การ์ฟีล: ห๊ะ?
พอรู้ตัวอีกที “การ์ฟีล ทินเซล” ก็พบว่าตัวเขากำลังนั่งเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ในสถานที่มืดสลัวไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่ทราบแน่ชัดว่ามาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร
การ์ฟีล: นี่มัน ที่ไหนกันเนี่ย…
การ์ฟีลพยายามใช้จมูกดมกลิ่นหาข้อมูล จริงอยู่ว่าความสามารถการดมกลิ่นของเขาดีเทียบเคียงมนุษย์สุนัขได้เลย แต่สถานที่แห่งนี้ดันมีแต่กลิ่นที่คลุมเครือ
นอกจากเพดานที่สูงแล้ว จุดสังเกตอีกอย่างคือเก้าอี้ที่เรียงรายเป็นแถวหลายแถวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยที่การ์ฟีลนั่งอยู่ตรงแถวกลางๆ พอดี
การ์ฟีล: นี่มัน ดูคล้ายกับโรงละครที่เอาไว้ดูการแสดงเลยนะเนี่ย
ทันทีที่การ์ฟีลตระหนักรู้ว่าตัวเขานั่งอยู่กลางที่นั่งคนดูภายใน “โรงละคร” ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นมา เป็นสัญญาณว่าการแสดงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ม่านถูกเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นเวทีที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง แต่สิ่งที่อยู่บนเวทีกลับทำให้การ์ฟีลขมวดคิ้วด้วยความสับสน
การ์ฟีล: …แมวเรอะ?
ที่บนเวทีมีแมวขนสีเทาตัวจิ๋วขนาดประมาณแค่ฝ่ามือกำลังยืนสองขาอยู่ 3 ตัว ทั้งสามตัวหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่สวมอุปกรณ์ประกอบฉากแตกต่างกัน
แมวตัวหนึ่งสวมวิกผมสีทอง อีกตัวสวมวิกผมสีแดง และตัวสุดท้ายสวมปุยฝ้ายสีขาวไว้บนหัว
. แมวทั้งสามตัวเดินแยกไปประจำตามจุด แล้วเริ่มการแสดงด้วยการที่แมวผมทองกับแมวปุยฝ้ายขาวพุ่งเข้ามาต่อสู้กัน โดยที่มีแมวผมแดงได้แต่ยืนมอง
การ์ฟีล: อะไรกันฟะเนี่ย…
ฉากหลังของการแสดงเป็นทัศนียภาพของเมือง ซึ่งฉากอาคารบ้านเรือนสามารถพังทลายตามการต่อสู้แบบไม่จริงจังระหว่างแมวสองตัวได้
การ์ฟีลเริ่มนึกออกว่าแมวขนเทาที่เป็นตัวนำแสดงหน้าตาเหมือนกับมหาวิญญาณที่เอมิเลียกับเบียทริซมักจะตามตื๊อให้สุบารุช่วยวาดภาพให้
เขาจึงลุกขึ้นโวยวายด้วยทำความฉงนต่อสถานการณ์ ซึ่งทำให้แมวทั้งสามตัวตกใจจนหยุดการแสดงไป
รัม: ――บ้าบอจริงนะ รบกวนนั่งลงด้วย การ์ฟ มารยาทของการชมละครเวทีคือการนั่งดูเงียบๆ ถูกไหม คิดจะรบกวนการแสดงรึไง?
หญิงสาวผมสีชมพู “รัม” โผล่มานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ การ์ฟีล ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันว่างอยู่ เธอดึงผ้าคาดเอวเพื่อลากให้เขานั่งลงแล้วบอกแมวสามตัวให้แสดงต่อได้เลย
การ์ฟีล: รัม นี่เธอ มาทำอะไรอยู่ที่นี่น่ะ? แล้วเจ้าพวกนี้มันยังไงกัน?
รัม: การ์ฟ
การ์ฟีล: จริงด้วย ขอฟังความเห็นของรัมหน่อยสิ ว่ากันตามตรง แทนที่จะปล่อยให้ชั้นคนนี้คิดคนเดียว สู้ให้รัมช่วยคิดยังจะดีกว่า
รัม: ――การ์ฟ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ?
น้ำเสียงสงบนิ่งของรัมทำให้การ์ฟีลหยุดแตกตื่น เขาสังเกตเห็นว่าสายตาของเธอยังคงจดจ่อไปที่การแสดงของพวกแมวบนเวที
ท่ามการตีกันแบบดูไม่จริงจังของแมวสามตัวนั้น จู่ๆ แมวปุยฝ้ายขาวก็ผลักแมวผมทองให้กระเด็นออกไป จากนั้นแมวผมทองก็ถูกฉากหลังหล่นทับ
รัม: การ์ฟ
การ์ฟีลหันหน้าจากการแสดงประหลาดบนเวทีกลับมาจ้องตาหญิงที่เขารัก แต่วินาทีนี้สัญชาตญาณอันตรายในตัวเขามันกำลังร้องเตือนภัยรัวๆ
รัม: นายน่ะ กำลังจะตายนะ
. ความทรงจำที่เริ่มไหลย้อนกลับมาทำให้การ์ฟีลรู้ตัวว่าแมวผมทองคือตัวเขา ส่วนแมวปุยฝ้ายขาวคือ “มังกรเมฆา” และแมวผมแดงก็คือตาลุงผมแดง(ไฮน์เคล)
การ์ฟีลรีบลุกจากที่นั่งเพื่อหาทางกลับ แต่รัมกลับดึงสายสร้อยคอของเขาเพื่อรั้งไว้เสียก่อน
สุบารุ: ช้าก่อนๆ การ์ฟีล ถูกของท่านพี่เขานะ ขอเวลานอกก่อนเถอะ
สุบารุที่นั่งอยู่ข้างการ์ฟีลทางฝั่งตรงข้ามกับรัมช่วยออกปากห้ามมวยอีกแรง เขาเป็นสุบารุในร่างโตที่การ์ฟีลไม่ได้เห็นมาสักพักแล้ว
ที่บนตักสุบารุมีเบียทริซนั่งอยู่ด้วยและที่นั่งถัดจากเขาก็มีเอมิเลียนั่งอยู่ ทั้งสองสาวกำลังจดจ่ออยู่กับการแสดงของแมวสีเทานามว่า “พัค” บนเวทีแบบตาไม่กระพริบ
ออตโต้: ถ้าจำไม่ผิด พื้นที่แห่งนี้มันอ้างอิงมาจากโรงละครในความทรงจำสินะครับ จำได้ไหม โรงละครที่ทุกคนได้รับเชิญให้ไปชมการแสดงเกี่ยวกับการพิชิตวาฬขาวน่ะครับ
เพทร่า: ก็คุณการ์ฟน่ะ ชอบละครเวทีมากเลยนี่คะ ตอนนั้นฉันเองก็สนุกมากเหมือนกัน ก็เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกอยู่
การ์ฟีลหันตามเสียงไปเห็นออตโต้ เพทร่า เฟรเดริก้า และริวซูนั่งอยู่แถวข้างๆ ถัดจากรัม ซึ่งตอนนั้นเองที่รัมดึงผ้าคาดเอวให้เขานั่งลงอีกครั้ง
. รัม: เป็นไงบ้าง? ใจเย็นลงบ้างหรือยัง?
การ์ฟีล: สถานการณ์ที่เหมือน “การล้อมโจมตีแห่งดากราแฮม” อย่างงี้จะไปสงบใจได้ยังไงเล่า! ที่ยอมนั่งนี่ก็เพราะหัวเข่าไม่มีเรี่ยวแรงล้วนๆ …นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
รัม: อย่างน้อยตอนนี้ ก็พร้อมที่จะฟังเรื่องที่รัมอยากพูดแล้วสินะ แบบนั้นแหละดีแล้ว
เรม: สมแล้วล่ะค่ะ ท่านพี่
การ์ฟีล: เหวอ!?
เรมที่นั่งอยู่แถวด้านหน้าหันมาชื่นชมพี่สาวฝาแฝด แต่เธอกลับเมินเฉินการ์ฟีลเหมือนเขาไม่มีตัวตน ต่างจากคนอื่นในโรงละคร
สุบารุกล่าวเสริมว่าการ์ฟีลคงยังมี “อิมเมจ” ของเรมที่ไม่ชัดเจนมากพอ เรมในโรงละครที่เขาจำลองขึ้นในหัวจึงยังไม่สมบูรณ์
การ์ฟีลยังคงสงสัยว่าทำไมเรมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งที่ตัวเขายังไม่ได้สนิทสนมหรือรู้จักกับเธอดีพอ
เฟรเดริก้าให้ความเห็นว่าขอเพียงเป็นบุคคลที่การ์ฟีลให้ความสำคัญ ก็เพียงพอต่อการปรากฏตัวในโรงละครแห่งนี้แล้ว โดยมีไรน์ฮาร์ดที่นั่งอยู่แถวด้านหลังช่วยอธิบายเสริมอีกคน
. การ์ฟีลพยายามใจเย็นตามที่รัมแนะนำจนเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา แต่ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง เขาจึงคิดว่าต่อให้หลับไปก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
รัม: เหอะ! รบกวนช่วยอย่าทำอะไรบ้าๆ ที ขืนหลับล่ะก็ได้ตายแน่
การ์ฟีล: กะแล้วเชียว ที่นี่แม่งโคตรอันตรายเลยนี่หว่า!
เอมิเลีย/เบียทริซ/เพทร่า: ชู่ววว
พอถูกสามสาวตักเตือนข้อหาเสียงดัง การ์ฟีลก็นั่งกัดฟันครุ่นคิดว่าเขาควรทำอย่างไรดี ในเมื่อไม่ควรรีบกลับและไม่ควรมัวแต่ใจเย็นเกินไป
รอสวาล: ก็หมายความว่าอย่ากลับไปโดยไม่มีของฝากติดไปด้วยยังงาย~ ล่ะ ไม่ต้องไปคิดมากนักหรอก
การ์ฟีล: ชิ อยู่ในหัวของชั้นคนนี้ด้วยงั้นเรอะ…
การ์ฟีลหันหลังไปมองรอสวาลที่นั่งอยู่ข้างไรน์ฮาร์ดด้วยความไม่พอใจ แต่พอเขากำลังจะบ่น หญิงสาวชุดดำที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของไรน์ฮาร์ดก็ทำให้เขาอ้ำอึ้งไป
เอลซ่า: ตายจริง จ้องกันด้วยสายตาเร่าร้อนน่าดูเลยนะ กระทั่งในที่แบบนี้ ก็ยังอยากที่จะฉีกกระชากฉันให้สาแก่ใจอย่างงั้นเหรอ?
การ์ฟีล: …ไม่สนุกด้วยคนหรอกเฟ้ย มันไม่ดีต่อเมลี่ด้วย ไม่ทำหรอกว้อย
เอลซ่า: งั้นเหรอ น่าเสียดายจัง แต่การที่เธอมีที่ว่างในใจเหลือไว้ให้ฉันมันก็ไม่เลวเหมือนกัน
เมลี่: เอลซ่านี่ล่ะก็ นิสัยเสียจังเลยน้า~
ในขณะที่เอลซ่าฉีกยิ้ม เมลี่ที่นั่งอยู่ข้างเรมตรงแถวด้านหน้าก็หันกลับมาทักทาย ที่ข้างๆ เอลซ่ามีชายร่างยักษ์ที่มี 8 แขน(คูร์กัน)นั่งอยู่เงียบๆ ด้วยเช่นกัน
. การ์ฟีลเริ่มรู้สึกกดดันจนเผลอกำหมัดแน่น มิมิที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้แถวด้านหน้าเขาจึงหันกลับมาช่วยกุมมือขวาของเขาไว้ ในขณะที่รัมช่วยกุมมือซ้าย
มิมิ: การ์ฟ ไหวไหม? พอทำได้ใช่รึเปล่า เป็นห่วงสุดๆ
การ์ฟีล: มิมิ…
รัม: นั่นสินะ ถึงยังไงเนื้อแท้ของการ์ฟก็เป็นคนใจเสาะล่ะนะ
ตัวเขากำลังจะตายและที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง กระนั้นตัวเขากลับถูกเพื่อนๆ ห้ามเอาไว้ไม่ให้รีบกลับไป
สถานการณ์ปัจจุบันมันคล้ายกับ “โซมะโท(ภาพระลึกก่อนตาย)” ที่สุบารุเคยเล่าให้เขาฟัง
แต่สุบารุในหัวการ์ฟีลหันมาแย้งว่าปกติภาพระลึกก่อนตายควรจะเป็นภาพฉายตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันที่โผล่ขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ “โรงละคร” แบบนี้
สุบารุจึงให้คำแนะนำว่าการ์ฟีลต้องเป็นคนหาคำตอบด้วยตนเองว่า “โรงละคร” แห่งนี้คืออะไรกันแน่
. ระหว่างนั้นการต่อสู้ระหว่างพัคสองตัวก็ยังคงดำเนินไป โดยที่เบียทริซกับเอมิเลียตั้งหน้าตั้งตาลุ้นผลลัพธ์
เนื่องจากพัคผมทองถูกฉากหลังหล่นทับ พัคผมแดงจึงกำลังพยายามเอาตัวเข้ามาขวางเพื่อปกป้องพัคผมทองจากพัคปุยฝ้ายอย่างสุดชีวิต
ถ้าหากสถานการณ์โลกจริงเป็นไปตามการแสดง การ์ฟีลยิ่งต้องรีบกลับไป ทันใดนั้นเองพัคผมทองก็ลุกขึ้นแล้วผลักพัคผมแดงออกไปให้พ้นทาง
พัคผมทองเข้าประหน้าพัคปุยฝ้ายอีกครั้ง แต่พัคปุยฝ้ายสวนกลับจนพัคผมทองร่างสลายกลายเป็นแสง
พัค: วันเอาท์(One out) แต่ว่าในชีวิตจริงมันไม่มีธรีเอาท์(Three out)ให้หรอกนะ แค่วันเอาท์ก็จบสิ้นแล้ว
พัคผมแดงพยายามหันหลังวิ่งหนี แต่พัคปุยฝ้ายตามไปโจมตีจนพัคผมแดงสลายกลายเป็นแสงอีกคน สุดท้ายการแสดงก็จบลงโดยเหลือพัคปุยฝ้ายเพียงตัวเดียว
ม่ายบนเวทีถูกปิดลงมาท่ามกลางเสียงปรบมือ ในขณะที่พัคปุยฝ้ายโค้งคำนับ
มิมิ: อ้าววว! อันนี้ไม่เห็นจะน่าสนใจเลยง่ะ! มิมิไม่ถูกใจเยย~!
หลังจากที่มิมิส่งเสียงประท้วง กริ่งในโรงละครก็ดังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นม่านหน้าเวทีก็ค่อยๆ กางออก เผยให้เห็นฉากไคลแมกซ์แบบเดิมก่อนหน้านี้ ตอนที่พัคผมแดงกำลังยืนปกป้องพัคผมทองที่ล้มลง
การ์ฟีล: นี่มัน…
รัม: ดูเหมือนว่าแค่ลุกกลับขึ้นมาแบบมั่วซั่วมันจะยังไม่พอนะ ถ้างั้นล่ะก็ ควรทำยังไงต่อดีล่ะ?
นั่นคือคำถามสำคัญที่การ์ฟีลต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนที่จะกลับออกไป พอได้ยินดังนั้น เขาจึงกลืนน้ำลายและจดจ่อไปที่เวที
เรม: ท่านพี่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะยังไม่รู้จักเรมดีมาก แต่การ์ฟีลก็เห็นด้วยกับความเห็นนั้นทุกประการ
. ละครเวทีในหัวของการ์ฟีลสามารถแอดลิบ(ปรับบทแบบด้นสด)ตามความเห็นของผู้ชมได้ แต่ไม่ว่าปรับไปกี่รอบ พัคผมทองก็ยังตัวแตกเป็นแสงอยู่เรื่อยๆ
ไรน์ฮาร์ดแนะนำให้ลองใช้ลูกเตะเอาจริงเตะใส่นครหลวงจนพลิกกลับด้าน เบียทริซแนะนำให้ยอมโดนโจมตีขาดครึ่งแล้วแกล้งตายเพื่อลอบโจมตีสวนกลับ
ส่วนรอสวาลแนะนำให้ไปตามหาพรรคพวกคนสำคัญของเจ้ามังกรภายในนครหลวงมาใช้เป็นโล่กำบัง
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นความเห็นที่การ์ฟีลไม่สามารถทำได้จริงหรือไม่ก็เป็นวิธีการที่เล่นสกปรกเกินไป
ระหว่างนั้นออตโต้ เพทร่า และสุบารุก็หารือกันว่าขนาดตัวที่แตกต่างกันระหว่างการ์ฟีลกับมังกรเมฆาและพื้นที่ต่อสู้อาจจะสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
เอมิเลียให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าแทนที่จะฝืนรับหางของเมโซเรย์อาที่ฟาดเข้ามาใส่ การหลบออกไปให้พ้นทางนั้นสามารถทำได้ง่ายกว่า
การ์ฟีลพยายามรวบรวมคำแนะนำจากเพื่อนๆ พลางกังวลว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะมีประโยชน์ในโลกจริงมากแค่ไหน
ริวซู: กังวลรึเปล่า หนูการ์ฟ?
การ์ฟีล: …ว่ากันตามตรง รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่ากังวลด้วยซ้ำ เพราะว่าชั้นคนนี้ถูกมอบหมายหน้าที่ให้จัดการโค่น “มังกร” ตัวนั้นแหละนะ
ตัวเขาบุกตะลุยเข้าไปอย่างห้าวหาญ แต่สุดท้ายโดนเล่นงานเกือบตายจนต้องมาพึ่งพาเพื่อนๆ ที่สร้างขึ้นมาจากโรงละครภายในหัวของเขาเอง
. เฟรเดริก้าตำหนิการ์ฟีลที่มัวแต่คิดสมเพชตัวเองว่าไม่สามารถเอาชนะด้วยตัวคนเดียวได้ เธอบอกให้น้องชายลองมองดูรอบๆ ตัวให้ดี
ที่นั่งภายในโรงละครแห่งนี้ถูกแบ่งตามความรู้สึกต่อบุคคลนั้นๆ ของการ์ฟีล
คนที่นั่งแถวเดียวกันคือผู้ที่เขานับเป็นพวกพ้อง ผู้ที่นั่งแถวด้านหลังคือผู้ที่เขานับเป็นศัตรูหรือคู่แข่ง และคนที่นั่งแถวด้านหน้าคือผู้ที่เขายังลังเลว่าควรนับเป็นพวกพ้องไหม
นอกจากนี้ พอเงยหน้าดูตามที่เฟรเดริก้าทัก เขาก็พบว่าเก้าอี้ทุกตัวในโรงละครก็มีผู้คนนั่งอยู่ครบไปแล้ว ทั้งชาวบ้านในอาณาเขตเมเธอร์สและชาวจักรวรรดิที่เขารู้จัก
บ้างเป็นคนที่เขาชื่นชอบ บ้างเป็นคนที่เข้าหายาก ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของการ์ฟีลล้วนแต่มาปรากฏอยู่ในโรงละคร โดยบางคนมีที่นั่ง แต่บางคนต้องยืนชมการแสดง
พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มาเพื่อหัวเราะเยาะความพ่ายแพ้ของพัคผมทองที่เป็นตัวแทนของการ์ฟีลบนเวที และไม่ได้มาเพื่อปลอบประโลมเขา
การ์ฟีลไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น เขาไม่รู้หรอกว่าผู้คนเหล่านี้จะพูดทำนองไหนเวลาที่เยาะเย้ยหรือให้กำลังใจการ์ฟีล ดังนั้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นแค่จินตนาการ
มันคือผลลัพธ์จากการที่การ์ฟีลคิดมากเกินไป เนื่องจากว่าเขากำลังแบกรับคำร้องขอจากสุบารุภายในสถานการณ์ที่มีชะตากรรมของจักรวรรดิเป็นเดิมพัน รวมถึงเรื่องที่ว่าศัตรูเป็น “มังกร” ด้วย
. การ์ฟีลคลายมือจากสองสาวแล้วชกกำปั้นเข้าหากันบริเวณหน้าอกเพื่อปลุกจิตต่อสู้ของตนให้ลุกโชนอีกครั้ง
การ์ฟีล: นี่คือหน้าที่ที่ตัวชั้นได้รับมอบหมายมา แต่ชั้นคนนี้น่ะไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังหรอกนะว้อย
คูร์กัน: ――ยอดเยี่ยม
การ์ฟีล: พูดจริงใช่มั้ย จอมพล! ที่ว่าอยากให้ช่วยตบมังกรที่บินหึ่งๆ อยู่บนฟ้าให้ร่วงลงมาน่ะ!
สุบารุ: ――อื้อ! พูดจริงสิ! ฝากจัดการทีนะ!
การ์ฟีล: จัดไป!
ว่าแล้วการ์ฟีลจึงลุกขึ้นยืน คราวนี้รัมไม่ได้ดึงผ้าคาดเอวเพื่อขัดเขาเหมือนครั้งก่อนหน้าอีกแล้ว
มิมิ: งั้น มิมิขอพูดมั่ง! การ์ฟ ถ้าชนะได้ขึ้นมาคงเท่สุดๆ ไปเลยนะ!
มิมิทำการตบหลังการ์ฟีลเพื่อให้กำลังใจ จากนั้นสุบารุ เบียทริซ เอมิเลีย เพทร่า เฟรเดริก้า ริวซู และออตโต้ก็ทยอยกันตบหลังการ์ฟีลตามลำดับระหว่างที่ส่งเขาไปสู่ทางออก
พอไปถึงหน้าประตู น้องสาวกับน้องชายของเขาก็ช่วยเปิดบานประตูทางออกให้ การ์ฟีลชูนิ้วโป้งให้แก่น้องๆ รวมถึงคุณแม่ของเขาที่ยืนอยู่เคียงข้าง
ก่อนที่จะอำลาภาพระลึกก่อนตายในรูปแบบโรงละคร การ์ฟีลหันกลับไปชี้นิ้วใส่พัคสามตัวบนเวทีเพื่อกล่าวทิ้งท้าย
การ์ฟีล: ――ชั้นคนนี้น่ะไม่ใช่แมวว้อย! กอร์เจียส ไทเกอร์ต่างหากล่ะ!
. ตัดกลับมาปัจจุบัน ไฮน์เคลกำลังยืนสั่นเทาเนื่องจากว่าตัวเขามิอาจช่วยอะไรเด็กหนุ่มผมทองที่ถูกเสียงคำรามแยกปฐพีของ “มังกรเมฆา” เมโซเรย์อาเป่าจนกระเด็น
เด็กหนุ่มที่เกือบจะเปลี่ยนโชคชะตาของไฮน์เคลถูกเศษซากอาคารบ้านเรือนถล่มทับจนโดนฝังทั้งเป็น สุดท้ายการฝืนต่อต้านมังกรแท้มันก็ไร้ความหมาย
การ์ฟีล: ――กอร์เจียส ไทเกอร์ต่างหากล่ะ!!
แต่แล้วทันใดนั้นเอง กำปั้นของการ์ฟีลก็ชกเศษหินที่ทับร่างของตนอยู่จนระเบิดกระจายออก พร้อมกับส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง
การ์ฟีล: อา เวรเอ๊ย… นี่ชั้นคนนี้… หลับไปนานแค่ไหนกันเนี่ย?
ไฮน์เคล: …ก็จมอยู่ใต้เศษหิน ประมาณ 5 วินาทีได้
การ์ฟีล: ――5 วินาทีงั้นเรอะ รู้สึกว่าหวิดถูกฆ่าตายไปตั้ง 10 รอบเลยนะเฟ้ย เกือบไปแล้วๆ
ไฮน์เคลว่าอึ้งหนักแล้ว แต่เจ้า “มังกรเมฆา” ที่นึกว่าตนเองสังหารการ์ฟีลได้สำเร็จแสดงอาการตกตะลึงหนักยิ่งกว่าเขาเสียอีก
[เมโซเรย์อา(มาเดลิน): หะ หา… นี่เจ้า… ทำไมกัน… ทำไมถึงยังไม่ตายอีก?]
การ์ฟีล: หา? พูดบ้าอะไรนั่น ก็ตายจริงนี่หว่า ลุงถึงต้องซื้อเวลาให้ห้าวินาทีไงเล่า
[เมโซเรย์อา(มาเดลิน): ――กรอด! ตายซ้าาาาา!!]
“มังกรเมฆา” กระพรือปีกย่นระยะเข้ามาอย่างรวดเร็วจนไฮน์เคลตามไม่ทัน มันจู่โจมการ์ฟีลจากกลางเวหาด้วยการฟาดหางลงมาเป็นแนวดิ่งดุจสายฟ้าฟาด
ทว่า ฝั่งการ์ฟีลกลับสามารถรับหางที่ฟาดลงมา แล้วจับหางมังกรเพื่อเหวี่ยงร่างของเมโซเรย์อาไปฟาดเข้ากับกำแพงเมือง มันคือภาพที่น่าเหลือเชื่อจนไฮน์เคลอ้าปากค้าง
การ์ฟีลจดจ้องไปที่ดวงตาของมังกรที่นอนหงายหลังอยู่ในสภาพสับสน
การ์ฟีล: อา เวรเอ๊ย… พลั้งมือไปหน่อย… ช่างมันเหอะ มาลุยราวด์ 2 กันเลยดีกว่า ――โทษทีนะ พอดีว่ามีแต่ฝั่งชั้นนี่แหละที่มีแรงเชียร์เยอะเป็นภูเขาเลากาเลยว่ะ!
หลังจากที่หยุดพักไปเพียงชั่วขณะ ศึกระหว่างการ์ฟีลกับ “มังกรเมฆา” ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยที่ตัวเขามีจิตต่อสู้ที่พรั่งพรูจากแหล่งที่ไม่สามารถเข้าใจด้วยตรระกะได้
――ตำนานหน้าใหม่ที่จะได้รับการถูกจารึกไว้กำลังใกล้ถึงบทสรุปแล้ว
. จบตอน