วินาทีที่บัลรอยได้เห็นกำแพงสีรุ้งตรงหน้า เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดทำงานอย่างหนักทั้งที่มันเป็นร่างกายที่ตายไปแล้ว
รอสวาลประเมินได้ถูกต้องว่าบัลรอยจดจำการตายของตนเองไม่ได้ เขาจำได้เพียงแค่เหตุโกลาหลที่นำไปสู่ความตายและเหตุผลที่ตนเข้าร่วมการก่อกบฏ
แต่ไม่ว่าบัลรอยจะพยายามนึกแค่ไหน สาเหตุการตายของเขาก็ยังเลือนลางอยู่ดี ทั้งที่ผีดิบตัวอื่นไม่มีใครลืมสาเหตุการตายเหมือนอย่างเขาเลย
บัลรอยเคยตั้งทฤษฎีว่าเขาอาจจะถูกสหาย “เก้าแม่ทัพเทวะ” อย่างเซซิลุส โมโกร หรือกรูวี่สังหาร หลังความแตกเรื่องเข้าร่วมการก่อกบฏ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่บัลรอยจดจำได้ดี นั่นคือสาเหตุที่ตัวเขาเข้าร่วมการก่อกบฏนั้นเกี่ยวข้องกับคนของทางราชอาณาจักรลูกุนิก้า
ความเป็นไปได้เดียวที่บัลรอยนึกออกจึงเหลือแค่เขาพ่ายแพ้การต่อสู้เพราะถูกปิดกั้นเส้นทางหลบหนี
. ตอนที่บัลรอยจู่โจมขบวนรถมกรพ่วงเพื่อช่วยเหลือ “ลาเมีย ก็อดวิน” ออกมา มีใครบางคนสร้างกำแพงสีรุ้งเพื่อป้องกัน “กระสุนมนตรา” ของบัลรอย
หลังจากที่เห็นกำแพงสายรุ้งดังกล่าวเป็นครั้งแรก บัลรอยก็เริ่มมั่นใจในทฤษฎีของเขาและคอยเก็บกระสุนสำรองเผื่อเอาไว้หนึ่งนัดเสมอเพื่อใช้หลบหนีจากสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้วยเหตุนั้น “กระสุนลับ” ที่บัลรอยเตรียมเอาไว้จึงเจาะทะลุกำแพงสีรุ้งที่จอมเวทสร้างขึ้น เปิดช่องโหว่ให้คาริยอนบินทะลุออกไปโดยแลกกับการได้รับบาดแผลเต็มตัว
แล้วในระหว่างที่มกรคู่หูกำลังฟื้นฟูบาดแผล บัลรอยก็เล็งหอกและบรรจุกระสุนมนตราเพื่อยิงปิดฉากศัตรูโดยทันที
บัลรอย: เข้าเป้า
เนื่องจากยังคงมีเศษน้ำแข็งขวางวิถีการยิงอยู่มาก บัลรอยจึงตั้งใจยิงกระสุนแสงแบบ “ลูกกระดอน” ที่เด้งสะท้อนไปมาระหว่างเศษน้ำแข็งจนสุดท้ายไปเจาะทะลุแผ่นหลังของจอมเวท
สิ่งเดียวที่รอสวาลประเมินพลาดไปก็คือนี่ดันไม่ใช่ครั้งแรกที่บัลรอยเคยเห็นเวทมนตร์กำแพงสีรุ้ง หากแต่เป็นครั้งที่สองต่างหาก
. มีเดียม: ――รอสจิน!!
ก่อนหน้านี้รอสวาลใช้ข้อจำกัดที่ว่า ถ้าหากบัลรอยยิงเขา มีเดียมก็จะร่วงลงไปตายโดยที่บัลรอยบินไปช่วยไม่ทัน เนื่องจากเขาเว้นระยะห่างมากเกินไป
แต่ในปัจจุบัน บัลรอยกับคาริยอนย่นระยะมาอยู่ใกล้มากพอที่จะบินไปรับมีเดียมได้ทันก่อนที่เธอจะโหม่งโลกแล้ว เขาแค่อาจจะต้องยอมทนฟังมีเดียมด่านิดหน่อยเท่านั้น…
มีเดียม: รอสจิน?
บัลรอย: เหอ…
แต่แล้วตอนนั้นเองที่อยู่ดีๆ รอสวาลก็ตัดสินใจเขวี้ยงมีเดียมออกไป ทำให้ร่างของเธอกำลังจะโหม่งพื้นโลกก่อนรอสวาลที่ร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วง
วินาทีที่สายตาของทั้งสองจดจ้องกัน บัลรอยก็เข้าใจแผนการชั่วร้ายของอีกฝ่ายทันที รอสวาลตั้งใจบีบบังคับให้เขารีบไปช่วยมีเดียมก่อน
บัลรอยไม่หลงกล เขาประเมินว่าตนเองสามารถยิง “กระสุนมนตรา” อัดใส่รอสวาลที่กำลังแสยะยิ้มอยู่ได้หนึ่งนัดก่อน แล้วค่อยรีบบินไปช่วยมีเดียมก็ยังทัน
ทว่า คาริยอนรีบส่งเสียงร้องเตือนบัลรอย เนื่องจากบริเวณที่มีเดียมกำลังจะหล่นไปกระแทกนั้นมีเศษน้ำแข็งอันแหลมคมรออยู่เพียบราวกับเป็นหุบเขาดาบ
ชั่วพริบตานั้น บัลรอยสามารถจินตนาการถึงภาพในอนาคตที่ร่างของมีเดียมถูกคมดาบน้ำแข็งเฉือนจนขาดเป็นชิ้นๆ
ไม่จำเป็นต้องมัวเสียเวลาคิดว่าอีกฝ่ายทำเช่นนั้นกับพรรคพวกตัวเองไปทำไม การใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งที่มีเพื่อชัยชนะมันคือเนื้อแท้ของจอมเวทอยู่แล้ว
. บัลรอยเหลือโอกาสสุดท้ายในการตัดสินใจ เขาต้องเลือกว่าจะยิง “กระสุนมนตรา” ไปที่จอมเวทหรือเศษน้ำแข็งแหลมคมที่กองเป็นภูเขา
ซึ่งแน่นอนว่า บัลรอย เทเมกริฟ นั้น เกลียดชังการตายของพวกพ้องเหนือสิ่งอื่นใด
บัลรอย: ――ใช่ไหมล่ะ พี่ไมลซ์
พริบตาต่อมา “กระสุนมนตรา” ก็ถูกกระหน่ำยิงออกไปจากปลายหอกเพื่อทำลายเศษน้ำแข็งที่กำลังจะเฉือนร่างของมีเดียมจนหายไปหมดสิ้น
รอสวาล: ――สาเหตุที่นายแพ้ ก็เพราะว่าไม่ยอมยึดติดอยู่กับสิ่งสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวยังไงล่ะ
ทันทีที่กล่าวจบ รอสวาลก็ยิง “กระสุนมนตรา” ไปเจาะทะลุหน้าอกของบัลรอยและปีกของคาริยอนในคราเดียว ศึกกลางเวหาอันดุเดือดจึงปิดฉากลง
. จบตอน