ในที่สุดจักรวรรดิเทวาวอลลาเคียก็รอดพ้นจาก “มหาภัยพิบัติ” ผู้บงการอย่างสฟิงซ์ไม่อยู่แล้ว มานาจากมุสเปลที่ไปหล่อเลี้ยง “สัตยาธิษฐานแห่งราชาอมตะ” ก็ถูกตัดขาด
กองทัพผีดิบแตกพ่ายและเหล่าผีดิบที่เหลืออยู่เพียงชีวิตเดียวหลบหนีกันกระเจิดกระเจิง ไม่แน่ว่าพวกมันอาจจะยังคงก่อปัญหาให้จักรวรรดิในอนาคตอีก ดั่งรอยแผลจากสงครามที่ยังไม่หมดไป
เมืองและพื้นที่ที่กลายเป็นสนามรบเสียหายรุนแรง การประเมินความสูญเสียของผู้คนและทรัพย์สินยังไม่เสร็จสิ้นดี โชคร้ายที่ “ภาพมายาวีรชน” ไม่มีประโยชน์อะไรในการช่วยเยียวยาความเสียหายหลังจบศึกเลย
ทีมกอบกู้จักรวรรดิซิ่งรถมกรกลับมาถึงการ์คลาภายในคืนเดียวกันนั้น มิตรสหายทุกคนดีใจกันใหญ่จนสุบารุรู้สึกคุ้มค่าที่ถูกพาทรัชฟาดหางใส่ไปที
ปัจจุบันสุบารกับพริสซิลล่ากำลังเดินอยู่ตามกำแพงเมืองของนครป้อมปราการการ์คลาซึ่งต้องรับศึกใหญ่จนเสียหายไปมากและกำลังอยู่ในสภาวะซ่อมบำรุง แต่ที่นี่ก็ยังไม่หนักเท่าลูปุกาน่า
พระราชวังแก้วผลึกถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว อ่างเก็บน้ำก็อาจจะแตกอีกได้ทุกเมื่อ พริสซิลล่าจึงประเมินว่าการซ่อมบำรุงนครจักรพรรดิอาจจะต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี
สุบารุแซวว่าพริสซิลล่านั่นแหละเป็นคนเผาพระราชวังเอง เธอจึงสวนกลับว่าในเมื่อพระราชวังลุกขึ้นมาอาละวาด ยังไงก็ต้องมีคนหยุดยั้งมันเอาไว้
พริสซิลล่าจึงถือโอกาสนั้นเผาพระราชวังทิ้งเพื่อใช้เป็นเพลิงสวดอุทิศให้แก่ “สฟิงซ์” ศัตรูผู้ล่วงลับเสียเลย
สุบารุมองว่าสฟิงซ์ไม่ได้ชั่วร้ายกู่ไม่กลับอย่างพวกบิชอปมหาบาป เขามั่นใจเช่นนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างได้เห็น “ดวงจิต” ที่เปลือยเปล่าของกันละกัน
. “ชูลท์” พ่อบ้านของพริสซิลล่าวิ่งเข้ามาทักทายทั้งสอง ชูลท์โล่งใจที่พริสซิลล่าปลอดภัยดี ส่วนพริสซิลล่าก็โอบกอดพ่อบ้านน้อยจนหน้าเขาจมเข้าไปในหน้าอก
ชูลท์ถามเคล็ดลับการโตเร็วจากสุบารุ ซึ่งเจ้าตัวจำเป็นต้องปฏิเสธเพราะมันไม่ใช่การโตตามวัยแบบปกติ พริสซิลล่าเสริมด้วยว่าชูลท์ไม่ต้องรีบโตหรอก ตัวเท่านี้น่ะดีแล้ว
ไฮน์เคลเองก็มากับชูลท์ด้วยเช่นกัน แต่เขาเลือกที่จะยืนมองอยู่ห่างๆ ชูลท์บอกว่าไฮน์เคลเป็นคนที่ใจดีมากๆ ซึ่งสุบารุทำใจเชื่อไม่ค่อยลงสักเท่าไหร่
ปัจจุบันเป็นยามค่ำคืนแล้ว แต่พริสซิลล่ายังมีคนที่อยากแวะเวียนไปเยี่ยมหาอีกหลายคน เธอจึงสั่งให้ชูลท์ไปเข้านอนและฝากให้ไฮน์เคลรับช่วงดูแลเขาต่อ
พริสซิลล่า: ต้องขอเชยชม ไฮน์เคล แอสเทรอา
ไฮน์เคล: เหอ?
พริสซิลล่า: วิถีชีวิตของเจ้ามันหยาบช้าจนทนดูแทบไม่ได้ แต่ทักษะดาบที่เจ้าขัดเกลามานั้นถือได้ว่าน่าประทับใจ ถึงแม้จะมิได้รับการตอบแทน ก็อย่าได้ลืมความพากเพียรเป็นอันขาด
ไฮน์เคล: …ตัวชั้นจะได้รับการตอบแทนไหมมันก็ขึ้นอยู่กับคุณนั่นแหละ คุณหญิงพริสซิลล่า
ไฮน์เคลทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วเดินจากไปโดยที่มีชูลท์วิ่งตาม สุบารุตะโกนขอบคุณเขาทิ้งท้ายที่ช่วยดูแลการ์ฟีล แต่ไฮน์เคลไม่คิดจะหยุดเดินด้วยซ้ำ
สุบารุสงสัยว่าทำไมต้องเลือกพ่อของไรน์ฮาร์ดมาเข้าฝ่ายด้วย แต่ฝั่งพริสซิลล่าไม่เคยสนใจว่าไฮน์เคลเป็นพ่อใคร แค่เลือกคนตามใจชอบเท่านั้น ว่าแล้วเธอจึงเอาพัดกระทุ้งหน้าผากสุบารุไปที
พริสซิลล่า: เอ้า คิดจะทำให้ข้าพเจ้าเบื่อหรือไงกัน? ทำหน้าที่ในฐานะตัวตลกเสียหน่อยสิ นัตสึกิ สุบารุ
. พริสซิลล่ากับสุบารุไปเยี่ยมหาวินเซนต์ที่ห้องทำงานภายในป้อมปราการใหญ่ เขายังคงติดพันอยู่กับภาระงานหลังจบสงครามแม้จะดึกมากแล้ว
ที่โซฟาภายในห้องทำงานมีฟล็อปกับมีเดียมนอนพิงไหล่เคียงคู่กันอย่างสงบอยู่ วินเซนต์อ้างว่าที่เขาไม่ไล่พี่น้องโอคอนเนลออกไป เพราะเดี๋ยวจะวุ่นวายเสียเปล่า
พริสซิลล่า: สมกับเป็นท่านพี่จริงๆ เลยนะ พอเป็นคนสำคัญทีไรก็ผ่อนปรนให้ตลอด ที่ข้าพเจ้าหลบหนีออกไปนอกประเทศได้ ก็คงเป็นเพราะความรักของท่านพี่นี่แหละนะ
สุบารุ: จักรพรรดิซิสค่อน…
วินเซนต์: ถึงจะไม่เข้าใจความหมาย แต่เดาได้เลยว่านั่นเจ้ากำลังพูดจาลามปามกันอยู่
พริสซิลล่าแซวว่าวินเซนต์ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะจักรวรรดิติดหนี้คารารากิกับลูกุนิก้าอยู่จากเหตุการณ์ครั้งนี้
วินเซนต์เหนื่อยหน่ายจนปิดตาลงสองข้างเพื่อพักสายตา สุบารุรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและไม่คิดจะหาเรื่องรบกวนอีกฝ่ายไปมากกว่านั้น
. วินเซนต์ไล่ทั้งสองออกไปเพราะเขายังมีงานต้องทำอยู่ พริสซิลล่าจึงแซวว่าในที่สุดท่านพี่ก็เห็นจักรวรรดิสำคัญกว่าน้องสาวจากนั้นเธอก็ทำการถอนสายหัวแสดงความเคารพต่อพี่ชาย
พริสซิลล่า: ――จักรพรรดิรุ่นที่ 77 แห่งจักรวรรดิเทวาวอลลาเคีย ใต้เท้าวินเซนต์ วอลลาเคีย ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจที่ท่านได้ขึ้นครองบัลลังก์ จงขยันและทุ่มเทสุดตัวเพื่อชี้นำฝูงหมาป่าดาบ วันเวลาที่เหนื่อยยากคงจะดำเนินเช่นนี้ต่อไปอีกสักพัก
วินเซนต์ถอนหายใจต่อคำแนะนำของน้องสาว เขาหันไปมองพี่น้องโอคอนเนลบนโซฟาครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับพริสซิลล่า
วินเซนต์: พริสซิลล่า ――เจ้าคือน้องสาวคนเดียวในโลกใบนี้ที่ข้าไว้ใจ
พริสซิลล่า: สารภาพรักเสียอ้อมค้อมเหลือเกิน สมกับที่เป็นท่านพี่ของข้าเสียจริง
พริสซิลล่ากางพัดออกมาเก็บซ่อนรอยยิ้มยั่วยุเอาไว้ สุบารุเห็นด้วยกับการตีความคำพูดของวินเซนต์ที่ว่า แต่เขายังคงตงิดใจอยู่เรื่องหนึ่ง
สุบารุ: จากมุมมองของชั้นเนี่ย พวกเอ็งสองพี่น้องคล้ายกันจนน่าหงุดหงิดเลยว่ะ
. หลังออกจากห้องทำงานของวินเซนต์ ทั้งคู่ก็มาเจอเข้ากับไอริส/ยอร์น่าและยูการ์ดที่โถงทางเดิน ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมีธุระกับวินเซนต์เช่นกัน
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ไอริสได้เห็นสุบารุในร่างปกติโดยที่ไม่ได้แต่งหญิงหรือกลายเป็นโชตะ ไอริสแนะนำตัวสุบารุให้ยูการ์ดรู้จักว่าเขาแต่งหญิงสวยมาก ทำเอายูการ์ดสนใจหากเห็นขึ้นมา(เพราะเมียบอกสวย)
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนคนเป็น แต่ยูการ์ดก็เป็นผีดิบที่เหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว เขาจึงอยากที่จะหารือกับวินเซนต์เรื่องความปรารถนาของไอริสให้เรียบร้อยเสียก่อน
ความปรารถนาของไอริสคือการยกเลิกบัญญัติที่สั่งให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าและมนุษย์หนูดิน เพื่อทำให้การเวียนว่ายตายเกิดของเธอสิ้นสุดลงเสียที
สิ่งที่ผูกมัดดวงจิตของไอริสเอาไว้จนไม่สามารถถูกส่งไปชำระล้างที่โอโด ลากูน่าได้ ก็คือเลือดเนื้อของสองเผ่าพันธุ์ที่ถูกสั่งสมอยู่เรื่อยมานับแต่อดีตกาล
ถ้าหากการเข่นฆ่าเผ่ามนุษย์หมาป่าและเผ่ามนุษย์หนูดินสิ้นสุดลง คำสาปก็จะหมดฤทธิ์ไปเอง เนื่องจากยูการ์ดเป็นผู้ออกบัญญัติด้วยตนเอง เขาจึงมีสิทธิ์ชอบธรรมในการขอเพิกถอน
สุบารุไม่รู้ว่ามันเกิดดราม่าอะไรขึ้นในช่วงยุคสมัยของยูการ์ดกับไอริสก็จริง แต่อย่างน้อยเขาก็ยินดีที่เรื่องราวนั้นมีเอพิล็อก(บทส่งท้าย)แบบจบดีอยู่
ยูการ์ดกับไอริสหยอกล้อพริสซิลล่าเรื่องที่เธอคล้ายคลึงกับเทริโอล่า ทำเอาเจ้าตัวออกอาการงอน จากมุมมองของสุบารุที่เป็นคนนอกนั้น ทั้งสามคนดูเหมือนเป็นพ่อแม่ลูกเลย
ไอริส: ข้าน้อยกับใต้เท้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ พริสซิลล่า อย่าไปหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าหนูนะเจ้าคะ
พริสซิลล่า: ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วเสียหน่อย ที่สำคัญ หากเจ้าสามัญชนงั่งนี่ทำให้ข้าพเจ้าพิโรธล่ะก็ แค่กุดศีรษะทิ้งเสียก็พอแล้ว
สุบารุ: อย่าพูดอะไรชวนสยองแบบนั้นเซ่! ถ้างั้นก็ คุณยอร์น่า คุณยูการ์ด ไว้พบกันใหม่
แม้ว่าปากจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่สุบารุก็สังหรณ์ใจได้ว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดคุยกับยูการ์ดแล้ว อดีตจักรวรรดิคงจะคิดเช่นเดียวกัน เขาจึงกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้
ยูการ์ด: จงใช้วันเวลาดีๆ ร่วมกันกับคนที่รักให้มากเข้าไว้ ขอให้ตัวเจ้ากับดวงดาราของเจ้าพบพานแต่เคราะห์ดี
. พวกสุบารุแวะไปที่ห้องรับรองต่อเพื่อดื่มน้ำดับกระหายและได้เจอกับเอมิเลียและอนาสตาเซียที่กำลังนั่งถกกันอยู่ที่โต๊ะพอดี อนาสตาเซียถึงกับแซวว่าพรุ่งนี้ฝนตกแหง เพราะพริสซิลล่ากับสุบารุอยู่ด้วยกัน
ก่อนหน้านี้เอมิเลียอยากไปช่วยงานใช้แรงแต่เธอโดนออตโต้ดุว่าห้ามทำ ซึ่งอนาสตาเซียก็เห็นพ้องว่าพวกตนไม่ควรไปก้าวก่ายการฟื้นฟูประเทศหลังจบศึกของวอลลาเคียนัก
สุดท้ายสองสาวเลยมานั่งคุยเล่นเรื่องสัพเพเหระแทน อนาสตาเซียแฉหมดเปลือกเลยว่าเอมิเลียเอาแต่อวดเรื่องสุบารุไม่หยุด
สาวๆ จุดประเด็นใหม่กันขึ้นมาว่าถ้าหากสุบารุไม่ถูกวาร์ปมาโผล่ที่นี่ สามสาวก็คงไม่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ต่างแดนเช่นนี้ และจักรวรรดิววอลลาเคียก็คงจะล่มสลายไปแล้ว
กระทั่งพริสซิลล่ายังยอมรับเรื่องนั้นจนสามคนที่เหลือตกใจ เอมิเลียกับอนาสตาเซียพากันแซวพริสซิลล่าเล่นจนสุบารุสัมผัสได้ถึงระดับความสนิทสนมของทั้งสามที่เพิ่มขึ้นมา
มุมมองที่สุบารุที่มีต่อพริสซิลล่าเองก็เปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน คงเป็นเพราะช่วงหลังเขาได้เห็นด้านที่มีความเป็นมนุษย์ของเธอมากขึ้น
เอมิเลียชวนพริสซิลล่าให้มาสังสรรค์ด้วยกันในรอบหน้าในฐานะผู้ท้าชิงบัลลังก์กษัตริย์ด้วยกัน สุบารุเสนอเพิ่มให้สาวๆ ไปพักร้อนในชุดว่ายน้ำกัน
ทั้งอนาสตาเซียและเอมิเลียต่างโน้มน้าวพริสซิลล่าตามแบบฉบับตัวเอง จนสุดท้ายพริสซิลล่าก็ยอมรับปากไว้อยากทำอะไรก็เชิญ
พริสซิลล่า: ――สาวน้อยจากชุมชนแออัดและดัชเชส แล้วก็นางจิ้งจอกจากนครรัฐและครึ่งมารผมเงินตาสีม่วงคราม
สุบารุ: พริสซิลล่า?
พริสซิลล่า: ไม่มีอะไร แค่ว่า พอมาไล่เรียงดูแล้ว ก็คิดว่ามันเหมือนกับกลุ่มตัวละครจากปกรณัมคุณภาพเส็งเคร็งเลยน่ะสิ
สุบารุเหน็บว่าพริสซิลล่าพูดได้ไม่อายปาก เพราะตัวเธอเองก็เป็นเจ้าหญิงจากจักรวรรดิที่ควรจะไปตายแล้วแท้ๆ เข้ากันได้กลมกลืนกับอีกสี่คนที่เหลือเลย
พริสซิลล่า: ――ก็ไม่ผิดแหละ
ทีแรกสุบารุกังวลว่าเขาเผลอพูดจาลามปาม แต่พริสซิลล่ากลับกางพัดออกมาปกปิดริมฝีปากและหัวเราะออกมา ไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวที่กำลังสนุกสนานเฮฮาอยู่ในวงเพื่อน
. สุบารุกับพริสซิลล่ายังคงเดินไปตามป้อมปราการยามค่ำคืนด้วยกันต่อ เวลาล่วงเลยมาจนดึกแล้ว แต่ผู้คนบางส่วนก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพราะนอนไม่หลับ
เช่นเดียวกับเรมที่เข้ามาทักทายทั้งสองพร้อมกับถังน้ำในมือ พอเห็นว่าเรมยังคงรักษาคนเจ็บอยู่ สุบารุก็พยายามโน้วน้ามให้เธอไปพัก หัดขี้เกียจแบบรัมบ้าง
สาเหตุที่สุบารุยังไม่ไปพักเพราะว่าเขายังคงไม่กล้าไปพบหน้า “หน่วยรบเพลอาเดส” หลังจากที่ร่างกายกลับมาโตขนาดเดิม คำโกหกเรื่องบุตรนอกสมรมของวินเซนต์จึงยังคงอยู่
สุบารุกังวลว่าการสารภาพความจริงอาจจะทำให้ถูกสหายทุกคนเกลียด เขาจึงอยากปล่อยข่าวไปว่า “นัตสึกิ ชวาร์ซ” ตายจากไปแล้วในศึกสุดท้ายอย่างสมเกียรติ
แต่เรมดักคอไว้ทันทีว่าขืนโกหกหน้าด้านๆ แบบนั้น เธอจะเกลียดเขาแน่ๆ สุบารุถึงกับเหวอเพราะเขาเลือกไม่ถูกว่าควรเอาใจเรมหรือถนอมน้ำใจเหล่าสหายจากหน่วยรบดี
เรมขอบคุณพริสซิลล่าที่ช่วยฝึกสอนการใช้เวทมนตร์รักษา เธอเดาถูกด้วยว่าเปลวเพลิงที่ดวงตาที่ได้มอบความแข็งแกร่งให้แก่ทุกคนในยามวิกฤติคือพลังของพริสซิลล่า
สุบารุ: เอ่อนี่ๆ เรม ที่จริงแล้วตอนที่เมืองกำลังคับขันเพราะดวงดาวนั่นน่ะ คนที่สอยมันทิ้งคือชั้นกับเบียโกะเองแหละ คิดยังไงกับเรื่องนั้นบ้างเหรอ? ว่าไง?
เรม: หา?
สุบารุ: ขออภัยที่สอดไม่เข้าเรื่องครับ ไว้ช่วยชมเบียโกะทีหลังทีนะครับ
สุบารุนึกว่าจะได้รับคำชมเชยจากเรมแบบพริสซิลล่าบ้าง แต่สุดท้ายกลับได้สายตาจ้องเขม่นมาแทนจนเขาต้องยอมยกธงขาวไป
. สุบารุอาสาตามเรมไปช่วยรักษาคนเจ็บ แต่เรมปฏิเสธเพราะมันจะกลายเป็นการทิ้งให้พริสซิลล่าอยู่คนเดียว ทั้งที่เดิมทีสุบารุกับพริสซิลล่าแค่บังเอิญอยู่ด้วยกันแท้ๆ
ถ้าหากสปิก้ากับเบียทริซไม่ได้ถูกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องวิญญาณและอำนาจเรียกตัวไป สุบารุก็คงเดินตะลอนอยู่กับสองคนนั้นแทนพริสซิลล่าไปแล้ว
เรมพยายามเค้นคำพูดออกมาตามความรู้สึก เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เรมไม่อยากให้พริสซิลล่าต้องอยู่เพียงลำพังในตอนนี้
พริสซิลล่า: จงทุ่มเทให้มากและแกร่งเข้าไว้ล่ะ เรม เด็กสาวเผ่าโอนิเอ๋ย ――ทั้งอนาคต ความปรารถนา และบทบาทที่มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มได้น่ะ มีอยู่แน่นอน
การสนทนากับเรมทำให้พริสซิลล่าเปลี่ยนใจอยากลากตัวสุบารุไปยังที่แห่งหนึ่ง เธอจึงใช้พัดชี้ไปยังส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองที่ยังคงมีสภาพดีอยู่
พริสซิลล่า: เรม จงทำตามสิ่งหัวใจของตนเองบอก หัวใจของเจ้ามันอาจจะสั่นไหว แต่รอยกระเพื่อมเหล่านั้นมิใช่สิ่งที่น่าอับอายหรอกนะ
เรม: ――ขอบพระคุณมากค่ะ
บทสนทนาของเรมและพริสซิลล่าเต็มไปด้วยสิ่งที่สุบารุไม่เข้าใจ แต่สีหน้าของเรมก็ทำให้เขาอุ่นใจได้ว่าตนเองไม่จำเป็นต้องสอดรู้ไปมากกว่านั้น
. (อ่านต่อพาร์ท 2)