re zero webnovel arc9 chapter16 part1 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 16 "ผู้สมรู้ร่วมคิด" พาร์ท 1

[สิ่งนั้น] ที่เพทร่าได้เห็นเป็นดั่งฝันร้ายทั้งที่เธอยังคงลืมตาตื่น มันมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่กระทบต่อดวงจิตโดยตรง

ถึงร่างกายจะรับรู้แล้วว่า [เหตุก่อนหน้า] ที่ถูกตัดขาดผึงไปอย่างกะทันหันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอีกต่อไป แต่ดวงจิตยังมิอาจปรับตัวได้ทัน

ความรู้สึกที่ร่างกายถูกบางสิ่งบุกรุกเข้าไปแล้วถูกพวกมันกัดกินจากภายในก่อให้เกิดเป็นฝันร้ายที่มิอาจทำใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ใครกันเล่าจะยอมรับความรู้สึกของการถูกกินทั้งเป็นได้ง่ายๆ?

น้ำย่อยสีเหลืองไหลขย้อนออกมาจากปากของสุบารุที่นอนชักกะตุกอยู่บนพื้นเย็นเฉียบภายในห้องที่มีแสงสว่างสลัวๆ สถานที่ที่เขาถูกฝันร้ายหลอกหลอนมาหลายครั้ง

[ทำไมกัน] คำถามนั้นผุดขึ้นมาให้หัวเขา ทำไมเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้ถึงเกิดขึ้น ทำไมเรื่องบ้าบอแบบนั้นถึงเกิดขึ้น ทำไมตัวเขาถึงอับโชคเช่นนั้น

ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมเขาถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ เขาเคยไปทำเรื่องชั่วอะไรไว้กัน นี่คือบาปกรรมที่เขาต้องชดใช้อย่างงั้นหรือ

หากความผิดพลาดของเขามันมากเหลือล้น ก่อนที่จะปล่อยให้มันทับถมกันและต้องปะติดปะต่อบทลงโทษจนกระทั่งจมดิ่ง ก็ควรจะให้โอกาสเขาได้เริ่มต้นไถ่บาปเสียก่อน

เช่นนั้นแล้ว [ทำไมกันล่ะ] ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

“เอคิดน่า: ขอเชิญ ――สู่งานเลี้ยงน้ำชาของแม่มด”

ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความปลาบปลื้ม มันคือเสียงที่เป็นทั้งการอวยพรและคำสาป

. หลังพลิกหน้ากระดาษของคัมภีร์ที่พบในกระเป๋าของสุบารุได้เพียง 5 วินาที เพทร่าก็หมดสติลงทันที เมลี่จึงต้องรีบประคองไหล่ของเธอไว้

การที่เพทร่าสามารถอ่าน [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] เล่มนั้นได้แปลว่าเจ้าของชื่อที่ถูกขีดฆ่าบนปกหนังสือจะต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธออยู่ด้วย

เมลี่: ――เพทร่าจัง! เพทร่าจัง เพทร่าจังนี่ล่ะก้อ …ไม่ไหวแฮะ ไม่ยอมตื่นเลยค่า

เพทร่าไม่ยอมตอบสนองต่อการจิ้มแก้มของเมลี่และเสียงหนีบก้ามของแมงป่องน้อย เธอน่าจะกำลังเป็นลม หน้ามืด หรือไม่ก็หมดสติไปแล้ว

เพทร่าคงจะถูกเรื่องราวชีวิตของเจ้าของคัมภีร์อัดแน่นเข้าไปในหัวจนจิตใจรับไม่ไหว กระทั่งเอซโซ่ยังเป็นลม น้ำลายฟูมปาก และฉี่ราดตอนอ่านรอบแรกเลย

เพทร่าถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมเกียรติสุภาพสตรีเช่นนั้น แต่สีหน้าของเธอปวดร้าวและหายใจติดขัดคล้ายกับว่ากำลังมีไข้สูง

เมลี่ใช้เท้าเขี่ย [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ที่ร่วงจากมือของเพทร่าออกไปให้ห่างตัวก่อนเพื่อความปลอดภัย ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพคว่ำก็ตาม

เมลี่: คงจะไม่ใช่เล่มของเอลซ่าหรอกเนอะ?

พอคำนึงดูว่าคัมภีร์ของใครกันที่ทั้งเพทร่าและเมลี่น่าจะรู้จัก ชื่อของ “เอลซ่า แกรนฮิลเต้” ก็ผุดขึ้นมาเป็นคนแรก สุบารุอาจจะพบมันเข้าแล้วซ่อนไว้มิให้เมลี่เห็น

แต่พอไตร่ตรองให้ดี เมลี่ก็เชื่อมั่นว่าสุบารุไม่มีวันขีดฆ่าชื่อเอลซ่าทิ้งแน่ๆ เพราะเขาเป็นคนบอกเองว่าเมลี่ไม่จำเป็นต้องลืมเอลซ่าก็ได้

. จู่ๆ เจ้าแมงป่องสีแดงบนหัวเมลี่ก็ตัวแข็งกระด้างและจดจ้องไปยังกำแพงของหอคอย เมลี่สังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันทีว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านนอกนั่น

เพราะงั้นเธอจึงกดแมงป่องน้อยลงไปในคอเสื้อแล้วอุ้มเพทร่าขึ้นมาในอ้อมแขน ทันใดนั้นเองพลังของ [แม่มด] ก็เอ่อล้นออกมาจากอีกฟากของกำแพง

คราวนี้พวกเมลี่ไม่มี [มังกรเทพ] คอยช่วยขัดขวาง [แม่มด] เนื่องจากอัลเดบารันได้ช่วงชิงมังกรไปจากยอดหอคอยแล้ว

เพราะงั้น ผลลัพธ์ของการถูกเงาดำกลืนกินในรอบนี้มันไม่จบแค่การถูกส่งไปจักรวรรดิแบบกรณีสุบารุกับเรมอย่างแน่นอน

เมลี่: จบเห่แค่นี้สินะ?

เมลี่ถอนหายใจยอมรับชะตากรรมตามสภาพความเป็นจริง จากนั้นก็โน้มตัวลงหวังช่วยปกป้องเพทร่าที่อยู่ในอ้อมแขนทั้งที่มันเปล่าประโยชน์

เมลี่: คุณพี่ชายคนบ้า…

ระว่างที่รำพึงในใจว่า “รู้งี้กินเนื้อเยอะกว่านี้ก็คงดี” และกล่าวคำสั่งเสียออกมา อะไรบางสิ่งก็เข้าปะทะกับ [แม่มด] อย่างรุนแรงที่ด้านนอกหอคอย

แรงกระแทกที่มาพร้อมเสียงดังกับแสงที่สว่างวาบทะลุกำแพงหนาอัดเข้าใส่พวกเมลี่จนล้มระเนระนาด โชคดีที่พวกเธอพิงกำแพงไว้อยู่แล้ว จึงมิได้บาดเจ็บหนัก

เมลี่: …นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

แฟรม: ท่านเพทร่า! ท่านเมลี่! ปลอดภัยดีไหมคะ!?

ทันใดนั้นเอง แฟรมที่อุ้มการ์ฟีลกับเอซโซ่ลงไปชั้นล่างก่อนหน้านี้ก็กลับขึ้นมาถึงชั้น 4 พอดี แฟรมเล่าแบบกล้าๆ กลัวๆ ว่าไรน์ฮาร์ดกำลังต้านทาน [แม่มดแห่งริษยา] เอาไว้อยู่

สำหรับคนที่มิเคยเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นมาก่อน เพียงแค่การเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมาก็ทำให้คนที่ดูมิเกรงกลัวสิ่งใดอย่างแฟรมตัวแข็งทื่อได้แล้ว

เมลี่จึงมองว่าคนที่สามารถขยับตัวได้ตอนที่เผชิญหน้ากับ [แม่มดแห่งริษยา] เป็นครั้งแรกอย่างพวกเอมิเลียนั้นมีความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเหนือคนทั่วไป

. จากประสบการณ์เผชิญหน้ากับ [แม่มดแห่งริษยา] มาสองครั้ง เมลี่เริ่มระแวงว่าการอยู่ในหอคอยนานเกินไปอาจจะทำให้แม่มดไม่พอใจ

อีกอย่างการฝืนอยู่ที่นี่ต่อรังแต่จะเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาไรน์ฮาร์ดเสียเปล่า เมลี่จึงพยุงร่างของเพทร่าที่ยังคงหมดสติให้ลุกขึ้นมา

แฟรม: ท่านเมลี่! รีบออกจากหอคอยกันเถอะค่ะ ส่วนท่านเพทร่าให้ฉัน…

เมลี่: ――อือ ไม่เป็นไรค่า ฉันจะแบกเพทร่าจังไว้เอง รบกวนแฟรมจังไปช่วยเตรียมพวกน้องพาทรัชให้พร้อมที

แฟรม: ค่ะ เจอกันที่ด้านล่างบันไดวน! เดี๋ยวจะเตรียมรถมกรไว้ให้พร้อมเองค่ะ

หลังแฟรมพยักหน้าและรีบล่วงหน้าออกจากห้องไปก่อน เมลี่ก็แบกเพทร่าขึ้นหลังแล้วออกวิ่งตามไป แต่ก่อนที่จะออกจากห้อง เธอได้หันกลับมาสำรวจอีกครั้ง

หนึ่งในพวกข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องมี [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] ที่เป็นต้นเหตุทำให้เพทร่าหมดสติไปอยู่ด้วย

ทว่า เมลี่ตัดสินใจว่านี่มิใช่เวลาที่จะมัวมาสนใจมันแล้ว เรื่องเนื้อหาของคัมภีร์ไว้ค่อยถามเพทร่าหลังจากที่เธอปรับตัวเข้ากับความทรงจำของเจ้าของก็ยังได้

เพทร่า: ขอโทษนะ… ขอโทษด้วยนะคะ… สุบารุ…

ระหว่างที่เมลี่กำลังออกวิ่ง น้ำตาก็ไหลรินออกมาจากเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่ของเพทร่าพร้อมกันกับคำขอโทษที่พึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา

ทว่า เสียงที่ดังสะนั่นจากการศึกเดือดระหว่าง [นักดาบเทวา] กับ [แม่มดแห่งริษยา] ก็ได้กลบเสียงวิงวอนของเด็กสาวผู้หัวใจปวดร้าวจนไม่มีใครได้ยิน

. อัล: ――ขอมิลค์ แบบเย็น

อัลเดบารันหย่อนก้นนั่งลงที่เคาน์เตอร์ของร้านเหล้าแห่งเดียวภายในเมืองมิรูล่าที่ตั้งอยู่ใกล้เนินทรายออกุเลีย แล้วสั่งนมเย็นจากมาสเตอร์ของร้าน

เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลาก่อนรุ่งสาง อัลจึงเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวของร้านเหล้าที่ให้บรรยากาศเหมือนในหนังตะวันตกแห่งนี้

ที่จริงการที่เจ้าของร้านยอมเปิดร้านทั้งชุดนอนเพื่อต้อนรับแขกเพียงคนเดียวก็ถือว่าเขามีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากแล้ว

อัล: เพราะงั้นแหละ ชั้นถึงได้เคารพความเป็นการเป็นงานของคุณมาก กับคนขยันขันแข็งแบบนี้น่ะ ไม่คิดจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรหรอกน่า เงินก็จะจ่ายให้แน่ๆ ด้วย

อัลพยายามกล่าวโน้มน้าวชายไว้หนวดเจ้าของร้านที่ยืนแข็งกระด้างและไม่ยอมเสิร์ฟนมที่เขาสั่งไปให้เสียที ซึ่งสาเหตุที่เขาเกร็งก็มิใช่เพราะใครที่ไหน

มังกรเทพอัล: เฮ้ยๆ บอกตามตรง ที่พูดไปนั่นมันฟังดูเหมือนคำขู่มากกว่านะ ตัวชั้น

อัล: เออแฮะ พอมาคิดดูแล้วมันก็จริงแหละนะ

มังกรเทพอัลที่ตัวใหญ่เกินจะเข้ามาภายในร้านเหล้าพูดคุยกับอัลเดบารันผ่านกำแพงในขณะที่ตัวมันเองรออยู่ที่ถนนด้านนอก

พอเจอชายสวมหมวกเกราะน่าสงสัยบุกมาหากลางดึกพร้อมกับ [มังกรเทพ] ตัวตนที่ชาวลูกุนิก้านับถือ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของร้านถึงได้ไปต่อไม่เป็น

. เจ้าของร้าน: เอ้านี่ มิลค์…

อัล: แต๊งกิ้ว

หลังทำใจอยู่สักพัก ลุงเจ้าของร้านก็เสิร์ฟนมเย็นในเหยือกไม้ให้ อัลเดบารันกล่าวขอบคุณและรับเหยือกมา จากนั้นก็ใช้คางชี้ไปหาเจ้ามังกรด้านนอกร้าน

อัล: ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอน้ำหรือมิลค์ใส่ถังให้เจ้าที่อยู่ด้านนอกนั่นหน่อยได้ไหม อย่าเอาเหล้าให้ล่ะ ไม่รู้เลยว่าซดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

มังกรเทพอัล: อะไรกัน ก๊งเหล้าสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ดราก้อนในตำนานน่ะไม่มีทางคออ่อนหรอกน่า

อัล: มันมีตำนานที่มังกรดื่มเหล้าเข้าไปแล้วถูกกำจัดอยู่ด้วยนี่ ยังไม่อยากให้แกถูกกำจัดในเร็วๆ นี้หรอกนะ …ถึงจะเป็นพรรคพวกที่ไร้ประโยชน์ไปอีกสักพักก็เถอะ

มังกรเทพอัล: เชอะ~ มาสเตอร์ ฝากด้วยนะ

หลังเดาะลิ้นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ มังกรเทพที่มองเข้ามาในร้านเหล้าผ่านหน้าต่างก็ยกศีรษะกลับไป

หลังทำใจได้ ลุงเจ้าของร้านที่สวมขาเทียมข้างหนึ่งก็แบกถังน้ำออกไปด้านนอกให้แก่เจ้ามังกร ทำเอาอัลเดบารันรู้สึกผิดที่เขาไม่ได้อาสาขนถังน้ำไปให้เอง

. ปัจจุบันอัลเดบารันเหนื่อยจนหมดแรง ข้อต่อตามร่างกายมันระบมไปหมด แต่ที่หนักข้อสุดคงจะเป็นความเหนื่อยล้าทางจิตใจหลังต่อสู้กับศัตรูสุดแกร่งมากว่า 132,044 รอบ

จริงอยู่ว่าอัลเดบารันสามารถหยุดยั้งไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอาได้ตามแผนการที่วางไว้ล่วงหน้า แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะเลยสักนิด

สิ่งเดียวได้รับมาคือความรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยหลังจากที่ผ่านพ้นอุปสรรคสองอย่างที่ใหญ่หลวงที่สุดต่อเป้าหมายมาได้

อัล: ――ศึกตัดสินในตำนานของ [นักดาบเทวา] กับ [แม่มดแห่งริษยา]

ระหว่างที่กระดกนมในเหยือกดื่ม อัลก็ชายตามองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งมีร่องรอยของศึกเดือดระดับวันสิ้นโลกกำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ อีกฟากฝั่งของทะเลทราย

แสงสว่างวาบขึ้นมากลางท้องฟ้ายามค่ำคืนหลายต่อหลายครั้ง พายุทรายก่อตัวขึ้นจากลูกหลงการต่อสู้ แถมยังมีเสียงดังกึกก้องคล้ายฟ้าร้องให้ได้ยินเป็นระยะ

ด้วยเหตุนั้นเอง ทั้งที่ยังคงเป็นเวลาก่อนรุ่งสาง ชาวเมืองมิรูล่าจึงได้พากันตื่นขึ้นมายืนมุงดูศึกเดือดที่จะไม่จบลงง่ายๆ ต่อให้รุ่งอรุณจะมาถึงก็ตาม

พวกชาวเมืองคงจะมุงดูเช่นนั้นต่อไปไม่ต่างอะไรจากแมลงที่หลงใหลในเปลวเพลิงจนสุ่มเสี่ยงที่จะถูกเผาไหม้

. เด็กสาว: ――ว้าวว้าว! พอเข้ามาดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็น [มังกร] จริงๆ ด้วย~ นะคะเนี่ย! บอกตามตรง ถ้าไม่ได้เข้าใกล้ขนาดนี้ก็ไม่มั่นใจเลยค่ะ

เสียงแหลมสูงของเด็กสาวที่ขัดกับบรรยากาศมืดมนโดยรอบดังขึ้นมาจากด้านนอกร้านเหล้า อัลที่ดื่มนมอยู่บนสตูล(ตั่ง)จึงหันไปมอง

ชายผมแดง: ――อยู่นี่ใช่ไหม อัลเดบารัน! เสนอหน้าออกมาเดี๋ยวนี้!

ทันใดนั้นเองชายผมแดงก็เดินเข้ามาในร้านเหล้า จากนั้นก็ชักดาบออกมาจ่อคอของอัลเดบารันโดยทันที

อัล: เฮ้ยๆ ปากบอกให้เสนอหน้าออกมา แต่ดันบุกเข้ามาหาเองก่อน แบบนั้นมันก็เกินไปหน่อยนะ

ชายผมแดง: อย่ามาจ้องจับผิดคนอื่นนะว้อย ที่สำคัญกว่าเรื่องพรรค์นั้น คือไอ้เจ้าตัวที่อยู่ข้างนอกนั่นน่ะ! ไอ้เจ้านั่นมันคือ…ไม่ผิดแน่… อึก

อัลที่ทำเป็นไขสือถูกชายผมแดงกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ถูกลากตัวออกไปด้านนอกร้านเหล้าโดยที่มีดาบคอยจ่ออยู่ที่แผ่นหลังด้วย

เด็กสาว: โอ๊ะ ท่านอัล เจอตัวสักที …แล้วไหงถึงได้ทำตัวเหมือนว่าเป็นตัวประกันล่ะคะเนี่ย?

อัล: ดูเหมือนว่าจะมีคนเลือดขึ้นหน้าน่ะสิ เธอก็อย่าไปยั่วยุเขาล่ะ เดี๋ยวชั้นได้เสี่ยงอันตรายพอดี

เด็กสาว: ยังจะพูดจาแบบนั้นอยู่อีกนะ~ ท่านอัลน่ะ ไม่ว่าจะลองทำยังไงก็ไม่ตายทั้งนั้นแหละ~

เด็กสาวที่มีบรรยากาศขี้เล่นคล้ายแมวโบกมือให้แก่อัลเดบารันอย่างสบายใจแม้ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตราย เธอสวมชุดเมดสีแดงที่มีเทสต์(รสนิยม)แนวญี่ปุ่น

มังกรเทพอัล: ดูเหมือนว่าความโกลาหลจะยังไม่จบสินะเนี่ย ตัวชั้น

อัล: อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องของคนอื่นคนไกลเซ่ ตัวชั้น

อัลเดบารันต่อว่า [มังกรเทพ] ที่ยิ้มแฉ่งเหมือนไม่ทุกข์ร้อนแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันดูสมาชิกโดยรอบอีกครั้ง

อัล: ให้ตายเถอะ เป็นเมมเบอร์(สมาชิก)ที่พึ่งพาได้เหลือเกินนะ

――[มังกรเทพอัล] ผู้ช่วงชิงเปลือกมกรมาจาก [มังกรเทพ]

――ไฮน์เคล แอสเทรอา ชายผู้ขนานนามตนเองว่า [คนเลี้ยงเสียข้าวสุก] แห่งราชอาณาจักร

――ยาเอะ เทนเซ่น [ซากุระสีชาด] ชิโนบิสาวผู้เคยหมายลอบสังหาร [เจ้าหญิงสุริยา]

ทั้งสามคนคือ [ผู้สมรู้ร่วมคิด] ของอัลเดบารันผู้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับโลกใบนี้

. อ่านต่อพาร์ท 2