เพทร่าได้เรียนรู้ผ่านคัมภีร์ผู้วายชนม์ว่านัตสึกิ สุบารุมีอำนาจ [หวนกลับจากความตาย] ที่ได้รับมาจาก [แม่มดแห่งริษยา] อยู่
มันคือพลังทำให้เขาสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ชีวิตและขจัดอุปสรรคที่พบเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ เท่าที่เพทร่ารู้ อย่างน้อยสุบารุก็ตายมาเกินกว่า 10 ครั้งแล้ว
ไม่มีการตายครั้งไหนเลยที่ทำใจยอมรับได้ง่าย แต่ก็ใช่ว่าการตายทุกครั้งจะหลีกเลี่ยงมิได้ ที่จริงเขามีโอกาสหลีกเลี่ยงความไร้เหตุผลและความสิ้นหวังเหล่านี้
กระนั้นนัตสึกิ สุบารุกลับเลือกเผชิญหน้ากับ [ความตาย] ทุกครั้งคราโดยไม่เคยหลีกหนี นั่นเพราะว่าเขาเป็นบุคคลที่อ่อนโยน
นัตสึกิ สุบารุมิอาจทำใจยอมรับได้ว่ามีผู้ใด “สมควรตาย” เขาจึงไม่คิดจะทอดทิ้งหรือเสียสละพวกพ้องสักคนเดียว ไม่ยอมปล่อยให้ใครหายไปเด็ดขาด
ทว่า เพทร่าได้ตระหนักรู้ถึงความจริง ว่าสิ่งที่สังหารนัตสึกิ สุบารุไปมากที่สุดมิใช่ทั้งศัตรูอย่างสัตว์มารหรือบิชอปมหาบาป และมิใช่โชคชะตาอันไร้เหตุผล
――หากแต่เป็นบุคคลที่เอารัดเอาเปรียบ “ความอ่อนโยน” ของนัตสึกิ สุบารุต่างหาก
. 【สุบารุ: ชั้นว่า ไม่จำเป็นต้องเก็บไปคิดมากแบบนั้นหรอกนะ】
เพทร่า: …ต่อให้สุบารุจะเป็นคนบอกเอง ฉันก็ทำใจยอมรับไม่ได้หรอก
ที่ข้างๆ เพทร่าผู้กุมบังเหียนสารถีมี [นัตสึกิ สุบารุ] ที่กำลังเอามือเท้าคางนั่งอยู่ด้วย ที่จริงแล้ว [สุบารุ] คนนี้มิใช่สุบารุตัวจริง
เขาคือ “อิมาจินารี่สุบารุ” หรือภาพมายาในหัวของเพทร่าที่ถูกสร้างขึ้นจากข้อมูลใน [คัมภีร์ผู้วายชนม์] เท่านั้น
หลักฐานบ่งชี้สำคัญคือความโปร่งใส่ของร่างกายและรูปลักษณ์ที่ดูเด็กกว่าสุบารุคนปัจจุบันประมาณ 1 ปีครึ่งได้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้บึกบึนสมชายเหมือนสุบารุคนปัจจุบัน เพทร่าก็ยังคิดว่า [สุบารุ] คนนี้ทั้งหล่อเท่และน่ารักมากอยู่ดี
ที่ผ่านมาเพทร่าเคยแอบจินตนาการตัวเองกับสุบารุเป็นคู่พระนางในนิยายภาพแนวรักใคร่และกวีรักต่างๆ มาแบบนับไม่ถ้วนแล้ว
เพทร่าพยายามตั้งสติจากอาการจิตฟุ้งซ่านและกำชับให้ [สุบารุ] เลิกอ่านความคิดในหัวเธอ แต่ว่าคำขอนั้นมันเป็นไปไม่ได้
. ปัจจุบัน [นัตสึกิ สุบารุ] ได้บุกรุกเข้ามาใน [จิตใจ] ของเพทร่า เลย์เต้แล้ว มันทำให้เธอหวนนึกถึงคำเตือนของเอซโซ่ คาโดน่า
เพทร่า: …[หวนกลับจากความตาย] เอย อีกฟากฝั่งของมหาน้ำตกเอย
เพทร่าได้รับรู้ว่าสุบารุมีสิ่งที่แบกรับไว้มากมายเหลือเกิน เขาจากบ้านเกิดมาไกล ประสบชะตากรรมแสนวิปโยค และแน่นอนว่าเขาน่าจะต้องตายอีกหลายครั้งเกินกว่าเนื้อหาในคัมภีร์ที่เพทร่าได้อ่าน
การอ่าน [คัมภีร์ผู้วายชนม์] สร้างบาดแผลทางใจให้แก่เพทร่าอย่างรุนแรงดังที่เอซโซ่เตือนไว้ จิตใจของเพทร่าต้องผิดปกติไปแล้วแน่ๆ เธอถึงคุยเล่นกับภาพหลอนของบุคคลที่รักได้
เพทร่าพยายามใช้ไฟรักกล่อมตัวเองว่าเธอไม่เป็นอะไร “ขอเพียงตระหนักถึงความผิดปกติได้ เธอก็ควบคุมมันได้” เธออยากจะหลอกตัวเองเช่นนั้น
แต่ไม่ว่าเพทร่าจะอยากหลอกตัวเองว่าเอาอยู่แค่ไหน สุดท้ายการขับรถยนต์ทั้งที่เมาเหล้าอยู่มันก็ผิดกฎหมายอยู่ดี
เพทร่า: รถยนต์… เมาแล้วขับ…ไฟจราจร…โทเรียนเสะ(เพลงกล่อมเด็กของญี่ปุ่น)…
ผลกระทบจากการมี [สุบารุ] อยู่ในหัวทำให้เพทร่าได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่มากมายไม่ต่างอะไรจากการเปิดโคลเซ็ต(ตู้เสื้อผ้า)แล้วเจอชุดนอกฤดูกาลมากมาย
หากไม่กรองคำศัพท์ใหม่ให้ดี อีกไม่นานเพทร่าอาจจะลืมตัวจนเผลอสวมเสื้อผ้าผู้ชายและหยิบกิลตี้วิปมาใช้เลยก็ได้
. 【สุบารุ: จะว่าไป เมนเวพอน(อาวุธหลัก)ของชั้นคือแส้งั้นเรอะ? ออกจะเบียวไปหน่อยไหมเนี่ย? แล้วไหงถึงได้สนิทสนมกับเบียทริซขนาดนั้น ตามเจเนเรชั่นแก๊ปไม่ทันเลยเฟ้ย…】
เพทร่า: ไม่ใช่แค่นั้นนะ นายท่านถูกทุกคนลงโทษไปแล้ว คุณการ์ฟเองก็เลิกเบียวเหมือนกัน คุณออตโต้ยังคงนอนไม่พอ ส่วนท่านพี่เอมิเลียเองก็พยายามจนน่าชื่นชมเลยล่ะ
【สุบารุ: อย่างนี้นี่เอง รอสวาลเป็นตัวบงการเบื้องหลังทุกอย่าง …เอ๊ะ? แล้วไหงถึงได้ให้อภัยหมอนั่นกันล่ะ?】
เพทร่า: เรื่องนั้นสุบารุกับท่านพี่เอมิเลียต้องไปคุยกันเอาเองนะ…
ถึงเธอจะไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสุบารุกับเอมิเลีย แต่เพทร่าก็ยังคงไม่ให้อภัยรอสวาลอยู่ดี ต่อให้รอสวาลจะสร้างคุณงามความดีไว้ช่วงที่อยู่ในจักรวรรดิก็ตาม
ทว่า ในปัจจุบันเพทร่ารู้สึกว่ามีบุคคลที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัยยิ่งกว่ารอสวาลเสียอีก
【สุบารุ: ――เพทร่า】
เพทร่า: …ต่อให้จะพูดแบบนั้นก็เถอะ
. เพทร่าหันหน้าหนีจาก [สุบารุ] และพยายามหันเหความสนใจไปยังทะเลทรายเบื้องหน้า ปัจจุบันรถมกรที่โดยสารอยู่กำลังมุ่งหน้าออกจากเนินทรายออกุเลีย
พวกเธอต้องรีบออกห่างจากที่นี่ เนื่องจาก [แม่มดแห่งริษยา] แสนน่าขนลุกยังคงเอื้อมมือเงามาหาเพทร่าผู้ฝ่าฝืนกฎจนถึงตอนนี้
เคราะห์ดีที่วีรชนผู้หนึ่งได้ต้านทานแม่มดไว้เพียงลำพังและคงรักษาสมดุลของโลกเอาไว้ ――[นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอานั่นเอง
ถ้าหากไรน์ฮาร์ดพ่ายแพ้เมื่อไร [แม่มดแห่งริษยา] จะตามมาไล่ล่าเพทร่าต่อและทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนเกิดเป็นเหตุวันโลกาวินาศอย่างแน่นอน
[สุบารุ] ยิงมุกตลกว่าแม่มดริษยาคงไม่ใช่ไทป์ที่จะหลีกทางให้คนอื่น ทำให้เพทร่านึกภาพแม่มดยกที่นั่งให้หญิงชราในรถไฟฟ้าที่คนเต็มขบวน
เพทร่าสลัดมุกไม่เข้ากับสถานการณ์ในหัวทิ้งแล้วรำพึงว่าเธออาจจะควรอยู่ยอมรับชะตากรรมที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดส คนอื่นจะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย
【สุบารุ: ――ยอมไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้จะต้องตายก็ขอปฏิเสธ】
เพทร่าพึ่งได้รับรู้ว่าตัวเธอเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุบารุจะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอจะยังเทียบเคียงกับเอมิเลีย เบียทริซ และเรมมิได้ก็ตาม
ที่ผ่านมาเธอเคยนึกว่าเขาพูดเล่น แต่กลายเป็นว่านัตสึกิ สุบารุตั้งใจสื่อความหมายตามนั้นจริงยามที่เขาอกว่า “ต่อให้จะต้องตาย” หากทำไปเพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ
. เพทร่ากับ [สุบารุ] เห็นพ้องกันว่าอัลน่าจะมีวิธีการบางอย่างในการหยุดยั้งการอาละวาดของ [แม่มดแห่งริษยา] อยู่
อย่างน้อยทั้งคู่ก็อยากเชื่อเช่นนั้นเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้อัลได้ไว้ชีวิตทั้งเพทร่า เมลี่ และพวกการ์ฟีล
เพทร่าแอบสงสัยว่าแนวคิดของ [สุบารุ] ส่งผลต่อความคิดของตนมากแค่ไหน เพราะถึงแม้ว่าเธอจะรักสุบารุ เพทร่าก็ต้องคอยระวังไม่ให้ตัวเองกลายเป็นสุบารุ
เพทร่านับถือคนจิตใจดีอย่างสุบารุกับเอมิเลียก็จริง แต่เธอเพียงแค่อยากเป็นคนที่สังเกตเห็นความอ่อนโยนของพวกเขาเหล่านั้น ไม่ใช่กลายเป็นแบบเดียวกัน
ตอนนั้นเองที่เมลี่เปิดหน้าต่างรถออกมาขอสลับคิวกุมบังเหียน แต่เพทร่าปฏิเสธไป เนื่องจากเมลี่ช่วยแบกเธอก่อนหน้านี้และคอยไล่พวกสัตว์มารไปแล้ว
【สุบารุ: เด็กคนนี้… รู้สึกแปลกชะมัดเลยแฮะที่เมลี่อยู่ที่นี่ด้วย…】
. ในสถานการณ์ปัจจุบัน [พรคุ้มครองโทรจิต] ของแฟรมที่ช่วยให้สามารถสื่อสารกับคู่แฝดโดยไม่สนระยะห่างได้นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
พรคุ้มครองนี้มีข้อจำกัดการใช้งานอยู่ที่ [วันละครั้ง] ซึ่งนับจากชั่วโมงการนอนหลับพักผ่อนของผู้ถือครอง ไม่ได้อิงตามเวลาในแต่ละวันจริงๆ
แต่เนื่องจากแฟรมกังวลเรื่องชะตากรรมของนายน้อยไรน์ฮาร์ดจนนอนไม่หลับ เด็กสาวจึงทำการบีบคอตัวเองจนหมดสติไป เพทร่ายังคงอึ้งกับการกระทำนั้นไม่หายเลย
ตอนนั้นเองพาทรัชที่ออกแรงวิ่งไม่หยุดหย่อนมาหลายชั่วโมงก็ส่งเสียงร้องเตือนถึงจุดหมายปลายทาง “เมืองมิรูล่า” ที่อยู่ติดกับทะเลทราย
【สุบารุ: รักนะ พาทรัช】
คำบอกรักของสุบารุส่งไปไม่ถึงเจ้ามกรปฐพีก็จริง แต่พาทรัชก็ยังเร่งฝีเท้าอย่างขยันขันแข็ง เพทร่าใช้เวลานี้นึกภาพโร้ดแมพขึ้นมาในหัว
เป้าหมายหลักของเธอคือการหยุดยั้งอัลที่ทรยศนัตสึกิ สุบารุ ――ไม่สิ เพทร่ามีเป้าหมายเหนือยิ่งกว่านั้นอยู่อีก
ในที่สุดพาทรัชก็ลากรถมกรผ่านเข้าประตูเมืองมิรูล่า เพทร่าจึงทำการตะโกนเรียกหาใครบางที่มาส่งพวกเธอก่อนหน้านี้
เพทร่า: ――เรากลับมาแล้ว ได้โปรดขอยืมพลังหน่อยเถอะ! ได้ยินใช่ไหมล่ะ ท่านพี่คลินด์!
เขาคนนั้นคือไวลด์การ์ดที่สามารถช่วยย่นระยะห่างระหว่างพวกเพทร่ากับเป้าหมายให้เหลือศูนย์ได้
. ตัดไปทางฝั่งเฟลท์ ปัจจุบันเธอถูกควบคุมตัวอยู่ที่คฤหาสน์สำรองของตระกูลบาริเอล ณ นครหลวงลูกุนิก้า
เช่นเดียวกับตระกูลแอสเทรอา ตระกูลขุนนางมักจะมีคฤหาสน์หลังรองอยู่ที่นครหลวงด้วย เดิมทีมันเป็นของไรป์ บาริเอลก่อนที่พริสซิลล่าจะมายึดไป
เฟลท์ที่เติบโตในชุมชนแออัดเคยกระทั่งนอนกอดหนูมาแล้ว แต่เธอไม่เคยเลิกรู้สึกขยะแขยง “แมลงซอดด้า” เลย พวกมันคือศัตรูทางธรรมชาติของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
แมลงซอดด้านั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่งเพราะพวกมันทนทายาดจนน่ารำคาญ แถมพวกมันไม่ได้อาศัยอยู่แค่ตามสถานที่ไร้สุขอนามัยเท่านั้น
กระทั่งในคฤหาสน์หรูหราที่เธออยู่ ณ ปัจจุบัน เฟลท์ก็ยังมิวายเห็นเงาของแมลงซอดด้า เธอจึงลองร้องขอยาเอะให้ใช้ลวดเหล็กกำจัดแมลงซอดด้าดู
ยาเอะ: เฮ้อ~ คืองี้นะคะ ท่านเฟลท์ วิชาลวดเหล็กที่ฉันใช้เนี่ย มันเป็นทักษะระดับแรร์สุดยอดที่ไม่มีใครใช้งานอย่างช่ำช่องได้มาหลายร้อยปีเชียวนะคะ? นอกเหนือจากสกิลนั้นแล้ว ก็ยังมีแหวนพิเศษสำหรับลวดเหล็กที่ถูกสร้างโดย [จ้าวเครื่องมือไสยเวท] กรูวี่ กัมเล็ตอีกที่ช่วยให้ชิโนบิเมดผู้มากฝีมืออย่างยาเอะจังฉายแววเด่นได้ รู้แล้วยังมีหน้ามาขอคนอย่างฉันให้จัดการแมลงซอดด้าจริงเหรอคะ?
เฟลท์: ร่ายมาตั้งยาวแต่เข้าใจไม่ถึงครึ่งเลยว้อย สรุปแล้วจะสื่อว่าไง?
ยาเอะ: ถ้าจะให้เอาลวดสุดรักไปแปดเปื้อนล่ะก็ ไม่เอาด้วยหรอกค่า~
. เฟลท์พยายามมองหาแมลงซอดด้าอีกครั้ง มันหายวับไปแล้ว แต่เธอมิอาจอุ่นใจได้ เพราะขืนเผลอเดี๋ยวก็ได้ถูกมันบินเกาะหน้าอีก กระทั่งยาเอะยังเห็นพ้องว่าขืนโดนแบบนั้นเข้าตรอมใจตายยังดีเสียกว่า
เฟลท์แอบแปลกใจที่กระทั่งคฤหาสน์รองของพริสซิลล่าก็ยังมีแมลงซอดด้า เธอจึงเดาว่าคนรับใช้น่าจะเลิกดูแลหลังจากที่พริสซิลล่าเสียชีวิตไป
ยาเอะกล่าวเตือนทันทีว่าห้ามเฟลท์พูดจาเสียดสีพริสซิลล่าให้อัลได้ยินเด็ดขาด ตัวยาเอะเองก็ไม่ชอบฟังใครนินทาพริสซิลล่าเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าอัลจะโมโห แต่ถ้าหากได้ยินเรื่องนั้น เขาน่าจะเจ็บปวด ซึ่งยาเอะอยากหลีกเลี่ยงกรณีนั้น ว่าแล้วเธอจึงตวัดลวดเหล็กมาคล้องคอเฟลท์ไว้
เฟลท์ท้าทายว่าการสังหารเธอจะทำให้อัลเสียใจ แต่ยาเอะประเมินว่าการเก็บเฟลท์ทิ้งอาจจะช่วยลดภาระที่อัลต้องแบกลงด้วยซ้ำ เฟลท์จึงยกมือยอมแพ้เป็นนัยว่าไม่คิดจะต่อต้าน
ถึงแม้ยาเอะจะเรียกอัลว่า “เจ้านาย” แต่ความสัมพันธ์ระหว่างท้ังคู่มิใช่แค่เจ้านายกับคนรับใช้อย่างแน่นอน
ยาเอะพร้อมจะหั่นนิ้วมือหรือแขนขาของเฟลท์ทิ้งหากเธอขัดขืน อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับที่เฟลท์จะสามารถเสี่ยงลองวิ่งหนีตอนสบโอกาสได้ง่ายๆ
กระนั้นเฟลท์ก็คอยนับจำนวนครั้งที่ยาเอะเรียกเธอว่า “น่ารัก” กับ “สวย” เอาไว้ แถมยังประกาศกร้าวว่าจะเอาคืนให้สาสมในภายหลัง
ล่าสุดยาเอะมีสามแต้มแล้ว เฟลท์นับส่วนของอัลเดบารัน [มังกรเทพ] และไฮน์เคลเอาไว้ด้วย เพื่อที่เธอจะได้คิดบัญชีรวบยอดในทีเดียว
. ที่คฤหาสน์หลังนี้มีเพียงแค่เฟลท์กับยาเอะ เนื่องจากมังกรเทพอัลโดดเด่นเกินไปจนเข้าเมืองหลวงไม่ได้ แถมมันยังฟังคำสั่งเฟลท์จนอาจทำให้ผิดแผนได้อีก
มีโอกาสที่ไฮน์เคลผู้รับหน้าที่เฝ้ามังกรอาจจะใจร้อนจนพลั้งมือโจมตี [มังกรเทพ] และถูกสวนจนตายอยู่ แต่สำหรับยาเอะ ต่อให้เกิดเรื่องนั้นขึ้นเธอก็ยังยิ้มซุกซนไม่ทุกข์ร้อนได้อยู่ดี
เฟลท์จึงเริ่มกังขาความสามัคคีของกลุ่มนี้และสงสัยว่ามังกรสติเพี้ยนอย่างวอลคานิก้าจะมี [โลหิตมังกร] แสนทรงพลังอยู่จริงไหม
ฝั่งยาเอะมองว่าต่อให้ท่านวอลจะไม่มีเลือดที่ไฮน์เคลต้องการ อัลก็จะรักษาสัญญาด้วยการหาทางขโมย [โลหิตมังกร] ที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในวังหลวงมาให้อยู่ดี
การปลุกมารดาของไรน์ฮาร์ดให้ตื่นคือหนึ่งในเป้าหมายของเฟลท์เช่นกัน แต่ส่วนตัวแล้วเฟลท์อยากเลือกใช้วิธีการที่ต่างจากไฮน์เคล
ยาเอะแอบแปลกใจที่เฟลท์อยากช่วยแม่ของไรน์ฮาร์ดด้วย เฟลท์จึงให้เหตุผลว่าเวลาที่รวมตัวกันทานอาหารในฝ่าย ไรน์ฮาร์ดจะนั่งอยู่ข้างเธอตลอด
ดังนั้นแล้ว เฟลท์จึงอยากให้สีหน้าของไรน์ฮาร์ดเลิกหม่นหมอง เธอจะได้กินข้าวอร่อยขึ้น ยาเอะฟังแล้วถึงกับออกปากเลยว่าเฟลท์ใจหล่อสุดๆ
ยาเอะยื่นถาดสีเงินที่มีอาหารว่างวางอยู่ให้แก่เฟลท์ มันคือขนมปังสอดไส้เนื้อและผักย่าง เฟลท์จึงหยิบมากินด้วยความหิว แถมเธอยังค่อนข้างถูกใจในรสชาติทีเดียว
ถึงแม้ว่าจะเป็นเมด แต่ที่จริงยาเอะถนัดการทำความสะอาดมากกว่าการทำอาหาร เนื่องจากจานถนัดของเธอมีแค่เมนูประเภทขนมปังสอดไส้
. เฟลท์: ――ไอ้เวรหมวกเกราะเขาคิดจะปล่อยบิชอปมหาบาปออกมาจริงๆ งั้นเรอะ?
ปัจจุบันหอคอยเรือนจำของนครหลวงมีบิชอปมหาบาปถูกจองจำไว้สองคนคือ [ตะกละ] และ [โทสะ] และอัลก็ตั้งใจจะปล่อย [ตะกละ] ออกมา
ในมุมมองของเฟลท์ การเรียก [แม่มด] มาช่วยยื้อไรน์ฮาร์ดยังพอเข้าใจได้ แต่การปล่อยพวกสวะอย่างบิชอปมหาบาปออกมานั้นเป็นการกระทำที่ล้ำเส้นและบ้าบอเกินไป
กระทั่งยาเอะเองก็ดูจะไม่ทราบจุดประสงค์ของอัล เธอเพียงแค่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการตัดสินใจของเขาและตามน้ำไปด้วย
เฟลท์: ――มีอะไรบางอย่าง ที่อยากเอาให้กินอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันลากคอไอ้เวรตะไลอย่าง [ตะกละ] ออกมาด้วยกันหรอก
ต่อให้จะอยู่ในสถานะตัวประกัน เฟลท์ก็จะไม่ยอมจิตตก เธอจะใช้ความคิดหาทางทำอะไรสักอย่างต่อไป โดยยึดถือคติ [มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง] ตามที่ปู่รอมสอนไว้
ยาเอะ: …หวา แมลงซอดด้าจริงด้วย พึ่งจะให้ผู้จัดการอาคารไปพักไม่กี่วันเองแท้ๆ ม่ายหวายเลยค่า~
ในระหว่างที่เฟลท์กำลังหม่ำขนมปังอยู่ ยาเอะก็ได้เผชิญหน้ากับศัตรูทางธรรมชาติของมนุษยชาติและทำหน้าเหยเกด้วยความขยะแขยง
. อ่านต่อพาร์ท 2