(หมายเหตุ: นหุต(नयुत) = 10 ยกกำลัง 60 ในทางพุทธศาสนา ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า “นายูตะ”)
. อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
[แม่มด] ผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าเวทมนตร์คือการแหกกฎธรรมชาติให้เกิดผลลัพธ์ดังใจผ่านการร่ายมนตร์ ซึ่งเปรียบได้ดั่งการเขียนแก้บทหรือตอนจบที่ทั้งประณีตและป่าเถื่อน
ดังนั้น การร่ายเวทมนตร์จึงเป็นการเอ่ยทักทายอย่างสุภาพว่า “จากนี้ไปจะทำลายโลกล่ะนะครับ” กระนั้นเวทมนตร์ก็มิได้สำแดงฤทธิ์ทุกครั้งที่ร่าย
สาเหตุที่อาจทำให้เวทมนตร์ล้มเหลวมีอยู่มากมาย ทั้งสูตรอาคมที่ไม่สมบูรณ์ การขาดแคลนมานา หรือร่ายมนตร์พลาดจนก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ
อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
สิ่งที่อัลทำอยู่มิใช่การร่ายเวทมนตร์ กระนั้นประโยคประจำตัวดังกล่าวก็ถือเป็นการประกาศสงครามต่อโลกเช่นเดียวกัน มันคือการข่มขู่จากตัวเขาผู้มิได้ปรารถนาแต่จำเป็นต้องทำลายโลก
ฆ่า ทำลาย พัง ย่ำยี เหยียบย่ำ ฉีก หันเป็นชิ้นๆ เผา ขยี้ อัดกระแทก หลอมละลาย เติมเต็ม ไม่ว่าจะใช้คำพูดใด แก่นแท้ก็ยังคงเดิม
ตราบใดที่ผลลัพธ์คือการกำจัด “นัตสึกิ สุบารุ” ทิ้งได้สำเร็จ อัลไม่สนทั้งสิ้นว่าเขาจะต้องใช้วิธีการอะไรและจะมิยอมให้ใครมาเปลี่ยนผลลัพธ์นั้นเด็ดขาด
อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
ต่อให้โอกาสที่จะไปถึงจุดนั้นมันริบหรี่ราวกับแสงดาวที่อยู่เหนือนหุต อัลก็จะคว้ามันเอาไว้ให้จงได้
. อัลต้องรีเซ็ตมากถึง 4,061 ครั้ง เพื่อที่จะขจัดมาร์เกรฟจอมขี้เล่นออกไปจากกระดาน
รอสวาลทั้งรอบคอบและเจนศึก การบีบอารมณ์เพื่อวิงวอนนั้นไร้ความหมาย และที่หนักข้อที่สุดคือเขาไม่เห็นค่าคนนอกฝ่าย ไม่สิ ไม่เห็นค่าคนที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง
คนประเภทนี้มองเห็นทุกสิ่งเป็นกำไรและขาดทุน แต่ส่วนตัวอัลไม่มีผลประโยชน์อะไรที่สามารถใช้เพื่อเจรจาล่อซื้อรอสวาลได้อยู่เลย
ทางเลือกแบบเบสต์(ดีที่สุด)จึงเป็นการชี้โพรงให้รอสวาลเห็นว่าเขาอาจจะต้องพลาดผลประโยชน์บางอย่างไป ถ้าหากติดตามมากับพวกอัล
อัลรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ต้องใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ของชูลท์ แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องมีคนช่วยดูแลอาณาเขตบาริเอลมิให้เกิดความโกลาหลในภายภาคหน้า
อยากตักตวงผลประโยชน์สักแค่ไหนก็ตามใจ ยังไงเสียเธอ(พริสซิลล่า)ก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
. อัลต้องรีเซ็ตมากถึง 972 ครั้ง เพื่อที่จะขจัดแฝดโอนิออกไปจากกระดาน ทั้งคู่คือศัตรูตัวฉกาจ โดยเฉพาะแฝดคนพี่ที่มีลางสังหรณ์เฉียบคมผิดธรรมชาติ
ทว่า สุดท้ายรัมก็มีวีคพอยต์(จุดอ่อน)ที่ชัดเจนอยู่ นั่นคือเธอปรารถนาที่จะพาน้องสาวผู้สูญเสียความทรงจำกลับบ้านเหนือสิ่งอื่นใด
จุดที่ยากและเสียเวลาเริ่มใหม่มากที่สุดคือการยกประเด็นนั้นขึ้นมาแบบไม่น่าสงสัย เพราะอัลต้องคุมบาลานซ์ไม่ให้พูดโจ่งแจ้งหรือคลุมเครือจนเกินไป
เรมอาจจะไม่เฉียบคมเท่าพี่สาว แต่ประสบการณ์และสายสัมพันธ์ที่เธอสั่งสมมาในจักรวรรดิก็ทำให้เป็นศัตรูที่ประมาทมิได้เช่นกัน
เจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องใช้ประโยชน์จากความรักระหว่างพี่น้อง แต่ก็ช่างมัน ยังไงเสียเธอก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
. อัลต้องรีเซ็ตมากถึง 633 ครั้ง เพื่อที่จะขจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการภายในออกไปจากกระดาน
ออตโต้คือคนที่การโน้มน้าวแบบอาศัยอารมณ์มีโอกาสสำเร็จน้อยที่สุด เนื่องจากว่าเขาค่อนข้างเข้มงวดกับคนนอกฝ่าย
ภายนอกอาจจะดูอ่อนน้อมและแพ้ทางแรงกดดัน แต่ถ้าหลงคิดเช่นนั้นก็เตรียมเจ็บตัวได้เลย ออตโต้คือศัตรูที่สู้ด้วยแล้วรู้สึกตึงเครียดไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับกระทิง
การโน้มน้าวออตโต้จึงต้องอาศัยตรรกะเข้าว่าเช่นเดียวกับรอสวาล แต่เขามีความเป็นมนุษย์มากกว่า อัลเลยสามารถเสนอเงื่อนไขเพื่อประนีประนอมได้
อัลได้ทำสัญญากับออตโต้ไว้ว่าเขาจะไม่พกอาวุธ จะใช้เวลามากสุดแค่ 3 วัน และจะยอมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบู๊(การ์ฟีล)ติดตามไปด้วยกัน
อัลได้รับบทเรียนจากประสบการณ์รีเซ็ตเป็น 100 ครั้งว่าหลังจากที่ออตโต้ยุติการเจรจาไปแล้ว ห้ามฝืนที่จะร้องขอมากไปกว่านั้นเด็ดขาด
กระนั้นช่องโหว่สำคัญก็คือการที่ออตโต้ใส่ใจความรู้สึกของอีกบุคคลหนึ่งที่รู้สึกว่าตนเองมีส่วนรับผิดชอบต่อความสูญเสียของอัล
ลำบากใจที่ต้องเอาเปรียบความอ่อนโยนนั้น แต่ก็ช่างมัน ยังไงเสียเธอก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
. อัลรีเซ็ตไป 94 ครั้ง เพื่อที่จะขจัด “สายเลือดหายาก” ออกไปจากกระดาน
จำนวนครั้งอาจจะไม่มากหากเทียบกับหลายคนก่อนหน้า แต่อัลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขจัดเฟรเดริก้าออกไปจากคณะเดินทางข้ามทะเลทราย
ถ้าหากไม่มีการแทรกแซง เฟรเดริก้าย่อมถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเดินทางด้วยความสามารถและอุปนิสัยของเธอ
ทว่า “สายเลือดหายาก” ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเธอนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อจุดมุ่งหมายของอัล
เคราะห์ดีที่คนช่างเอาใจใส่อย่างเฟรเดริก้าถูกปั่นหัวได้ไม่ยาก เธอมองภาพรวมความสัมพันธ์ของสมาชิกในฝ่ายออกอย่างทะลุปรุโปร่งและคอยรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้
อัลแค่ต้องทำให้เฟรเดริก้าตระหนักว่าการไปกับคณะเดินทางอาจทำให้ภาระงานอีกอย่างไปตกอยู่กับเพทร่า ตราบใดที่โอกาสเกิดเรื่องนั้นมิใช่ 0 เธอก็จะอาสารับอีกงานเพื่อแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ภายในฝ่ายเอง
ที่จริงก็อยากจะช่วยปลอบใจอยู่หรอก แต่ก็ช่างมัน ยังไงเสียเธอก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
. อัลรีเซ็ตไป 5 ครั้ง เพื่อที่จะขจัด [เธอคนนั้น] ออกไปจากกระดาน
ว่ากันตามตรงการโน้มน้าวเอมิเลียเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นเลย เพราะเธอทั้งอ่อนโยน เอาใจใส่ และเชื่อคนง่าย เอมิเลียมิได้กังขาคำพูดจากปากอัลเลยด้วยซ้ำ
ปัญหาที่ทำให้อัลล้มเหลวไปบ้างจึงไม่ได้มาจาก [เธอคนนั้น] แต่เป็นตัวเขาเอง อัลยังคงลำบากใจทุกครั้งยามที่เขาต้องหลอกลวงเอมิเลียและปั่นหัวเธอเพื่อเป้าหมายส่วนตน
แต่อัลก็แค่ต้องเมินเฉยต่อหัวใจที่รู้สึกปวดร้าวของตนแล้วให้คำแนะนำว่าสิ่งที่เธอควรทำมากที่สุด ณ ตอนนี้คืออะไร เท่านี้เอมิเลียก็จะตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
อัลตระหนักได้ว่าตัวเขามาถึงจุดที่เกินจะเยียวยาแล้ว แต่ก็ช่างมัน ยังไงเสียเธอ(พริสซิลล่า)ก็ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
. อัลไม่จำเป็นต้องรีเซ็ตเพื่อโน้มน้าว “นัตสึกิ สุบารุ” เลยสักครั้ง เขารู้ดีอยู่แล้วว่าสุบารุจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ที่เหลือก็แค่ต้องกะไทม์มิ่งให้ดี
อัล: ――โอล ชามัค
นั่นก็เพราะว่าการทำให้เบียทริซติดร่างแหโดนไพ่ตายใบนี้เข้าไปด้วยคือปัจจัยที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากอัลไม่อยากเปิดโอกาสให้เธอได้วิเคราะห์มัน
คำร่ายมนตร์ที่ไม่คุ้นหูและคาถาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้เบียทริซตอบโต้ได้ช้ากว่าปกติ มิหนำซ้ำ “โอล ชามัค” ยังเป็นไพ่ตายที่มีไว้ต่อกรกับ [แม่มด] โดยเฉพาะ
มันคือศาสตร์ต้องห้ามที่บังคับปิดผนึกทั้งเกทและการเคลื่อนไหวของเป้าหมาย กระทั่ง [แม่มด] ผู้คิดค้นมนตร์นี้ยังเลี่ยงการเขียนบันทึกคาถาและเลือกเผยแพร่มันผ่านการบอกเล่าให้แก่ “อัลเดบารัน” ผู้เดียวเท่านั้น
สาเหตุที่ [แม่มด] ยอมเผยแพร่ศาสตร์ต้องห้ามไม่ใช่เพราะว่ารักหรือเชื่อใจลูกศิษย์ แต่เป็นเพราะเธอมั่นใจว่าอัลจะไม่นำคาถาไปใช้แบบผิดจุดประสงค์อย่างแน่นอน
ที่จริงอัลเดบารันยังไม่เคยใช้มนตร์บทนี้กับ [แม่มด] คนใดเลยด้วยซ้ำ กระทั่งกับเป้าหมายที่เขาสมควรใช้ใส่ก็ยังไม่เคย …จนกระทั่งถึงวันนี้
อนึ่ง ช่วง [มหาภัยพิบัติ] อัลเคยใช้มนตร์บทนี้กับสฟิงซ์ที่เรียกตัวเองว่า [แม่มด] ก็จริง แต่เธอมิได้มีปัจจัยแม่มด คาถาจึงไม่ได้ทำงานอย่างสมบูรณ์
กล่าวคือ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อัลเดบารันใช้ศาสตร์ต้องห้าม [โอล ชามัค] ใส่เป้าหมายที่เป็นผู้ถือครองปัจจัยแม่มด ซึ่งทำให้มนตร์แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา
. การเสี่ยงเดิมพันของอัลเห็นผลชะงัด “นัตสึกิ สุบารุ” และมหาวิญญาณธาตุเงา “เบียทริซ” ถูกศาสตร์ต้องห้ามผนึกไว้ด้วยกันภายในลูกแก้วสีดำเนื่องจากทั้งคู่ใช้เกทร่วมกัน
อัล: จะเริ่มล่ะนะ อาจารย์ ――เพื่อที่ชั้นจะได้เป็นตัวชั้นเอง
การ์ฟีล: ย้ากกกกก!! นี่เอ็งน่ะ!!
ทันทีที่อัลเดบารันหยิบลูกแก้วสีดำขึ้นมา การ์ฟีลก็ดีดตัวพุ่งเข้าประชิดโดยทันที กำปั้นของเขาสามารถบดขยี้อัลให้เละในคราเดียวได้เลยด้วยซ้ำ
แต่การ์ฟีลกลับเลือกคว้าแขนของอัลมาจับบิดและกดร่างให้หมอบราบลงไปจนคางอัลกระแทกกับพื้นหอสมุด แถมยังใช้หัวเข่าทับหลังซ้ำเพื่อไม่ให้หนีไปไหนอีก
การ์ฟีล: ทำบ้าอะไรกับจอมพลและเบียทริซวะ!? สองคนนั้นหายไปไหน!? แล้วเวทมนตร์เมื่อกี้มัน――
อัล: ผิดแล้ว การ์ฟจัง
การ์ฟีล: หา!?
อัล: ไม่ใช่กดร่างให้หมอบกับพื้นสิ ควรจะซัดชั้นให้สลบตั้งแต่แรกต่างหากล่ะ
บทสนทนานี้ไร้ซึ่งความหมาย เนื่องจากอัลได้ใช้ลิ้นล้วงไปเขี่ยเปิดห่อยาพิษที่ซ่อนไว้หลังฟันกราม ภายในไม่ช้า โลหิตทั่วร่างของอัลเดบารันก็เดือดพล่าน
× × ×
การ์ฟีล: ย้ากกกกก!!
การ์ฟีลดีดตัวพุ่งเข้าประชิดเพื่อหมายที่จะคว้าแขนอีกฝ่ายมาจับบิด แต่อัลกลับก้มหลบแล้วตีศอกสวนกลับไปกระแทกใส่เต็มจมูกการ์ฟีลจนเลือดกำเดาไหล
อัล: เท่านี้ก็――
ทว่า ฝั่งการ์ฟีลไม่ได้สิ้นท่าแค่นั้น เขาเตะสวนอัดใส่หน้าท้องอัลจนกระดูกสะโพกแตกละเอียดและส่งร่างอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปชนกับชั้นวางจนกองหนังสือหล่นทับ
การ์ฟีล: …นี่เอ็ง!
อัล: รอบต่อไป
แต่ก่อนที่อัลเดบารันจะหมดสติ เขาก็ทำการกลืนยาพิษหลังฟันกรามลงคออีกครั้ง
× × ×
การ์ฟีล: ย้ากกกกก!!
อัลก้มหลบการ์ฟีลที่ดีดตัวพุ่งเข้ามาและตีศอกสวนใส่อีกครั้ง แต่คราวนี้อัลเสริมแกร่งข้อศอกตนเองด้วยโปรเทคเตอร์ศิลาเพื่อเสริมแรงกระแทก
การ์ฟีล: อั่ก!?
การ์ฟีลที่โดนเคาน์เตอร์อย่างรุนแรงลอยข้ามหัวอัลไปโดยที่ไม่มีแรงเตะสวนกลับ โมเมนตันการพุ่งประชิดของเขาได้แว้งกัดมาทำร้ายตัวเองจนเลือดกำเดาไหลทะลัก
อัล: เท่านี้ก็――
เอซโซ่: ――เอล ชีฮา
พอเห็นการ์ฟีลจมอยู่ใต้กองหนังสือ อัลเดบารันก็ก้าวขาเตรียมที่จะเผ่น แต่แล้วทั่วทั้งร่างเขาก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้โดยมวลน้ำที่หนักอึ้ง
“เอซโซ่ คาโดน่า” สะบัดผ้าคลุมสีดำพลางอธิบายว่าเขาเลือกใช้เวทวารีเนื่องจากเวทอัคคี วายุ และปฐพีล้วนแต่ส่งผลเสียต่อคัมภีร์และหอสมุดในระดับที่เกินจะรับได้
วารีที่ห่อหุ้มร่างของอัลมีปริมาตรที่ครอบคลุมทั่วร่างเขาพอดิบพอดี ไม่ต่างอะไรจากการสวมบอดี้สูทที่ทำจากน้ำ ทั้งเคลื่อนไหวไม่ได้ แถมยังเริ่มขาดอากาศหายใจ
. เอซโซ่ผู้กำราบอัลได้อย่างอยู่หมัดด้วยเวทมนตร์ระดับเหนือชั้นเลือกที่จะรักษาระยะห่างไว้ก่อน
เอซโซ่: ท่านอัล ฝั่งคุณพอจะมีคำอธิบายที่ฟังขึ้นอยู่ไหมเนี่ย? แล้วเวทมนตร์เมื่อครู่ที่กระทั่งฉันยังไม่รู้จักเลยล่ะ? ไหนจะเรื่องที่ทำอะไรลงไปกับท่านนัตสึและคุณหญิงเบียทริซอีก? ทั้งคู่อุตส่าห์เป็นห่วงว่าคุณอาจจะจมอยู่ในความสิ้นหวังจนไม่เหลียวแลตัวเอง กับสองคนนั้น――
รีเซ็ตผ่านไป “106 ครั้ง”
แม้ภายนอกจะรูปลักษณ์เหมือนเด็ก แต่เอซโซ่มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งจริงใจและซื่อตรง ตราบใดที่อัลซื่อตรงและเคารพในตัวเขา เอซโซ่ก็จะยังคงใจอ่อนเพราะแอบคาดหวังในตัวอีกฝ่ายอยู่เสมอ
ในฐานะจอมเวท รอสวาลกับเอซโซ่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากเป็นรอสวาล เขาคงจะกระหน่ำเวทมนตร์ใส่อัลโดยที่ไม่สนใจความเสียหายที่อาจเกิดต่อ [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์]
แขนขาของอัลเดบารันจะถูกเผาทิ้งแล้วถูกอัดลมเข้าไปในปอดจนหมดสติโดยทันที จากนั้นก็เสกดินขึ้นมาผนึกร่างเอาไว้
เอซโซ่: ――อึก ทำบ้าอะไรน่ะ!
เนื่องจากเอซโซ่ไม่ยอมลงมืออย่างเด็ดขาด อัลจึงมีโอกาสกลืนยาพิษลงคอ ปล่อยให้มันหลอมละลายเครื่องในซึ่งไหลทะลักออกมาทางปาก
เอซโซ่ปลดคุกน้ำแล้วพยายามเปลี่ยนไปใช้เวทรักษาโดยทันที แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ตราบใดที่คิดตามเขามิได้ ก็ไม่มีวันตามเกมของอัลเดบารันทันหรอก
× × ×
เอซโซ่: ――เอล ชีฮา
อัล: เอล โดน่าาา!
เอซโซ่: อะไรกัน!?
เกราะดินที่อัลเสกขึ้นมาปกคลุมร่างตนเองทำการดูดซับน้ำไปอย่างหมดจดจนแปรสภาพเป็นเกราะโคลน จากนั้นอัลก็พังเกราะโคลนทิ้งเพื่อรีบเผ่นต่อโดยทันที
อัลใช้เข่าไถลไปกับพื้นหอสมุดเพื่อทิ้งระยะห่างออกมา จากนั้นก็หันกลับไปสอดส่องการเคลื่อนไหวของเอซโซ่และการ์ฟีลซึ่งแหกกองหนังสือออกมาได้พอดี
เลือดกำเดาที่เคยไหลหยุดไปแล้ว อาการบาดเจ็บที่อุตส่าห์สร้างไว้ไร้ความหมาย การ์ฟีลผู้เดือดดาลเตรียมที่จะพุ่งเข้ามาเล่นงานอัลต่อโดยทันที ทว่า…
เอซโซ่: ช้าก่อน การ์ฟีลคุง! การเข้าประชิดทั้งที่ประมาทมันอันตรายนะ!
การ์ฟีล: หา!? มันใช่เวลามาพูดอะไรแบบนั้นเหรอฟะ ไอ้คุณอาจารย์! จอมพลกับเบียทริซเขากลายเป็นลูกแก้วอะไรก็ไม่รู้ไปแล้วนะเฟ้ย! ต้องรีบจัดการ…
เอซโซ่: ก็เพราะแบบนั้นไงล่ะ! เวทมนตร์แบบนั้นน่ะ กระทั่งฉันยังไม่รู้จักเลย! ที่สำคัญเมื่อครู่นี้ เขาพึ่งรับมือการโจมตีของนายกับฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย! มันผิดปกติมาก!
การ์ฟีล: …กรอด
เอซโซ่: ฉันยังไม่เคยเผยไพ่ในมือให้เขาเห็นเลยสักครั้ง ถึงกระนั้น กลับใช้ดินดูดซับพันธนาการวารีเพื่อแก้ทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อให้ใช้สมมุติฐานว่าเขาเป็นนักรบผู้เจนศึกก็ยังอธิบายไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ใจเย็นลงก่อน คนที่จะหยุดเขาไว้ได้ ณ ที่นี้ มีแค่ฉันกับนายเท่านั้นนะ
คำอธิบายอย่างสุขุมของเอซโซ่ช่วยกล่อมการ์ฟีลให้หัวเย็นลงได้สำเร็จ แถมเขายังมองออกว่าอัลเดบารันมีกลโกงบางอย่างอยู่หลังพึ่งประมือกันเพียงครั้งเดียว
. เอซโซ่พูดถูกแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไร อัลเดบารันก็ไม่สามารถขจัดการ์ฟีลกับเอซโซ่ออกจากกระดานแบบล่วงหน้าได้
การ์ฟีลจำเป็นต้องติดตามมาด้วยกันในฐานะเงื่อนไขต่อรองจากฝ่ายเอมิเลีย ส่วนเอซโซ่ก็ประจำการอยู่ที่หอคอยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไม่ว่าอัลจะพยายามตัดกำลังรบมากแค่ไหน สุดท้ายคอมโบนักรบและจอมเวทสุดแกร่งสองคนนี้ก็เป็นสิ่งที่เขามิอาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้าได้
อัลเดบารันก่นด่าถึงความลำบากลำบนในการเผชิญหน้าทั้งสองพร้อมกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเอซโซ่กล่อมการ์ฟีลให้ใจเย็นลงได้ไปเสียแล้ว
การ์ฟีล: นะ…นี่เอ็ง!?
เอซโซ่: ――อึก ทำบ้าอะไรน่ะ!
ว่าแล้วอัลเดบารันจึงกลืนยาพิษลงคออีกครั้ง ร่างของเขาเข่าทรุดลงกับพื้น จากนั้นก็ล้มไปชนกับบันไดของหอสมุด เลือดไหลทะลักออกมาจากใต้หมวกเหล็ก
× × ×
เอซโซ่: ช้าก่อน การ์ฟีลคุง! การเข้าประชิด――
อัลเดบารันไม่คอยท่า เขาผลักชั้นวางหนังสือให้ล้มทับต่อกันเป็นทอดๆ ไปหาเอซโซ่ราวกับโดมิโน่โดยทันที
ปกติชั้นวางหนังสือของ [ไทเกต้า] มันหนักมากเนื่องจากปริมาณคัมภีร์แห่งผู้วายชนม์ที่อัดแน่นอยู่ภายใน แต่เพียงแค่แอบวาง [หิน] ไว้ด้านใต้ก็ผลักให้ล้มได้แล้ว
รีเซ็ตผ่านไป “397 ครั้ง”
อัลตั้งใจจะใช้หอสมุดไทเกต้าเป็นสนามรบตั้งแต่แรก เขาจึงเตรียมการหลายอย่างเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว หากถูกสงสัยก็เพียงแค่ต้องรีเซ็ตใหม่
เอซโซ่รีบร่ายมนตร์เสกสายลมมาหยุดยั้งโดมิโน่ชั้นวางหนังสือเอาไว้ จนถึงป่านนี้เขาก็ยังคงเป็นห่วงหนังสือจนน่าชื่นชม
อัล: โดน่า
อัลร่ายมนตร์ผลักให้ชั้นวางหนังสือจากทางซ้าย ทางขวา และด้านหลังของเอซโซ่ล้มทับใส่เขาพร้อมกันรอบทิศ เอซโซ่จึงจำใจต้องล่องสายลมเพื่อบินหนีออกมาก่อน
การ์ฟีลที่ไม่มีเอซโซ่คอยกล่อมให้ใจเย็นมุ่งเป้าโทสะทั้งหมดมาที่อัลเดบารันโดยทันที อัลจึงทำการยั่วโมโหเขาเพิ่มเติมด้วยการกลืนลูกแก้วสีดำลงคอ
อัล: เอื้อก
การ์ฟีล: แกนะแกกกกกกกกก!!
อัลถูกเข้าประชิดด้วยความเร็วที่เขามองตามไม่ทัน การ์ฟีลใช้กรงเล็บกระซวกท้องของอัลจนเครื่องในทะลักออกมาเพื่อควานหาลูกแก้วสีดำที่เขากลืนลงท้อง
อาหารมื้อเย็นแทบจะทะลักออกมาทางปาก แต่อัลกลืนมันคอเพื่อฝืนกัดฟันและป่าวประกาศสงครามต่อโลก
อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
. อ่านต่อพาร์ท 2