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไอ้เจ้าพวกนั้นที่อ่อนแอกว่าเราผู้นี้ดันหมายปองที่จะปลิดชีพดวงดาราของข้า

เหตุผลก็คือ “เก้าแม่ทัพเทวะ” ในยุคนั้นถูก “จักรพรรดิพุ่มหนาม” สังหารเองกับมือจนไม่เหลือสักคนนั่นเอง

. แน่นอนว่า “เก้าแม่ทัพเทวะ” ในยุคนั้นคงไม่มีพวกที่แข็งแกร่งเหนือสามัญสำนึกของมนุษย์อย่างเซซิลุสหรืออาราเคียอยู่

กระนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคใด ตำแหน่ง “เก้าแม่ทัพเทวะ” ก็คงจะถูกมอบให้แก่นักรบผู้กล้าแกร่งซึ่งเทียบเคียงได้กับกลุ่มของกรูวี่ในปัจจุบันเท่านั้น

กรูวี่ตัดสินใจที่จะรีบจบศึกโดยเร็วก่อนที่ยาพิษจะหมดฤทธิ์ ว่าแล้วเขาจคงกระโจนตัวเข้าไปประชิดยูการ์ด จากนั้นก็ตวัดขวานสั้นในมือสองเล่มใส่

ฝั่งยูการ์ดยกดาบแสงตะวันมาปัดป้องการโจมตี แต่ว่านั่นคือการตอบสนองที่กรูวี่เล็งไว้อยู่แล้ว

ยูการ์ด: อุก…

กรูวี่: เห็นผลชัดดีมั้ยล่ะ ไอ้เวรเอ๊ย!

วินาทีที่ขวานปะทะเข้ากับคมดาบ ใบหน้าของยูการ์ดก็แตกร้าว พร้อมกันนั้นขวานสองเล่มของกรูวี่ก็ติดไฟจนลุกไหม้ แต่ว่าเขาได้ปล่อยมือจากอาวุธไว้ล่วงหน้าแล้ว

ขวานสองเล่มนั้นคือเครื่องมือไสยเวทที่ออกแบบมาเพื่อสังหารศัตรูในชุดเกราะแน่นหนา ตัวด้ามขวานมีการสั่นไหวที่ละเอียดละออจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่

เมื่อคมขวานปะทะเข้ากับอาวุธหรือชุดเกราะ การสั่นไหวจะส่งคลื่นกระแทกเข้าไปทำลายกระดูกและอวัยวะภายในของศัตรู

น่าเสียดายที่ผีดิบอย่างยูการ์ดคงมีโครงสร้างภายในต่างไปจากสิ่งมีชีวิต ความเสียหายเลยไม่ร้ายแรงเท่าที่ควร

. ยูการ์ด: น่าสนใจ ทว่า ถ้ามีเพียงแค่นั้นแล้วล่ะก็…

กรูวี่: ใครบอกว่ามีแค่นั้น? ยังมีอีกโคตรเยอะเลยเฟ้ย เครื่องมือไสยเวทของชั้นน่ะ!

ว่าแล้วกรูวี่จึงหยิบขวานอีกสองเล่มออกมาเขวี้ยงใส่ยูการ์ด คราวนี้ยูการ์ดเลือกที่จะหลบแล้วฟันสวน กรูวี่เองก็กระโจนตัวหลบพลางปาขวานสวนรัวๆ เช่นกัน

กรูวี่: โอร่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!

นั่นคือการเปิดฉากโจมตีแลกกันอย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่าย ระหว่างที่กรูวี่กระหน่ำปาขวานจากทุกทิศทุกทาง ฝั่งยูการ์ดก็คอยหลบและฟันสวนด้วยทั้งดาบแสงตะวันและดาบอสูร

ดูผิวเผินสถานการณ์เหมือนจะสูสี แต่ที่จริงฝั่งกรูวี่เสียเปรียบกว่าเยอะ เนื่องจากพละกำลังที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ จากการใช้พิษและจำนวนเครื่องมือไสยเวทที่มีจำกัด

ไหนจะเรื่องประสิทธิภาพการโจมตี เวลาที่กรูวี่โจมตีเข้าเป้า อีกฝ่ายอาจจะเจ็บหนักพอสมควรก็จริง แต่การโจมตีจากดาบสองเล่มของยูการ์ดนั้นโดนทีเดียวถึงตายทั้งคู่

. กรูวี่รู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่ “เก้าแม่ทัพเทวะ” ที่แกร่งที่สุดตั้งแต่ตอนที่วินเซนต์เรียกตัวเขาไปเข้ารับตำแหน่งและได้พบกับพวกแม่ทัพเอกคนอื่น

เมื่อได้รู้จักกับสหายในหมู่ “เก้าแม่ทัพเทวะ” กรูวี่ก็ตระหนักรู้ว่าแม่ทัพเทวะแต่ละคนต่างก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่แม่ทัพเทวะคนอื่นไม่อาจเทียบเคียงได้อยู่

เซซิลุสโดดเด่นที่สุดด้านความแข็งแกร่ง

อาราเคียโดดเด่นที่สุดด้านพลังทำลาย

โอลบาร์ตโดดเด่นที่สุดด้านความรอบด้านของวิชาที่มี

จิชาโดดเด่นที่สุดด้านความฉลาดหลักแหลม

กอซโดดเด่นที่สุดด้านคุณสมบัติการเป็น “แม่ทัพ”

โมโกรโดดเด่นที่สุดด้านความสามารถในการเอาชีวิตรอด (ฆ่ายาก)

ยอร์น่าโดดเด่นที่สุดด้านพลังที่เหนือสามัญสำนึก

มาเดลินโดดเด่นที่สุดด้านทักษะการต่อต้านกองทัพ

บัลรอยโดดเด่นที่สุดด้านทักษะการต่อต้านบุคคล

ส่วนกรูวี่นั้น โดดเด่นที่สุดเรื่องความดื้อด้านไม่ยอมแพ้และจำนวนของสารพัดวิธีในการสังหารศัตรูที่เขามีอยู่

. กรูวี่: อ่อก

อยู่ดีๆ กรูวี่ที่ดวงตาแดงก่ำก็กระอักเลือดจำนวนมากออกมา เป็นสัญญาณว่าพิษในร่างเริ่มออกฤทธิ์ต่อเม็ดเลือด

ฝั่งยูการ์ดไม่เปลี่ยนสีหน้า เนื่องจากเขาคงคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่ากรูวี่ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อลดความเจ็บปวดจากคำสาป และมันไม่ใช่วิธีการที่ใช้ต่อเนื่องได้นาน

ยูการ์ดรู้ดีว่าฝั่งตนกำลังได้เปรียบแค่ไหน ต่อให้เขาไม่บุกเข้าไปฟัน สุดท้ายกรูวี่ก็คงจะตายเพราะพิษของตัวเองอยู่ดี

แต่ก็เพราะการประเมินสถานการณ์เช่นนั้นที่ทำให้ยูการ์ดคาดไม่ถึงว่ากรูวี่จะเล่นสกปรกด้วยการพ่นเลือดผสมพิษจากปากใส่เขา

ยูการ์ดรีบกระโจนถอยหลังแล้วตวัดดาบแสงตะวันเผาเลือดกับพิษที่สาดเข้ามาให้ระเหยหายไป

ทว่า เป้าหมายของกรูวี่ไม่ใช้การใช้พิษจากเลือด แต่เป็นการทำให้เลือดของเขาไปติดอยู่บนแขนเสื้อของอีกฝ่ายต่างหาก

กรูวี่: โคตรกับดักสังหารไงล่ะ

ยูการ์ด: นี่มัน…

พอกรูวี่ฉีกยิ้มโชว์เขี้ยวที่เปรอะเลือด เครื่องมือไสยเวท “ขวานโลหิต” จำนวนนับไม่ถ้วนที่ยูการ์ดคอยหลบก่อนหน้านี้ก็ถูกดึงให้ตรงดิ่งเข้าหาเขาพร้อมกัน โดยอาศัยเลือดของกรูวี่เป็นสื่อนำ

. ยูการ์ดพยายามหลบวายุขวานโลหิตที่กระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทางด้วยความสามารถทางกายภาพอันยอดเยี่ยม

แต่ด้วยจำนวนขวานอันมหาศาล ยูการ์ดจึงไม่สามารถหลบแบบต่อเนื่องได้ตลอดไป กระนั้น กรูวี่ก็ไม่คิดจะคอยท่าอยู่เฉยๆ เช่นกัน

กรูวี่หยิบลูกตุ้มที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของเคียวติดโซ่ที่ถูกเผาไปออกมา จากนั้นก็เล็งปามันใส่ยูการ์ดที่กำลังวุ่นอยู่กับการหลบพายุขวานโลหิต

ยูการ์ดรีบใช้ใบดาบของดาบแสงตะวันหวดใส่ลูกตุ้ม แต่เขาคิดตื้นไปที่หลงนึกว่าจะสามารถสัมผัสอาวุธใดๆ ของ “เซียนเครื่องมือไสยเวท” กรูวี่ กัมเล็ต ได้

เกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรงทันทีที่ดาบแสงตะวันกระทบกับลูกตุ้ม ร่างของยูการ์ดถูกเพลิงลุกท่วมจนเขาร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดเป็นครั้งแรก

กระนั้นยูการ์ดก็ยังอุตส่าห์ตั้งท่ายืนให้มั่นเพื่อเตรียมรับการจากโจมตีระลอกสองจากขวานโลหิตได้อีก

ขวานเล่มที่หนึ่งจะทำลายกระดูก เล่มที่สองจะทำลายอวัยวะภายใน เล่มที่สามจะทำลายชีวิต ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหากโดนเข้าไปยี่สิบเล่มพร้อมกันจะเป็นอย่างไร

กรูวี่จึงได้มั่นใจในชัยชนะของเขา ทว่า――

ยูการ์ด: ――จงภูมิใจเสีย “เก้าแม่ทัพเทวะ” จากยุคสมัยของเราผู้นี้น่ะ ไม่มีผู้ใดแกร่งสู้เจ้าได้สักคน

ตอนนั้นเองที่ยูการ์ดพุ่งเข้ามาประชิดกรูวี่ในพริบตา เขาตวัดดาบอสูรเฉือนไปโดนใบหูข้างขวาของกรูวี่ที่โน้มหัวหลบ แถมยังเตะอัดลิ้นปี่ต่อทันทีจนกรูวี่กระเด็นถอยหลัง

. ระหว่างที่ร่างยังคงลอยจากแรงเตะ กรูวี่ก็ปลดสายคาดเอวและคว้าเอาดาบปล้องอสรพิษที่ทำจากเขี้ยวของเผ่ามนุษย์งูออกมาตวัดสวน หมายที่จะกุดศีรษะของยูการ์ดที่ไล่ตามมา

ยูการ์ด: หากมีเจ้าอยู่ในบรรดาผู้ก่อกบฏด้วยล่ะก็ ชีวิตของดวงดาราของข้าคงจะตกอยู่ในภยันตรายเป็นแน่

ยูการ์ดกล่าวประเมินฝีมือของกรูวี่พลางใช้ “ดาบอสูร” ผ่าดาบปล้องอสรพิษที่เลื้อยเข้ามาหาคล้ายงูให้ขาดเป็นท่อนๆ อย่างไร้ความปรานี

กรูวี่ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาประกบเท้าสองข้างเข้าหากันเพื่อยิงตะขอติดเชือกสองเส้นออกมาจากปลายขากางเกง โดยหวังที่จะสะบั้นหัวไหล่ของศัตรู

ยูการ์ด: ถือว่ายอดเยี่ยมมากในสถานการณ์เช่นนี้

พอยูการ์ดฟันตัดตะขอติดเชือกทิ้งอย่างง่ายดาย กรูวี่ก็ฉีกผ้าโพกคอของเขาออกมาคลี่บดบังทัศนวิสัยระหว่างทั้งสองชั่วคราว

กรูวี่: ไอ้เวรรรเอ๊ยยยยย!!

จากนั้นกรูวี่ก็ใช้นิ้วเคาะศิลาผลึกมนตราที่ฝังไว้บริเวณลำคอตัวเอง ทันใดนั้นเองก็เกิดคลื่นเสียงคำรามที่แหวกผ่าห้วงอากาศไปอัดกระแทกใส่ยูการ์ด

. กรูวี่ทุ่มทุกอย่างให้กับการโจมตีทีเผลอที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ยูการ์ดแสดงศักยภาพที่แท้จริงของ “ดาบอสูร” ออกมา

ในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ปรากฏการณ์ หรือมโนทัศน์ใดๆ ก็ตาม ทุกอย่างล้วนแต่มีสิ่งที่เรียกว่า “แกนแท้” ซึ่งเป็นตัวแทนของเนื้อแท้ของสิ่งนั้นๆ อยู่

“ดาบอสูร” มุราซาเมะ คือดาบมนตราที่มีคุณสมบัติในการตัด “แก่นแท้” ของสรรพสิ่งให้ขาดเป็นสองซีก

ในอดีต มุราซาเมะเคยเกลียดชังกรูวี่ที่นำมันไปหลอมและตีขึ้นใหม่ จนมันถึงขั้นยอมตัดแก่นแท้ของ “กลิ่น” ตัวเองทิ้ง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครสามารถดมกลิ่นของดาบอสูรได้อีกเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นกรูวี่ผู้มีจมูกที่สามารถดมกลิ่นได้ครอบคลุมเกือบทั่วจักรวรรดิก็ตาม

. เช่นเดียวกับในปัจจุบัน มุราซาเมะสามารถผ่าคลื่นเสียงคำรามของกรูวี่ให้ขาดได้ ศิลาผลึกมนตราบนคอของเขาแตกออกไปตามกันโดยทันที

คมดาบของมุราซาเมะหมายที่จะปลิดชีพกรูวี่ไปพร้อมกัน แต่สายลมที่พัดผ่านมาก็ช่วยชีวิตเขาไว้เสียก่อน

ฮาลิเบล: ให้ตายซี่ หวิดไปแล้วไหมล่ะ รอดมาได้เพราะผมมาเดินเล่นพอดีเลยนะ นายเนี่ย

ผู้บุกรุกสร้างความตกตะลึงให้ทั้งกรูวี่และยูการ์ด เนื่องจากว่าอยู่ดีๆ เขาก็โผล่มาโดยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ตัว

ผู้บุกรุกเตือนให้กรูวี่ในอ้อมแขนของเขาอย่าพึ่งพูด เนื่องจากการการผ่าของดาบอสูรก่อนหน้านี้ตัดเอา “เสียง” ของกรูวี่ไปชั่วคราวด้วย

มนุษย์หมาป่าขนสีดำวางร่างของกรูวี่ลงกับพื้น จากนั้นก็หันไปจดจ้องยูการ์ดด้วยดวงตาที่ตี่จนแทบเหมือนว่าหลับตาอยู่

ฮาลิเบล: อย่างงี้นี่เอง เครื่องมือไสยเวทที่ไล่ตามไม่ว่าจะหนีไปไหนมันก็สะดวกดีอยู่แหละ แต่แค่สละแขนทิ้งหนึ่งข้างก็หมดความหมายไปเลย มิหนำซ้ำ

ดังที่มนุษย์หมาป่ากล่าวมา ก่อนหน้านี้ยูการ์ดรอดจากพายุขวานโลหิตมาได้ด้วยการตัดแขนข้างที่แขนเสื้อเปื้อนเลือดทิ้ง

กรูวี่คาดไม่ถึงว่ายูการ์ดจะยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวเท่าเดิมถึงแม้ว่าจะพึ่งเสียแขนไปข้างหนึ่ง เขาจึงคำนวณผิดพลาดจนเกือบสิ้นท่า

มิหนำซ้ำ แขนข้างขวาของยูการ์ดก็งอกกลับคืนมาทันทีที่มนุษย์หมาป่าขนดำเอ่ยทักขึ้น

กรูวี่: เ..ฮ้..ย ไ..อ้..เ..ว..ร…

ฮาลิเบล: …เดี๋ยวนะ เรียกผมว่าไอ้เวรเลยเหรอ?

กรูวี่: ที่..สำ..คัญ..กว่า..นั้น…

ฮาลิเบล: รู้แล้วจ้า รู้แล้วจ้า ต่อให้ไม่ต้องพูดอะไร ก็เข้าใจหมดแล้ว

มนุษย์หมาป่าจุดกล้องยาสูบ แล้วเป่าควันออกมาหนึ่งฟูด ก่อนที่จะเอ่ยต่อ

ฮาลิเบล: ไรกันเนี่ย เป็นผู้ใช้อาคมที่นิสัยเลวร้ายชะมัดยาด ――ไม่มีความรักเลยสักนิด

ยูการ์ดถอดเสื้อคลุมที่ถูกลูกหลงจากแรงระเบิดจนไหม้ออก ที่บนหน้าอกของเขามี “คำสาปแห่งหนาม” อยู่เช่นเดียวกันกับกรูวี่และมนุษย์หมาป่าขนดำ

. จบตอน