re zero webnovel arc9 chapter25 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 25 "เอมิเลียเดือดดาล"

เอมิเลีย: ตอนนี้ฉัน โมโหสุดๆ เลยล่ะ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นอัลก็ไม่คิดจะยั้งมือหรอกนะ

ช่วงที่อยู่ในจักรวรรดิ เขาได้เห็นเอมิเลียต่อสู้อย่างจริงจังมาหลายครั้ง แต่นี่คือครั้งแรกเลยที่อารมณ์เกรี้ยวโกรธกลายเป็นแรงกระตุ้นหลักของธอ

มิหนำซ้ำคู่ต่อสู้ที่ทำให้ดวงตาของเอมิเลียเปี่ยมล้นไปด้วยความโมโหได้มากถึงเพียงนั้นดันกลายเป็นตัวอัลเดบารันเองเสียอีก

กระนั้นตั้งแต่วินาทีที่อัลตัดสินใจผนึกนัตสึกิ สุบารุ การเผชิญหน้ากับเอมิเลียก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้อยู่แล้ว เขาจึงต้องทำใจยอมรับผลลัพธ์

รอย: อ้าวๆๆ แปลกจังเลยน้า? ทำให้อีกฝ่ายโกรธน่าดูเลยนี่ คุณลุง พี่สาวคนนั้นน่ะ เวลาโมโหน่ากลัวมากเลย รู้ไหมเอ่ย?

อัล: หุบปากไป

รอย: โอ้ น่ากลั๊วน่ากลัว

อัล: ――โย่ บังเอิญจังเลยนะที่มาเจอกันที่นี่ คุณห――

อัลชั่งใจอยู่นานว่าประโยคแรกที่พูดควรเป็นอะไรดี แต่ทั้งหมดล้วนแต่สูญเปล่าเนื่องจากเอมิเลียได้ใช้กำลังขาดีดตัวเข้าประชิดอย่างรุนแรงจนพื้นระเบิด

เอมิเลีย: นี่แน่ะ!!

จากนั้นกำปั้นที่สวมกันเล็ต(ถุงมือเกราะ)น้ำแข็งของหญิงสาวผมเงินก็ตะบันเข้าใส่กลางลิ้นปี่ของอัลเดบารัน

. ย้อนความไปก่อนหน้านี้ หลังจากที่เฟลท์ได้รับแจ้งข่าวผ่านพรคุ้มครองของแฟรม เธอก็นำข่าวไปบอกให้เอมิเลียและออตโต้ทราบต่อ

ณ เวลานั้นทุกคนอยู่ที่นครหลวงลูกุนิก้า เอมิเลียกับออตโต้เดินทางมาที่นี่เพื่อรายงานการเสียชีวิตของพริสซิลล่า บาริเอลในจักรวรรดิวอลลาเคีย

เอมิเลียรู้สึกสับสนไปหมดยามที่เฟลท์บอกว่า “อัล” คือตัวการเบื้องหลังผู้ทรยศทุกคนที่หอสังเกตการณ์

ออตโต้: ――ท่านเฟลท์ รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ทีได้ไหม?

ในขณะที่เอมิเลียกำลังกัดริมฝีปากและกำหมัดแน่นด้วยความสับสน ออตโต้ก็เอ่ยถามขัดขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งสงบ

ทว่า เอมิเลียรู้ซึ้งดี ว่ายามที่ออตโต้ออกอาการเช่นนี้คือยามที่เขาโมโหมากที่สุด ความขุ่นเคืองอันเงียบงันของออตโต้ส่งผ่านไปถึงเฟลท์ด้วยเช่นกัน

เฟลท์ขยายความว่าสุบารุกับเบียทริซถูกจับตัวไป แต่อัลไม่ได้มีเจตนาสังหาร เนื่องจากเพทร่า เมลี่ แฟรมปลอดภัยดี แต่การ์ฟีลกับเอซโซ่ถูกเล่นงานสะบักสะบอม

. หลังจากนี้ฝ่ายเฟลท์ตั้งใจจะรีบกลับไปที่คฤหาสน์แอสเทรอาเพื่อปรึกษาปู่รอม จากนั้นก็ส่งไรน์ฮาร์ดไปเผชิญหน้ากับอัลที่เนินทรายออกุเลียก่อน

เอมิเลียอยากติดตามไปเป็นกำลังรบช่วยเฟลท์ แต่ออตโต้รีบออกปากห้ามไว้ก่อน เอมิเลียแอบสงสัยเหตุผลของเขา เพราะเธอร้อนรนอยากรีบไปหาพวกสุบารุ

เฟลท์ไม่ขอรับปากอะไรเกี่ยวกับอัลทั้งนั้น เอมิเลียกอดลาเฟลท์เล็กน้อยก่อนที่เด็กสาวจะเดินทางออกจากพระราชวังหลวงไปกับไรน์ฮาร์ด

เอมิเลีย: สุบารุ…

เอมิเลียยังคงกำหมัดแน่น กระวนกระจายใจไม่เลิก เฟลท์บอกว่าทุกคนถูกอัลเล่นงาน แต่คนที่เอมิเลียเป็นห่วงที่สุดก็คือสุบารุ อัศวินของเธอ

สภาพจิตใจของสุบารุจะเป็นอย่างไรหลังจากที่เขาลำบากตรากตรำมามากมายที่จักรวรรดิ แต่ดันช่วยพริสซิลล่าไม่สำเร็จ แล้วยังมาถูกอัลหักหลัง

ความรู้สึกร้อนรุ่มบางอย่างเริ่มก่อตัวในอกของเอมิเลีย อารมณ์เดือดดาลที่เธอมิค่อยจะคุ้นเคยนักปะทุขึ้นในหัวใจ

เอมิเลียไม่ได้รู้สึกโมโหใครขนาดนี้มาตั้งแต่ตอนที่เธอแค้นเคืองเรกุลุสผู้ผูกมัดหัวใจของซิลฟี่และเจ้าสาวคนอื่นอย่างเห็นแก่ตัว เผลอๆ เธอก็กำลังโกรธยิ่งกว่าตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ

. ออตโต้เอ่ยปากขอบคุณที่เอมิเลียยอมฟังเขา เอมิเลียจึงใช้สองมือตบแก้มตัวเองหนึ่งทีจนมันแดงเรื่อเพื่อเรียกสติให้กลับเข้าที่เข้าทาง

ออตโต้เห็นแล้วจึงเลียนแบบบ้าง เขาตบหน้าตัวเองอย่างแรงจนกระทั่งเอมิเลียเองยังตกใจ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ถึงขั้นเลือดกำเดาไหล

การทำร้ายสมาชิกฝ่ายเฟลท์ย่อมทำให้การเผชิญหน้ากับไรน์ฮาร์ดกลายเป็นผลกรรมที่ตามมา ออตโต้มั่นใจว่าอัลตระหนักเรื่องนั้นดีอยู่แล้ว

การที่อัลยังดันทุรังทำอะไรเสี่ยงเช่นนั้น แปลว่าเขาเตรียมแผนการบางอย่างไว้รับมือไรน์ฮาร์ดแล้ว

ดังนั้นออตโต้จึงเสนอให้เอมิเลียอยู่รอที่นครหลวงกับเขาในฐานะส่วนหนึ่งของแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ในกรณีที่อัลชนะได้ทั้งไรน์ฮาร์ดและฝ่ายเฟลท์

เอมิเลียสังเกตว่าออตโต้เลิกเรียกชื่ออัลและเปลี่ยนไปใช้คำว่า [ชายคนนั้น] แทน ตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรคิดอย่างไรกับอัลดี

ใจของเธอกระวนกระวายไปหมด อัลมีเหตุผลอะไรกันแน่ เป็นห่วงสุบารุ เบียทริซปลอดภัยไหม การ์ฟีลเจ็บมากไหม เพทร่ากับเมลี่จะกังวลไหม พาทรัชจะร้องไห้ไหม

. ออตโต้: ――มันเป็นความผิดพลาดของผมเองครับ

ตอนนั้นเองที่ออตโต้พึมพำออกมาในขณะที่เขาเงยหน้าจดจ้องเพดานและใช้มือปิดบังใบหน้าจนเอมิเลียมองไม่เห็น แต่เธอรับรู้อารมณ์ของเขาได้ผ่านน้ำเสียงสั่นเทา

ออตโต้: หลงคิดว่าคุณนัตสึกิมีส่วนเกี่ยวข้อง บังคับตัวเองให้ยอมรับว่าสิ่งที่ท่านพริสซิลล่าทิ้งเอาไว้อาจจะนำไปสู่การปลอบประโลมใจเขา หลอกตัวเองว่าตราบใดที่เบียทริซจังที่เหินห่างกันไปสักพักได้อยู่เคียงข้างเขา ทุกอย่างก็คงเรียบร้อย เพทร่าจังผู้ขยันขันแข็งจะคอยดูแลและสนับสนุนเขา หลงคิดไปแบบนั้น

เอมิเลีย: ออตโต้คุง…

ออตโต้: ที่เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือให้การ์ฟีลแบกรับทั้งหมดนั่นเอาไว้ พวกเราดันมอบหมายสิ่งที่ควรจะช่วยกันจัดการให้กับการ์ฟีลผู้ตรงไปตรงมาและจิตอ่อนไหวคนนั้น

เอมิเลีย: ออตโต้คุง!

เสียงที่สั่นไหวของออตโต้บ่งชี้ว่าจิตใจของเขากำลังจะแตกสลาย เอมิเลียรีบคว้ามือของออตโต้เอาไว้และเห็นน้ำตาไหลคลอเบ้าตาของเขา

ออตโต้: บ้าเอ๊ย… ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ทำไมผมถึงได้สะเพร่าแบบนี้กันนะครับ…ฮึก

เอมิเลีย: …

ออตโต้: ในยามที่มือเอื้อมไม่ถึง ขาวิ่งตามไม่ทัน ก็ต้องใช้หัวคิดเพื่อหาทางเติมเต็มส่วนที่ขาดพร่องไป ถึงจะวางท่าว่าเข้าใจเรื่องแบบนั้น แต่พอถึงเวลาสำคัญทีไร――

เอมิเลียไม่อยากทนฟังคำตำหนิตนเองของออตโต้ที่กำลังจะบ่อน้ำตาแตกอีกต่อไป เธอจึงดึงศีรษะของออตโต้มาโอบกอดไว้ในอ้อมอกอย่างแน่นเพื่อบังคับให้เขาหยุดพูดต่อ

ออตโต้นิ่งเงียบไปด้วยความสับสน เอมิเลียจึงใช้โอกาสนั้นปลอบใจเขา เธอรู้ดีว่าออตโต้พยายามมากแค่ไหน เธอจึงไม่อยากให้เขาโทษตัวเองไปมากกว่านี้

เอมิเลีย: ยังไม่มีเรื่องไหนที่จบสิ้นไปแล้ว พวกเราน่ะ ยังทุ่มสุดตัวเพื่อแก้ไขมันได้อยู่นะ!

. สุบารุเป็นคนสอนเธอไว้เองว่าทั้งเธอและเขาต่างก็เป็นคนที่ดื้อด้านไม่ชอบการยอมแพ้มากแค่ไหน เอมิเลียจึงหวังว่าคำย้ำเตือนสติตนเองดังกล่าวจะสื่อสารไปถึงออตโต้ด้วย

ออตโต้: …ได้โปรดปล่อยมือเถอะครับ ไม่งั้นโดนคุณนัตสึกิจับเชือดแหง

เอมิเลีย: ไม่ล่ะ ไม่มีใครต้องตายทั้งนั้น! เพื่อการนั้นแล้วพวกเราถึงได้…

ออตโต้: เข้าใจแล้วครับ! บอกว่าเข้าใจแล้วไง! ขอร้องล่ะครับ ช่วยปล่อยทีเถอะ!

พอสัมผัสได้ว่าอาการตึงเครียดของออตโต้คลายลง เอมิเลียจึงยอมปล่อยเขาไปจากอ้อมอกด้วยความลังเล ฝั่งออตโต้ที่เป็นอิสระก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อและคราบน้ำตา

จากนั้นออตโต้ก็พึมพำต่อว่าตัวเขาพึ่งนึกถึงสาเหตุที่ตัดสินใจสนับสนุนสุบารุกับเอมิเลียขึ้นมาได้ สีหน้าของเขากลับมาเปี่ยมล้นความมั่นใจและความกล้าหาญ

ออตโต้อธิบายอย่างมีเหตุว่าทำไมตนควรอยู่ที่นครหลวงต่อ แต่เอมิเลียต้องพยายามหักห้ามใจอย่างรุนแรงมิให้อยากรีบรุดหน้าไปช่วยสุบารุ

เธออยากสัมผัสเขา อยากจ้องมองเขา อยากได้ยินเสียงของเขา อยากอยู่เคียงข้างเขาในยามที่เจ็บปวดและจิตใจอ่อนไหว

เอมิเลีย: ――สุบารุ

นอกเหนือความโกรธแล้ว มันยังมีอีกอารมณ์หนึ่งที่ออกอาการร้อนรุ่มอย่างรุนแรงอยู่ในอกของเธอ อารมณ์ที่เอมิเลียยังไม่เข้าใจ

. ตัดกลับมาปัจจุบัน ออตโต้ได้เปิดใช้งาน [พรคุ้มครองประกาศิต] อย่างเต็มที่จนสามารถระบุตำแหน่งของกลุ่มอัลและช่วยชี้เป้าให้เอมิเลียได้สำเร็จ

ออตโต้กำชับไว้ด้วยว่าเอมิเลียไม่ควรสนทนากับอัลอย่างเด็ดขาด ถึงจะอยากฟังเหตุผลของทางนั้น เธอก็ควรรอหลังจากที่เล่นงานอัลจนหมดสภาพแล้ว

ทว่า ทันทีที่กำปั้นของเธอปะทะเข้ากับลิ้นปี่ของอัล เอมิเลียกลับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างช่วยลดทอนแรงกระแทกเอาไว้

อัล: ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยนะ …กรอด!

สาเหตุที่การจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวของเอมิเลียล้มเหลวเป็นเพราะว่าช่วงลำตัวของอัลมีเกราะหินสวมป้องกันความเสียหายเอาไว้

อัลพยายามจะชวนคุย แต่เอมิเลียหักห้ามใจไว้แล้วเหวี่ยงค้อนน้ำแข็งใส่เขาต่อทันที เธอเล็งโจมตีทางฝั่งซ้ายที่อัลไม่มีแขน แถมแขนขวาของอัลก็ยังต้องแบกรอยเอาไว้

อัล: ชิ!

อัลสร้างแขนซ้ายเทียมที่ทำจากหินขึ้นมาด้วยเวทมนตร์แล้วใช้มันรับค้อนน้ำแข็ง แต่เขาสลัดแขนเทียมทิ้งทันทีราวกับรู้ล่วงหน้าว่ามันจะถูกเยือกแข็ง

เนื่องจากออตโต้แนะนำให้จับเป็นอัล เอมิเลียจึงปรับแต่งคุณสมบัติของไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติแช่แข็งให้อาวุธแต่ละชิ้น แลกกันกับการเปลืองมานามากขึ้น

เมื่ออาวุธเยือกแข็งสัมผัสโดนร่างกายอีกฝ่าย มันก็จะทำการผนึกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ไปพร้อมกันด้วย นี่คือศิลปะการต่อสู้ใหม่ของเอมิเลีย

. รอย: วะฮะฮ่า! คุณลุงกำลังเสียเปรียบอยู่นี่หว่า?

อัล: หุบปากไป!

บิชอปมหาบาปรอย อัลฟาร์ดหยอกล้ออัลจากบนไหล่ของเขา การที่อัลช่วยเจ้าเด็กเวรออกมาจากคุกทำให้เอมิเลียยิ่งผิดหวังเนื่องจากยุลิอุสพยายามแทบตายกว่าจะจับเป็นเขาไว้ได้

เอมิเลียตั่งปณิธานว่าจะหยุดทั้งอัลและรอยไว้ให้ได้ แต่อัลที่ไม่คิดจะเล่นด้วยร่ายมนตร์เสกเนินดินจุดที่เขายืนอยู่ให้เสยขึ้นไปกลางอากาศ

เป้าหมายของฝั่งอัลชัดเจน เขาคิดจะหนีโดยที่ไม่อยากเสียเวลาต่อสู้กับเอมิเลีย ดาบคู่น้ำแข็งในมือเธอเองก็ไปไม่ถึงตัวเขาแล้ว เพราะงั้น…

เอมิเลีย: ――ไอซิเคิลไลน์

ทันใดนั้นเองกำแพงน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นมาล้อมรอบหอคอยเรือนจำเอาไว้ ปิดกั้นทางหนีจนหมดสิ้น

อัลที่ตั้งตัวไม่ทันหัวโหม่งเข้ากับกำแพงน้ำแข็งจนหงายหลังร่วงลงมา เอมิเลียจึงรุดหน้าไปดักรอตรงจุดตก แล้วเหวี่ยงดาบคู่น้ำแข็งใส่อัลกลางอากาศ

แต่แล้วดาบน้ำแข็งก็กระดอนกลับ ดวงตาของเอมิเลียเบิกกว้างเนื่องจากว่าอัลมิได้แค่สร้างแขนซ้ายเทียมขึ้นมาใหม่ เขาถือดาบคู่ที่ทำจากหินไว้ในสองมือด้วย

อัล: “เอิร์ธ แบรนด์ อาร์ตส์(アースブランド・アーツ)” อะไรทำนองนั้น

เอมิเลีย: …ขี้ขโมย!

อัล: นัตสึกิ สุบารุเป็นคนคิดค้นไอ้นั่นขึ้นมาใช่ไหมล่ะ? ถ้างั้น ชั้นก็มีสิทธิ์ใช้เหมือนกัน จริงไหม

. หลังแลกดาบกัน อัลก็ถอยหลังไปตั้งหลัก จากนั้นเขาก็สร้างอาวุธหินขึ้นมารอบตัวมากมาย ชัดเจนว่าอัลกำลังเลียนแบบไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์ของเอมิเลียด้วยเวทมนตร์ปฐพี

เอมิเลียสังเกตเห็นว่ารอยไม่ได้เกาะไหล่ของอัลอยู่แล้ว เนื่องจากเสาดินที่นูนขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ยึดร่างของรอยไว้กับกำแพงแบบกลับหัวกลับหาง

รอย: สู้เขานะ คุณพี่สาว ถ้าเกิดคุณพี่สาวไม่ชนะ พวกเรามีหวังต้องทำตามที่คุณลุงสั่งแหงเลย ชะอ้าว? แต่ว่า ขืนคุณพี่สาวชนะ พวกเราก็คงได้กลับเข้าหอคอยเรือนจำพอดีน่ะสิ …ฮ่าฮ่า แบบนี้ถึงใครจะชนะก็ไม่มีความหมายเลยนี่หว่า

อัลพยายามชวนคุยอีกครั้ง แต่เอมิเลียดึงสติตัวเองไว้ทันและยิงลิ่มน้ำแข็งสวนใส่ทันที พออัลกระโจนตัวหลบลิ่ม เอมิเลียก็พุ่งเข้าไปแทงซ้ำด้วยหอกน้ำแข็ง

อัลใช้ดาบหินฟันปัดหอกน้ำแข็ง อาวุธของทั้งสองฝ่ายแตกสลายพร้อมกัน เอมิเลียสร้างเรเปียร์น้ำแข็งขึ้นมาต่อทันที อัลจึงต้องรีบงัดดาบหินเล่มต่อไปมาใช้

ระหว่างที่อาวุธสองธาตุเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด รอยที่ห้อยหัวต่องแต่งอยู่ก็ชมการต่อสู้ระหว่างอัลกับเอมิเลียอย่างบันเทิงเริงใจ

ไม่ว่าเอมิเลียจะกระหน่ำจู่โจมอย่างแม่นยำแค่ไหน อัลก็มักจะหลบได้แบบหวุดหวิดอยู่ทุกครั้งไป มันก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

เกือบจะโจมตีโดน มั่นใจว่าโดนแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่โดน มันเป็นความรู้สึกคล้ายกับการเตะใส่มวลน้ำที่ไร้รูปลักษณ์

. อัล: ――ถึงไม่อยากจะอวยสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่เป็นวิชาที่ดีเลยนี่นา ต่างฝ่ายต่างรักกันนี่มันน่าอิจฉาจริงนะ คุณหนู

ประโยคล้อเลียนนั้นทำให้เอมิเลียเดือดดาลขึ้นมาโดยทันที

เอมิเลียมิได้โกรธที่อัลล้อเลียนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสุบารุ แต่เธอขุ่นเคืองเพราะอัลพูดออกมาแบบไร้ซึ่งความจริงใจ ทำไปเพื่อยั่วโมโหเธอเพียงเท่านั้น

เอมิเลีย: ที่จริงก็สงสัยมาสักพักแล้ว เวลาที่อัลคุยกับฉัน ทำไมถึงได้รู้สึกเดียวดายแบบนั้นตลอดล่ะ?

อัล: ――ไหนว่าจะไม่คุยกับชั้น…

เอมิเลีย: อย่ามาอ้างเรื่องนั้นแค่ตอนที่เข้าทางตัวเองสิ! แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง!

เอมิเลียตะโกนพลางหวดดาบน้ำแข็งเล่มยักษ์เข้าใส่อีกฝ่าย อัลจึงต้องชูดาบหินของเขาเองขึ้นมาตั้งรับ

ตอนนั้นเองที่อัลรู้สึกว่าส่วนเอวกับขาถูกอะไรบางอย่างยึดเอาไว้ มันคือทหารน้ำแข็งหน้าตาเหมือนสุบารุที่เอมิเลียสร้างขึ้นมานั่นเอง

อัล: …เลวร้ายที่สุด!

เอมิเลีย: ――เวลาที่คุยกับฉันน่ะ หัดมองตากันให้มันถูกหลักบ้าง!!

คราวนี้ส้นเท้าที่เสริมแกร่งด้วยรองเท้าน้ำแข็งของเอมิเลียเจาะทะลุเกราะหินของอัลเข้าไปโดนตัวเขาเต็มๆ

. ตัดไปทางฝั่งเฟลท์ เธอสังเกตเห็นท่าทีขมวดคิ้วแปลกๆ ของยาเอะ เฟลท์จึงแอบหวังว่าใครสักคนอาจจะได้ยินการสนทนาก่อนหน้านี้ของทั้งคู่

ยาเอะ: ช่วยเงียบปากไว้ด้วย

คำสั่งอันเยือกเย็นของชิโนบิสาวทำให้เฟลท์รู้ซึ้งว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะเฉือนคอเธอทิ้งจริงหากไม่ยอมเชื่อฟัง ระหว่างนั้นยาเอะย่องเข้าไปใกล้ๆ บานประตูของห้อง

ทันใดนั้นเอง ใบดาบเล่มหนึ่งก็เจาะทะลุบานประตูเข้ามา คมดาบเล็งจ้วงใส่ลำคอของยาเอะอย่างแม่นยำ แต่มันถูกหยุดเอาไว้โดยลวดเหล็กก่อนที่จะถึงตัวหญิงสาว

ยาเอะที่พึ่งรอดตายหวุดหวิดไม่มีโอกาสให้พักหายใจ เนื่องจากดาบอีกเล่มหนึ่งผ่าบานประตูจนแหก จากนั้นชิโนบิสาวก็เปิดศึกเดือดกับผู้บุกรุกโดยทันที

ฝั่งหนึ่งใช้ดาบ อีกฝั่งใช้ลวดเหล็ก กระนั้นการแลกอาวุธของทั้งคู่ก็ก่อเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกัน ไม่ต่างอะไรจากการดวลดาบอันดุเดือด

ยาเอะกระโจนตัวถอยหลังแล้วควบคุมลวดเหล็กด้วยสองมืออย่างช่ำช่อง เธอตวัดลวดผ่าข้าวของหรูหราในห้องจนเละเทะ

แต่อีกฝั่งเองก็มีฝีดาบดาบไม่ธรรมดา เขาใช้ดาบคู่ปัดป้องลวดเหล็กแบบตรงๆ ผ่าลวดจนแหกออก จากนั้นก็อาศัยช่องโหว่ถีบเข้าใส่ช่วงเอวของยาเอะเต็มๆ

ยาเอะบิดตัวกลางอากาศตามสัญชาตญาณเพื่อลดแรงกระแทกจากลูกถีบ จากนั้นเธอก็ดีดตัวกับกำแพงเพื่อกลับมาหยุดยืนบนพื้นห้องได้สำเร็จ

. ยาเอะ: อยู่ดีๆ ก็คิกใส่หน้าท้องของเลดี้แบบนี้ ช่างเป็นท่านอาคันตุกะที่ไร้ปรานีเหลือเกินนะคะเนี่ย~

??: ――จำเป็นต้องปรานีกันด้วยรึขอรับ กับชิโนบิอย่างคุณน่ะ

ยาเอะ: นี่กำลังเหยียดชิโนบิอยู่หรือเปล่าคะเนี่ย? เรื่องพรรค์นั้นมันไม่สมกับที่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะคะ

??: เสียใจด้วยนะ นึกไม่ออกเลยว่าสมควรถูกประเมินให้เป็นสุภาพบุรุษตั้งแต่เมื่อไหร่ ท้ายที่สุดแล้ว กระผมผู้ไร้พรสวรรค์ด้านอื่นนอกเสียจากการกวัดแกว่งดาบก็เป็นได้เพียงแค่นักดาบเท่านั้น

ผู้บุกรุกตวัดลวดเหล็กออกจากดาบคู่ ดวงตาสีฟ้าของเขาจดจ้องไปยังยาเอะ แต่เฟลท์ที่มองดูการต่อสู้อยู่แอบอยากคัดค้านการประเมินค่าตัวเองผิดๆ ของชายผู้นี้

เขามิใช่แค่ “นักดาบ” ดาษดื่นทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะชายคนนี้คือผู้ที่เคยไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุดของวิชาดาบ ผู้ที่ถูกขนานนามว่า [อสูรดาบ] นั่นเอง

วิลเฮล์ม: ――วิลเฮล์ม ทริอัส หลังได้ข่าวว่าราชอาณาจักรกำลังตกอยู่ในอันตราย ก็รีบรุดหน้ามาสนับสนุนด้วยพลังน้อยนิดที่มีอยู่

กำลังเสริมที่คาดไม่ถึงทำให้เฟลท์อึ้งจนถอยไปหลบอยู่มุมห้อง เธอถอนหายใจด้วยความสับสนและพึมพำด้วยความชื่นชมปนความประหลาดใจว่า…

เฟลท์: …พี่ชายแมลงซอดด้านี่ไม่เลือกวิธีการเลยจริงๆ นะ …ที่ฝ่ายของพี่สาวเอมิเลียเขามันมีแต่พวกเพี้ยนหรือไงกัน

. จบตอน