ราจินส์: ――ลวด งั้นเรอะ?
หลังกลยุทธ์ “อัล โกอาปลอม” ประสบผลสำเร็จ ราจินส์กับกลุ่มอันธพาลดันเข้ามาติดกับดักลวดที่มองแทบไม่เห็นด้วยตาเปล่าพร้อมหน้ากันหมด
แค่จินตนาการตามว่ากรงลวดทรงเรขาคณิตอันนี้ต้องมีการวางจุดตรึงในผืนป่าอย่างไรก็ปวดหัวแล้ว แต่กลับมีสิ่งที่ทำให้ราจินส์ประหลาดใจยิ่งกว่าอยู่
อัล: ――โทษที ขอพังหน่อยนะ
ราจินส์: ――ล้อกันเล่นรึไงวะเนี่ย
อัลเดบารันทำการค้นกระเป๋าอันธพาลคนหนึ่งที่ถูกรับเลือกให้เป็นผู้ถือ [กระจกสนทนา] จากนั้นก็ทิ้งกระจกลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำจนแตก
พอกัดฟันโมโหและสบถออกมา หญิงสาวผมแดงก็ควบคุมเส้นลวดให้บาดผิวหนังของเขาจนเลือดซึม กระนั้นโทสะของราจินส์ก็ยังไม่เลือนหายไป
ราจินส์: เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย! นี่เอ็ง ไหงถึงได้เดาถูกในรอบเดียว…
อัล: ไม่ใช่รอบเดียวเฟ้ย ไม่ใช่แค่สิบหรือยี่สิบรอบด้วยซ้ำ การสุ่มของชั้นมันเกลือสุดๆ
ราจินส์: หา?
คำตอบที่ฟังดูขอไปทีทำให้ราจินส์ขุ่นเคือง กระนั้นเจ้าหมวกเกราะก็มองแผนการใช้ [กระจกสื่อสาร] ติดต่อกับครอมเวลของพวกตนออก
แถมเขายังเพิกเฉยต่อกระจกของปลอมที่มีไว้ถ่วงเวลาและพุ่งเป้าไปที่การทำลายกระจกของจริงได้อย่างแม่นยำในทันที
. ไฮน์เคล: เฮ้ย เอาไงกับไอ้พวกนี้ดี …ฆ่าให้หมดเลยดีไหม?
ราจินส์ที่ยังไม่ยอมแพ้เงยหน้าขึ้นมามองไฮน์เคลผู้ที่เขาได้ยินว่าเป็นบิดาของไรน์ฮาร์ด แต่ดันไปสนับสนุนพริสซิลล่าแทนที่จะช่วยเหลือลูกชาย
ราจินส์: ――ไอ้สมองกลวง
ราจินส์นั้นเกลียดไรน์ฮาร์ด แต่ฝั่งไรน์ฮาร์ดคงมิได้เห็นเขาอยู่ในสายตา กระนั้นทั้งคู่ก็มีความคล้ายกันตรงที่ถือกำเนิดในตระกูลมีฐานะและมีปัญหากับผู้เป็นบิดา
แน่นอนว่าสถานการณ์ของทั้งสองแตกต่างกัน ราจินส์ตัดสินใจทอดทิ้งตระกูลเพราะเห็นต่างกับคนในครอบครัวในขณะที่ไรน์ฮาร์ดมิเคยคิดจะจากไปไหน
อีกอย่าง ถึงแม้ว่าราจินส์จะชิงชังบิดาของเขา ลึกๆ แล้วเจ้าตัวก็ยอมรับอยู่ดีว่าบิดาของตนเป็นชายที่น่านับถือ
ราจินส์: แต่เอ็งน่ะหมดหวังว่ะ
ไรน์ฮาร์ดผู้มีปัญหากับพ่อที่ไม่ได้น่าเคารพเลยสักนิดนั้นช่างโง่เขลาเหลือเกิน ดังนั้น ราจินส์จะกำจัดต้นตอความน่าสมเพชของไรน์ฮาร์ดออกไปให้เอง
ราจินส์: …โกอา
เกทของราจินส์สั่นสะท้านจากการร่ายมนตร์ทั้งที่ร่างยังถูกลวดตรึงไว้อยู่ ผลลัพธ์คือลูกไฟขนาดจิ๋วเท่านิ้วโป้งที่ปรากฏออกมาเบื้องหน้าของเขา
ไฮน์เคล: เหอ กะจะขู่กันรึไง ลูกเล่นกระจอกแบบนั้นน่ะ ไม่หลงกลซ้ำสองหรอกน่า!
ไฮน์เคลผู้เดือดดาลชักดาบอัศวินออกมาฟันผ่าลูกไฟด้วยวิถีดาบที่งดงามตรึงตาตรึงใจ แต่ราจินส์กลับแลบลิ้นออกมาล้อเลียนอีกฝ่ายทันที
ราจินส์: ไอ้โง่ววว
ก่อนหน้านี้เขายืด [โกอา] ออกจนเบาบางเพื่อสร้าง [อัล โกอา] เทียม แต่ในคราวนี้ ราจินส์เลือกที่จะร่าย [อัล โกอา] ออกมาในรูปลักษณ์ดวงไฟจิ๋ว
“เอซโซ่: ราจินส์คุง นายอาจจะไร้พรสวรรค์ก็จริง แต่รากฐานดีมาก การพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้นายไปถึงระดับพลังที่นายปรารถนาอย่างแน่นอน”
ราจินส์นึกถึงคำพูดของเอซโซ่ผู้เป็นอาจารย์สั่งสอนเวทมนตร์ขึ้นมาพลางกล่าวขอโทษในใจ เนื่องจากเขากำลังร่ายมนตร์แบบข้ามขั้นเกินกำลังทั้งที่อุตส่าห์มีรากฐานดี
ลูกไฟที่สัมผัสกับปลายดาบกระจายตัวออกกลางอากาศ ปลดปล่อยพลังทำลายล้างของเพลิงโลกันตร์ที่จะแผดเผาทุกสิ่งในบริเวณนั้นเป็นเถ้าถ่าน
ราจินส์ยิ้มรับเปลวเพลิงที่กลืนกินร่างของเขาเข้าไปด้วยโดยที่มิได้นึกเสียใจว่าชีวิตของตนมัน “ออกนอกลู่นอกทาง” ตั้งแต่เมื่อไหร่กันอีกต่อไป
อัล: พอแค่นั้นแหละ
ทว่า เปลวเพลิงที่ราจินส์ร่ายโดยเตรียมใจที่จะสละชีวิตกลับถูกฝ่ามือของไอ้เวรหมวกเกราะบดขยี้ทิ้ง ราวกับว่าอีกฝ่ายรู้แผนการของตนอยู่แล้ว
. ผ่านไป 246 ลูป อัลเดบารันที่รู้แผนการของราจินส์ได้ผลักไฮน์เคลออกไป แล้วทำการเขียนแก้โครงสร้างเวทมนตร์เพื่อสลายลูกไฟกลับคืนเป็นมานา
อัล: พอแค่นั้นแหละ
หากปล่อยให้เวทมนตร์นี้ทำงาน เพลิงโลกันตร์จะเผาผลาญทั่วทั้งอาณาบริเวณ ส่งผลให้กลุ่มของอัลได้รับความเสียหายอย่างหนักจนสู้ต่อไม่ได้
เขาแอบรู้สึกสงสารราจินส์ที่ถึงกับยอมพลีชีพเพื่อหยุดพวกตน แต่การใช้งานชีวิตแบบทิ้งขว้างต่อหน้าอัลเดบารันนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจจะยอมรับได้
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเสี่ยงชีวิตไปเพื่อจุดประสงค์ใด อัลเดบารันก็จะบดขยี้ความตั้งใจนั้น เพราะการสละชีวิตมันไร้ค่า ไร้ค่าไร้ค่าไร้ค่าไร้ค่าไร้ค่าไร้ค่า ไร้ค่า
ราจินส์: โกอา…
อัล: หยุดนะโว้ย!!
พออีกฝ่ายฝืนร่ายมนตร์เดิมซ้ำทั้งที่พึ่งถูกขัดขวางรอบแรกไป อัลเดบารันก็ชูกำปั้นขึ้นแล้วต่อยอัดชายที่ถูกพันธนาการ
ทั้งต่อยแก้ม เตะท้อง และทุบหัว ราจินส์ที่ต่อต้านมิได้ถูกอัลใช้เป็นกระสอบทราย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่นักรบปลายแถว แต่การเล่นงานจุดสำคัญมันก็ควรจะได้ผล
ราจินส์: โก..อา…
กระนั้นราจินส์กลับไม่ยอมล้มเลิกความพยายามที่จะร่ายมนตร์
อัล: ทำไมกัน!
มือข้างที่ใช้เขียนแก้โครงสร้างเวทมนตร์ถูกใช้เป็นกำปั้นต่อยซ้ำโดยทันที แต่ไม่ว่าอัลจะซ้อมราจินส์มากเท่าไร ก็มิอาจหยุดยั้งความดื้อด้านที่จะร่ายมนตร์ของอีกฝ่ายได้
. ยาเอะเตือนอัลว่าขืนเป็นแบบนี้คงไม่จบไม่สิ้น จากนั้นเธอก็ควบคุมลวดเหล็กไปยกศีรษะของราจินส์ให้เงยหน้าขึ้นและเตรียมกุดคอให้ขาดสะบั้น
ยาเอะ: ดวงตาคู่นั้นมันบอกชัดเลยค่ะ ตราบใดที่ยังไม่ฆ่าทิ้ง ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ลองทำแบบเดิมเรื่อยๆ ช่างน่านับถือเหลือเกินค่ะ มันคือความปรารถนาสูงสุดของลูกผู้ชายเลยไม่ใช่เหรอคะ เพราะงั้นแหละ…
อัล: หุบปาก!
ในขณะที่ยาเอะชูดนิ้วขึ้นและดึงเส้นลวดให้เริ่มบาดคอราจินส์ อัลก็ตะคอกใส่เธอและหันกลับมาจ้องหน้าราจินส์
ราจินส์: ไอ้..โง่ววว…
อัลสร้างโพรเทคเตอร์หินมาสวมทับแขนขวาเพื่อเสริมพลังของกำปั้นก่อนที่จะต่อยอัดราจินส์จนหน้าผากแตกเลือดพุ่งกระจาย
ยาเอะ: …ยอดเยี่ยมค่า~
ยาเอะปรบมือชมฝีมือของอัลที่สามารถกะแรงต่อยราจินส์ให้หมดสติแบบไม่ถึงตายได้ แต่ทั้งคำชมและสภาพความเป็นความตายของราจินส์มิได้ช่วยปลอบใจอัลเลยแม้แต่น้อย
นั่นเพราะอัลเดบารันรู้ซึ้งแล้วว่ากำลังรบ 500 คนนี้ไม่ได้มีดีแค่จำนวน แต่ยังมีคนจิตใจเด็ดเดี่ยวแฝงตัวอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ประมาทมิได้เลยแม้แต่น้อย
จิตใจของอัลเหนื่อยล้าจนไม่มีอารมณ์คุยกับไฮน์เคล กระนั้นเขาก็ทำลาย [กระจกสนทนา] และหยุดยั้งภัยคุกคามจากหน่วยแรกได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ดอลเทโร่: ――อะไรกัน อืดอาดเป็นหมูเลยนี่
มุกล้อเผ่าพันธุ์ตัวเองที่คุ้นเคยดังเข้าหูอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้พร้อมกับกำปั้นสังหาร กระนั้นอัลก็ยังมิอาจเบาใจลงได้เนื่องจากว่า…
ดอลเทโร่: ที่มัวแต่ยืนอ้อยอิ่งอยู่เฉยๆ เพราะหัวของพวกแกมันมีแต่อาหารหมูหรือยังไง?
ต่างจากครั้งก่อนหน้าที่ปรากฏตัวตามลำพัง คราวนี้ชายหน้าหมูโผล่มาพร้อมกับกำลังรบครบหน่วย การต่อสู้ยกที่สองของกลุ่มอัลเดบารันจึงเริ่มต้นขึ้น
อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่
. “ดอลเทโร่: ที่มัวแต่ยืนอ้อยอิ่งอยู่เฉยๆ เพราะหัวของพวกแกมันมีแต่อาหารหมูหรือยังไง?”
เสียงของ [ราชาสุกร] ดอลเทโร่ อามุล ที่ได้ยินผ่าน [กระจกสนทนา] บ่งบอกให้ปู่รอมได้ทราบว่าหน่วยรบที่ 2 ได้เผชิญหน้ากับไอ้เวรหมวกเกราะแล้ว
ดอลเทโร่คือกำลังรบที่แกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิก 500 คน หน่วยของราจินส์ที่ปะทะกับศัตรูก่อนจึงถือว่าโชคดีที่ดอลเทโร่อยู่ไม่ไกล
ทว่า สถานะปัจจุบันของราจินส์ยังคลุมเครือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายไปแล้ว เพราะรอมก็ไม่มั่นใจว่าสามารถตั้งความหวังจากเนื้อหาที่กราซิสรายงานได้มากแค่ไหน
ตามปกติดอลเทโร่น่าจะสามารถสังหารไอ้เวรหมวกเกราะกับพรรคพวกได้ในพริบตา แต่การมองโลกแง่ดีเช่นนั้นถือว่าอ่อนหัดต่อหน้าศัตรูที่ปั่นหัวได้ทั้ง [มังกรเทพ] [นักดาบเทวา] และ [แม่มดแห่งริษยา]
รอม: …หมอนั่นไม่ลังเลที่จะพัง [กระจกสนทนา] ที่พลถือกระจกพกอยู่เลยสักนิด
การตัดช่องทางสื่อสารของศัตรูถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายรู้ดีไปหมดจนผิดธรรมชาติเกินไป ราวกับว่า…
รอม: นอกเสียจากว่าจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ในหัวของพวกข้าหรืออะไรสักอย่าง มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยล่ะน่อ
แม้ความเป็นไปได้นั้นจะฟังดูไร้สาระ แต่สำหรับปู่รอมที่อายุยืนยาวเกิน 100 ปีนั้น เขารู้ดีว่าพลังที่อยู่เหนือสามัญสำนึกและจินตนาการมีอยู่จริงในโลกนี้
ผู้ที่หลงระเริงคิดว่าไม่มีทางที่จะได้เผชิญหน้ากับบุคคลที่มีพลังดังกล่าวต่างก็มีจุดจบไม่ต่างกัน แต่รอมมิอาจจะยอมให้บุคคลที่เขารักมีจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนั้นได้
รอม: ――มีเรื่องที่อยากยืนยันให้ได้อยู่ ทุกหน่วยรบ ขอเปลี่ยนคำสั่ง
ปู่รอมประกาศเช่นนั้นผ่าน [กระจกสนทนา] ทุกบาน จากนั้นก็หรี่ตาลงและครุ่นคิดกลยุทธ์
――ไอ้เวรหมวกเกราะคงจะรู้ตัวแล้วเหมือนกันว่าทั้งฝั่งนั้นและฝั่งรอมต่างก็มีเวลาอยู่อย่างจำกัด
. จบตอน