re zero webnovel arc9 chapter13 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 13 "ผู้เป็นที่รักที่สุดและผู้มิถูกเหลียวแลที่สุด"

หลังเอาชนะศึกใหญ่มาได้ ช่วงลอสไทม์(ทดเวลา) อัลเดบารันยังต้องรีเซ็ตเพิ่มอีก 289 ครั้ง ในการเผชิญหน้ากับพลซุ่มจู่โจมที่เหี้ยมโหดผิดคาด

สถานการณ์ปัจจุบันคืออัลผู้เหนื่อยล้าหลังกำราบการ์ฟีลกับเอซโซ่มาได้จะถูกพลซุ่มจู่โจมคนที่ว่าลอบหักคอตอนที่เขากำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบน

อัลไม่แน่ใจว่าพลซุ่มจู่โจมหลบกระแสน้ำของเอซโซ่ก่อนหน้านี้ได้ยังไง ที่แน่ๆ เธอไม่ได้อยู่กับเด็กสาวอีกสองคนที่การ์ฟีลรุดหน้าไปช่วยปกป้องเอาไว้ก่อน

อัลถูกหักคอซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่อีกฝ่ายไม่คิดจะหยุดถามหรือลังเลเลยด้วยซ้ำ แสดงว่าเธอคงตระหนักรู้สถานการณ์แล้วว่าตนเองคือคนเดียวที่เหลืออยู่ในหอคอยซึ่งสามารถหยุดอัลได้

อัล: ต้องขอชมเลยล่ะ คุณหนู

อัลกล่าวแสดงความเคารพต่อศัตรูที่จินตนาการได้เลยว่าคงเคยผ่านการฝึกฝนแสนโหดหินน่าดู เด็กสาวถึงได้มีฝีมือมากขนาดนี้ทั้งที่ยังคงเยาว์วัย

ได้ยินมาว่าเธอคนนี้มีน้องสาวฝาแฝดอยู่ด้วย อัลเลยแอบสงสัยว่าคนน้องจะแกร่งเหมือนคนพี่ไหม แต่อีกไม่นานอาจจะได้รู้ก็ได้ เนื่องจากว่าอัลเดบารันตั้งใจจะเป็นศัตรูกับทั้งโลก

. คราวนี้การลอบสังหารของพลซุ่มจู่โจมล้มเหลว เนื่องจากที่คอของอัลเดบารันมีกิปส์(เฝือกแข็ง)ที่สร้างจากศิลาซึ่งช่วยป้องกันกระดูกสันหลังส่วนคอของเขาเอาไว้

เมื่อการหักคอล้มเหลว เด็กสาวจึงกระโจนตัวไปทางซ้ายของอัลเดบารันโดยทันทีเพื่ออาศัยช่องโหว่ที่เขาไม่มีแขนซ้าย จากนั้นก็ใช้กระบวนท่าฝ่ามือคมมีดจ้วงเล็งใส่สีข้าง

อุ้งมือเล็กๆ ของสาวน้อยเคลือบไว้ด้วยวิชา [ครรลองสายธาร] ที่สามารถเจาะทะลุสีข้างและลอดผ่านซี่โครงเข้าไปล้วงกระชากหัวใจของอัลออกมาได้อย่างง่ายดาย

มันคือท่าสังหารแบบถึงตาย “แทบจะทันที” แต่เพราะมันดันไม่ตายทันทีนี่แหละถึงได้เจ็บปวดทรมานมากๆ อัลมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนั้น

ว่าแล้วอัลเดบารันจึงสร้างแขนเทียมขึ้นมาจากดินและคว้ากระจุกผมสองข้างของสาวน้อยเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงร่างของเธออัดติดกำแพง

แขนเทียมดินแปรสภาพกลายเป็นเทปดินโคลนขนาดยักษ์ซึ่งตรึงแขนขาของเด็กสาวนาม “แฟรม” ติดกับกำแพงเอาไว้

อัล: ชั้นอ่อนแอกว่าคุณหนู ชั้นแขนหายไปข้างหนึ่ง ชั้นสวมหมวกเหล็กที่ทำให้ขอบเขตการมองเห็นแย่ ชั้นสู้มาอย่างต่อเนื่องจนหมดแรง ไม่ว่าจะทักษะหรือพรสวรรค์ชั้นก็ไม่มีเลย ――เพราะงั้นแหละ ชั้นถึงได้เป็นฝ่ายชนะล่ะ

แฟรม: ท่านอัล――

อัล: หุบปากไปเลย

อัลดีดนิ้วเพื่อร่ายมนตร์เสกที่อุดปากหินมาผนึกกระทั่งการพูดของสาวน้อย แต่แทนที่จะรู้สึกโล่งใจ เขากลับรู้สึกหม่นหมอง เนื่องจากรู้ดีว่าพึ่งผ่านพ้นด่านแรกไป

. อัล: อะไรเล่า มีเหตุผลอะไรถึงได้จ้องกันแบบนั้นงั้นเรอะ พวกคุณหนูน่ะ

อัลเดบารันหันหลังกลับไปจ้องสาวน้อยสองคนที่ยืนขวางทางเดินชั้น 4 อยู่ คนหนึ่งจ้องเขาด้วยสายตาเยือกเย็นที่แฝงจิตสังหาร ส่วนอีกคนมีสายตาที่อ่อนไหวและจริงใจ

เมลี่: ที่ไม่ยอมเข้าใกล้มากกว่านั้น เป็นเพราะว่าเด็กคนนี้โกรธอยู่หรือเปล่าน้า?

บนศีรษะของ “เมลี่” มีสัตว์มารแมงป่องสีแดงตัวจิ๋วอยู่ หางของมันที่กำลังเปล่งแสงอยู่เล็กน้อยนั้นแอบอันตรายกว่าที่เห็น กรณีที่โดนยิงใส่จุดสำคัญแบบไม่ทันได้ป้องกัน

อัลปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายสาวน้อยทั้งสองตั้งแต่แรก แต่ทั้งสองยังตามสถานการณ์ไม่ทัน เมลี่จึงสงสัยว่าอัลลงมาตามหาพวกเธอที่ชั้น 4 หรือเปล่า

อัลปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นเช่นกันและบอกว่าเขามีเหตุผลอื่นอยู่ เพทร่าที่เงียบไปสักพักจึงรวบรวมความกล้าถามอัลว่าเขามีจุดประสงค์อะไร

อัลเดบารันเฉลยว่าเขาทำตามเป้าหมายลุล่วงและไม่เหลือธุระอะไรกับหอคอยแห่งนี้แล้ว เพราะงั้นจึงตั้งใจจะจากลากันเพียงเท่านี้

. อัล: การ์ฟีลกับเอซโซ่สลบอยู่บนยอดหอคอยนะ ถ้ารีบช่วยปฐมพยาบาลล่ะก็ คงจะรอดไปได้อยู่แหละ

เพทร่า: อา…

พออัลเดบารันประกาศออกมาเช่นนั้น ทั้งเพทร่าและเมลี่ก็ตั้งท่าพร้อมเข้าไปต่อสู้

แต่ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นแค่สาวน้อย อัลก็มิอาจจะออมมือให้ได้ ถ้าให้เลือก เขาก็อยากที่จะเลี่ยงการปะทะโดยไม่จำเป็น

อัล: เอาไงดีล่ะ? อยากจะดวลกับสุดเท่อย่างชั้นที่นี่เลยงั้นเหรอ? ถ้าลองพยายามเสียหน่อย อาจจะโค่นชั้นไหวก็ได้นะเนี่ย …แต่ถ้าขืนแพ้ล่ะก็ เพื่อนร่วมทางสองคนที่อยู่ข้างบนจะไม่รอดเอานะ?

เพทร่า: …คนขี้ขลาด!

อัล: รู้ตัวอยู่แล้ว ถึงได้เกลียดตัวเองสุดขั้วเลยไงล่ะ

สายตาของเพทร่าทำให้อัลตระหนักว่าเขากลายเป็นผู้ใหญ่นิสัยเสียไปซะแล้ว กระนั้นเพทร่าก็ประเมินความเสี่ยงได้ถูกต้องว่าพวกเธอไม่มีโอกาสชนะ แถมชีวิตของพวกการ์ฟีลยังสำคัญกว่า

เมลี่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสุบารุและเบียทริซ อัลเลือกตอบแค่ว่าสองคนนั้นกำลังหลับอยู่ด้วยกันและปล่อยให้พวกเด็กสาวไปถามเรื่องราวเต็มๆ จากการ์ฟีลเอาเอง

อัลชูแขนขึ้นฟ้าและประกาศขอเดินผ่านทางที่สาวน้อยทั้งสองขวางอยู่ ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมหลีกทางให้แก่อัลแต่โดยดี อัลโล่งใจเนื่องจากการกางอาณาเขตมันเหนื่อยเอาเรื่อง

เพทร่า: ในช่วงเวลาสามวันนี้ ฉันน่ะ ตั้งใจที่จะช่วยคุณอัลจริงๆ นะคะ

อัล: …

เพทร่า: เกลียดคุณที่สุดเลย

น้ำเสียงสะอื้นไห้ที่สาวน้อยกล่าวส่งท้ายได้ทิ้งบาดแผลที่หนักหนาที่สุดไว้กับอัลเดบารันนับตั้งแต่ที่ย่างก้าวมาถึงหอสังเกตการณ์เพลอาเดส

. [อัล(มังกรเทพ): โย่ ตัวชั้นอีกคน หมดธุระแล้วใช่ไหมนั่น?]

เมื่ออัลเดบารันผลักประตูบานใหญ่ออกมาด้านนอกหอคอย เขาก็พบว่าพาทรัชกำลังยืนประจันหน้าอยู่กับ [มังกร] เกล็ดสีน้ำเงินซึ่งพูดจาไร้ราศีขัดกับรูปลักษณ์

พาทรัชที่ไม่เกรงกลัวมังกรเบื้องหน้าทำให้อัลรู้สึกว่าผู้หญิงรอบตัวสุบารุมีแต่คนจิตไม่ปกติทั้งนั้น แต่พอนึกย้อนดูแล้ว ผู้หญิงรอบตัวเขาเองก็ไม่ค่อยต่างกัน มีผู้หญิงใกล้ตัวเพียงคนเดียวที่เขาเรียกได้เต็มปากว่าอ่อนแอ

อัลเดบารันตำหนิตัวเขาร่างมังกรให้เลิกรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า เพราะแค่ภาพลักษณ์ของตนเองในร่างคนมันก็แย่มากพออยู่แล้ว

ผลลัพธ์จากแผนการสุดบ้าบอของอัลทำให้ปัจจุบันมีตัวเขาอยู่สองร่าง อัลเดบารันที่เป็นคน และ [อัลเดบารัน] ที่ยึดร่างของ [มังกรเทพ] มาได้

[อัลเดบารัน] ข่มขู่พาทรัชว่าถ้าหากเธอฝืนสู้ เดี๋ยวก็ไม่เหลือใครที่จะช่วยพาพวกพ้องฝ่าทะเลทรายกลับบ้านได้หรอก บทสนทนานั้นทำให้อัลร่างคนตระหนักว่าตัวตนในร่างมังกรนิสัยเหมือนเขาเป๊ะเลย

. อัล: ว่าแต่วิธีบินล่ะ?

[อัล(มังกรเทพ): รู้สิ…มั้งนะ ค่อยๆ ลองไปเดี๋ยวก็คงชินเอง]

อัล: ฟังแล้วอุ่นใจซะไม่มี…

แม้คำตอบของตัวเขาร่างมังกรจะทำให้ชวนกังวล แต่อัลเดบารันก็วิ่งไต่หางของ [อัลเดบารัน] ขึ้นไปขี่บนหลังแล้วหาเกล็ดบางส่วนที่ยื่นออกมาเพื่อใช้เป็นที่เกาะ

[อัล(มังกรเทพ): ――ลิฟต์ออฟ(ออกบิน)!]

[มังกรเทพ] อัลเดบารันสยายปีกบินขึ้นสู่ท้องนภาระดับยอดหอคอยภายในชั่วอึดใจเดียว จากนั้นก็เริ่มโผบินทิ้งระยะห่างออกมาจากหอสังเกตการณ์เพลอาเดส

อัลเดบารันมองย้อนกลับดูทางหอคอยและคำนึงถึงสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ ณ ที่แห่งนั้น

[อัล(มังกรเทพ): อย่าบอกนะว่านึกเสียใจน่ะ?]

อัล: เปล่าหรอก ถ้าเรื่องนึกเสียใจล่ะก็ มันก็ตั้งแต่เมื่อ 400 ปีก่อนแล้วล่ะ

เพื่อที่จะไปให้ถึงแสงดาวที่อยู่เหนือนยุต อัลเดบารันได้ตั้งมั่นไว้แล้วตัวเขามิอาจทำอะไรผิดพลาดได้อีกต่อไป

[อัล(มังกรเทพ): เอาเถอะ ไม่ต้องกังวลว่าจะเหงาหรอก จากนี้ไปก็มีชั้นอยู่ด้วยแล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิมหน่อยว่ามั้ย?]

อัลเดบารันร่างมังกรควรจะได้รับการอินสตอล(ติดตั้ง)ความทรงจำอันเดียวกับของอัลร่างคนจาก [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์]

อัลร่างคนจึงแอบสงสัยว่าที่เจ้ามังกรมันมองโลกในแง่ดีเป็นเพราะภาชนะที่ต่างกันหรือเปล่า กระนั้นก็ถือว่าดีแล้วที่การมีอัลสองคนไม่ได้ทำให้บรรยากาศเนกาทีฟเกินไป

แถมเท่านี้อัลเดบารันก็ได้แบ็คอัพสุดทรงพลังมาจนพร้อมเผชิญหน้ากับทุกสิ่งแล้ว ที่ต้องทำต่อไปก็คือ…

??: ――พอแค่นั้นแหละ

. ประกายแสงพวยพุ่งผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนเข้ามาอัดกระแทกใส่ [มังกรเทพ] จนมันร่วงลงสู่ทะเลทรายเบื้องล่างพร้อมกันกับอัลเดบารัน

ชายหนุ่มผู้มีผมสีแดงเพลิงและดวงตาสีฟ้าดุจนภาปลอดโปร่งปรากฏตัวออกมาในชุดเครื่องแบบสีขาวซึ่งไม่แปดเปื้อนทรายแม้แต่น้อย เขาคนนี้คือผู้ถูกโลกเลือกสรร

ไรน์ฮาร์ด: แฟรมที่ประจำการอยู่ที่หอคอยเป็นผู้ถือครองพรคุ้มครองที่มี [พรคุ้มครองแห่งโทรจิต] อยู่ เธอกับน้องสาวที่ชื่อ “กราซิส” สามารถส่งข้อความหากันได้โดยที่ไม่เกี่ยงปัจจัยด้านระยะห่างและเวลา ถึงจะแค่วันละหนึ่งครั้งก็เถอะ

ชายหนุ่มผมแดง “ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอา” ประกาศคำตอบให้เสร็จสรรพ เผื่อกรณีที่อีกฝ่ายสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ตัวเขาถึงได้รุดหน้ามายังที่นี่

อัล: …ขอบใจสำหรับคำอธิบาย นี่อย่าบอกนะว่าโดนเคลมอยู่บ่อยๆ จนชินแล้วน่ะ?

ไรน์ฮาร์ด: ก่อนอื่นทางผมขอคลายข้อสงสัยให้หมดก่อนละกันนะ ――มีเรื่องที่อยากซักถามคุณอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ

อัล: …

ไรน์ฮาร์ด: ขอแนะนำให้ยอมแพ้ดีกว่านะครับ หากเลือกได้ ก็ไม่อยากที่จะฟันคุณ

ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอา ประกาศกร้าวอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าอัลเดบารันและ [อัลเดบารัน] ในขณะที่เขาเอื้อมมือไปสัมผัส [ดาบมังกร] ที่เหน็บไว้ข้างเอว

ราศีความสง่าผ่าเผยของเขานั้นเหมาะสมแล้วสำหรับผู้ที่ถูกลิขิตให้เป็นวีรชน เป็นผู้ที่แบกรับภาพมายาวีรชนที่เสื่อมสลายอยู่อย่างแท้จริง

อัล: อย่าทำเป็นเก่งไปหน่อยเลย ฮีโร่ ยังไงชั้นก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี ――ดวงดาวนั่นแหละที่ผิด

อัลเดบารันเข้าเผชิญหน้ากับไรน์ฮาร์ดท่ามกลางทะเลทรายยามค่ำคืน นี่คือศึกระหว่างผู้ที่โลกรักมากที่สุดและผู้ที่โลกมิเหลียวแลมากที่สุด

. จบตอน