re zero webnovel arc9 chapter22 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 22 "วิธีการยุติการต่อสู้"

ย้อนความไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย เนื่องจากว่าเฟลท์เป็นเงื่อนไขแห่งชัยชนะของศัตรู เธอจึงไม่ควรประจำการอยู่ที่เดียวกับปู่รอม

แต่โดยนิสัยแล้วเฟลท์ไม่ชอบหลบซ่อนอยู่เฉยๆ ปู่รอมจึงมอบหมายหน้าที่ให้หลานสาวเดินย้อนศรตามเส้นทางของไอ้เวรหมวกเกราะ

เพื่อที่เธอจะได้รวบรวมกำลังพลคนเจ็บที่ยังสู้ไหวมาตลบหลังไอ้เวรหมวกเกราะอีกที แผนการนั้นฟังดูมีเหตุผล แต่เฟลท์แอบรู้สึกเคลือบแคลงใจ

เธอรู้ดีว่าเวลาที่ปู่รอมใช้มือลูบศีรษะโล้นๆ ของตนเองนั้น เขามักจะพยายามเบี่ยงบ่ายประเด็นและแสร้งทำเป็นว่าหนักใจอยู่เสมอ

ในฐานะเด็กสาวที่เติบโตในชุมชนแออัดซึ่งชีวิตของผู้คนเปราะบางและถูกด้อยคุณค่า เฟลท์นั้นยึดถือคติ “จงมีชีวิตอย่างเข้มแข็ง” ขึ้นใจ

เธอจึงไม่ชอบกลยุทธ์ที่พร้อมจะสละพวกพ้องเป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้งนัก ถึงจะมิได้โลกสวยแบบไรน์ฮาร์ด แต่เฟลท์ก็ไม่ชอบการส่งคนไปตายอย่างไร้ค่าอยู่ดี

จริงอยู่ว่าเหล่าอันธพาลจากองค์ใต้ดินยึดถือแนวคิดแตกต่างจากเธอ แต่ในฐานะผู้นำของกองทัพนี้ เฟลท์จะขอบัญชาให้ทุกคนทำตามแนวทางของตน

เฟลท์: ――มาลุยกันเลย ชั้นจะเอาชนะการดวลนี้ในแบบของชั้นเอง

เฟลท์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่เช่นนั้น ต่อให้เงื่อนไขแห่งชัยชนะของเธอจะแตกต่างจากสิ่งที่คนอื่นตั้งเป้าไว้ก็ตาม

. ทันทีที่ปู่รอมตัดขาดการติดต่อสื่อสารทาง [กระจกสนทนา] เฟลท์ก็รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเธอต้องรีบทำอะไรสักอย่าง

หลังได้ข้อมูลจากแคมบาลี่ว่าปู่รอมยังคงเหลือแผนการอีกขั้น เฟลท์ก็รีบคว้า [มีทิเออร์] มาจากมือเขาและรุดหน้ากลับไปด้วยความเร็วสูงสุดในชีวิต

เฟลท์: ――หยุดเลยนะว้อย!!

ทันทีที่เห็น [มังกรเทพ] ปรากฏตัวเหนือทุ่งราบและเตรียมพ่นลมหายใจใส่ปู่รอมกับไอ้เวรหมวกเกราะ เฟลท์ก็เล็ง [คทาดวงดาว] สวนใส่มังกรโดยอัตโนมัติ

มังกรเทพอัล: ――โอ๊ย!!

กระสุนแสงแห่งดวงดาวพุ่งเข้าปะทะกับกรามของเจ้ามังกรจนมันร้องเสียงหลง แถมลมหายใจก็ยังพลาดเป้าหมายหลักไปโดนทุ่งราบที่ว่างเปล่า

เฟลท์รู้ตัวดีว่าเธออาจจะพึ่งทำให้แผนการที่ดีที่สุดของปู่รอมพังไม่เป็นท่า แต่ว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญ

เฟลท์: พอสังหรณ์ใจไม่ดีก็เป็นงี้จริงด้วย การเตรียมใจที่จะตายกับการตั้งใจทิ้งชีวิตมันคนละอย่างกันนะรู้ไหม! ปู่รอมคนงี่เง่าเอ๊ย!!

ทั้งปู่รอมและไอ้เวรหมวกเกราะต่างอ้ำอึ้งต่อการกระทำของเฟลท์ที่น้ำตาไหลพราก หากเธอไม่ยึดติดในวิธีการ ฝั่งเฟลท์ก็คงได้รับชัยชนะไปแล้ว

ทว่า ต่อให้เธอจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เพราะการตัดสินใจนี้หรือต่อให้ไรน์ฮาร์ดจะต้องกังวล เฟลท์ก็จะยึดมั่นในเงื่อนไขแห่งชัยชนะที่ตัวเธอเป็นผู้กำหนดเองอยู่ดี

เฟลท์: ――จงมีชีวิตอย่างเข้มแข็งสิ ปู่รอม ถ้าหากยึดถือตามคตินั้นไม่ได้ ต่อให้จะชนะ พวกเราก็เป็นฝ่ายที่แพ้อยู่ดี

. อัล: ――เมื่อครู่ ชั้นควรจะแพ้

อัลเดบารันพึมพำออกมาเช่นนั้นด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ท่วมท้น เขาจำใจต้องยอมรับความจริงที่ว่าเกือบจะพลาดท่าให้แก่กลยุทธ์ของวาลก้า ครอมเวล

ลมหายใจของมังกรเทพอัลเกือบจะกลายเป็นค่ายกลที่ผนึกให้เมทริกซ์ของอัลย้อนกลับไปได้เพียงจุดเซฟที่เขาต้องตายสถานเดียว

ต่อให้จะสามารถใช้อำนาจย้อนเวลากลับได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด แต่สุดท้ายดวงจิตของอัลเดบารันก็จะเป็นฝ่ายที่ต้องยอมแพ้ไปก่อน

ที่จริงความพ่ายแพ้คราวนี้มิได้เป็นเพราะวาลก้า ครอมเวล [ยอดกุนซือ] แห่งสงครามอมนุษย์เพียงคนเดียว แต่เป็นเพราะศัตรูทั้ง 500 คน

การต้องวนลูปปะทะกับศัตรู 500 คนที่พร้อมจะสละชีวิตตนเองเพื่อโค่นเขา ทำให้จิตใจของอัลเหนื่อยล้าจนส่งผลให้ตัดสินใจพลาดในตอนท้ายสุด

อัลเดบารันทั้งเย่อหยิ่งและชะล่าใจเกินไป อำนาจของเขาอาจจะไร้เทียมทานก็จริง แต่ตัวผู้ใช้มิได้สมบูรณ์แบบ หากตัดสินใจพลาดก็มาถึงทางตันได้

ดังเช่นที่กุนซือจอมเจ้าเล่ห์ปั่นหัวให้เขาอัปเดตเมทริกซ์ผิดจุดก่อนหน้านี้ เขาเกือบทำให้สมบัติที่ตนครอบครองต้องสูญเปล่า อัลละอายใจเหลือเกินที่ทำให้ผู้คนที่คาดหวังในตัวเขาต้องผิดหวัง

. อัล: ――พริสซิลล่า

ยาเอะ: ทุกคน ห้ามขยับนะ!!

เฟลท์: ――อึก เจ้านี่คือลวดที่ผูกพวกราจินส์เอาไว้งั้นเรอะ

ในขณะที่อัลกำลังรำพึงด้อยค่าตนเองที่มิอาจช่วยเหลือพริสซิลล่าไว้ได้ ยาเอะก็เป็นผู้ที่เคลื่อนไหวชิงความได้เปรียบกลับคืนมาเป็นคนแรก

หลังจากที่เอาชนะทั้งกราซิสและแมนเฟร็ด ยาเอะก็ใช้ลวดเหล็กพันธนาการทั้งสองไว้ แล้วหันมาผนึกการเคลื่อนไหวของเฟลท์ที่เป็นกุญแจสำคัญต่อทันที

[คทาดวงดาว] หลุดจากมือของเฟลท์ผู้ถูกลวดรัด เธอสงสัยว่ายาเอะช่วยอัลไปทำไม ฝั่งยาเอะจึงตอบว่าการยอมจำนนต่อศัตรูที่น่าขนลุกเป็นเรื่องธรรมดา

อัลพยายามอาศัยจังหวะนั้นถอยห่างออกจากวาลก้า แต่อีกฝ่ายเพียงแค่คุกเข่าอยู่เงียบๆ เพราะกลยุทธ์พลีชีพของตนล่มไม่เป็นท่าไปแล้ว

รอม: …ไม่สนหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้า แต่ช่วยอย่าแตะต้องเฟลท์เถอะนะ

อัล: อยากได้ยินคำพูดแบบนั้นก็จริง แต่ใบหน้าแบบนั้นน่ะ ไม่ได้อยากจะเห็นเลยล่ะนะ

อัลตอบรับคำประกาศยอมแพ้ของวาลก้าอย่างจริงใจ ยักษ์ชราผู้หลักแหลมคนนี้คือศัตรูคนแรกที่เอาชนะเขาได้นับตั้งแต่ที่เคยพ่ายให้กับ [แม่มด] ผู้หนึ่ง

แทนที่จะรู้สึกหงุดหงิดที่ตารางเวลา 7 วันรวนไปหมด อัลเดบารันจึงรู้สึกโล่งใจเหนือสิ่งอื่นใด

. มังกรเทพอัล: ――โย่ ตัวชั้น ดูท่าจะยับเยินน่าดูเลยนี่

ที่จริงอัลแอบเคืองเจ้ามังกรที่พ่นลมหายใจไม่ดูตาม้าตาเรือจนเกือบทำให้เขาชะตาขาด แต่ในเมื่อมันกลับมาหาเขาได้ภายในเวลาเพียงครึ่งวันหลังเปลี่ยนแผนกะทันหัน ก็ต้องถือว่าเจ๊ากันไป

อัลบ่นให้เจ้ามังกรฟังว่าพวกตนเกือบจะถูกศัตรูรุกฆาตอยู่แล้ว มังกรเทพอัลจึงรำลึกความหลังถึงตอนที่เขาเล่นหมากชาทรันจ์แพ้อาจารย์ยับเยิน

แน่นอนว่าอัลก็มีความทรงจำเดียวกันอยู่ แต่การนึกถึงนังแม่มดผู้สั่งสอนภูมิความรู้ทุกอย่างให้แก่ตนก็ทำให้อัลอารมณ์บูดขึ้นมา

วาลก้าคือศัตรูผู้น่าเกรงขาม แต่ผู้ที่น่ากลัวจริงๆ อาจจะเป็นเฟลท์ที่ยักษ์ชราผู้นี้และเหล่าอันธพาลกว่า 500 ชีวิตยอมภักดีด้วยก็ได้

ตอนนั้นเองเหล่าอันธพาลที่ยังคงเจ็บตัวก็พยุงไหล่กันเดินออกมาจากป่าลึก พวกเขายังคงไม่สูญเสียจิตต่อสู้ดังที่วาลก้าได้กล่าวเอาไว้

ทว่า สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากการปรากฏตัวของ [มังกรเทพ] ทำให้สมดุลของเกมพังทลาย ไม่ต่างอะไรจากการลุกไปต่อยคู่แข่งขณะเล่นชาทรันจ์

. ในโลกนี้มีตัวตน [เหนือกฎเกณฑ์] อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอัลได้ผนึกไปหนึ่ง รั้งตัวไว้หนึ่ง ใช้งานอีกหนึ่ง และนำมาเป็นพันธมิตรอีกหนึ่ง

หากมันช่วยให้เขารักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้ อัลเดบารันย่อมไม่ลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากตัวตน [เหนือกฎเกณฑ์] เหล่านั้นทุกคน

อัล: โทษทีนะ คงต้องขอบังคับเกมเซ็ตกันตรงนี้เลย จากนี้เป็นต้นไป เกรงว่าจะต้องทำให้พวกนายไล่ตามพวกเรามาไม่ได้อีก――

ยาเอะ: ――ท่านเฟลท์ รบกวนอย่าขยับตัวจะได้ไหมคะ?

อัล: …?

พอได้ยินเสียงกล่าวเตือนของยาเอะ อัลก็หันไปมองทางเฟลท์ซึ่งถูกลวดเหล็กรัดตัวไว้ แต่เด็กสาวเอ่ยต่ออย่างมิเกรงกลัว

เฟลท์: ไม่ขยับหรอกน่า ――จงมองมาที่ชั้น

อัล ยาเอะ และวาลก้าเลิกคิ้วอย่างฉงนไม่ต่างกัน ไม่มีผู้ใดเข้าใจเจตนาของเฟลท์แน่ชัด เธอที่ถูกพันธนาการไว้ไม่ควรจะทำอะไรได้ ทว่า…

มังกรเทพอัล: อา ชักจะมีปัญหานิดหน่อยแล้วสิ ตัวชั้น

มังกรเทพอัลกล่าวเช่นนั้นพลางใช้ขาหน้าถูบริเวณที่ถูกยิงด้วย [คทาดวงดาว] แถมดวงตาของมันยังไม่มองไปยังคู่สนทนาอย่างอัล แต่กลับจดจ้องอยู่ที่เฟลท์

มังกรเทพอัล: ดูเหมือนว่าชั้น จะไม่อยากปฏิเสธฟาร์เซล… ไม่อยากปฏิเสธคำขอของคุณหนูเฟลท์เลยล่ะ

ก่อนที่อัลจะทันได้หาคำตอบของปรากฏการณ์ประหลาด มังกรเทพอัลก็เฉลยคำตอบของปัญหาน่าหนักใจให้เขาฟัง

. ก่อนหน้านี้ ตอนที่เฟลท์เดินมาไปยังหอสังเกตการณ์เพลอาเดสกับเมลี่ โพทรูท วอลคานิก้าที่ตื่นตระหนกได้เข้าปะทะกับไรน์ฮาร์ด

แต่หลังจากที่มันได้เห็นเฟลท์ วอลคานิก้าก็ยอมสงบศึกกับอัศวินผมแดงและหันมาพูดจาแปลกๆ กับเฟลท์เสียแทน

“วอลคานิก้า: ――ฟาร์เซล ความบ้าบิ่นของเจ้ามันช่างทำให้ข้ากับคนอื่นเขาเหนื่อยหน่ายเสียเหลือเกิน”

“เฟลท์: ฟาร์เซลนี่มันใครกันเนี่ย เลิกล้อเล่นได้แล้ว”

ฟาร์เซล ลูกุนิก้า คือนามของ [ราชาราชสีห์] องค์สุดท้าย บุคคลในตำนานที่เป็นผู้ริเริ่มการผูกสนธิสัญญากับ [มังกรเทพ] วอลคานิก้า

แน่นอนว่าเฟลท์รู้จักบุคคลสำคัญเช่นนั้น การถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่น แถมยังเป็นผู้ชาย จึงทำให้เฟลท์ไม่สบอารมณ์นัก

เฟลท์อุตส่าห์มั่นใจว่าช่วงหลังมาเธอมิได้ขาดสารอาหารแบบสมัยที่อยู่ในสลัมแล้วแท้ๆ แต่นี่เธอยังโตไม่พอจะเห็นความเป็นสตรีได้ชัดอีกหรือไงกัน

เฟลท์มีทฤษฎีส่วนตัวอยู่ว่าเหตุใดวอลคานิก้าจึงเข้าใจผิดว่าเธอคือฟาร์เซล แต่นั่นยังมิใช่ประเด็นสำคัญในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ความรู้จากเหตุการณ์ครั้งนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ เฟลท์ได้รู้ว่าวอลคานิก้ากับฟาร์เซลค่อนข้างสนิทสนมกัน ทั้งคู่เป็นมากกว่าคนรู้จักหรือนายจ้างกับลูกจ้าง

ที่สำคัญคือวอลคานิก้าที่หลงเชื่อว่าเฟลท์คือ “ฟาร์เซล ลูกุนิก้า” นั้นจะยอมเชื่อฟังคำสั่งของเธอทุกประการ

. เฟลท์: ――จงมองมาที่ชั้น

ทันทีที่เธอออกคำสั่ง [มังกรเทพ] ก็หันมามองอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ตามที่คำนวณไว้ ทั้งไอ้เวรหมวกเกราะและชิโนบิเมดต่างสับสนไปต่อไม่เป็น

เฟลท์: ทุกคน ช่วยพยุงไหล่คนเจ็บแล้วถอยทัพไปซะ! ศึกครั้งนี้จบลงแล้ว!

อัล: เหอ…

เฟลท์: [มังกรเทพ] มันเพิกเฉยต่อชั้นไม่ได้! นี่แหละคือจังหวะที่ควรถอย!

เฟลท์และปู่รอมเตรียมกลยุทธ์รับมือตอนที่ไอ้เวรหมวกเกราะเรียก [มังกรเทพ] กลับมาไว้ทั้งคู่ ติดแค่ว่าแนวทางของทั้งสองแตกต่างกัน

ฝั่งเฟลท์ได้เผยแผนสำรองนี้ไว้แต่แรก ปู่รอมที่แอบคิดแผนลับโดยที่มิได้ปรึกษากับเฟลท์ก่อนจึงไม่อาจเถียงอะไรได้

อัลรีบสอบถามอาการจากมังกรเทพและได้คำตอบว่าหากอีกฝ่ายไม่ใช่ตัวเขาอีกคน ป่านนี้เจ้ามังกรคงย้ายข้างไปหาเฟลท์อย่างสมบูรณ์แล้ว

เฟลท์ค่อนข้างสะใจต่อความแตกตื่นของไอ้เวรหมวกเกราะ แต่เธอก็อดกังวลเรื่องนิสัยที่เปลี่ยนไปของมังกรเทพมิได้เช่นกัน

. ยาเอะ: ――ไม่หัดยอมแพ้บ้างเลยสินะคะ ท่านเฟลท์

ในขณะที่เฟลท์คิดหาทางถ่วงเวลาให้พวกปู่รอมถอยทัพ ยาเอะก็ตรึงลวดเหล็กรอบลำคอของเธอจนเลือดเริ่มไหลซึมออกมา

อัล: ยาเอะ หยุดเลยนะ! ฟังที่ชั้นสั่ง…

ยาเอะ: ขออนุญาตปรึกษาโดยที่เตรียมใจจะถูกลงโทษนะคะ ท่านอัล เราควรกำจัดท่านเฟลท์ทิ้งตั้งแต่ที่นี่เลยค่ะ การหารือกับท่าน [มังกรเทพ] เมื่อครู่ก็ดูจะไปได้ไม่ค่อยสวยนัก

อัล: เรื่องนั้นมัน…

มังกรเทพอัล: ――ทำแบบนั้นไม่ดีนะ ยาเอะ ยอมรับไม่ได้หรอก

[มังกรเทพ] ชะโงกหน้าลงมาข่มขู่ยาเอะด้วยความพิโรธ ปกติการถูกสายตาคู่นั้นจดจ้องนั้นน่าขนลุกพอๆ กับตอนที่ผิวหนังถูกเผาไหม้

ยาเอะ: เสียใจด้วยนะคะ คนที่ฉันกลัวคือท่านอัล มิใช่ท่าน [มังกรเทพ] หรอกค่า~ ถึงจะถูกท่านจดจ้องไป ก็ไม่ได้น่ากลัวสักนิดเลยค่ะ

มังกรเทพอัล: …ยาเอะ!!

อัล: พอเลยทั้งสองคน! อย่าทะเลาะกันแบบไร้ความหมายสิ เดี๋ยวก็เข้าทางพวกมันหรอก!

ไอ้เวรหมวกเกราะคิดถูกที่ระแวงไว้ก่อน เพราะเฟลท์แอบสังเกตเห็นว่าปู่รอมตั้งท่าเหมือนรอจังหวะทำอะไรสักอย่าง ยาเอะกับมังกรเทพจึงยอมสงบศึกชั่วคราว

. ปัญหาเดิมยังคงไม่หมดไป ยาเอะมองว่าควรที่จะกำจัดเฟลท์ทิ้ง ส่วนไอ้เวรหมวกเกราะคัดค้านแนวทางนั้น พวกเขามิได้สามัคคีกันอย่างชัดเจน

ทางด้าน [มังกรเทพ] ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าตนเชื่อฟังเฟลท์เพราะอะไร เนื่องจากมิได้มีข้อจำกัดหรือสัตย์สาบานใดๆ ผูกมัดไว้ แถมมันยังรู้สึกเหมือนจิตสำนึกจะแยกเป็นสองส่วน

เฟลท์มองเห็นโอกาสในการเสนอให้ศัตรูยอมรับผลเสมอและแยกย้ายทางใครทางมัน แต่ไอ้เวรหมวกเกราะยังคงดื้อด้านไม่ยอมรับว่าพวกตนเริ่มเสียเปรียบ

เฟลท์: ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? การต่อสู้ของพวกเราเนี่ย มีเวลาจำกัดถึงตอนที่ [มังกรเทพ] กลับมาทั้งสองฝ่าย แต่ในเมื่อ [มังกรเทพ] ไม่อาจยื่นมือไปช่วยได้สักฝั่ง เวลาจำกัดที่ว่าก็จะกลายเป็นโมฆะ พอเรื่องนั้นเป็นโมฆะแล้ว มันก็จะกลายเป็นศึกปะทะ 500 คนอีกรอบนะยะ

อัล: …

เฟลท์พยายามวิเคราะห์ท่าทีตอบรับของไอ้เวรหมวกเกราะที่มองไม่เห็นใบหน้า เนื่องจากเธอตระหนักรู้ดีว่าข้อเสนอของตนมีช่องโหว่ใหญ่อยู่

สาเหตุที่่ฝั่งเฟลท์ยังคงมีอำนาจต่อรองในปัจจุบัน เป็นเพราะว่าไอ้เวรหมวกเกราะไม่ยอมที่จะลงมือฆ่าใครสักคน หากเขายกเลิกข้อจำกัดนั้นทิ้งไป ฝั่งเฟลท์จะพ่ายแพ้ทันที

ต่อให้ [มังกรเทพ] จะถูกผนึกการเคลื่อนไหว แต่ยาเอะก็พร้อมจะสังหารตัวเธอและพวกพ้องที่เหลือทันที เฟลท์จึงต้องหาทางโน้มน้าวอีกฝ่ายว่าศึกนี้มันไม่คุ้มเสีย

. เฟลท์: ขอบอกเลย กลยุทธ์ของปู่รอมของชั้นน่ะไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะว้อย ขืนยังสู้กันต่อไปล่ะก็ ได้เจอแผนการเหลี่ยมจัดแผนต่อไปอีกแน่

อัล: …นั่นมันก็น่ากลัวอยู่หรอกน้า แต่ว่า มันก็ไม่ต่างอะไรจากการปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือจริงไหม? ต่อให้จะยอมรับผลเสมอชั่วคราว สุดท้ายก็จะถูกท้าทายใหม่จนต้องวิ่งไล่จับกันไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี

เฟลท์: ก็จริงแหละ เพราะงั้น เอาแบบนี้ดีกว่า ――ตัวชั้น จะยอมไปเป็นตัวประกันของทางนั้นเอง

อัล: ――เฮือก

ปฏิกิริยาตอบรับของไอ้เวรหมวกเกราะคือประกายความหวังที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ เธอจึงรีบคว้ามันไว้โดยทันที

เฟลท์เสนอว่าการพาเธอไปด้วยจะเป็นหลักประกันมิให้พรรคพวกฝ่ายเธอกล้าทำอะไร แถมการจับเฟลท์เป็นตัวประกันยังเป็นแผนดั้งเดิมของอีกฝ่ายอยู่แล้ว

ยาเอะยังคงคัดค้านเนื่องจากเธอมองว่าเฟลท์เป็นตัวถ่วงที่อาจสร้างความวุ่นวาย แถมยังมีโอกาสที่เฟลท์อาจจะหลบหนีไปกลางคันอีกต่างหาก

เฟลท์: ถ้างั้นล่ะก็ ไม่ต้องถอดเส้นลวดเส้นนี้ออกเซ่ เจ้า [มังกรเทพ] ทางนั้นก็ด้วย ถ้าหากว่าชั้นผิดสัญญาและตายไประหว่างที่หนีล่ะก็ ให้ถือซะว่านั่นเป็นความรับผิดชอบของชั้นเอง ไม่จำเป็นต้องโกรธก็ได้

มังกรเทพอัล: เฮ้ยๆๆ จะให้ทำงั้นได้ไงเล่า ฟาร์เซล

เฟลท์: ไม่ใช่ฟาร์เซลว้อย

เฟลท์เมินเฉยต่อทั้งยาเอะและ [มังกรเทพ] เพื่อจดจ้องไปยังไอ้เวรหมวกเกราะผู้ที่จำเป็นต้องตัดสินใจครั้งสำคัญเช่นเดียวกับเธอ

อัล: …ไม่อยากจะพกสัมภาระที่ไม่จำเป็นไปด้วยเลยว้อย

เฟลท์: …

อัล: แต่ว่า นี่มันก็ไม่ใช่เวลาจะมัวมาทะเลาะกับตัวเอง ยอมทำตามแผนตัวประกันของคุณหนูเฟลท์ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า――

รอม: ――ย้ากกกก!!

จังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเว้นจังหวะคำพูด ปู่รอมก็ได้กู่ร้องและพยายามพุ่งเข้ามาคว้าร่างของไอ้เวรหมวกเกราะจากด้านหลัง

แขนท่อนหนาของปู่รอมบีบลำคอกับเอวของศัตรูเอาไว้เพื่อสร้างสถานการณ์ที่หัวหน้าของทั้งสองฝั่งถูกจับเป็นตัวประกัน

อัล: ――โดน่า

ทว่า ไอ้เวรหมวกเกราะสร้างแขนซ้ายขึ้นมาจากหินแล้วใช้มันต่อยเสยคางปู่รอมอย่างจังทันที สมองของเขาสั่นสะเทือนและล้มพับลงบนทุ่งราบ

เฟลท์อยากจะไปดูอาการของปู่รอมใจจะขาด แต่เธอตระหนักได้ว่าตนยังคงมีลวดเหล็กพันคออยู่ เธอจึงรอดูท่าทีของไอ้เวรหมวกเกราะที่ถอนหายใจ

อัล: แต่มีข้อแม้ว่า ช่วยยอมปล่อยผ่านหนึ่งหมัดที่พึ่งต่อยคุณปู่เขาไปทีเถอะนะ

สุดท้ายแล้วการเจรจาสงบศึกระหว่างทั้งสองกลุ่มก็ได้ข้อสรุปลงเอยเช่นนั้น

. กราซิสกับแกสตอนช่วยกันพยุงร่างของปู่รอมที่หมดสติถอยทัพไปพร้อมกับเหล่าอันธพาลอีก 500 คน อัลเฝ้าจับตาดูจนแน่ใจว่าศัตรูตัวฉกาจเหล่านั้นถอยไปแล้วจริงๆ

มังกรเทพอัลช่วยยืนยันการถอยทัพอีกคน แต่อัลเดบารันเริ่มรู้สึกกังขาว่าจะเชื่อคำพูดของตัวเขาอีกคนได้แค่ไหน

มังกรเทพอัล: ถ้าเป็นในมังงะจะชอบมีพล็อตเรื่องจำเจที่ตัวละครถูกตัวเองอีกคนทรยศอยู่หรอก แต่อย่าได้ห่วงไปเลย ในตอนนี้ ความอยากเกื้อหนุนตัวชั้นกับคุณหนูเฟลท์มันเสมอกันอยู่ห้าสิบห้าสิบพอดีเลย

อัล: แค่นั้นก็สุ่มเสี่ยงจะแย่พออยู่แล้วเฟ้ย…

สุดท้ายแล้วมังกรเทพอัลก็มิอาจเป็นตัวอัลอีกคนได้ ต่อให้จะมีความทรงจำร่วมกัน แต่ความไม่แน่นอนในบุคลิกทำให้สมควรมองเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็พอ

ระหว่างนั้นยาเอะก็ตรวจสอบสัมภาระของเฟลท์เสร็จสิ้น สองสาวใช้ร่างอันใหญ่โตของ [มังกรเทพ] เป็นฉากกั้นในการค้นตัวแบบเปลื้องผ้า

ยาเอะพบ [กระจกสนทนา] หนึ่งบานและทำลายทิ้งไปแล้ว เท่านี้ก็หมดห่วงไปได้ว่าวาลก้าอาจจะแอบฝากอะไรเอาไว้กับเฟลท์อีก

ยาเอะออกอาการแง่งอนเล็กน้อยเพราะอัลไม่ยอมให้เธอแสดงศักยภาพเต็มที่ เขาจึงทำได้แต่กล่าวคำขอโทษให้เธอฟังสมใจอยาก

. เฟลท์เริ่มมั่นใจว่ามังกรเทพอัลไม่น่าใช่วอลคานิก้าตัวเดิมที่เธอเคยรู้จัก เนื่องจากวิธีการพูดของมันผิดเพี้ยนไป แถมยังชวนให้เธอนึกถึงใครบางคน

เฟลท์: ใช่พี่ชาย(สุบารุ)จากฝ่ายของพี่เอมิเลียไหมนะ… ไอ้เวรหมวกเกราะ แกน่ะมีวิธีพูดจาคล้ายกันเลยนะ

อัล: …พอดีทีมงานหลังบ้านตัดสินใจมาแล้วว่าไม่น่าขายออก คาแรคเตอร์ตอนนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนแนวน่ะสิ แล้วก็นะ เลิกเรียกว่าไอ้เวรหมวกเกราะได้แล้ว ชื่ออัลเดบารันเฟ้ย

ถึงจะตอบติดตลกบ่ายเบี่ยงไป สุดท้ายมังกรเทพอัลก็น่าจะเผยข้อมูลให้เฟลท์รู้อยู่ดี อัลเลยกะหาเวลาอธิบายเรื่องสถานะของเจ้ามังกรให้เธอฟัง

แต่ก่อนหน้านั้น การปะทะกับฝ่ายเฟลท์ดันทำให้เส้นตายที่กำหนดไว้เหลือเวลาอยู่แค่ห้าวันเสียแล้ว อัลจึงต้องปรับเปลี่ยนแผนการครั้งใหญ่

การที่มังกรเทพอัลกลับมารวมตัวก่อนกำหนดเดิมถือเป็นเรื่องดีก็จริง แต่กลยุทธ์ล่อภาคีอัศวินไปทางเหนืออาจจะได้ผลน้อยกว่าที่ตั้งใจไว้

ทั้ง [นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอาเอย [ยอดกุนซือ] วาลก้า ครอมเวลเอย [มังกรเทพ] วอลคานิก้าเอย

อัลอดคิดไม่ได้ว่าเฟลท์ต้องมีดวงดาวแห่งโชคชะตาส่องประกายอยู่เหนือหัวเธอมากแค่ไหนกัน ตัวตนที่สุดยอดเหล่านั้นถึงได้ภักดีต่อเธอ

อัล: ทนรับความพ่ายแพ้ต่อดวงดาวเหล่านั้นไหวด้วยเรอะ คุณอัลเดบารันเอ๋ย

เฟลท์: ไงต่อ? จากนี้ไปพวกแกคิดจะทำอะไรและไปที่ไหนกันล่ะ?

อัล: …

เฟลท์: เรื่องแค่นั้นก็บอกไม่ได้เรอะ? ขืนงกไม่ยอมป้อนอาหารให้ปลาที่จับได้ ตอนกินก็รับสภาพเอาเองละกันนะ อัลเดบารัน

เฟลท์เรียกชื่อจริงของเขาเป็นครั้งแรกพลางฉีกยิ้ม ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยจิตต่อสู้ที่ไม่ลดละ อัลเดบารันจึงยอมตอบข้อสงสัยให้แก่เธอ

อัล: ――เราจะไปที่น้ำพุร้อนยักษ์โมโกเลด ณ ใจกลางของคารารากิ ในโลกใบนี้มีเพียงที่นั่นที่มีหลุมซึ่งเชื่อมต่อไปยังสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็มิอาจเอื้อมถึงได้ พอดีมีของที่อยากเอาไปทิ้งที่นั่นอยู่น่ะ

เฟลท์: …ที่ก่อเรื่องไปมากมายขนาดนี้ ก็เพื่อเรื่องแค่นั้นเองเรอะ?

อัล: อา ใช่แล้วล่ะ มันคือเรื่องจำเป็น ――เพื่อที่ชั้นจะได้กลายเป็นตัวชั้นเอง

คำตอบที่หนักแน่นของเขาทำให้เฟลท์อ้ำอึ้งไม่คิดจะถามต่อ อัลเดาว่าทีแรกเธอคงอยากจะกล่าวถึงหญิงสาวผู้ล่วงลับ

ไฮน์เคล: ――อึก! ฮะ..เฮ้ย!? อะ..อะไรวะ อะไรวะเนี่ย!? เกิดอะไรขึ้น!? เฮ้ย! อัลเดบารัน! ยัยเมด! เกิดเรื่องอะไร…แม่งเอ๊ย! เจ็บหลังชิบหาย!

แต่แล้วเสียงร้องแตกตื่นของไฮน์เคลก็ดังขึ้นมาขัดบรรยากาศตึงเครียดระหว่างเฟลท์กับอัลเดบารัน อัลจึงรู้สึกขอบคุณเขาอยู่ในใจ

. จบตอน