ณ เนินเตี้ยบนทุ่งหญ้าเขียวขจี เด็กหนุ่มผมดำและหญิงสีขาวดำกำลังสนทนากันอยู่บนโต๊ะสีขาวติดร่มกันแดดที่มีทีคัพวางอยู่
สุบารุ: เกิดอะไรขึ้นกับชั้น?
เอคิดน่า: ตัวนายเองก็เข้าใจเรื่องนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?
ฝั่งหนึ่งยิงคำถามต่อเรื่องสับสนที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่อีกฝั่งเลือกตอบแบบไม่ตรงคำถาม แล้วก็ยังมีอีก [ตัวตน] หนึ่งที่ได้เป็นผู้ชมการสนทนานั้น
สุบารุ: เอคิดน่า! ให้ชั้นออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้เผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เรียกตนเองว่า [แม่มด] เหตุการณ์บ้าบอคอแตกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เขาเริ่มร้อนรน
เอคิดน่า: จะลองดูก็ได้นะ
“ขอร้องล่ะ อย่าเลยนะ”
“ขอร้องด้วยเถอะ อย่าเลยนะ อย่าพูดอะไรมากไปกว่านั้นเลย อย่าพูดออกมา”
เอคิดน่า: การลงมือกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ปรารถนานั้นน่านับถือ จุดยืนนั้นยังคงไม่เปลี่ยน แล้วก็ผู้ที่ลงมือกระทำเช่นนั้นนี่แหละที่เราคิดว่าใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
“ขอร้องล่ะ อย่าเลยนะ ขอร้องล่ะ อย่าเลยนะ ขอร้องด้วยเถอะ อย่าเลยนะ”
“อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ อย่านะ”
สุบารุ: เอคิดน่า ชั้น [หวนกลับจากความตาย] ――ได้
“อา อา อา ขอร้องล่ะ”
“ขอร้องล่ะ อย่าทุกข์ทรมานเลย”
“ขอร้องล่ะ อย่าร้องไห้เลย”
“ขอร้องล่ะ อย่าเจ็บปวดเลย”
“ขอร้องล่ะ อย่าหวาดกลัวเลย”
“ขอร้องล่ะ อย่ายิ้มเลย”
“ขอร้องล่ะ อย่าให้อภัยเลย”
“ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ขอร้องล่ะ ――ขอร้องด้วยเถอะ อย่าเลยนะ”
เอคิดน่า: เพราะว่าการเค้นสมองเพื่อหาคำตอบมันก็ทำให้เราเปี่ยมสุขเช่นกันยังไงล่ะ
“ขอร้องด้วยเถอะ คุณอย่าได้ช่วยบุคคลนี้เลยนะ”
. อัลเดบารันเชื่อว่าสิ่งเดียวสามารถช่วยเยียวยาจิตใจที่ผุกร่อนจากความเหนื่อยล้าได้มิใช่ทั้งเวทมนตร์ คำพูด หรือสายสัมพันธ์ หากแต่เป็นเวลา
อัล: ――กางอาณาเขตใหม่ ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
ว่าแล้วอัลเดบารันจึงทำการอัปเดตเมทริกซ์ครั้งแรกในรอบ 6 ชั่วโมง
อำนาจของอัลมีจุดแข็งตรงที่ตราบใดที่ยังมิได้อัปเดตเมทริกซ์หรือออกจากอาณาเขตที่ตั้งไว้ เขาก็สามารถขยายเวลาที่รับรู้เท่าไรก็ได้โดยที่เวลาจริงไม่เดินหน้าต่อ
นั่นแปลว่าตราบใดที่เจ้าตัวไม่ยอมแพ้ อัลก็สามารถกลืนพิษย้อนเวลาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสร้างสถานการณ์สมบูรณ์แบบตามแพลนที่วางไว้
ทว่า ในศึกที่ปะทะกับไรน์ฮาร์ด แผนการเกือบทั้งหมดของอัลล้วนแต่ไร้ผล ผลลัพธ์สุดท้ายก็เรียกว่าชนะไม่ได้เต็มปาก เรียกว่าแพ้ทั้งคู่คงจะถูกกว่า
ปัจจุบันอัลอาศัยมานามหาศาลของมังกรเทพอัลในการใช้เวทวารีรักษาอาการบาดเจ็บและใช้เวทตะวันเสริมแกร่งร่างกายจนตัวเขาแกร่งที่สุดตั้งแต่เกิดมา
แต่ต่อให้จะยัดบัฟพาวเวอร์อัพให้มดสักหนึ่งร้อยเท่า มดก็เอาชนะมนุษย์ไม่ไหวอยู่ดี ยิ่งในกรณีไรน์ฮาร์ด เขาน่าจะแกร่งระดับช้างหรือสิงโตหากเทียบอัลเป็นมด
. อัลพึมพำถึงเส้นตาย 7 วันในขณะที่เขานั่งชันเข่าพิงกำแพงอยู่ภายในกระท่อมล่าสัตว์ที่ยาเอะค้นพบในป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าของจะไม่อยู่พอดี
ถึงแม้จะไม่มีเตียงนุ่มๆ หรืออ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ขอแค่ไม่มีใครหาพวกเขาเจอ อัลก็มองว่ากระท่อมนี้คือที่พักระดับสวีทคลาสแล้ว
ตอนนี้กลุ่มของอัลพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นและไม่สร้างอีเวนต์เอิกเกริก
กรณีที่เมืองมิรูล่าเป็นข้อยกเว้นเพราะว่าเขาจำเป็นต้องเตือนชาวเมืองให้อพยพและมันก็เป็นจุดนัดพบพรรคพวก แถมอัลยังอยากได้นมดื่มสักแก้วพอดี
เท่าที่อัลรู้ [นักดาบเทวา] และ [แม่มดแห่งริษยา] นั้นมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน การต่อสู้ของทั้งสองจะไม่รู้ผลต่อให้จะผ่านไปสัก 1,000 วันหลังจากนี้
แต่ในความเป็นจริง โลกน่าจะโดนลูกหลงจนถูกทำลายก่อนที่การต่อสู้ของสองคนนั้นจะยุติลง ซึ่งเป็นที่มาของเส้นตาย 7 วันที่อัลตั้งไว้
นั่นแปลว่าหลังจบเรื่องนี้ อัลต้องไปหยุดแมทช์โลกแตกระหว่างคู่มวยที่เขาจัดขึ้นมาเองคู่นั้นด้วย เรื่องที่ต้องทำมันเยอะแยะไปหมดจนน่าปวดหัว
.
ยาเอะ: ――แทนที่จะมัวแต่ดื้อด้านแบบนั้น หัดพึ่งพาคนอื่นบ้างจะดีกว่าไหมคะ?
อัล: …ยาเอะเรอะ
ยาเอะ: ค่าๆๆ ชิโนบิเมดอเนกประสงค์ผู้แสนมีประโยชน์ของท่านอัล ยาเอะเองเจ้าค่ะ
ทันใดนั้นเองยาเอะก็ปรากฏตัวออกมาทักทายอัลแบบไร้เสียงฝีเท้าราวกับว่าเธอผุดออกมาจากเงา
ทั้งสองหยอกล้อกันเรื่องคุณสมบัติที่ยาเอะใส่มามากเกินไป แต่สุดท้ายพอโดนถามว่าเขามองยาเอะอย่างไร อัลก็มิวายตอบว่า “สาวแมวชิโนบิเมดผู้ว่าง่าย” อยู่ดี
อัล: ที่สำคัญ บอกให้เธอจับตาดูเตี่ยไว้ไม่ใช่เรอะ แล้วก็ให้ยืนยันเส้นทางหลบหนีออกจากป่า เฝ้าระวังภัยรอบๆ กระท่อม กับเตรียมอาหารเอาไว้ด้วย
ยาเอะ: ที่พูดมานั่นไม่รู้สึกว่ามันแบล็คสุดๆ เลยมั่งเหรอคะ? มันคือคำที่ท่านอัลใช้เรียกแรงงานทาสใช่ไหมล่ะคะ? เมื่อกี้น่ะแบล็คสุดๆ เลยค่ะ
อัล: เป็นชิโนบิเมดอเนกประสงค์ผู้แสนมีประโยชน์ไม่ใช่เรอะ ช่วยทำตัวให้สมชื่อหน่อย
ยาเอะแลบลิ้นบ่นเหมือนไม่พอใจ แต่ก็รายงานต่อว่าเธอได้เตรียมอาหารสนามของชิโนบิไว้และสำรวจพื้นที่รอบกระท่อมจนพบว่ามีสัตว์มารอยู่ในป่านี้
ยาเอะค้นพบเส้นทางออกจากป่าที่ไม่วิบากเกินไปแล้วด้วย แต่เธอแนะนำว่าอัลอาจจะต้องฝึกฝนทักษะสมดุลช่วงล่างเอาไว้หน่อย
ทีแรกยาเอะพูดเล่นว่าเธอใช้ไฮน์เคลเป็นเหยื่อล่อสัตว์มารเพราะเขาเป็นตัวถ่วง แต่พอสัมผัสกลิ่นอายได้ว่าอัลกำลังเคืองอยู่ภายใต้หมวกเกราะ เธอก็เลิกหยอกล้อ
ยาเอะ: ถ้าเรื่องท่านไฮน์เคลล่ะก็ มัดเอาไว้แล้วค่ะ พอลืมตาตื่นเมื่อไหร่ ฉันก็จะรู้ได้เอง ถึงจะคิดหนีก็เปล่าประโยชน์ เพราะแขนขาจะขาดเป็นชิ้นๆ เลยค่ะ
อัล: ขาดเป็นชิ้นๆ เลยเรอะ กับเตี่ยคนนั้นจะเป็นไปได้จริงเหรอ?
ยาเอะ: ไม่ว่าจะถึกทนแค่ไหน ก็ไม่ใช่เผ่ามนุษย์โลหะอยู่ดี เพราะงั้นต้องมีส่วนที่เปราะบางอยู่แน่นอนค่ะ วิชาของฉันเน้นจู่โจมใส่ส่วนเหล่านั้นนี่แหละค่ะ แต่เดิมที ถึงจะบอกว่าทำได้ไป ก็จะโดนโกรธอยู่ดีสินะคะ?
อัล: แหงแหละ
ยาเอะ: ถ้างั้นก็ไม่ทำค่า~ การทำให้ท่านอัลโมโหมันไม่มีผลดีอะไรต่อตัวฉันอยู่แล้วนี่คะ?
. สาเหตุที่ยาเอะยอมเชื่อฟังและให้ความร่วมมือกับเขาในปัจจุบันเป็นเพราะว่าอัลเดบารันได้บดขยี้หัวใจที่คิดต่อต้านของเธอจนป่นปี้อย่างไร้ความปรานี
เดิมที “ยาเอะ เทนเซ่น” นั้นเป็นมือสังหารที่ [เก้าแม่ทัพเทวะ] จิชา โกลด์ได้ส่งมาเพื่อลอบสังหาร “พริสซิลล่า บาริเอล” ที่เปิดตัวเป็นผู้ท้าชิงกษัตริย์อย่างเอิกเกริก
ยาเอะแฝงตัวเข้ามาเป็นหัวหน้าคนรับใช้ของตระกูลบาริเอลได้อย่างแนบเนียน ทั้งพริสซิลล่าและชูลท์ต่างก็ชื่นชอบเธอ
กระทั่งอัลยังหลงเชื่อว่ายาเอะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีคนหนึ่งจนกระทั่งเธอได้พยายามที่จะสังหารพริสซิลล่าตามเป้าหมายดั้งเดิม
ยาเอะ: ท่านอัลในวันนั้นน่ะน่าขนลุกสุดๆ เลยค่า~ ถึงตัวฉันจะเคยได้ลิ้มลองเรื่องโหดร้ายต่างๆ นาๆ เท่าที่จะมีอยู่ในโลกใบนี้ภายใต้การฝึกฝนของหมู่บ้านมาแล้วก็เถอะ …แต่ชั่วชีวิตนี้กลับไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนั้นมาก่อนเลยค่ะ
อัล: …เจ็บจี๊ด เรื่องนั้นทำให้อกของชั้นจุกขึ้นมาเลยแฮะ
ยาเอะ: อย่างน้อยก็ช่วยรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจหน่อยเถอะค่ะ ถ้าได้รู้สึกเหมือนกับฉันที่ถูกบีบบังคับให้กลายเป็นบริวารผู้ซื่อสัตย์ของคนน่ากลัวอย่างท่านอัลตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็คงจะทนไม่ไหวหรอกค่ะ ต้องแยกห่างจากทั้งท่านผู้หญิงและชูลท์จัง …แถมท่านอัลยังปู้ยี่ปู้ยำร่างกายนี้ได้ตามใจชอบอีกต่างหาก …ฮือ
อัล: ไม่เคยแตะต้องสักปลายนิ้วเสียหน่อยโว้ย!?
ยาเอะเอ่ยประโยคสองแง่สามง่ามเรียกร้องความเห็นใจด้วยน้ำเสียงยั่วยวน แต่เนื่องจากมิได้มีผู้อื่นอยู่ฟังด้วย เธอคงจะกล่าวไปเพื่อกลั่นแกล้งและเอาคืนอัลเสียมากกว่า
ยาเอะ: …ท่าทางเหนื่อยล้าน่าดูเลยนะคะ การช่วยปลอบประโลมท่านอัลในสภาพอ่อนแอแบบนั้นน่ะ ตัวฉันไม่รังเกียจหรอกนะ?
อัล: …
ยาเอะ: ตายจริง? ต๊ายตายต๊ายตาย~? เงียบแบบนั้นแปลว่าเริ่มคำนึงเป็นทางเลือกหนึ่งหรือเปล่าคะ? เช่นนั้นล่ะก็ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ ฉันจะไปจัดเตียงเตรียมไว้…
อัล: ไม่ใช่แล้ว ก็แค่คิดอยู่ว่าควรจะพูดอะไรดีถึงจะทำให้ยอมหุบปากนั่นแหละ ก่อนอื่นเลย เธอน่ะ…
ยาเอะ: ทำไมคะ?
อัล: ตัวเองเป็นคนพูดไม่ใช่เหรอ ว่าการมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับชั้นมันไร้ความหมายน่ะ?
. สำหรับอัลผู้เคยใช้ชีวิตเกินกว่าสิบปีบนเกาะทาสดาบที่มีการรักษาความปลอดภัยสุดห่วยแตกนั้น เขาคุ้นชินกับการพูดจายั่วยวนหวังผลจนไม่มีวันตกหลุมพรางของยาเอะ
แถมนี่ก็มิใช่ครั้งแรกที่ยาเอะพยายามจะโปรยเสน่ห์และพูดจาเล้าโลมเขา อัลที่ไม่คิดจะเล่นด้วยจึงปฏิเสธไปเหมือนทุกที
ยาเอะ: อย่างไรสิ่งนี้เองก็เป็นอาวุธของชิโนบิอย่างนึงล่ะนะ ถ้าไม่งัดมาใช้บ้างประสิทธิภาพอาจจะเสื่อมถอยลงก็ได้
อัล: เลิกใช้แต่อาวุธเดิมๆ ที่ไม่ได้ผลเซ่ วิธีการกับจุดมุ่งหมายน่ะอย่าเอามาปะปนกันจนเสียเรื่องสิเฟ้ย
ยาเอะ: เรื่องนั้นมันก็นะ ถือเป็นคำแนะนำที่ดีนะคะ ――หากได้รับความรักใคร่จากท่านอัล อนาคตของฉันก็คงจะสงบสุขไปตลอดแท้ๆ แต่ความหวังน้าน~ก็ดันพังทลายตั้งแต่ที่ท่านผู้หญิงตายจากไปล่ะนะ
อัล: …
ยาเอะ: เห็นนะคะว่าทำหน้าตาน่ากลัวเชียวน่ะ?
คำพูดที่ไร้ความมุ่งร้ายของยาเอะกลายเป็นมีดที่เชือดเฉือนหัวใจของเขา แต่ฝั่งอัลก็ยอมรับคมมีดนั้นเป็นบทลงโทษแต่โดยดี เนื่องจากตัวเขาล้มเหลวในการปกป้องพริสซิลล่า
หากเพิกเฉยต่อคำสั่งที่ได้รับมา ส่วนตัวยาเอะนั้นชื่นชอบทั้งความงดงาม ความสูงศักดิ์ ความเฉลียวฉลาด และความอ่อนโยนอย่างน่าเหลือเชื่อของพริสซิลล่า
ดูเหมือนว่ายาเอะจะได้ข้อมูลเหตุการณ์ [มหาภัยพิบัติ] ที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิซึ่งเกี่ยวพันกับความตายของพริสซิลล่ามาบางส่วน ทั้งที่อัลไม่เคยเล่าให้ฟัง
แต่สิ่งเขาสนใจคือยาเอะต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ หากเธอมิได้คิดจะกล่าวโทษอัลว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้พริสซิลล่าตาย
. ยาเอะเกริ่นนำว่าแต่ก่อนเธอคิดจะใช้ร่างกายปลอบประโลมอัลเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักใคร่และการปกป้องจากเขา แต่จุดประสงค์ในปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว
ยาเอะย่อเข่าลงต่อหน้าอัลเดบารันที่ยังคงนั่งพิงกำแพงอยู่บนพื้นสกปรกและจดจ้องไปยังดวงตาภายใต้หมวกเกราะของเขา
ยาเอะ: ข้อเสนอที่จะช่วยปลอบประโลมท่านอัลในตอนนี้น่ะ ไม่ใช่การยั่วยวนค่ะ หากจะให้พูดล่ะก็ มันเหมือนหลักประกันเสียมากกว่าค่ะ
อัล: หลักประกัน…
ยาเอะ: ท่านอัลน่ะเริ่มต้นไปแล้วไม่ใช่เหรอค้า~? ทั้งการหักหลังผู้ที่หวังดีด้วยและการปลดปล่อย [แม่มดแห่งริษยา] มาเหนี่ยวรั้ง [นักดาบเทวา] เอาไว้ …หยุดไม่ได้อีกแล้ว ขืนหยุดป่านนี้ก็รังแต่จะมีปัญหา และยังปล่อยให้ล้มเหลวมิได้อีกต่างหากค่ะ เพราะงั้นแหละ~
ยาเอะหยุดพูดชั่วขณะเพื่อเอื้อมนิ้วมือไปลูบไล้ตามลำคอของอัลเดบารันอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะโน้มศีรษะไปกระซิบที่ข้างหูของเขาต่อ
ยาเอะ: ได้โปรด ท่านอัลช่วยทำตามเป้าหมายให้สำเร็จทีนะคะ เพื่อการนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ความสามารถ วิชา หรืออะไรของฉันก็ตาม โปรดใช้งานได้เลยค่ะ จะใช้เป็นสิ่งปลอบประโลมเพื่อความสงบใจหรือระบายความโกรธก็ยังได้ค่ะ
คำกล่าวภายใต้ลมหายใจที่ร้อนรุ่มนั้นไร้ซึ่งคำลวง ยาเอะพร้อมที่จะพลีกายถวายตัวให้อัลเดบารันจริงๆ เธอแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันเกยสองซี่ก่อนจะกล่าวต่อ
ยาเอะ: ――หลังจากนั้น เมื่อทำตามเป้าหมายลุล่วงแล้ว ช่วยตายทีนะคะ ตราบใดที่ท่านอัลยังไม่ตาย ตัวฉันคงไม่มีวันสงบใจไปตลอดชีวิตแน่เลยค่ะ
ยาเอะเอ่ยเช่นนั้นน้ำเสียงเย้ายวนและน่าขนลุกที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา จากนั้นเธอก็ฉีกยิ้ม
นี่แหละคือเหตุผลที่ยาเอะ เทนเซ่นยอมให้ความร่วมมือกับอัลเดบารันแม้ว่าจะต้องเป็นศัตรูกับโลก
. อัลยอมรับชะตากรรมไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าตัวเขาจะต้องมีจุดจบเช่นไรหลังเป้าหมายสำเร็จลุล่วง เพราะมันไม่มีทางที่วีรกรรมของเขาจะได้รับการให้อภัย
ไม่จำเป็นต้องมีใครเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องมีใครให้อภัย ได้โปรด ได้โปรด อย่าได้ให้อภัยกันเลย หลังทุกอย่างจบลงจะจับตัวอัลไปเสียบไม้เผาก็ยังได้
จุดจบเช่นนั้นแหละคือความหวังของยาเอะ เทนเซ่น ไม่สิ มันเป็นความหวังของอัลเดบารันด้วยเช่นกัน เพื่อที่เขาจะได้จากโลกนี้ไปในสภาพเถ้าถุลีเช่นเดียวกับพริสซิลล่า
เมื่อเวลานั้นมาถึง อัลเดบารันจะยอมปลดอาณาเขตและทำลายเมทริกซ์ทิ้ง
อัลกับยาเอะยังคงจ้องตากันอยู่ภายใต้ความเงียบงัน แต่มันมิใช่ภาพที่ให้ความรู้สึกเร่าร้อนระหว่างชายหญิงเลย
ที่ตรงนั้นมีแต่เด็กสาวผู้น่าสงสารที่ชะตาชีวิตถูกล่ามโซ่ติดกับอสุรกายและตัวตลกผู้โง่เขลาที่ยอมสวมบทบาทเป็นอสุรกายตนนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไฮน์เคล: ――อ้ากกกก! อะ..อะไรเนี่ย!? เกิดอะไรขึ้น…อ้ากกก!?
ตอนนั้นเองที่เสียงร้องโหยหวนของไฮน์เคลดังขึ้นมารบกวนความเงียบ เขาคงจะตื่นขึ้นมาและพบว่าตนถูกมัดเอาไว้ในสภาพที่หากขยับไม่ระวังแขนขาอาจจะขาดได้
อัล: …เดี๋ยวเตี่ยแกได้ขาดเป็นชิ้นๆ หรอก รีบไปแก้มัดให้ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นซะ
ยาเอะ: คิดจะหลอกกันเหรอคะ? ต่อให้ท่านไฮน์เคลจะเละเป็นชิ้นก็ไม่ได้ใส่ใจใช่ไหมล่ะ
อัล: ไม่ใช่ว้อย สัญญากับเตี่ยแกไว้แล้ว ว่าหลังทุกอย่างจบลงจะเตรียม [โลหิตมังกร] ไว้ให้ ชั้นเป็นคนรักษาสัญญา …เพราะว่าสัญญาน่ะ เป็นสิ่งสำคัญล่ะนะ
ยาเอะขอทำสัญญากับอัลด้วยเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เธอจะยอมลุกออกไปช่วยแก้มัดให้ไฮน์เคล
อัลจึงยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาซึ่งทำให้ยาเอะแสดงสีหน้าสับสนสมวัยเหมือนกับตอนที่เขาชูนิ้วก้อยให้พริสซิลล่าเห็นเป็นครั้งแรกไม่มีผิด
อัลอธิบายพิธีกรรมคร่าวๆ ให้ยาเอะฟัง จากนั้นทั้งสองก็เกี่ยวนิ้วก้อยเข้าด้วยกันเพื่อผูกสัญญา
อัล: สัญญาเกี่ยวก้อย หากโกหกต้องกลืนเข็มพันเล่ม ――และถูกตัดนิ้ว
ยาเอะยินดีปรีดาหลังจากที่อัลเกี่ยวก้อยสัญญาว่าเขาจะยอมตายอย่างที่เธอปรารถนาเมื่อเรื่องนี้จบลง กระนั้นเขาก็ยังคงมองว่ายาเอะเป็นชิโนบิเมดผู้แสนน่ารักและทรงเสน่ห์อยู่ดี
ไฮน์เคล: คะ..ใครก็ได้..ใครก็ได้ช่วยทำอะไรสักอย่างที! อั่ก! อ้ากกก!
. หลังปล่อยให้ไฮน์เคลร้องโหยหวนลั่นป่าอยู่สักพัก ในที่สุดยาเอะก็ไปแก้มัดให้เขา แต่ไฮน์เคลก็บ่นไม่เลิกว่าเธอจะแขวนร่างเขาไว้เพื่ออะไร
พอยาเอะให้คำตอบว่าการได้เห็นเลือดตัวเองไหลอาจทำให้ไฮน์เคลหัวเย็นลงบ้าง ฝั่งไฮน์เคลก็ยิ่งเดือดดาลและเอื้อมมือไปแตะดาบ อัลจึงต้องรีบออกตัวห้ามมวย
ที่จริงไฮน์เคลกับยาเอะถือเป็นสมาชิกร่วมของฝ่ายพริสซิลล่า แต่ไฮน์เคลดันมาเข้าร่วมฝ่ายหลังยาเอะหายตัวไปพอดี
อัลเล่าว่าชูลท์สนิทกับไฮน์เคลอย่างน่าเหลือเชื่อ ยาเอะจึงเหน็บไฮน์เคลเพิ่มเรื่องที่เขาดันไม่สนิทกับลูกชายแท้ๆ เลยสักนิด
ช่วงที่ยังอยู่ที่จักรวรรดิ อัลแอบเข้าหาไฮน์เคลเพื่อสั่งให้เขากลับไปรวมตัวกับยาเอะก่อนหน้าคนอื่น แต่ทั้งสองดันไม่ถูกชะตากันมากๆ ปกติยาเอะแทบจะไม่ทำตัวเหินห่างใครเลยแท้ๆ
อัล: โทษทีนะ เตี่ย แต่จากนี้ไปทั้งคุณและยาเอะต่างก็มีบทบาทที่ขาดไปไม่ได้ จะไม่ขอให้ซี้กันไว้หรอกนะ แต่ช่วยทำตัวดีๆ หน่อย
อัลเดบารันยอมแพ้จากการเปลี่ยนนิสัยแก้ไม่ได้ของยาเอะและหันไปร้องขอไฮน์เคลให้ยอมประนีประนอมแทน
เขายืนยันว่าจะยุติทุกอย่างภายใน 7 วันและจะมอบ [โลหิตมังกร] ให้แก่ไฮน์เคล แถมอัลยังมีแผนการหยุดคู่มวยโลกแตกก่อนที่ไรน์ฮาร์ดจะเป็นอะไรไปอีกด้วย
. ปัจจุบันพวกอัลกำลังเดินทางออกจากป่าตามการนำทางของยาเอะ พวกเขาจะหลีกเลี่ยงการปะทะจนกว่าจะไปถึงจุดหมายซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเลยจากราชอาณาจักรลูกุนิก้าไปอีก
ป่านนี้การทรยศของอัลเดบารันคงรู้กันเป็นวงกว้างพอสมควรแล้ว หลังกราซิสทราบข่าวจากแฟรม เธอน่าจะบอกให้คนอื่นนอกจากไรน์ฮาร์ดทราบเรื่องด้วย
แต่ในเมื่อคนอื่นรู้กันหมดแล้วว่า [มังกรเทพ] วอลคานิก้าได้แปรพักตร์มาเข้าร่วมกับพวกตน อัลเดบารันจึงทำการลักไก่ซ้อนแผนอีกที
อัล: ในตอนนี้ [มังกรเทพ] กำลังบินไปคนละทิศทางกับพวกเรา …ทางทิศเหนือยังไงล่ะ เป็นแผนการดึงความสนใจไปยังที่นั่นจนไม่ได้สังเกตเห็นพวกเรา
การได้เห็น [มังกรเทพ] ที่แปรพักตร์ปรากฏตัวเหนือน่านฟ้าย่อมทำให้ทั้งราชอาณาจักรแตกตื่นและหันไปสนใจต่อภัยคุกคามนั้นกันหมด
ยิ่งในปัจจุบันที่ขาดกำลังรบหลักอย่างไรน์ฮาร์ดไป ภาคีอัศวินทั้งกองน่าจะต้องถูกส่งตัวไปปะทะกับมังกรเทพอัล โดยที่หลงคิดว่าพวกอัลคงอยู่ด้วยกัน
ยังไงมังกรเทพอัลก็โดดเด่นเกินกว่าจะอยู่รวมกลุ่มอยู่แล้ว แถมอัลทั้งสองคนยังได้ผสานความทรงจำกันผ่านการอ่าน [คัมภีร์แห่งผู้วายชนม์] มังกรเทพอัลจึงรู้แผนของอัลดี
. ยาเอะ: ――ท่านอัล พบปัญหาเข้าค่ะ
ทันใดนั้นเองยาเอะที่เดินนำหน้าอยู่ก็หยุดฝีเท้าแล้วกวาดสายตามองผ่านแมกไม้ไปยังสิ่งที่อยู่เลยผืนป่าออกไป
ยาเอะ: เกรงว่าอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่และเลวร้ายที่สุดก็ได้ เราถูกดักโจมตีค่ะ
ไฮน์เคล: หา!? ดักโจมตีเรอะ? เกิดบ้าอะไรขึ้น [มังกร] ควรจะดึงความสนใจไปหมดสิ!
สถานการณ์เหนือความคาดหมายทำให้อัลอ้ำอึ้งไป ตัวตนของ [มังกรเทพ] มิควรจะเป็นสิ่งที่จะมีใครเพิกเฉยได้เลยแท้ๆ
??: ――เฮ้ย! ได้ยินใช่มั้ย? รู้นะเว้ยว่าอยู่ที่นี่ ไอ้เวรหมวกเกราะ!
เสียงนั้นดังขึ้นมาในจังหวะที่พวกอัลกำลังอ้าปากพะงาบด้วยความสับสนอยู่พอดี เนื่องจากว่า [ราชสีห์ทองคำ] ได้ดักรอพวกอัลอยู่ด้านนอกผืนป่า
เฟลท์: ได้ยินว่าเจ้าอัศวินไร้ประโยชน์ของเราถูกเล่นงานไปแล้วนี่ ช่วยไม่ได้ล่ะว้างั้นก็ต้องเก็บงานกันล่ะ ――แต่คนอื่นไม่เคยต้องเก็บกวาดงานให้หมอนั่นมาก่อน ชั้นเลยขออาสาจัดการให้เอง
. จบตอน