ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาที่มิได้ระบุแน่ชัด
เอคิดน่าทำการทดลองด้วยการให้อัลเดบารันหาทางออกจากวงกตมิติแยกที่มีลักษณะเป็นลูปโถงทางเดินไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยบานประตู
แต่พออัลเดบารันเปิดประตูถูกตั้งแต่บานแรกอย่างง่ายดาย นังแม่มดก็ดันรู้สึกหงุดหงิดทั้งที่ปกติเธอเป็นคนชื่นชอบผลลัพธ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
อัล: โทษทีนะ พอเจอกับรูล(กฎเกณฑ์)แบบนี้ทีไร ชั้นมักจะตอบถูกตั้งแต่แรกเป็นประจำเลย ในมุมมองของ GM คงจะอยากให้ได้เจออีเวนต์ที่อุตส่าห์เตรียมไว้ให้ครบก่อนล่ะสิท่า
เอคิดน่า: ──พึ่งจะเคยได้ยินคำว่า [จีเอ็ม] เป็นครั้งแรกเลย ขอถามความหมายได้ไหม?
อัล: เกมมาสเตอร์ หมายถึงบุคคลที่เป็นผู้ควบคุมพื้นที่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือเหตุการณ์น่ะ …สรุปแล้ว สำหรับที่นี่มันก็คือคุณนั่นแหละ อาจารย์
เอคิดน่า: เข้าใจแล้วล่ะ จะจำไว้ละกัน [จีเอ็ม] [จีเอ็ม] …GM งั้นรึ
ความเร็วในการคุ้นชินกับศัพท์ใหม่ของอาจารย์ทำให้อัลเดบารันรู้สึกทั้งชื่นชมและกังวลใจ
จริงอยู่ว่าตอนนี้แม่มดผู้กระหายความรู้กำลังสนใจในสิ่งแปลกใหม่จากตัวเขา แต่สักวันหนึ่งผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ย่อมหมดไป
เมื่อเวลานั้นมาถึง นังแม่มดอาจจะไม่สนใจใยดีในตัวอัลเดบารันอีกต่อไปก็เป็นได้
. พอสังเกตเห็นสีหน้าอมทุกข์ของอัลเดบารัน [แม่มด] ผมขาวก็ยื่นหน้าเข้ามาจ้องเขา ละเมิดพื้นที่ส่วนตัวแบบไม่ใยดี
ทั้งใบหน้าสวยได้รูป ดวงตาสีดำ ขนตางอนยาวสีขาวหิมะ และริมฝีปากเรียวบางล้วนแต่เข้ามาจ่อในระยะใกล้ อัลเดบารันจึงประกบหน้าของนังแม่มดด้วย “มือทั้งสองข้าง”
ใบหน้าที่ถูกบี้จนดูตลกของเอคิดน่าทำให้จิตของอัลเดบารันไม่วอกแวกอีกต่อไป นังแม่มดพยายามที่จะดิ้นให้หลุด แต่พละกำลังของเธอดันอ่วนปวกเปียกเสียเหลือเกิน
อัล: หรือไม่ก็ …เปราะบาง!
เอคิดน่า: ก็สนใจว่านายจะใช้คำไหนในการพรรณนาถึงเราอยู่หรอก แต่ตอนนี้ช่วยปล่อยมือ… วะ..ว้าย
ทันทีที่เขาปล่อยมือ แม่มดผู้อ่อนแอก็หงายหลังล้มทันที อัลเดบารันจึงต้องรีบประคองร่างที่เบาหวิวของเธอเอาไว้
อัล: เกือบไปแล้ว เป็นผู้หญิงที่อยู่รอดได้ยากอะไรขนาดนี้
เอคิดน่า: ช่วยได้มากเลย แต่ว่า พูดอะไรน่าเหลือเชื่อเหมือนกันนะเนี่ย แล้วก็นะ “อยู่รอดได้ยาก” เนี่ยมันไม่ค่อยเข้ากับตัวเราในตอนนี้เท่าไหร่ จริงไหม?
อัล: …
เอคิดน่า: อีกอย่าง ถ้าเกิดตีค่าการมีชีวิตอยู่รอดได้ยากเป็นคะแนนล่ะก็ คะแนนของนายก็น่าจะสูงกว่าเราเยอะเลย นี่ไม่ใช่ว่าเพราะอำนาจนะ แต่เป็นเพราะวิถีชีวิตของนายต่างหากล่ะ
. อัลเดบารันที่เถียงไม่ออกนิ่งเงียบไปสักครู่ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนประเด็นไปถามเรื่องลูปโถงทางเดินที่ตนฝ่าออกมาได้ง่ายๆ ก่อนหน้านี้
เอคิดน่า: นึกว่ามันจะช่วยให้ผ่อนคลายและเป็นการเทรนนิ่งทักษะการใช้ความคิดเชิงตรรกะไปด้วยในตัวน่ะ แต่ก็น่าเสียดายที่มันสั้นเกินกว่าจะเป็นการผ่อนคลาย แถมยังถูกเอาชนะด้วยสัญชาตญาณแทนที่จะเป็นการใช้ความคิดเชิงตรรกะอีก
อัล: โทษทีนะ…
เอคิดน่า: ไม่ไหวๆ อุตส่าห์เป็นผลงานชิ้นเอกทั้งที หวังว่าสักวันหนึ่งใครสักคนจะเอามันไปใช้ประโยชน์แทนก็แล้วกันนะ ไว้จะเขียนวิธีการลงหนังสือเอาไว้ให้เสร็จสรรพ
อิงจากปณิธานแรงกล้าของนังแม่มด สิ่งที่อัลเดบารันฝ่าออกมาได้ง่ายเกินคาดคงจะเป็นเวทมนตร์เงาระดับสูงอย่างแน่นอน
ของแบบนั้นมิใช่สิ่งที่คิดค้นกันขึ้นมาได้ง่ายๆ แต่อาจารย์ของเขากลับขยันคิดค้นเวทมนตร์ระดับสูงเช่นนั้นออกมาบ่อยเสียเหลือเกิน
อัล: ──ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ หลุมก็ยิ่งลึกมากขึ้นและยอดเขาก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ นี่สิ
ประเด็นคือ ถึงจะมีเวลามากมายเหลือเฟือ แต่อัลเดบารันดันไม่มีแหล่งอ้างอิงที่จะใช้เปรียบเทียบว่าแนวคิดของตนถูกต้องแค่ไหน
เนื่องจากว่าภายในโลกของอัลเดบารันนั้น มีเพียงแค่ตัวเขาเอง [แม่มด] ที่อยู่เบื้องหน้า แล้วก็…
เอคิดน่า: ──นัตสึกิ สุบารุ(菜月・昴)
ทุกครั้งที่ได้ยินอักษรหกพยางค์นั้น มันจะชอนไชเข้าไปในหู ดังก้องลงไปถึงแก้วหู แล้วก็ฝังตัวลงในสมองของเขาอยู่เสมอ
ปกติอักษรหกพยางค์ดังกล่าวมิได้มีความสำคัญอะไร แต่พอเอามาเรียงต่อกันตามลำดับนั้น มันกลับทำให้ดวงจิตของอัลเดบารันบิดเบี้ยว ได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าตัวตนถูกฉีกกระชาก
ทั้งที่ตระหนักถึงเรื่องนั้นดีแก่ใจอยู่แล้ว นังแม่มดกลับกล่าวชื่อนั้นต่อหน้าอัลเดบารันพลางฉีกยิ้มออกมา
เอคิดน่า: ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเถอะ อัลเดบารัน เมื่อวานนี้ใช้เวลาไปนานแค่ไหนนะ?
อัล: ──หนึ่งร้อยรอบพอดี
เธอรู้อยู่แล้วว่าอัลเดบารันมิได้ลืมจำนวน แต่ก็ยังถามเพราะอยากฟังคำตอบจากปากเขาอยู่ดี ช่างน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน
แต่ไม่ว่านังแม่มดจะทำตัวน่าชิงชังแค่ไหน มันก็ช่างน่าเจ็บปวดและน่าสมเพชเหลือเกินที่เขามิอาจเกลียดเธอได้ลง
──ก็ในเมื่อหากถูกบุคคลนี้ทอดทิ้ง ตัวเขาจะยังมีอะไรหลงเหลืออยู่อีกกันล่ะ
สำหรับตัวเขาที่ดวงตาสีม่วงครามคู่นั้นมิเคยหันมาเหลียวแลทั้งที่ปรารถนาสุดหัวใจ จะยังมีอะไรที่หลงเหลืออยู่อีกกัน
เอคิดน่า: อัลเดบารัน?
นังแม่มดเอียงคอพลางจดจ้องมาทางอัลเดบารัน ทั้งที่ดวงตาของทั้งคู่มีสีดำเหมือนกัน แต่เฉดสีของมันกลับต่างออกไป ซึ่งอาจเป็นผลจากความแตกต่างตัวเขาและ [แม่มด]
หากลองเทียบกันดูแล้ว สิ่งไหนกันที่── “อา เรื่องพรรค์นั้นน่ะ จะยังไงก็ช่าง”
เขาจะเติมเต็มบทบาทที่เธอคาดหวังเอง เพราะอย่างน้อยมันก็ดีเสียกว่าการไม่เป็นที่คาดหวังของใครสักคนเป็นร้อยเท่า ดังนั้นแล้ว──
อัล: อา นั่นสินะ มาเริ่มกันเถอะ อาจารย์ ──เพื่อที่ชั้น จะได้กลายเป็นตัวชั้นเอง
. จบบทนำ