วิลเฮล์ม: ――อ่อนหัด
นั่นคือคำประเมินของวิลเฮล์มต่อวิชาดาบที่ไม่น่าพึงพอใจ รวมถึงทักษะ ความแข็งแกร่ง และความเร็วที่พุพังไปตามวัยชราของตัวเขาเอง
กาลเวลามิได้ช่วยขัดเกลาทักษะของนักดาบให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นเหมือนอย่างกวีหรือจิตรกร วิลเฮล์มจึงหงุดหงิดเหลือเกินที่ทักษะของเขาเทียบเคียงสมัยก่อนมิได้
มันคือความหงุดหงิดที่เทียบเท่ากับสมัย [สงครามอมนุษย์] ในตอนที่วิลเฮล์มได้รู้ว่าเทเรเซียคือ [นักดาบเทวา] และตระหนักได้ว่าฝีมือของเธอห่างชั้นกับเขาคนละโลก
ในโลกของนักดาบ ทักษะ ความขี้เกียจ ความเจ็บป่วย และความชรามิอาจเป็นข้ออ้างของความอ่อนหัดได้ เช่นเดียวกับที่ [ดาบ] มิอาจเลือกผู้เป็นนาย
ไม่สิ ในโลกนี้มี [ดาบ] อยู่เล่มหนึ่งที่เลือกผู้เป็นนายได้ เจ้าของดาบเล่มนั้นคือบุคคลที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและเป็นเป้าหมายที่วิลเฮล์มอยากก้าวข้ามเหนือสิ่งอื่นใด
. หากเพิกเฉยต่อการประเมินตนเองของวิลเฮล์ม ที่จริงฝีมือดาบที่เขาใช้เอาชนะชิโนบิสาวผู้เก่งกาจได้นั้นใกล้เคียงกับสมัยยุคทองของเขา
สัจธรรมอันโหดร้ายของโลกนี้คือความพยายามใช่ว่าจะได้รับผลตอบแทนเสมอไป ชิโนบิสาวคงจะผ่านการฝึกฝนมาเลือดตาแทบกระเด็น แต่ยังพ่ายแพ้อยู่ดี
เช่นเดียวกับกรณีที่ไม่ว่านักดาบจะรักดาบและขยันฝึกฝนวิชาดาบมากแค่ไหน หากนั่นเป็นความรักข้างเดียวสุดท้ายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี
ในจังหวะสุดท้าย ที่จริงวิลเฮล์มตั้งใจปลิดชีพชิโนบิสาว แต่เธอใช้ลวดพันเป็นเกราะเพื่อปกป้องจุดสำคัญของร่างกายอย่างลำคอและหัวใจไว้ได้ทัน
วิลเฮล์มจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปฟันช่วงลำตัวที่เปิดโล่งแทน ส่งผลให้ชิโนบิสาวรอดชีวิตมาได้โดยมีลวดเส้นเดียวช่วยพยุงร่างให้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
ชิโนบิสาวยังคงส่งเสียงโอดครวญและลืมตาจ้องมาทางเขา แต่วิลเฮล์มดูออกว่าเธอสู้ต่อไม่ไหวแล้ว ประสบการณ์ใช้ดาบกว่า 50 ปีทำให้เขาประเมินความรุนแรงของบาดแผลได้แม่นยำ
ด้วยเหตุนั้นวิลเฮล์มจึงเอ่ยเตือนชิโนบิสาวมิให้ฝืนต่อต้านอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะอีกไม่นานอัลก็คงถูกจัดการ
. วิลเฮล์มได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของพริสซิลล่า บาริเอลในจักรวรรดิ รวมถึงรู้ว่าชิโนบิสาวคือหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดของอัลที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้
ความรู้สึกอับจนหมดหนทางยามที่สูญเสียบุคคลที่รักไปนั้น วิลเฮล์มเข้าใจเป็นอย่างดี กระนั้นเขาก็มิอาจปล่อยให้อัลทำลายโลกได้อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้มีพระคุณของวิลเฮล์มดันติดร่างแหจากการก่อเรื่องของอัลไปด้วย
ดังนั้น เพื่อที่จะขัดขวางแผนการของอัล วิลเฮล์มจะขจัดทุกฟันเฟืองทิ้ง ซึ่งหมายถึงผู้สมรู้ร่วมคิดของอัลทุกคน ไม่ว่าใครก็ตาม
ยาเอะ: …เลวร้ายที่สุด..เลยค่ะ ――แทนที่จะมีประโยชน์ ดันกลายเป็นตัวถ่วงซะได้
วิลเฮล์มยังคงระวังตัวแจระหว่างที่ชิโนบิสาวรำพึงออกมาด้วยความเจ็บใจ แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากข้างบน เสียงของบางสิ่งที่ล้มใส่พื้นห้อง
เฟลท์: ――อะ อ่อก
ตามมาด้วยเสียงทรมานของเฟลท์ซึ่งบีบบังคับให้วิลเฮล์มกระโจนตัวกับกำแพงหลุมต่อเนื่องแบบสลับฟันปลาเพื่อรีบกลับขึ้นไปด้านบนห้องที่เด็กสาวอยู่
ปรากฏว่าเฟลท์กำลังตีขาอยู่กลางอากาศและพยายามเอามือแกะลวดที่ดึงร่างของเธอให้ลอยขึ้นมา นี่มิใช่ฝีมือของชิโนบิโดยตรงแต่เป็นกลไกที่ตั้งเวลาไว้ล่วงหน้า
. ลวดเหล็กที่คอของเฟลท์ถูกผูกไว้กับส่วนหนึ่งของกำแพงห้องซึ่งถูกเฉือนทิ้งไว้ เมื่อเวลาผ่านไปกำแพงส่วนนั้นก็หลุดออกมา ส่งผลให้เฟลท์ถูกกระชากตัวลอย
มันคือกับดักอัตโนมัติที่น่าจะตั้งไว้เพื่อปั่นป่วนสมาธิของวิลเฮล์มและสร้างช่องโหว่ให้ชิโนบิสาวโจมตีหรือไม่ก็หลบหนี แต่การต่อสู้ดันจบไปเสียก่อน
วิลเฮล์ม: ต้องรีบ――
【ยาเอะ: แทนที่จะมีประโยชน์ ดันกลายเป็นตัวถ่วงซะได้】
ดาบของวิลเฮล์มตัดลวดที่ไม่มีแรงดึงของผู้ใช้อาคมได้ไม่ยากอยู่แล้ว แต่เขาตีความผิดไปเล็กน้อย สิ่งที่ชิโนบิสาวรำพึงถึงด้วยความเสียใจคือ [หลักประกัน] ที่ตามมา มิใช่ความพ่ายแพ้
เฟลท์: ――นี…ไป
ก่อนที่คมดาบจะตัดเส้นลวด เฟลท์ได้พยายามสื่อสารอะไรบางอย่างด้วยความตื่นตระหนก ซึ่งประโยคนั้นมิใช่ [ช่วยด้วย] หากแต่เป็น [หนีไป]
ทันใดนั้นเอง กรงเล็บขนาดใหญ่ยักษ์ของ [มังกร] ก็พังทลายกำแพงของคฤหาสน์ตระกูลบาริเอลเข้ามากระซวกใส่วิลเฮล์ม
. หลังประกาศจุดมุ่งหมายสุดบ้าบอในการช่วยเหลือบิชอปมหาบาป [ตะกละ] ออกมาจากหอคอยเรือนจำ อัลเดบารันก็ลักลอบเข้าไปในนครหลวง
กระทั่งยาเอะที่ติดตามช่วยเหลืออัลเดบารันด้วยความยึดติดแสนบิดเบี้ยวยังไม่รู้รายละเอียดของแผนนี้
เท่าที่ไฮน์เคลทราบ ยาเอะมิได้ทั้งรักหรือเกลียดอัล ความรู้สึกของเธอมันอธิบายยากกว่านั้น แต่ตัวไฮน์เคลก็ว่าอะไรยาเอะมากมิได้
เนื่องจากตัวเขาเองก็ถูกผลักดันด้วยความยึดติดแสนบิดเบี้ยวที่อยากจะช่วยเหลือภรรยาผู้หลับใหลจนถึงขั้นยอมกลายเป็นคนทรยศประเทศชาติ
ความรู้สึกชิงชังและเหยียดหยามตัวเองก่อให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงขึ้นมา ปกติไฮน์เคลจะดื่มสุราเพื่อช่วยให้ลืมอาการเจ็บไปชั่วคราว
ในปัจจุบันเขาไม่เหลือสุราไว้ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว แต่ว่าความปรารถนาสูงสุดที่ไฮน์เคลไล่ตามมากว่า 20 ปีจนดวงจิตแตกร้าวอาจจะใกล้กลายเป็นจริงแล้ว
ไฮน์เคล: ――ลูอันน่า
เขาหวนนึกถึงใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของภรรยา เธอมิได้แก่ขึ้นเลยนับตั้งแต่ที่จมลงสู่ห้วงนิทรา
ขอเพียงแค่ลูอันน่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับมาพูดคุยได้ กลับมาใช้ชีวิตอย่างร่าเริงอยู่นิ่งมิได้เหมือนแต่ก่อน ชีวิตนี้ไฮน์เคลก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
. ไฮน์เคล: ชั้นน่ะ…
มังกรเทพอัล: ――เอ่อ~ เตี่ย อารมณ์ดิ่งอีกแล้วงั้นเรอะ? สัมผัสบรรยากาศแบบนั้นได้เลยนะเฟ้ย?
เจ้ามังกรเอ่ยทักขึ้นทั้งที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของเขา ปัจจุบันไฮน์เคลกำลังขึ่หลังของ [มังกรเทพ] ที่บินอยู่บนระดับความสูงเหนือเมฆ
ตอนที่เขาเสาะหาหนทางช่วยเหลือลูอันน่า แอสเทรอา ไฮน์เคลได้ลองมาแล้วทุกวิถีทาง ทั้งเวทมนตร์ ไสยเวท [มีทิเออร์] เครื่องมือเวทประดิษฐ์ ไม่มีอะไรเลยที่ใช้ได้ผล
ไฮน์เคลจึงฝากความหวังสุดท้ายไว้กับ [โลหิตมังกร] เพราะงั้นการขี่หลัง [มังกรเทพ] เลยทำให้เขาต้องอดกลั้นใจมิให้ชักดาบมาแทงหัวใจของมัน
อย่างไรก็ตาม เจ้ามังกรมีหลักประกันความปลอดภัยเป็นระดับความสูงที่บินอยู่ หากไฮน์เคลแทงหัวใจของมันตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางรอดชีวิตไปได้
ไฮน์เคลเหน็บแนมว่าถ้าเกิดเขาเป็นพวกสติเพี้ยนที่ทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังขึ้นมาจะทำยังไง แต่ [มังกรเทพ] ตอบอย่างมั่นใจว่าไฮน์เคลเป็นคน “มีเหตุผล” ที่หักห้ามใจตัวเองได้
คำประเมินนั้นทำให้ไฮน์เคลอ้ำอึ้งไป เนื่องจากเขาไม่คิดว่าตนเองเป็นคนมีเหตุผลเลยสักนิด ไฮน์เคลเป็นเพียงแค่ชายเห็นแก่ตัวที่ทรยศประเทศชาติ
. ไฮน์เคลไม่แน่ใจว่าพริสซิลล่าเห็นคุณค่าอะไรในตัวเขาไหม ตัวเขาเองก็ไม่เคยสาบานตนว่าจะภักดีต่อพริสซิลล่าเช่นกัน
กระนั้นไฮน์เคลก็มิเคยกังขาเลยว่าพริสซิลล่ามีคุณสมบัติเหมาะสมในการขึ้นเป็นราชินีของราชอาณาจักรลูกุนิก้า เธอทั้งมากฝีมือ มองการณ์ไกล และงดงาม
เพราะงั้นการสูญเสียพริสซิลล่าจึงมิได้แค่ทำให้ไฮน์เคลชวด [โลหิตมังกร] แต่ยังทำให้เขาอดเห็นลูกุนิก้าที่ปกครองโดยพริสซิลล่าอีกด้วย
ไฮน์เคลที่สิ้นหวังในตอนนั้นถึงได้คว้าโอกาสที่อัลเดบารันยื่นเข้ามาให้ ต่อให้มันจะต้องแลกมากับการกลายเป็นศัตรูของโลกก็ตาม
ที่จริงแล้วไฮน์เคลปรารถนาให้ทุกคนเกลียดชังเขา กระนั้นไฮน์เคลก็มิได้โง่เง่าถึงขั้นที่จะไม่รู้ตัวว่ามีบุคคลที่รักตัวเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะทรยศต่อความรักที่ได้รับมาก็ตาม
. [มังกรเทพ] จอมปากมากชวนคุยไม่หยุดถึงแม้ว่าเขาจะเตือนให้เลิกคุยไปทีแล้ว สุดท้ายไฮน์เคลเลยยอมตกลงเผื่อว่าการคุยเรื่อยเปื่อยจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลงบ้าง
ไฮน์เคล: ถ้างั้น ท่าน [มังกรเทพ] ผู้ทรงเกียรติมีอะไรที่อยากถามชั้นงั้นเหรอ?
มังกรเทพอัล: อา ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก เตี่ยน่ะโคตรจะถึกทนเลยใช่ไหมล่ะ? ก็เลยสงสัยว่ารู้ตัวไหมว่าทำไมตัวเองถึงได้ถึกทนขนาดนั้น
ไฮน์เคล: …
มังกรเทพอัล: อ้าว? นี่ชั้นเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูรึเปล่า?
เขาทำเป็นเมินเฉยต่อ [มังกรเทพ] และกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง เนื่องจากไฮน์เคลตระหนักถึงสาเหตุความผิดปกติของร่างกายตนเองเป็นอย่างดี
ไฮน์เคลเคยก่อบาปกรรมไว้มากมาย ทว่า ความผิดปกติของร่างกายนี้คือบทลงโทษหรือ “ทัณฑ์สวรรค์” สำหรับบาปกรรมอันเลวร้ายที่สุดที่เขาเคยก่อ
มันเกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนที่เทเรเซีย วาน แอสเทรอาถูกส่งไปปราบวาฬขาว แต่ [พรคุ้มครองนักดาบเทวา] ดันถ่ายโอนผู้ถือครองจนเธอถึงแก่ความตาย
อีกทั้งยังเป็นวันเดียวกับที่เจ้าหญิงบุตรีของฟอร์ด ลูกุนิก้าผู้เป็นพระอนุชาของกษัตริย์ได้ถูกลักพาตัวไป
ในคืนวันเดียวกันนั้น ไฮน์เคลได้ก่อการทรยศที่มิอาจให้อภัยได้ แถมเขายังพลาดพลั้งครั้งใหญ่หลวงจนการทรยศเมื่อคราวนั้นไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง
. สิ่งที่ไฮน์เคลแบกรับอยู่มีจำนวนน้อยนิดพอจะนับด้วยมือข้างเดียวได้ แต่เพียงแค่ไม่กี่เรื่องนั้นก็บดขยี้ตัวเขาจนแทบจะฝืนไปต่อไม่ไหวแล้ว
ในเมื่อไฮน์เคลไม่อยากเล่า มังกรเทพอัลก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ว่าเจ้ามังกรมีบรรยากาศเปลี่ยนไป
มังกรเทพอัล: ――เกาะให้แน่นนะ เตี่ย!
ไฮน์เคล: เหวอ!?
ทันใดนั้นเอง [มังกรเทพ] ก็ตัดสินใจบินโฉบลงจากเหนือเมฆลงไปสู่นครหลวงลูกุนิก้าเบื้องล่าง ซึ่งเท่ากับการเปิดเผยตัวให้สาธารณชนพบเห็นได้
เจ้ามังกรบินไปถึงที่หมายก่อนที่ไฮน์เคลจะทันได้เงยหน้ามอง จากนั้นมันก็ตวัดกรงเล็บเพื่อหมายบดขยี้สิ่งก่อสร้างหลังหนึ่งโดยทันที
มังกรเทพอัล: ――พูดเป็นเล่นน่า!
ทว่า [มังกรเทพ] กลับเป็นฝ่ายที่ต้องฉงน เนื่องจากกรงเล็บที่ทั้งคมและแกร่งกว่าดาบแทบทุกเล่มในโลกนี้ถูกปัดป้องไว้ได้สำเร็จ
ไฮน์เคล: ――ท่านพ่อ
บุคคลที่ใช้ดาบคู่สะท้อนกรงเล็บของมังกรยืนอยู่ภายในอาคารที่พังทลายไปครึ่งหนึ่ง เขาคือ [อสูรดาบ] วิลเฮล์ม วาน แอสเทรอา
. วิลเฮล์ม: ――ขอบพระคุณ
วิลเฮล์มกล่าวคำขอบคุณต่อเฟลท์ผู้ช่วยเตือนถึงภัยอันตราย เขาจึงสามารถตั้งรับกรงเล็บของมังกรได้ทัน แลกมากับความชาของแขนซ้าย
มังกรเทพอัล: ไม่ใช่แล้ว ต่อให้จะไหวตัวทันก็ใช่ว่าจะหยุดอะไรแบบนั้นได้นะเฟ้ย ตามปกติน่ะ!
มีเสียงโวยวายดังมาจากสิ่งมีชีวิตลึกลับร่างใหญ่โตผู้ที่ทั้งน่าขนลุกและสง่างาม มันคือ [มังกรเทพ] วอลคานิก้าซึ่งปกติปวงชนจะคุกเข่าทันทีเมื่อพบเห็น
ผลจากการจู่โจมของเจ้ามังกรทำให้เฟลท์หลุดจากพันธนาการ นี่คือเป้าหมายของชิโนบิสาวตั้งแต่แรก กับดักของเธอมีไว้เพื่อเรียก [มังกรเทพ] มาช่วยเฟลท์
นี่ถือเป็นการตัดสินใจที่ลำบากใจและผิดแผน เนื่องจากการมาช่วยเฟลท์เท่ากับว่า [มังกรเทพ] ไม่สามารถไปช่วยสนับสนุนฝั่งอัลได้
วิลเฮล์มทักขึ้นว่าวิธีพูดของ [มังกรเทพ] ต่างไปจากเมื่อ 40 ปีก่อนราวกับว่าเป็นมังกรคนละตัว แต่ฝั่งมังกรเทพอัลก็บ่ายเบี่ยงประเด็นไม่ยอมเผยความลับ
. วิลเฮล์ม: ไม่กล้ากระทั่งโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเลยรึไง ไฮน์เคล
ไฮน์เคล: ――เฮือก
วิลเฮล์มหันเหความสนใจจาก [มังกรเทพ] ไปยังอีกบุคคลหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังเจ้ามังกรซึ่งมัวแต่ก้มหน้าก้มตาและไม่ยอมปริปากสักคำ
เขารู้อยู่แล้วว่าไฮน์เคลร่วมมือกับอัลในการทรยศราชอาณาจักร ที่จริงการมีส่วนร่วมของไฮน์เคลคือแรงจูงใจที่ผลักดันให้วิลเฮล์มหยิบดาบขึ้นมาสู้ด้วยซ้ำ
วิลเฮล์มตำหนิลูกชายว่าการสมรู้ร่วมคิดกับอัลเพื่อแลกกับ [โลหิตมังกร] ที่จะใช้รักษาลูอันน่านั้นถือเป็นเรื่องที่สิ้นคิดมาก
เนื่องจากไม่มีอะไรการันตีได้ว่าผู้ที่หลอกลวงได้กระทั่งบุคคลที่ห่วงใยตนเองจะยอมรักษาคำพูด อัลหักหลังมาแล้วกระทั่งสิ่งที่พริสซิลล่าเหลือเอาไว้ให้
มังกรเทพอัล: แหม ก็นะ พอเข้าใจได้แหละว่าทำไมถึงกังขากัน? แต่ว่า แบบนั้นมันออกจะกล่าวหาข้างเดียว――
วิลเฮล์ม: มังกรผู้สูงศักดิ์วอลคานิก้าเอ๋ย แกอย่าพึ่งมาสอดตอนนี้
พอเจ้ามังกรยอมเงียบปากไปแบบหงอยๆ วิลเฮล์มก็กล่าวตำหนิบุคคลที่ซ่อนอยู่บนหลังของมันต่อ
วิลเฮล์ม: เป็นอะไรไป ไม่มีอะไรจะเถียงงั้นเหรอ แสดงว่าเดาถูกเผงเลยสินะ หรือว่าไม่ได้ไตร่ตรองอะไรด้วยซ้ำ? นั่นสินะ แต่ไหนแต่ไร พอเจอสิ่งที่ไม่ชอบแกก็เบือนหน้า อุดหู และวิ่งหนี เพราะงั้นกระทั่งในตอนนี้ อะไรที่ไม่เข้าทางก็ยังคงไม่กล้ามอง
ไฮน์เคล: ――กรอด หนวกหู หนวกหู หนวกหู!
วิลเฮล์ม: …
ไฮน์เคล: …พูดอะไรตามใจ …กรอด เอาแต่พูดอะไรตามใจชอบอยู่ได้! ไม่ว่าชั้นจะทำอะไรเพื่อลูอันน่า พ่อก็ไม่มีสิทธิ์มาตำหนิอะไรทั้งนั้นว้อย!!
. พอไฮน์เคลยอมเสนอหน้าออกมาตะโกนโวยวาย วิลเฮล์มก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกทั้งเหนื่อยหน่าย ผิดหวัง และโล่งใจที่ลูกชายยังมีใจฮึดสู้พอที่จะลุกมาเถียง
แต่พอวิลเฮล์มถามจี้ย้ำไปว่าจะเชื่อใจอัลได้จริงเหรอ ไฮน์เคลก็เปลี่ยนท่าทีจากฉุนเฉียวเป็นอ้ำอึ้งอีกครั้ง ลูกชายของเขาเป็นแบบนี้มาโดยตลอด
อาการอ้ำอึ้งยามที่เถียงไม่ออกของไฮน์เคลมีมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสาบานตนเป็นอัศวินและได้รับสืบทอด [แอสเทรอา] ดาบเล่มโปรดของวิลเฮล์มแล้วด้วยซ้ำ
เฟลท์อาสาให้คำตอบแทนเจ้าตัวว่าเป้าหมายของไฮน์เคลคือ [โลหิตมังกร] และการปลุกภรรยาให้ตื่นจริงๆ วิลเฮล์มจึงกล่าวขอบคุณเธอ
ในมุมมองของวิลเฮล์ม เฟลท์เองก็ถือเป็นผู้มีคุณสมบัติครองบัลลังก์เช่นเดียวกับครูช สมกับที่ศิลาจารึกมังกรเลือกสรรมา กระนั้น [มังกรเทพ] ตัวต้นเรื่องกลับ…
วิลเฮล์ม: คงมีหลายสายตาที่ได้เห็นการโฉบลงมายังเบื้องล่างเพื่อตวัดกรงเล็บอันไร้ปรานีไปแล้ว รากฐานของราชอาณาจักรมิตรมังกรกำลังสั่นคลอน ได้ตระหนักเรื่องนั้นบ้างไหม?
มังกรเทพอัล: อา ก็รู้สึกแย่อยู่หรอก จากใจจริงเลย แต่ก็นะ ต่อให้ราชอาณาจักรมิตรมังกรต้องย้อนกลับไปเป็นราชอาณาจักรราชสีห์ มันก็ยังดีกว่าการที่โลกทั้งใบถูกทำลาย
วิลเฮล์ม: การทรยศของคุณมันก็เป็นเรื่องใหญ่พอที่จะเข้าข่ายการทำลายล้างโลกอยู่แล้วนะ
อย่างน้อยผลกระทบก็น่าจะครอบคลุมไปทั่วราชอาณาจักรลูกุนิก้า เมื่อรากฐานที่เปราะบางของประเทศนี้พังทลายลง ประเทศอื่นอาจจะติดร่างแหตามไปด้วย
ดูเหมือนว่าวอลคานิก้าจะมองการกระทำของตนเป็นการช่วยโลก แต่ต่อให้มังกรเทพจะมีจุดประสงค์ยิ่งใหญ่เกินความเข้าใจของเขา ก็ใช่ว่าจะสมควรยอมปล่อยผ่าน
วิลเฮล์มมองว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่จะให้คนไม่กี่คนเป็นผู้ตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนึ่งในนั้นคือลูกชายผู้โง่เขลาของเขาซึ่งมองเห็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า
. วิลเฮล์มเสนอให้ [มังกรเทพ] ช่วยเหลือผู้คนที่กำลังทุกข์ทรมานเพื่อที่ทุกคนจะได้ร่วมแรงกันช่วยปกป้องโลกนี้จากการถูกทำลาย
แต่วอลคานิก้าก็ปฏิเสธ วิลเฮล์มจึงไม่เหลือทางเลือกอื่น นอกเสียจากการนับเจ้ามังกรเป็นศัตรูผู้ถูกปั่นหัวโดยคำพูดสวยหรูของอัล
ว่าแล้ววิลเฮล์มจึงตั้งดาบคู่ในท่าพร้อมต่อสู้ แขนซ้ายของเขายังคงชาไม่หายจากการปัดป้องกรงเล็บรอบแรก แถมดาบก็คงทนการปัดป้องแบบเดิมได้สักสามครั้ง
ฝั่งมังกรเทพเตือนให้เฟลท์รอไปก่อนและห้ามขยับไปไหน เธอจะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย อีกไม่นานชาวเมืองน่าจะตามมามุง ฝ่ายนั้นจึงน่าจะอยากจบศึกอย่างรวดเร็ว
มังกรเทพอัล: ถึงจะเสื่อมถอยลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นมังกรในตำนานอยู่นะเฟ้ย? แทนที่จะต่อสู้มาหาทางเลือกอื่นกันดีกว่าไหม?
วิลเฮล์ม: เสียใจด้วย ทางนี้มองว่าสิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่การก้าวข้ามตำนานอีกคราเท่านั้นเอง ขออภัยที่ใช้ประโยชน์ตามใจชอบ รบกวนขอความร่วมมือด้วย
. ไฮน์เคล: พ่อ ไม่จริงน่า…
ที่ไฮน์เคลกล่าวเช่นนั้นเนื่องจากว่าวิลเฮล์มหลับตาทั้งสองข้างลงต่อหน้าคู่ต่อสู้ระดับวอลคานิก้า มันคือการกระทำที่บ้าบิ่นราวกับเชื่อใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเปรียบช่องโหว่นั้น
วิลเฮล์มนึกย้อนไปถึงความเสียใจในอดีตเมื่อครั้งที่พิธีศพของเหล่าผู้สิ้นชีพจากการปราบปรามวาฬขาวถูกจัดขึ้น โดยมีหลุมศพที่ว่างเปล่าถูกตั้งไว้เรียงราย
องค์กษัตริย์ได้กล่าวชมเชยให้เกียรติผู้ล่วงลับ แต่ลูกชายของเขาไม่ยอมมาร่วมพิธี แถมวิลเฮล์มผู้อ่อนแอและเศร้าโศกก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร
ในตอนนั้นเอง――
【ไรน์ฮาร์ด: ――ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านปู่ ในตอนที่ท่านเสีย ท่านย่าไม่ได้เป็น [นักดาบเทวา] แล้ว เพราะงั้น [นักดาบเทวา] ยังไม่ได้พ่ายแพ้หรอกนะครับ】
【ไรน์ฮาร์ด: ก็เพราะว่า [นักดาบเทวา] จะไม่มีวันพ่ายแพ้ยังไงล่ะครับ ท่านพ่อบอกเอาไว้แบบนั้นครับ】
【ไรน์ฮาร์ด: เพราะงั้น ไม่จำเป็นต้องเศร้าไปหรอก ตระกูลแอสเทรอายังอยู่ดีครับ ท่านปู่】
วิลเฮล์ม: ――ก็แค่คำพูดของเด็กน้อยเท่านั้นแหละ
ใช่แล้ว มันเป็นเพียงแค่คำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อยผู้ได้รับสืบทอดสิทธิ์การถือครอง [ดาบมังกร] และพรคุ้มครองที่มาด้วยกัน
วิลเฮล์มลืมตากลับมาจดจ้อง [มังกรเทพ] ผู้เป็นตำนานที่เคยกอบกู้ราชอาณาจักรเอาไว้
แต่ต่อให้ศัตรูของเขาจะเป็นผู้ที่หมายปกป้องโลกและราชอาณาจักร วิลเฮล์มก็ยังมีบทบาทสำคัญที่เขาต้องสานต่อให้ลุล่วงด้วย “ดาบ” ให้จงได้อยู่ดี
วิลเฮล์มไม่รู้วิธีการเปลี่ยน [นักดาบเทวา] กลับเป็นมนุษย์ แถมเขาทำอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากกวัดแกว่งดาบ
ดังนั้น เพื่อที่จะท้าทายมังกร วิลเฮล์มจะขัดเกลาวิชาดาบของตนให้เหนือขั้นยิ่งขึ้นไปอีก เขาจะก้าวข้ามตำนานที่อยู่เบื้องหน้าและเขียนตำนานบทใหม่ขึ้นมา
วิลเฮล์ม: ――[อสูรดาบ] วิลเฮล์ม ทริอัส
มังกรเทพอัล: ――[มังกรเทพ] วอลคานิก้า
หลังสิ้นการประกาศชื่อ ในวินาทีต่อมาคมดาบและกรงเล็บของมังกรก็เข้าปะทะกันด้วยความเร็วเหนือเสียง
. จบตอน