“เซรีน่า ดราครอย” กำลังสอดส่องภาพรวมของสนามรบจากที่ศูนย์บัญชาการของเมืองการ์คลา แล้วบ่นพึมพำว่าผู้บัญชาการของฝั่งศัตรูจัดกำลังรบได้ห่วยแตกเหลือเกิน
ปกติสงครามในวอลลาเคียจะต้องคำนึงกำลังรบทางอากาศอยู่เสมอ เซรีน่าจึงจัดกำลังรบให้ชนเผ่าชูดราคเตรียมรับมือน่านฟ้าเอาไว้
แต่ศัตรูกลับส่งผีดิบมกรบินมามาโจมตีแบบเป็นระยะๆ เท่านั้น มันช่างไร้ประสิทธิภาพสิ้นดีทำเอาเซรีน่ารู้สึกหงุดหงิดไปเลย
นอกจากเซรีน่าแล้ว ภายในศูนย์บัญชาการก็ยังมีออตโต้ อนาสตาเซีย และเอคิดน่า(จิ้งจอก) ส่วนเสนาบดีเบลสเต็ตซ์กำลังวุ่นอยู่กับการดูแผนที่และสั่งการผู้ส่งสาร
เซรีน่าคุ้นชินกับบรรยากาศสงครามเช่นนี้ดี มันเคยเป็นภาพลักษณ์ที่ปกติของวอลลาเคียก่อนที่วินเซนต์จะขึ้นครองราชย์
ตัวเซรีน่าเองตีความกฎเหล็กของวอลลาเคียว่า “สิ่งล้ำค่าย่อมได้มาจากความขัดแย้งและการสู้รบเท่านั้น” เธอจึงเข้ากันได้ดีกับวิถีจักรวรรดิ เพราะงั้น…
เซรีน่า: ――ไม่มางั้นรึ บัลรอย
ทัพหน้าสุดของทั้งสองฝั่งแลกดาบกันไปได้สักพักใหญ่ จนต่างฝ่ายต่างสูญเสีย กระนั้นน่านฟ้าก็ยังคงว่างเปล่าไร้วี่แววของ “มือปืนกระสุนมนตรา”
ถ้าหากว่าเขาคนนั้นตั้งใจจะมาที่สนามรบแห่งนี้ ป่านนี้หัวใจของเซรีน่าคงถูกยิงทะลุไปนานแล้ว นั่นแหละคือสาเหตุที่เธอตั้งใจยืนอยู่ใกล้บานหน้าต่าง
. เซรีน่าเก็บบัลรอยมาเลี้ยงดูตั้งแต่เขายังเป็นเด็กน้อยเนื้อตัวสกปรก จนเขาเติบใหญ่ ถูกฆ่าตาย และคืนชีพกลับมาเป็นผีดิบ
ที่ผ่านมาเซรีน่ายังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าผีดิบบัลรอยเลยสักครั้ง แล้วในศึกครั้งนี้ก็ยังไร้วี่แววที่เขาจะบุกมายังเมืองการ์คลาอีกต่างหาก ราวกับว่าเขากำลังหลบหน้าเธออยู่
เซรีน่า: …นายน่ะ อยากจะเกลียดฉันสักเท่าไหร่ก็เชิญเลย
อนาสตาเซีย: แค่นั้นก็น่าจะพอได้แล้วใช่ไหมล่ะ?
อนาสตาเซียและเอคิดน่า(จิ้งจอก)ดูออกว่าเซรีน่าตั้งใจจะทำอะไร เซรีน่าจึงพูดติดตลกว่าต่อให้เธอถูกสอยหัวระเบิด คนอื่นในห้องนี้ก็น่าจะสามารถรักษาสติและสั่งการต่อได้
ในเมื่อบัลรอยไม่โผล่มา เซรีน่าจึงเปลี่ยนใจว่าถ้าหากสถานการณ์เข้าตาจน เธอตั้งใจจะให้หน่วยมกรบินในสังกัดที่เก็บไว้เป็นไพ่ตายเข้าร่วมศึกทันที
แต่ที่น่ากังวลคือฝั่งศัตรูเองก็น่าจะมีเหตุผลที่ยังกั๊กนักขี่มกรบินไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นเองที่ผู้ส่งสารเปิดประตูศูนย์บัญชาการเข้ามาเสียงดังสนั่น
ผู้ส่งสาร: ขออนุญาตขอรับ!
เบลสเต็ตซ์: รายงานให้กระชับ
ผู้ส่งสาร: ขอรับ! เป้าหมายสำคัญที่ให้ระวังไว้โผล่มาแล้วขอรับ! ยืนยันการพบตัวหน่วยมกรบินข้าศึก!
เซรีน่า: ――ไม่จริงน่า
ทันทีที่ได้ยินรายงาน เซรีน่าก็รีบมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่กลับไม่พบเงาของหน่วยมกรบินบนน่านฟ้าฝั่งที่ทัพศัตรูบุกมาเลย ผู้ส่งสารจึงรายงานต่อว่า…
ผู้ส่งสาร: ――หน่วยมกรบินข้าศึกบินอ้อมหุบเขาใหญ่ด้านหลังป้อมปราการใหญ่และลุกร้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าของป้อมปราการแล้ว! ทหารข้าศึกถูกปล่อยตัวลงมา ทำให้ผีดิบบุกเข้ามาในตัวเมืองแล้วขอรับ!
. มีเดียม โอคอนเนล นั้น มี “พรคุ้มครองแห่งความเบิกบาน” อยู่
คุณสมบัติของมัน คือ ยิ่งผู้ถือครองมีจิตใจเบิกบานและมีแรงกระตุ้นสูงมากเท่าไร ความสามารถทางกายภาพของเจ้าตัวก็ยิ่งสูงขึ้นตามเท่านั้น
มีเดียมไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตนเองมี “พรคุ้มครองแห่งความเบิกบาน” อยู่ ฟล็อปผู้เป็นพี่ชายเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
แต่ทุกครั้งที่มีเดียมรู้สึกฮึกเหิมทำนองว่า “ต้องพยายามสักหน่อยแล้ว!” หรือเวลาที่พี่ชายบอกเธอว่า “พยายามเข้า!” มีเดียมก็จะรู้สึกว่าร่างกายของตนแกร่งขึ้นอยู่เสมอ
ด้วยเหตุนั้น พรคุ้มครองดังกล่าวจึงกลายเป็นความแข็งแกร่งแบบลับๆ ของพี่น้องโอคอนเนล ทั้งที่สองพี่น้องจอมร่าเริงคู่นี้ไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
“พรคุ้มครองแห่งความเบิกบาน” มีข้อเสียคือความแข็งแกร่งของผู้ถือครองจะขึ้นอยู่กับภาวะทางอารมณ์ ดังนั้น ความแข็งแกร่งจึงลดลงตอนที่เจ้าตัวอารมณ์ดิ่งเช่นกัน
ปกติแล้ว “พรคุ้มครองแห่งความเบิกบาน” เข้ากันได้ดีกับมีเดียมผู้ร่าเริงและมองแง่บวกอยู่เสมอมากๆ แต่ก็มีบางครั้งที่เกิดเหตุร้ายจนจิตใจของเธอดิ่งวูบลง
ครั้งแรกคือตอนที่ “ไมลซ์” หนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเธอตายจากไป
ครั้งที่สองคือตอนที่ “บัลรอย” สมาชิกครอบครัวอีกคนมาเสียชีวิตตามไป
และครั้งที่สามคือตอนที่บัลรอยฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นผีดิบ
. ทว่า สถานการณ์ปัจจุบันมันไม่คอยท่าให้เธอมัวแต่ร้องห่มร้องไห้อยู่หลายวันเหมือนสองครั้งแรก
ต่อให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะเศร้าที่สุดในชีวิต ต่อให้มันจะทำให้หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ “มีเดียม โอคอนเนล” ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะหยุดร่ำไห้
ในตอนที่เธอเก็บตัวเศร้าซึมอยู่ในห้องพัก ฟล็อปได้มาเยี่ยมหาและกล่าวขอโทษที่เขาไม่ได้คำนึงถึงความเป็นไปได้ที่บัลรอยจะคืนชีพกลับมา
มีเดียม: หนูน่ะ รักพี่จ๋าที่สุดเลย
ฟล็อป: อา ดีใจมากเลย ขอบคุณนะ พี่เองก็รักน้องเหมือนกัน
มีเดียม: หนูน่ะ รักทั้งพี่เซรี แล้วก็รักพี่ไมลซ์ที่สุดเลยด้วย
ฟล็อป: นั่นสิเนอะ เรื่องนั้นไม่เคยกังขาหรอก แน่นอนว่าพี่เองก็รักสองคนนั้นที่สุดเหมือนกัน
มีเดียม: …หนู…รักพี่บัลที่สุดเลยเหมือนกัน
ฟล็อป: อื้อ
ฟล็อปปล่อยให้น้องสาวที่สะอื้นไห้ไม่หยุดกดศีรษะซุกตัก เขาเพียงแค่คอยพยักหน้าและตอบรับอยู่เงียบๆ
มีเดียม: ทั้งที่หนู รักเขาที่สุดแท้ๆ แต่กลับไม่ได้คิดถึงคนที่รักที่สุดเลย
มีเดียมไม่เคยคำนึงถึงโอกาสที่บัลรอยจะกลับมาเป็นผีดิบเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะว่าเธอโง่ แต่เพราะเธอเลือกที่จะไม่ยอมรับความจริง เลือกที่จะไม่คิดถึงความเป็นไปได้
มีเดียมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เธอไม่สามารถห้ามบัลรอยมิให้ทำเรื่องมุทะลุเกินตัวเพราะการเสียชีวิตของไมลซ์ได้
ทั้งๆ ที่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความตายของไมลซ์มันกัดกินจิตใจของบัลรอยจนสุดท้ายเขาตัดสินใจวางแผนลอบสังหารวินเซนต์และต้องมาตายจากไปอีกคน
. ฟล็อปวิเคราะห์ว่าถ้าหากหัวหน้าฝั่งศัตรูรู้ทันแผนการของวินเซนต์ บัลรอยจะต้องรออยู่ที่นครหลวงลูปุกาน่าเพื่อลอบสังหารวินเซนต์อย่างแน่นอน
นิสัยที่อยากเป็นคนลงมือจบศึกโดยเร็วที่สุดของบัลรอยนั้นไม่เคยแปรเปลี่ยน และมันก็เป็นสิ่งที่สองพี่น้องโอคอนเนลคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ในเมื่อฟล็อปไม่สามารถต่อสู้ได้และเป็นเพียงตัวถ่วง เขาจึงอยากฝากฝังให้มีเดียมติดตามวินเซนต์ไปเผชิญหน้ากับบัลรอยที่ลูปุกาน่าแทนตนเอง
เพียงได้ฟังเรื่องนั้น มีเดียมก็เริ่มกลับมาอารมณ์ดีแถมยังหยุดร้องไห้ ฟล็อปมักจะรู้ดีอยู่เสมอว่าควรพูดอะไรถึงจะทำให้น้องสาวของเขาเบิกบานใจ
แถมเขายังเตรียมแผนการไว้แล้วว่าจะโน้มน้าววินเซนต์ให้ยอมพาตัวมีเดียมไปด้วยได้อย่างไร
ฟล็อป: ในเมื่อต่อให้น้องบอกว่าอยากจะไปด้วยขนาดไหน องค์จักรพรรดิคุงก็คงไม่ยอมตกลง ถ้างั้นก็ต้องคำนึงถึงวิธีการโน้มน้าวที่จะทำให้เขายอมตกลงอย่างถี่ถ้วน จริงไหมล่ะ อย่าได้กังวลไปเลย จุดอ่อนขององค์จักรพรรดิคุงน่ะรู้ดีอยู่แล้ว
มีเดียม: สุดยอดเลยค่า! สมกับที่เป็นพี่จ๋า! แล้วจุดอ่อนของอาเบลจินคืออะไรล่ะ?
ฟล็อป: ――แน่นอนว่า “ความรัก” ยังไงล่ะ
ถ้าหากเป็นคนอื่น คนที่ได้ยินคำตอบอย่างมั่นใจของฟล็อปคงจะทำหน้าฉงนไปแล้ว แต่สำหรับมีเดียม เธอมักจะตอบรับต่อความคิดของพี่ชายเช่นนี้เสมอ
มีเดียม: สมกับที่เป็นพี่จ๋า! พึ่งพาได้เสมอเลยนะ!
. สุดท้าย “มีเดียม โอคอนเนล” ก็ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิก “หน่วยกอบกู้จักรวรรดิวอลลาเคียจากความพินาศ”
มีเดียมไม่นึกมาก่อนเลยว่าการได้พบพานกับสุบารุ เรม และสปิก้าที่เมืองกัวลาลจะพาตัวเธอมาถึงจุดนี้
ความใจดีของสองพี่น้องในตอนนั้นทำให้สุบารุมอบโอกาสให้มีเดียมได้เป็นผู้จัดการ “มือปืนกระสุนมนตรา” บัลรอย เทเมกริฟ โดยที่มีผู้ช่วยเหลือที่วางใจได้อีก 1 คน
มีเดียม: ขอบใจนะ รอสจิน ที่ยอมมาช่วยเป็นพลังให้ชั้น
รอสวาล: ม่ายร้อก~ ทางฉันเองก็ซาบซึ้งใจยอมให้ตามมาช่วยด้วยเหมือนกาน~ ว่ากันตามตรง คู่ต่อสู้ที่เธอปรารถนาจะเผชิญหน้าน่ะเป็นศัตรูที่แกร่งไม่ธรรมดาเลยล่ะ ยิ่งมีไพ่อยู่ในมือมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
มีเดียม: …? แต่ชั้นเป็นผู้หญิงไม่ใช่ไพ่นะ?
รอสวาล: อุ๊ยตายล่ะ ไทป์เดียวกับท่านเอมิเลียสิน้า~
ขณะนี้ทั้งสองกำลังบินอยู่บนน่านฟ้าด้วยเวทมนตร์ของรอสวาล โดยที่รอสวาลคอยประคองร่างของมีเดียมเอาไว้
ถึงแม้จะเคยขึ้นนั่งบนหลังมกรบินมาก่อน แต่นี่ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่มีเดียมเคยได้โบยบินกับมนุษย์เลย
มีเดียม: เคล็ดลับของการโบยบินบนท้องฟ้าก็คือการเชื่อใจคนที่บินไปด้วยกัน แล้วปล่อยให้คนๆ นั้นจัดการทุกอย่างยังไงล่ะ!
รอสวาล: เคล็ดลับการใช้ความกล้าเข้าว่านั่นน่ะ ถ้าเอาไปสอนให้ออตโต้คุงกับเพทร่าคุงที่ไม่คุ้นชินกับการบินเสียทีได้ก็คงดีสิน้า~
. มีเดียมสัมผัสได้ว่ารอสวาลไม่ค่อยถูกกับคนอื่นนัก เธอเดาว่าเขาคงจะเป็นคนประเภทเดียววินเซนต์ ตีตัวออกห่างผู้อื่น เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวด
มีเดียม: แต่ว่า ถ้ามัวแต่ทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ระวังจะเสียใจทีหลังเอานะ
รอสวาล: …
มีเดียม: เพราะงั้น ชั้นจะแสดงตัวอย่างให้ทั้งรอสจินกับอาเบลจินได้เห็นเอง
ตอนนั้นเองที่ทั้งสองได้ยินเสียงคำรามของ “มังกร” ที่มีหมู่เมฆรายรอบดังกึกก้องขึ้นมา การ์ฟีลกำลังรับมือมังกรตัวนั้นอยู่ตามที่ได้วางแผนเอาไว้
มีเดียมสูดหายใจลึกๆ เพราะเธอรู้ดีว่าจากนี้ไป พวกตนไม่สามารถถอยหลังกลับได้อีกแล้ว
มีเดียม: รอสจิน
รอสวาล: มาเริ่มกันเถอะ อะไรเล่า อย่าได้กังวลไปเลย ――ฉันน่ะ คือจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้เชียวนะ
ทันทีที่กล่าวจบ รอสวาลก็เริ่มกระหน่ำยิงเปลวเพลิงจากเหนือหมู่เมฆ โดยเล็งยิงไปที่พระราชวังแก้วผลึก
กระทั่งว่าตอนที่มือขวาของเขากำลังร่ายเวทระดับสูงเช่นนั้น มือซ้ายของรอสวาลก็ยังคงสามารถร่ายเวทมนตร์โบยบินให้ตัวเขากับมีเดียมไปพร้อมๆ กันได้
ราวกับว่าเขาสามารถแยกประสาทระหว่างปาก ตา สมอง และแขนสองข้างให้ทำงานที่สลับซับซ้อนคนละอย่างกันได้
. มีเดียมเลือกที่จะไม่รบกวนสมาธิรอสวาลและจดจ่อความสนใจไปยังกระสุนเพลิงที่ถูกยิงจนระเบิดกับมกรบินที่โบยบินฝ่าน่านฟ้าสีแดงฉาน
ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นอีกฝ่ายที่อยู่ไกลออกไปตัวเล็กเท่าจุด แต่มีเดียมก็รู้ดีว่านั่นคือบุคคลที่เธออยากเห็น อยากพูดคุย และอยากสัมผัส
ขณะนี้ “พรคุ้มครองแห่งความเบิกบาน” กำลังสำแดงประสิทธิภาพออกมาในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่ “มีเดียม โอคอนเนล” ถือกำเนิดมา
ความนึกเสียใจไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มีเดียมตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องการจะทำอะไร เธอได้รับมอบหมายมาจากพี่ชายให้เผชิญหน้ากับบุคคลที่รักโดยที่มีผู้ช่วยที่พึ่งพาได้อยู่ข้างกาย
มีเดียม: ไม่ยอมปล่อยให้หนีไปไหนอีกแล้ว ยอมคุยกับชั้นซะดีๆ พี่บัล
ชั่ววินาทีต่อมา มีเดียมก็ชักมีดพร้าขึ้นมาฟันกระสุนแสงที่อีกฝ่ายเปิดฉากยิงเข้ามาจากระยะไกล แรงกระแทกสะเทือนไปทั่วร่างของมีเดียม แต่รอสวาลที่อุ้มเธออยู่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
นั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของการศึกเหนือเวหาจากระยะไกลที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิวอลลาเคีย
. จบตอน