webnovel arc8 chapter64

บทที่ 8 ตอนที่ 64 "พ่อลูกแห่งจักรวรรดิ"

โลอัน เซ็กมุนต์ นั้นไม่ใช่พ่อที่ดีเลยสักนิด ไม่มีพ่อดีๆ คนไหนเชือดลูกตัวเองทิ้งเพียงเพราะว่าลูกไม่ได้เกิดมาตามที่ตนต้องการ เขาเป็นเพียงชายเพี้ยนที่ไร้ซึ่งความรักฉันท์คนเป็นพ่อ

โลอัน เซ็กมุนต์ คือชายที่พร้อมจะเหยีบบย่ำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะตนจะได้บรรลุ “ดาบสุราลัย” เขาเป็นพ่อผู้ล้มเหลวในทุกแง่มุม

กระนั้น เซซิลุสกลับมองว่าตนเองนั้นโชคดี เพราะว่าเขาเองก็มีความปรารถนาที่จะบรรลุ “ดาบสุราลัย” แบบเดียวกับบิดา

ถ้าหากเซซิลุสเกิดมาในครอบครัวธรรมดา ความปรารถนาที่จะบรรลุ “ดาบสุราลัย” อาจจะเจือปนไปด้วยสิ่งไม่จำเป็นจนกลายเป็นอุปสรรคต่อเส้นทาง

กลับกัน โลอัน เซ็กมุนต์ ผู้สังหารเหล่าพี่ชายของเขา ขจัดขวากหนามบนเส้นทางสู่ยอดสุดแห่งวิชาดาบ และตระเตรียมบททดสอบอันแล้วอันเล่าให้แก่ลูกชายนั้น ได้ช่วยเติมเต็มจิตต่อสู้แห่งดาบที่แสนบริสุทธิ์ให้แก่เซซิลุส

เพราะงั้น เซซิลุสจึงคิดอยู่เสมอมาว่า “ดีแล้วที่เขาเกิดมาเป็นบุตรชายของโลอัน เซ็กมุนต์”

. ย้อนความไปก่อนหน้าเล็กน้อย ตอนที่เซซิลุสใช้ “ดาบมายา” มาซายูเมะฟันใส่อาราเคียผู้ที่กำลังหลั่งน้ำตาเป็นเลือดและมีเปลวเพลิงสีฟ้าอยู่บนดวงตาข้างหนึ่ง

ดาบมนตราในมือเซซิลุสมิได้ผ่าร่างของเด็กสาวแต่อย่างใด เพราะเป้าหมายที่เขาเล็งฟันคือ “ก้อนศิลา” มุสเปล หนึ่งในสี่มหาวิญญาณที่ค้ำจุนแผ่นดินจักรวรรดิวอลลาเคีย

เขาตระหนักดีว่าการทำลายมุสเปลอาจส่งผลให้จักรวรรดิต้องล่มสลายตาม แต่ดารานำแสดงอย่างเซซิลุสย่อมให้ความสำคัญต่อนางเอกเหนือกว่าจักรวรรดิอยู่แล้ว

อีกอย่าง เซซิลุสมั่นใจว่าการตัดสินใจตามที่ตัวเขาเชื่อมั่นนั้น ไม่มีทางนำไปสู่เอนดิ้ง(ฉากจบ)แย่ๆ ตามบทที่เขียนไว้อย่างแน่นอน

สายอัญมณีรอบตัวอาราเคียสูญสลายกลายเป็นละอองมานาหลังจากที่เซซิลุสได้ขจัดมุสเปลซึ่งเกือบทำให้เด็กสาวร่างระเบิดออกไป

เซซิลุสเก็บมาซายูเมะเข้าฝักดาบที่ปรากฏออกมาตำแหน่งเดียวกับที่เขาเห็นในความฝัน จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าอาราเคียที่กำลังร่วงหล่นเอาไว้

. ปัจจุบันเซซิลุสมีแผลอยู่ทั่วร่าง กิโมโนก็ฉีกขาดจนเหวอะไปหมด กระนั้นเขาก็ยังอุ้มอาราเคียลงจอดได้อย่างใจเย็น เพราะสัมผัสได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

เซซิลุส: เป็นตัวปัญญาเสียจริงนะครับ อาเนีย

ความทรงจำบางส่วนของบีฟอร์เซซิลุสได้ถูกส่งต่อมายังอาฟเตอร์เซซิลุสระหว่างที่ต่อสู้ และความทรงจำเกี่ยวกับอาราเคียนี่แหละที่หลงเหลือร่องรอยไว้ชัดเจนที่สุด

อัลเข้ามาทักว่าทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม เซซิลุสจึงชมเชยผลงานที่อัลช่วยโยนดาบมาให้เขาในจังหวะเหมาะเจาะว่าควรค่าแก่การให้พอยต์(คะแนน) แต่อัลสวนว่าถ้าเป็นคะแนนความชอบจากเซซิลุส เขาก็ไม่อยากได้หรอก

เซซิลุสต้องปลดลิมิตตัวเอง 2-3 รอบกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่จบเรื่องได้โดยที่เขาไม่ต้องลงมือสังการอาราเคียทิ้ง ซึ่งอัลเห็นด้วยว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้ว

เซซิลุสเห็นภาพซ้อนของใบหน้าอาราเคียตอนเด็ก เขาจำได้ว่านับตั้งแต่ที่เอาชนะเธอได้เป็นครั้งแรก หน้าที่ในการดูแลอาราเคียก็ได้กลายมาเป็นความรับผิดชอบของเขา

เซซิลุส: แต่ก่อนที่จะรำลึกถึงเอพิโซด(ตอน)นั้น ท่าทางว่าจะมีหน้าที่รับผิดชอบอื่นที่ผมต้องจัดการก่อนนะครับเนี่ย

ท่ามกลางซากนครหลวงจักรวรรดิที่ถูกอาราเคียแผดเผาจนหลอมละลาย มีชายผมน้ำเงินที่เปลวเพลิงลุกท่วมร่างผู้หนึ่งกำลังยืนจ้องมาทางพวกเซซิลุส

เซซิลุส: ――แหมๆๆ เห็นมีใครกำลังวิ่งแทบเป็นแทบตายอยู่ ไม่นึกเลยว่าจะโผล่มาแบบตัวไหม้ด้วย! นี่มันช่างเป็นผลงานแสดงที่ตระการตาอะไรเช่นนี้เนอะครับ

ถึงแม้ผิวหนังจะไหม้เกรียมเป็นถ่าน แต่ดวงตาสีทองก็บ่งบอกชัดเจนว่าชายผู้นั้นเป็นผีดิบ แถมเซซิลุสยังรู้ได้ทันทีว่าเขาคือใคร

โลอัน เซ็กมุนต์ ผู้ที่ร่างลุกเป็นไฟและยอมละทิ้งกระทั่งชีวิตตนเองเพื่อเป้าหมายในการบรรลุ “ดาบสุราลัย” หัวเราะออกมา

เซซิลุส: ตอนนี้พึ่งจะเคยคิดแบบนี้กับคุณพ่อเป็นครั้งแรกเลย ――ไม่เกลียดเลยครับ ชอบด้วยซ้ำ

เซซิลุส เซ็กมุนต์ ผู้เป็นลูกชายหัวเราะออกมาเช่นกัน สมแล้วที่พ่อลูกคู่นี้มีชีวิตอยู่เพื่อเส้นทางแห่งดาบทั้งคู่

. นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ “โลอัน เซ็กมุนต์” ได้สัมผัสโลหะที่มีรูปร่างเป็นดาบ เขาก็หลงใหลในเส้นทางแห่งดาบและปรารถนาที่จะขัดเกลาวิชาดาบจนเชี่ยวชาญ

ถึงแม้ว่าเขาจะหลุดพ้นจากการเป็น “นักอ่านดารา” หลังจากที่เซซิลุสถือกำเนิดมา โลอันก็ยังคงไม่เลิกละความพยายามที่จะบรรลุ “ดาบสุราลัย” ด้วยตนเอง

เพื่อการนั้น โลอันจึงได้เลี้ยงดูเซซิลุสให้กลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดสำหรับตัวเขาเอง หล่อหลอมให้ลูกชายที่ตนให้กำเนิดกลายเป็นอุปสรรคสุดท้ายสู่การบรรลุ “ดาบสุราลัย”

โลอัน: อนิจจา… ฉากตัดสินสำคัญมาถึงแล้วขอรับ

ดวงจิตกำลังลุกไหม้ ชีวิตกำลังจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ดวงชะตากำลังจะดับสูญ โลอันในปัจจุบันได้ย่างเข้าสู่เส้นคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นกับความตาย

แก่นแท้ของดวงจิตและชีวิตถูกพลิกกลับ ในอีกไม่กี่วินาทีหลังจากนี้ คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชั่วชีวิตของโลอัน เซ็กมุนต์

ร่างผีดิบที่ไหม้เกรียมคืนชีพกลับมาใหม่พร้อมกับคาตานะคู่ใจ และที่เบื้องหน้าของเขาก็คือร่างเงาของบุตรชายที่กำลังตั้งท่าเตรียมชักดาบจากฝักแบบเดียวกัน

โลอัน: ――เอาล่ะ ได้เวลา

เซซิลุส: ――ท้าประลอง!!

. ย้อนกลับไปเล็กน้อย ตัดมาทางมุมมองของเซซิลุส

หลังจากที่ฝากฝังอาราเคียที่หมดสติให้อัลช่วยอุ้มไว้ก่อน เซซิลุสก็ขจัดสี เสียง และกลิ่นออกไปจากประสาทรับรู้ เพื่อจดจ่ออยู่กับการดวลกับบิดา

[โลอัน: ――เอาล่ะ ได้เวลา]

ลำคอของอีกฝ่ายไหม้เกรียมจนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ ณ เวลานี้ ดวงจิตของพ่อลูกสามารถสื่อสารกันได้โดยตรง จนเซซิลุสจึงตอบกลับวลีที่บิดาเอ่ยอย่างสมเกียรติ

เซซิลุส: ――ท้าประลอง!!

ทั้งเซซิลุสและโลอันย่นระยะห่างเข้าหากันด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ฝีมือดาบของบิดาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากหลายชั่วโมงก่อนจนเซซิลุสยังประหลาดใจ

เพอฟอร์แมนซ์ที่พัฒนาขึ้นอย่างน่าตกใจนี้เป็นผลลัพธ์จากเมนทอล(จิต)ที่เปลี่ยนไป เซซิลุสเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ก้าวนำ”

ไม่ได้หมายถึงการย่างก้าวจริงๆ แต่เป็นคอนเซ็ปต์ของการก้าวข้าวช่องว่างระหว่างคนธรรมดากับผู้ที่อยู่ระดับเหนือขึ้นไปอีก ซึ่งโลอันได้มาถึงจุดนั้นแล้ว

แม้จะยอมรับว่าโลอันเป็นคุณพ่อยอดแย่ แต่เซซิลุสก็รู้สึกหลงใหลคมดาบที่ดีที่สุดในชีวิตของบิดาผู้ที่ชีวิตใกล้จะดับสูญด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับได้

. ต่อหน้าวิชาดาบที่ทำให้เซซิลุสเห็นลางสังหรณ์แห่งความตาย “ดาบมายา” มาซายูเมะจะช่วยปัดเป่าฟันร้ายแห่งจุดจบนี้ออกไป

ในขณะที่ “ดาบอสูร” มุราซาเมะมีความสามารถในการตัดแก่นแท้ของสรรพสิ่ง “ดาบมายา” มาซายูเมะนั้น นอกเหนือจากการใช้ความฝันเป็นฝักดาบแล้ว ก็ยังสามารถ…

เซซิลุส: ――กลืนกินความฝัน และทำให้ฝันเป็นจริง

ดาบมนตราเล่มนี้สามารถทำให้ความปรารถนาของผู้ใช้กลายเป็นจริง โดยแลกเปลี่ยนกับโมทิเวชั่น(แรงจูงใจ)ที่เป็นรากฐานของความปรารถนานั้น

นั่นคือสาเหตุที่มาซายูเมะถูกเรียกว่า “ฝันที่เป็นจริง” ดาบเล่มนี้มีระดับความสามารถขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน มันอาจเป็นได้เพียงแค่ดาบทื่อๆ เล่มหนึ่ง หรือกลายเป็นดาบมนตราที่ผ่าโลกาได้เลย

มาซายูเมะเปลี่ยนมือผู้ถือครองมามากมายหลังจากที่ผู้คนเหล่านั้นลืมเลือนสาเหตุของความปรารถนาอันแรงกล้าของตน

จนกระทั่งมันมาตกอยู่ในมือของเซซิลุส ผู้ถือครองที่สามารถดึงศักยภาพของ “ดาบมายา” มาซายูเมะออกมาได้มากที่สุด

เซซิลุส: ความฝันกับแรงจูงใจของผมน่ะ ยังไงก็ไม่มีวันหมดสิ้นล่ะนะครับ!

. ในศึกระหว่างพ่อลูกครั้งนี้ เป็นเพียงศึกไม่สำคัญที่ไม่ได้ส่งผลต่อชะตากรรมของนครหลวงหรือจักรวรรดิ แถมฝั่งหนึ่งยังเป็นผีดิบที่แค่ปล่อยไว้เดี๋ยวก็ตายไปเอง

ทว่า สำหรับ “เซซิลุส เซ็กมุนต์” และ “โลอัน เซ็กมุนต์” นั้น ศึกนี้มีความหมายอย่างใหญ่หลวงต่อสองพ่อลูก

ประกายจากคมดาบของ “ดาบมายา” ตัดแบ่งเส้นขอบเขตระหว่างความฝันและความเป็นจริง จากนั้นการดวลดาบก็จบลงภายในเพลงดาบเดียว

โลอัน: …อนิจจา ให้ตายสิ เป็นลูกที่อกตัญญูอะไรแบบนี้ขอรับ …ถ้ามันจะลงเอยเช่นนี้ล่ะก็ น่าจะเชือดทิ้งตั้งแต่เนิ่นๆ สมัยที่อาบน้ำให้ตอนเป็นทารกแล้ว

เซซิลุส: ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ใช่ๆ นั่นสินะครับ! ตอนนั้นแหละคือโอกาสชนะเดียวของคุณพ่อล่ะ!

ในขณะที่บุตรชายหัวเราะชอบใจต่อความพ่ายแพ้ของเขา โลอันมองดูท้องฟ้าระหว่างที่ดาบในมือที่ลุกไหม้ได้สลายกลายเป็นฝุ่น

โลอัน: ต่อไปอีก ต่อไป ――เพียงแค่เพราะตายน่ะ กระผมก็มิได้ยอมแพ้หรอกนะขอรับ

ดวงจิตของ “โลอัน เซ็กมุนต์” ถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าถ่านโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทิ้งท้ายความรักฉันท์พ่อใดๆ ต่อลูกชาย เขายังคงยึดติดในความปรารถนาจนถึงวาระสุดท้าย

. สติสัมปะชัญญะสุดท้ายของโลอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเสียดาย ความผิดหวัง และความเศร้าโศก เนื่องจากตนไม่สามารถบรรลุ “ดาบสุราลัย” ได้

เทพดาบช่างเล่นตลกกับโชคชะตาของเขาเหลือเกินที่ทำให้เซซิลุสกลายเป็นผู้มีโอกาสบรรลุ “ดาบสุราลัย” มากที่สุด

กระนั้นโลอันก็ยังพอทำใจยอมรับได้ว่าให้เป็นเซซิลุสก็ยังดีกว่าเป็นคนอื่น

ถ้าเขาสามารถเอาชนะเซซิลุสได้ในการดวลครั้งสุดท้าย มันจะมากพอให้บรรลุ “ดาบสุราลัย” หรือเปล่านะ? ถึงมาคิดเอาป่านนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

โลอันยึดติดกับการบรรลุ “ดาบสุราลัย” มาตั้งแต่ที่เขาจับความได้ หมกมุ่นอยู่กับมันไม่ว่ายามตื่นหรือยามหลับ

ในเมื่อบทสรุปคือโลอันไม่สามารถบรรลุมันได้ ตัวเขาก็ไม่เหลือสิ่งใดให้ครุ่นคิดอีกต่อไป แถมพอปล่อยวางเรื่องนั้น โลอันก็ดันรู้สึกไปไม่เป็นและไม่สบายใจ แทนที่จะรู้สึกว่าเป็นอิสระ

ความสงสัยสุดท้ายของโลอัน คือ สิ่งที่เขาได้ทุ่มเททั้งชีวิตให้ไปจะสามารถจุดประกายไฟบนเชิงเทียนซึ่งจะช่วยส่องนำทางให้ลูกชายได้หรือเปล่า

. หลังจากที่โลอันเซ็กมุนต์สูญสลายกลายเป็นฝุ่น เซซิลุสก็ขออาราเคียคืนจากอัล เนื่องจากว่าการอุ้มคนอื่นด้วยแขนข้างเดียวคงเป็นเรื่องลำบาก

แต่ฝั่งอัลนั้นตกใจจนเข่าทรุดว่าทำไมเซซิลุสถึงสามารถสังหารพ่อตัวเองที่กลายเป็นผีดิบถูกบงการจิตใจได้อย่างง่ายดาย เหมือนไม่มีผลกระทบอะไรเลย

เซซิลุสแก้ต่างว่าพ่อของเขาไม่ได้ถูกศัตรูบงการจิตใจ ถึงแม้จะกลายเป็นผีดิบ แต่โลอันก็ยังมีจิตใจเป็นปกติในสายตาเซซิลุส คำตอบนั้นทำเอาอัลไปต่อไม่เป็น

เซซิลุส: ฉากลูกฆ่าพ่อน่ะถือเป็นฉากจุดเปลี่ยนแบบเมเจอร์(สำคัญ)ใน “แท่นตัดคอแห่งมากริซซ่า” เลยนะครับ ――อีกอย่าง สำหรับผมกับคุณพ่อน่ะ นี่คือโชคชะตาที่สัญญากันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่นนานแล้วครับ

อัล: …โชคชะตา…ที่สัญญาไว้?

มันคือชะตากรรมที่สองพ่อลูกตกลงกันไว้แล้ว กระนั้นก็ไม่มีใครที่สามารถเข้าใจโลอันได้ดีไปกว่าเซซิลุส นี่แหละคือความสัมพันธ์แสนแปลกประหลาดของพ่อลูกเซ็กมุนต์

หากจะมีจุดใดที่พ่อลูกแตกต่างกัน ก็คงเป็นเรื่องที่เซซิลุสไม่ได้มองทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจาก “ดาบสุราลัย” ไร้ค่า

เพราะว่าสำหรับเซซิลุสแล้ว ทั้งแสงแดด สายลม กลิ่นใบหญ้า และโลอัน เซ็กมุนต์ ล้วนแต่เป็นสิ่งล้ำค่าต่อตัวเขา

. เซซิลุสหันมาจดจ่อว่าควรพาอาราเคียไปที่ไหนดี เพราะในนครหลวงก็รู้ว่าจะมีที่ไหนปลอดภัยไหม แต่สถานที่เดียวที่ปลอดภัยแน่ๆ คือข้างกายเซซิลุส

เซซิลุสเริ่มกังวลว่าถ้าหากกลับไปเจอกรูวี่โดยที่หา “ดาบอสูร” ไม่เจอ แต่ดันเจอ “ดาบมายา” แทน เขาจะโดนโวยไหม

ตอนนั้นเองที่อัลประกาศว่าจะขอแยกทางกับเซซิลุสและอาราเคีย เนื่องจากว่าตัวเขานั้นยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่ อัลจึงฝากให้เซซิลุสขอโทษกรูวี่แทนเขา

อัลรับประกันว่าถึงแม้ตัวเขาจะเดินทางคนเดียวแบบไร้อาวุธ ก็ไม่มีทางตายเปล่าแน่นอน เซซิลุสเห็นพ้องในประเด็นนั้น เนื่องจากเขาพอจะรู้ว่าอัลมีพลัง “เห็นนิมิต” ที่คล้ายกับชวาร์ซ(สุบารุ)อยู่

เซซิลุส: แต่ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่คุณอัลอยากอยู่ให้ห่างจากผมใช่ไหมล่ะครับ?

อัล: …

เซซิลุส: ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบบทสรุประหว่างผมกับคุณพ่อเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะครับ นี่หรือว่าคุณอัลเองก็มีความเห็นหลายอย่างเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์พ่อลูกงั้นเหรอ?

อัล: …อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องสิว้อย

. ใจจริงเซซิลุสไม่อยากจะทิ้งอัลไว้คนเดียว เพราะเขาอยากที่จะตอบแทนบุญคุณของอัลก่อน เพื่อการนั้นแล้ว เซซิลุสอาจจำเป็นต้องซัดอัลให้สลบเพื่อลากตัวกลับไปหากรูวี่

แล้วหลังจากที่แก้ปัญหาทางฝั่งกรูวี่เสร็จ ก็ค่อยรวมตัวกันไปช่วย “เจ้าหญิง” ของอัล

??: ――แปลกใจเลยที่ไม่ได้ปลิดชีพเธอทิ้ง ‘ทบทวน’ จำเป็นค่ะ

ทันใดนั้นเอง เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกขึ้นมา เซซิลุสหันกลับมาเห็นหญิงสาวที่ลอยอยู่บนฟ้า ซึ่งให้บรรยากาศคล้ายกับ “แม่มด” ที่เขาเคยสังหารไป

รูปร่างของเธอเปลี่ยนไปยังไม่พอ เซซิลุสรับรู้ได้ว่าดวงจิตที่อยู่ภายในเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ทำเอานังแม่มดผมขาวอยากได้คำตอบว่าเซซิลุสมองออกได้อย่างไร

เซซิลุส: ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? โดนผมฆ่าไปครั้งหนึ่งก็เลยมารีเวนจ์(ล้างแค้น)เหรอครับ? มีศัตรูที่ยึดมั่นในการเอาคืนอย่างแรงกล้าแบบนั้นมันก็ดูดีอยู่หรอกนะครับ…

แม่มดแห่งโลภะ: ว่าง่ายๆ มาเพื่อทำตามเป้าหมายไงล่ะคะ ฉันทำหนึ่งในสองเป้าหมายหลักสำเร็จไปแล้วค่ะ ทีนี้ถ้าหากทำอีกเป้าหมายให้สำเร็จได้ ก็จะสามารถจดจ่อไปที่เป้าประสงค์ดั้งเดิมของการสรรค์สร้างได้ค่ะ

เซซิลุส: โอ้โห อย่างงี้นี่เอง ไม่เข้าใจสักกะติ๊ด!

. เซซิลุสประกาศท้าทายนังแม่มดว่าการมาปรากฏตัวต่อหน้าเขารังแต่จะทำให้เธอไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์หลักที่ตั้งใจไว้เสียเปล่า แต่แม่มดผมขาวกลับพยักหน้ารับอย่างมั่นใจ

แม่มดแห่งโลภะ: อา หมายถึงอย่างนั้นเองเหรอคะ ถ้างั้นล่ะก็ คำตอบก็ง่ายนิดเดียวค่ะ คุณน่ะ ฆ่าฉันไม่ได้หรอก

เซซิลุส: …

แม่มดแห่งโลภะ: เข้าใจกระจ่างหมดแล้วว่ามีสิ่งใดบ้างที่สามารถฆ่าฉันได้ภายในจักรวรรดิค่ะ ขอแค่ไม่ไปเข้าใกล้สิ่งเหล่านั้นก็พอค่ะ เพียงเท่านั้น ก็ไม่มีใครที่สามารถฆ่าฉันได้อีกแล้ว

“แม่มด” ประกาศเช่นนั้นพลางชูมือขึ้นฟ้า เซซิลุสสัมผัสได้เลยว่าห้วงอากาศบนท้องฟ้ารอบตัวแม่มดผมขาวกำลังบิดเบี้ยว

ทันใดนั้นอัลผู้นิ่งเงียบไปตั้งแต่ตอนที่แม่มดปรากฏตัวก็ได้ย่างก้าวขึ้นมา เขาจ้องมองไปยังแม่มดบนท้องฟ้าพลางเอื้อมมือไปข้างลำตัว

พริบตาต่อมา ผืนแผ่นดินก็งอกเงยขึ้นมาช่วยส่ง “ดาบมังกรฟ้า” เล่มใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากศิลาแบบลวกๆ จนมีรูปร่างบิดเบี้ยวสู่มือของอัล

แม่มดแห่งโลภะ: ฉันคือ “แม่มดแห่งโลภะ”――

อัล: ――เอคิดน่าาาาาาาา!!

อัลเดบารันชูดาบมังกรฟ้าใส่นังแม่มดพลางแหกปากร้องตะโกนด้วยความพิโรธจนแทบจะสำลักโลหิตออกมา

. จบตอน