กระทั่งการถูกเย้ยหยันก็เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่ค่อยได้สัมผัส เนื่องจากมีแต่เพียงไอริสผู้เดียวที่เคยแสดงความเห็นต่อตัวยูการ์ด
ยูการ์ด: ――ดวงดาราของข้า
ตอนนั้นเองที่ฮาลิเบลผสานวิชาย่างก้าวแบบพิเศษเข้ากับความเร็วของฝีเท้าเพื่อสร้างภาพติดตาจำนวนมหาศาลให้ปรากฏออกมา
มันคือเทคนิคการลวงหลอกสติการรับรู้ซึ่งต่างออกไปจากการสร้างร่างแยก แต่ยูการ์ดก็ไม่ได้หลงกล เพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงร่างแยกที่ปะปนมาด้วยจำนวน 3 จุด
คือบริเวณเหนือศีรษะ ทางซ้าย และทางขวา ――ดังนั้น ยูการ์ดจึงหันหลังกลับโดยไม่ลังเล และคราวนี้เขาย่างก้าวให้ลึกกว่าเดิมอีกครึ่งก้าว
ยูการ์ด: จงใจกระจายกลิ่นอายที่สัมผัสได้ง่ายออกมา ――เช่นนั้นล่ะก็ ร่างที่ไร้กลิ่นอายก็คือตัวจริงยังไงล่ะ
ฮาลิเบล: อุก
เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่ในมุมอับด้านหลังที่หันไปฟันได้ยาก ยูการ์ดจึงใช้ส่วนก้นของด้ามจับดาบแสงตะวันกระทุ้งเข้าใส่สีข้างของฮาลิเบลจนซี่โครงหักดังลั่น
เท่านั้นไม่พอ ยูการ์ดยังใช้ความร้อนที่ปลายดาบจุดระเบิดเพื่อตอกส่วนด้ามจับของดาบแสงตะวันให้กระแทกซ้ำลึกเข้าไปอีกอย่างรุนแรง
ยูการ์ด: โอ้ววววววว!!
ถึงแม้จะแลกกับการที่ข้อมือตัวเองหัก แต่ยูการ์ดก็สามารถส่งร่างของฮาลิเบลให้กระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงของปราการจนแตกร้าว
. มนุษย์หมาป่าร่างสูงนอนพิงกำแพงในสภาพคอตก แขนขาแผ่ราบ จิตวิญญาณนักรบในตัวยูการ์ดปรารถนาให้ฮาลิเบลลุกขึ้นมาอีก เพื่อที่เขาจะได้พัฒนาฝีมือให้กล้าแกร่งยิ่งกว่านี้
“ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา” ยูการ์ดภาวนาเช่นนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ต่อคู่ต่อสู้ที่ช่วยมอบโอกาสให้เขาพัฒนาทักษะมากขึ้นไปอีก ทว่า…
ยูการ์ด: ――ต้องไปอยู่เคียงข้างดวงดาราของข้า หมดธุระกับเจ้าแต่เพียงเท่านี้แหละ
สุดท้ายความรักที่ยูการ์ดมีต่อไอริสก็เหนือกว่าจิตวิญญาณนักรบและความปิติยินดีที่จะได้พัฒนาฝีมือให้สูงกว่านี้ภายในตัวเขา
ถึงแม้ว่าเขาอาจจะสูญเสียโอกาสในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างฮาลิเบลไปตลอดกาล สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าเหนือกว่าไอริสสำหรับยูการ์ดอยู่ดี
เช่นเดียวกับสมัยก่อนที่เขายอมเลิกล้มความตั้งใจที่จะทอดทิ้งบัลลังก์จักรพรรดิ เนื่องจากยูการ์ดรู้ดีว่าเขาไม่สามารถรักษาไอริสไว้ข้างกายได้ หากว่าตนไร้ซึ่งบัลลังก์
ยูการ์ด วอลลาเคีย คือจักรพรรดิที่ใช้เวลาอยู่ภายในพระราชวังแก้วผลึก ณ นครหลวงจักรวรรดิน้อยกว่าจักรพรรดิองค์ใดในประวัติศาสตร์ของวอลลาเคีย
หลังจากที่เขาสูญเสียไอริสไป ยูการ์ดได้ทุ่มเทเวลาที่เหลืออยู่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือจักรวรรดิตามความต้องการของไอริส
กระทั่งการผลิตทายาทสืบสกุลยังแทบไม่สนใจ เขาเจียดเวลามาให้เรื่องนี้น้อยมาก
. ยูการ์ด: ――ขอชำระแค้นต่อเจ้า มนุษย์หมาป่าขนดำเอ๋ย
ทุกอย่างที่ยูการ์ดทำล้วนแต่ทำเพื่อไอริส ดังนั้น ศัตรูของไอริส เผ่าพันธุ์ที่ทรยศเขาจึงต้องถูกสังหาร ต่อให้ยูการ์ดจะรู้สึกซาบซึ้งต่ออีกฝ่ายมากเพียงใดก็ตาม
ว่าแล้วยูการ์ดจึงเตรียมตวัดดาบแสงตะวันเผาผลาญฮาลิเบลที่ล้มอยู่ แต่แล้วแขนข้างขวาของเขาก็ระเบิดออกจนกุดถึงหัวไหล่
ยูการ์ด: อะไรกัน?
มิหนำซ้ำ ด้วยเหตุผลบางประการ แขนขวากลับของยูการ์ดไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ มันแตกออกคล้ายเศษเครื่องปั้นดินเผาจนดาบแสงตะวันปักลงกับพื้น
ฮาลิเบล: ――ในที่สุด ก็เจอจุดตายสักที
ฮาลิเบลที่ท่าทางเหนื่อยหอบลุกขึ้นมาจุดไฟกล้องยาสูบด้วยการดีดนิ้วเพื่อสูดควันให้เต็มปอดอีกครั้ง
ไม่ว่า “จุดตาย” ดังกล่าวคืออะไร มันคือสิ่งที่ทำให้แขนขวาของยูการ์ดอยู่ในสถานะ “ตาย” อีกครั้ง ฮาลิเบลเผยว่าวิชาดังกล่าวน่าจะสามารถใช้สังหารร่างผีดิบของยูการ์ดได้เช่นกัน
ยูการ์ดกล่าวชื่นชมความจริงใจและความมั่นใจของคู่ต่อสู้ จากนั้นก็หยิบดาบแสงตะวันขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยมือข้างซ้ายที่เหลืออยู่
. แมลงร้ายภายในหน้าอกกู่ร้องให้ยูการ์ดนึกถึงความโลภที่จะพัฒนาตัวเองอีกครั้ง แต่เขาขยี้ความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปทันที เพราะไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าไอริสอีกแล้ว
ยูการ์ด: ――จักรพรรดิรุ่นที่ 61 ยูการ์ด วอลลาเคีย
ฮาลิเบล: ――“จอมพิสมัย” ฮาลิเบล
เมื่อสิ้นสุดการประกาศนาม ร่างของทั้งคู่ก็เลือนหายไปจากจุดเดิมที่ยืนอยู่ ด้วยความเร็วที่ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลง
ระยะห่าง 10 เมตรถูกย่นเข้าประชิดในพริบตา พร้อมกันกับที่คมดาบของยูการ์ดเฉือนท้องนภาด้วยความเร็วสูง สร้างเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนจนสามารถเผาศิลาให้ละลายเป็นของเหลวได้
ฝั่งฮาลิเบลโน้มตัวหลบได้ทัน จึงมีแค่เนื้อไหล่ขวาและแผ่นหลังที่ถูกเผาจนเป็นรอยแดง เขาจ้วงกรงเล็บโจมตีสวนทันที แต่ทางยูการ์ดก็ยกหัวเข่ามาสกัดจนเกิดคลื่นกระแทกจากการปะทะ
ทั้งสองแลกอาวุธกันในระยะประชิดอย่างดุเดือด ฝ่ามือคมมีดปะทะดาบสีชาด ลูกเตะปะทะข้อศอก การอัดกระแทกปะทะการจับยึดร่างกาย
ถึงแม้ว่ายูการ์ดควรจะเสียเปรียบเพราะเหลือแขนเพียงข้างเดียว แต่ร่างกายของทั้งสองต่างก็ค่อยๆ สะสมอาการบาดเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ในปริมาณที่พอๆ กัน
ยูการ์ดจึงพยายามนึกย้อนถึงแนวคิดการก้าวลึกอีกครึ่งก้าวเพื่อไขว่คว้าชัยชนะ
ยูการ์ด: ――“ดาบแสงตะวัน” วอลลาเคีย
ระหว่างที่แลกการโจมตีกันอยู่ ยูการ์ดก็เก็บดาบแสงตะวันคืนสู่ห้วงอากาศที่เป็นฝักดาบ แล้วใช้มือซ้ายที่ว่างลงรับเข่าของฮาลิเบลเอาไว้
ดวงตาของผีดิบและมนุษย์หมาป่าที่ต่างก็เป็นสีทองจดจ้องกัน
ยูการ์ดใช้จังหวะนั้นเรียก “ดาบแสงตะวัน” ออกมาจากฝักดาบซึ่งตัวเขากำหนดให้เป็นห้วงอากาศหลังศีรษะของฮาลิเบล
นั่นคือไม้ตายก้นหีบที่ยูการ์ดพึ่งคิดค้นสดๆ ร้อนๆ โดยอาศัยกลไกของ “ดาบแสงตะวัน” ที่สามารถใช้ห้วงอากาศบริเวณใดก็ได้เป็นฝักดาบ
แต่ฝั่งฮาลิเบลก็อาศัยภาพสะท้อนจากดวงตาอีกฝ่ายในการเอนหลังหลบการจู่โจมทีเผลอได้ทันอย่างฉิวเฉียว
. ฮาลิเบลตีลังกาถอยหลังอย่างต่อเนื่องเพื่อหลบหลีกการโจมตีที่จะตามมา ส่วนยูการ์ดก็ถือดาบแสงตะวันไว้ในมืออีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่ยูการ์ดสังเกตเห็นว่า “กรูวี่ กัมเล็ต” ที่ควรจะล่าถอยไปก่อนหน้านี้กำลังมุ่งหน้าไปยังหลุมยุบบนพื้นถนน ซึ่งยูการ์ดได้ปัก “ดาบอสูร” ทิ้งเอาไว้
เป้าหมายของกรูวี่คงเป็นการนำดาบมุราซาเมะมาให้ฮาลิเบลซึ่งกำลังตีลังกาถอยหลังไปทางหลุมยุบดังกล่าวอยู่พอดี
ยูการ์ด: ประสานงาน ยอดเยี่ยมมาก ――แต่ว่า
การแทรกแซงของกรูวี่ที่เป็นพันธมิตรของฮาลิเบลอยู่แล้วไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของยูการ์ดนัก เขาจึงคิดหาวิธีเอาชนะทั้งสองต่อทันที
ยูการ์ด: ――ไม่ปล่อยให้เอา “ดาบอสูร” ไปได้หรอก
ว่าแล้วยูการ์ดจึงเขวี้ยงดาบแสงตะวันออกไปสุดแรง โดยอาศัยเปลวเพลิงและความร้อนในการเร่งความเร็วให้คมดาบพุ่งแซงหน้าฮาลิเบลไปหากรูวี่ที่อยู่ในหลุมยุบ
ทันทีที่ดาบปักทะลุร่างของกรูวี่ ยูการ์ดตั้งใจจะเรียกดาบแสงตะวันกลับมาประจันหน้ากับฮาลิเบลต่อทันที แถมตัวเขาที่ไม่ได้จับดาบแล้วยังตัวเบาลงจนเริ่มวิ่งไล่ตามฮาลิเบลได้ทัน
. กรูวี่: ――อึก
“ดาบแสงตะวัน” ปักทะลุร่างเตี้ยแคระของกรูวี่บริเวณฝั่งขวาของลำตัวได้ตามเป้าหมาย แต่ในระหว่างที่ยูการ์ดกำลังระแวงการสวนกลับของฮาลิเบลนั้นเอง…
กรูวี่: ――ติดกับแล้วสินะ ไอ้เวรเอ๊ย
กรูวี่ที่กระอักเลือดอยู่หันมาหัวเราะเยาะเย้ยยูการ์ด จากนั้นก็ย่างก้าวอีกหนึ่งก้าวเพื่อยื่นมือไปหา “ดาบอสูร” ที่ปักอยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้หยิบดาบขึ้นมา
ด้วยเหตุผลบางประการ “ดาบอสูร” กระดอนตัวเองให้เด้งออกมานอกหลุมยุบราวกับว่าตัวดาบพยายามหลีกเลี่ยงมิให้มือของกรูวี่สามารถสัมผัสมันได้
กรูวี่: ชั้นน่ะ…ถูกไอ้ดาบเวรนั่นเกลียดเข้าไส้เลยล่ะ…
เรื่องประหลาดที่อยู่เหนือสามัญสำนึกเช่นนั้นถือเป็นคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่พบเห็นได้ในดาบมนตราและดาบเลื่องชื่อ
. “ดาบอสูร” ที่กระดอนแบบขัดหลักฟิสิกส์ หมุนควงกลางอากาศแล้วไปตกอยู่มือของฮาลิเบลพอดี มนุษย์หมาป่าขนดำตั้งท่าชี้ดาบเล็งเข้าหายูการ์ดต่อทันที
ยูการ์ดรีบเรียก “ดาบแสงตะวัน” กลับมาภายในชั่วพริบตา ทำให้หน้าท้องของกรูวี่เกิดเป็นรูจนเลือดทะลัก แล้วฟันแลกดาบกับฮาลิเบลผู้มี “ดาบอสูร” อยู่ในมือ
ฮาลิเบล: สุดยอดจริงๆ ――นี่ถ้าไม่ใช่ผม คงแพ้ยับเยินไปแล้วนะเนี่ย
ยูการ์ด: พูดจาเย่อหยิ่งเหลือเกินนะ แต่ว่า แสดงฝีมือได้เยี่ยมยอดควรค่าแก่การให้อภัย
เพลงดาบของฮาลิเบลเหนือขั้นกว่าสุดยอดเพลงดาบที่ยูการ์ดสำแดงออกมา ผลลัพธ์ทำให้ร่างของยูการ์ด วอลลาเคีย ถูก “ดาบอสูร” ฟันผ่าเป็นแนวทะแยง
“คำสาปแห่งหนาม” ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของฮาลิเบลอีกครั้ง นั่นคือสัญลักษณ์ของความชื่นชมจากใจจริงที่ยูการ์ด วอลลาเคีย มีให้แก่ “จอมพิสมัย” ฮาลิเบล
. จบตอน