ศึกระหว่าง [อสูรดาบ] ผู้ร่ายรำและ [มังกรเทพ] ผู้ก่อวายุคลั่งนั้น ราวกับว่าเป็นฉากหนึ่งที่หลุดมาจากการต่อสู้ในตำนาน
เดิมทีมังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดมาเหนือทุกสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ [มังกรเทพ] เป็นตัวตนที่โดดเด่นกระทั่งในหมู่นั้น เนื่องจากทั้งกรงเล็บ เขี้ยว และเกล็ดของมันเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ
ทุกครั้งที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นถูกใช้งาน สายลมจะกรีดร้อง ท้องฟ้าจะบิดเบี้ยว และโลกจะร้อนระอุขึ้น การจู่โจมแต่ละครั้งสามารถจบศึกได้เลยหากอีกฝ่ายโดนเข้าไปเต็มๆ
ฝั่ง [อสูรดาบ] มีข้อได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือตัวตนของเด็กสาวที่มีคุณลักษณะแบบเดียวกับ [ราชาราชสีห์] ซึ่ง [มังกรเทพ] อยากปกป้องให้พ้นอันตราย
หาก [อสูรดาบ] ต่อสู้โดยวางตำแหน่งให้เด็กสาวอยู่ด้านหลังเขาเสมอ [มังกรเทพ] ก็จะไม่สามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างอย่างเต็มที่ได้ มิเช่นนั้นเด็กสาวจะโดนลูกหลงไปด้วย
แต่ชัยชนะจากการทำเช่นนั้นจะไปมีความหมายอะไร การชิงความได้เปรียบจากอารมณ์ความรู้สึกของคู่ต่อสู้มันไม่สง่างามและเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี
เพราะงั้น [อสูรดาบ] จึงขยับออกจากพิสัยที่เด็กสาวยืนชมการต่อสู้อยู่และเลือกย่างก้าวเข้าใกล้พื้นที่แห่งความตายด้วยตนเอง
. [อสูรดาบ] มุ่งหมายที่จะขัดเกลาทักษะของร่างที่แก่ตัวและอ่อนแอลงให้กลับมาเป็นดุจเหล็กกล้าเหมือนครั้งอดีต เพราะงั้นชัยชนะที่ช่วงชิงมาย่อมไร้ค่า
นับแต่นี้เป็นต้นไป [อสูรดาบ] จะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยวิชาดาบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นี่คือเส้นทางที่ห้ามใช้ทางลัด เขาต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อขัดเกลาดวงจิต
ภายในสถานที่ต่อสู้ซึ่งคับแคบเกินกว่าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะกวัดแกว่งอาวุธได้เต็มที่ ส้นเท้าของ [อสูรดาบ] ออกแรงดีดตัวจนพื้นระเบิด
เขาพุ่งเข้าประชิด [มังกรเทพ] ด้วยความเร็วเหนือกว่าสายลมและเสียง จากนั้นก็ควงดาบกระหน่ำแทงหน้าอกของมังกรจนมิติบริเวณนั้นระเบิดออก
ทว่า เกล็ดของมังกรนั้นมีความแข็งขึ้นอยู่กับปริมาณมานาที่มีอยู่ เพราะงั้นเกล็ดของ [มังกรเทพ] ผู้ทรงพลังและอยู่มานานจึงมีความแกร่งยิ่งกว่าเพชรเสียอีก
ในขณะเดียวกัน ดาบคู่ [ทริอัส] ที่เขาใช้อยู่คืออาวุธคู่ใจสองเล่มใหม่ซึ่งถูกตีขึ้นโดยช่างตีดาบสายตระกูลเดียวกับผู้ที่เคยสร้างดาบเลื่องชื่อ [แอสเทรอา] ขึ้นมา
ดังนั้น ไม่ว่าจะกระหน่ำฟัน ทิ่ม หรือแทงใส่เกล็ดที่หนาเหมือนเพชรสักเท่าไหร่ ดาบคู่ที่เป็นหนึ่งเดียวกับ [อสูรดาบ] สองเล่มนั้นก็ไม่บิ่นเลยแม้แต่น้อย
. แม้จะเป็นแค่เปลือกมกรที่ถูกควบคุม [มังกรเทพ] ก็ยังทรงพลัง นี่คงเป็นสิทธิ์พิเศษที่โอโด ลากูน่ามอบให้แก่มันเพื่อปรับเปลี่ยนโลกและความเป็นจริงตามใจอยาก
เสียงคำรามของมันแยกท้องนภาได้ กรงเล็บของมันฉีกผืนโลกให้แยกได้ และเกล็ดของมันก็สามารถสะท้อนการจู่โจมเต็มพิกัดนับร้อยรอบของ [อสูรดาบ] ได้
[มังกรเทพ] เปล่งรังสีมังกรที่ย้อมอากาศโดยรอบนครหลวงให้กลายเป็นสีของมัน จากนั้นก็ตวัดหางใส่ศัตรู แต่ [อสูรดาบ] ใช้ดาบแทงใส่หางและหลบหลีกมาได้
[อสูรดาบ] ไม่รอช้า เขาวิ่งไต่หางเพื่อเข้าประชิดและเล็งฟันใส่ลำคอของมังกร แต่ [มังกรเทพ] คำรามพลางใช้เกล็ดมังกรตรงไหล่มารับคมดาบไว้แทน
เมื่อทั้งสองฝ่ายถอยห่างเพื่อตั้งหลักเล็กน้อย [มังกรเทพ] ก็สยายปีกสร้างวายุแหลมคมที่ฉีกนครหลวงเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ตวัดปลายหางที่มีเลือดไหลใส่ศัตรู
[อสูรดาบ] หลบเลี่ยงการโจมตีไม่ทัน เขาจึงบิดร่างกายแทบทุกส่วนตามความเร็วการหมุนของหางมังกรเพื่อลดความเสียหายและแรงกระแทก
ร่างของ [อสูรดาบ] พุ่งทะลุอาคารไปสามหลังก่อนที่เขาจะปักดาบลงพื้นเพื่อตั้งหลัก แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ลำแสงสีขาวซึ่งเป็นลมหายใจของ [มังกรเทพ] ก็รุดหน้าเข้ามาใกล้
ทว่า [อสูรดาบ] ฟันผ่าลำแสงสีขาวให้ขาดแยกออกไปส่วนหนึ่ง จากนั้นก็บิดร่างเข้าไปในช่องโหว่ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อหลบการเผาไหม้ของลำแสง
. [อสูรดาบ] กระโจนขึ้นสู่เวหา [มังกรเทพ] จึงกระพือปีกและบินโฉบเข้ามาเขมือบเขาด้วยกรามขนาดมหึมาและฟันที่แหลมคมยิ่งกว่ากรงเล็บ
ความโลภที่มีต่อชัยชนะและการอยู่รอดผลักดันให้ [อสูรดาบ] ตั้งดาบคู่ในระนาบเดียวกับเขี้ยวมังกรเพื่อใช้ดาบเป็นไม้ค้ำง้างกรามของมังกรมิให้หุบลงได้
[มังกรเทพ] ตอบโต้ด้วยการเดาะลิ้นซึ่งส่งผลให้มิติรอบตัว [อสูรดาบ] ระเบิดออก แก้วหูของเขาฉีกขาดและมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากทั้งสองหู
ระหว่างที่ท่อครึ่งวงกลมของหูชั้นในยังคงสั่นสะท้าน [มังกรเทพ] ก็ตวัดลิ้นไปผลัก [อสูรดาบ] ให้หลุดออกจากปากและพุ่งดิ่งลงไปโหม่งพื้นโลก
ช่วงที่ [อสูรดาบ] ถูกกรามเขมือบ [มังกรเทพ] ได้โบยบินขึ้นฟ้าไปยังความสูงที่คนจิตอ่อนคงรู้สึกหวาดเสียว นี่คือความสูงที่มนุษย์ตกลงไปยังไงก็ไม่รอด
แต่ [มังกรเทพ] ไม่ยอมแค่นั้น มันเริ่มสะสมลมหายใจภายในปอดเพื่อเตรียมที่จะพ่นลำแสงสีขาวใส่ [อสูรดาบ] ซ้ำกลางอากาศ
ทว่า ผู้ที่เตรียมสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสนามรบได้อพยพผู้คนออกไปจากเขตขุนนางหมดแล้ว [อสูรดาบ] จึงรู้สึกขอบคุณและชื่นชมบุคคลนั้นจากใจจริง
. [มังกรเทพ] พ่นลำแสงสีขาวที่รุนแรงและร้อนระอุยิ่งกว่าเดิมออกมา ฝั่ง [อสูรดาบ] จึงพลิกตัวกลางอากาศและลงจอดบนยอดของหอคอยบอกเวลาที่เขาเคยพุ่งทะลุก่อนหน้านี้
สายตาของ [อสูรดาบ] และ [มังกรเทพ] จดจ้องกันชั่ววินาที ก่อนที่ประกายดาบสุดแสนงดงามจะปะทะเข้ากับลำแสงสีขาว เสียงแก้วแตกดังลั่นไปทั่วบริเวณ
ลมหายใจของ [มังกรเทพ] มีพลังทำลายล้างที่สามารถกลืนกินและฉีกกระชากทุกสิ่งจนถึงแก่นสาร
ทว่า คมดาบของ [อสูรดาบ] กลับเพิกเฉยต่อสิ่งนั้นและผ่าลำแสงจนแยกออกจากภายใน
――นี่คือประกายดาบบริสุทธิ์ไร้สิ่งแปดเปื้อนเจือปนที่ไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆ มันสามารถผ่าทุกสิ่งทุกอย่างให้แยกออกได้อย่างงดงาม
ลมหายใจที่ถูกผ่าแยกทำลายเขตขุนนางของนครหลวงจนราบเป็นหน้ากลอง มีเพียงหอคอยบอกเวลาที่ [อสูรดาบ] ยืนอยู่และคฤหาสน์สีชาดที่ [มังกรเทพ] ปกป้องอยู่รอดมาได้
[อสูรดาบ] ผู้แปดเปื้อนเขม่าสีขาวกระโดดลงสู่พื้นจากหอคอย จากนั้นก็จดจ้องกลับไปหา [มังกรเทพ] ผู้สยายปีกอยู่บนฟากฟ้า
รังสีดาบและรังสีมังกรที่ทั้งสองเปล่งออกมาเข้าปะทะกันอีกครั้ง ส่งผลให้ทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตทั่วทั้งนครหลวงลูกุนิก้าพากันสั่นกลัว
. 【เทเรเซีย: ชอบดอกไม้ไหม?】
ท่ามกลางโลกสีขาวที่ขุ่นมัวเพราะรังสีจากมังกร วิลเฮล์มผู้กวัดแกว่งดาบคู่หวนนึกถึงคำพูดของหญิงสาวผู้เป็นที่รักท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีเหลือง
【เทเรเซีย: เริ่มชอบดอกไม้แล้วหรือยัง?】
เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็นแต่เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้เยี่ยงคนเขลา เขาปล่อยผ่านให้เวลาดำเนินไป เพราะกลัวว่าตนอาจจะเผลอตัดความสัมพันธ์นั้นจนขาด
【เทเรเซีย: กวัดแกว่งดาบเพื่อปกป้องใครสักคน แบบนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน】
ท่ามกลางบ้านเกิดที่ลุกไหม้ เทเรเซียได้ช่วยชีวิตของวิลเฮล์มไว้ เธอผู้ไม่มีความปรารถนาจะถือดาบกลับกลายเป็นหญิงสาวผู้ได้รับความรักจากดาบ
มิหนำซ้ำวิลเฮล์มนี่แหละที่ดันไปมอบเหตุผลให้เธอยอมถือดาบ ความพิโรธที่มีต่อความอ่อนแอ ความลับ และความไร้ฝีมือของตนเองจึงก่อตัวขึ้น
วิลเฮล์มทุ่มเทเวลาและความหลงใหลที่มีต่อดาบในการขัดเกลาตัวเองเพื่อเอาชนะความพิโรธนั้น จนในที่สุดเขาก็คู่ควรที่จะประดาบกับเธอ
【เทเรเซีย: รักฉันหรือเปล่า?】
ในที่สุดวิลเฮล์มก็ช่วงชิงหญิงสาวที่รักมาจากเทพดาบผู้น่าชิงชังได้สำเร็จ เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขา ไม่สิ เขากลายเป็นของเธออาจจะถูกต้องกว่าก็ได้
[ความตาย] ของเทเรเซียคือโศกนาฏกรรมซึ่งทำให้วิลเฮล์มผู้จมอยู่ในความเศร้าโศกและความสิ้นหวังมองข้ามบางสิ่งและทำเรื่องผิดพลาดลงไป
เพื่อที่จะเปลี่ยนให้ [ความตาย] และ [ชีวิต] ของเทเรเซียไม่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม วิลเฮล์มจึงตามล้างแค้นและในที่สุดก็ทวงเอาสีสันของวันวานที่มีความสุขร่วมกับเธอกลับคืนมาได้สำเร็จ
ในเมื่อเขาทวงคืนสีสันของช่วงเวลานั้นกลับมาได้ วิลเฮล์มจึงมุ่งหวังที่จะทวงคืนสีสันของอีกช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตเขากลับคืนมาด้วยเช่นกัน
. วายุคลั่งถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมเสียงคำรามของ [มังกรเทพ] หลังวิลเฮล์มกวัดแกว่งดาบผ่าลำแสงสีขาว เขาได้เห็นภาพนิมิตของความเสียใจที่อยากตัดให้ขาดอีกครั้ง
ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุม หลุมศพที่ว่างเปล่า ผู้คนร่ำไห้และสวดภาวนา วิลเฮล์มจำไม่ได้แล้วว่าเขาพูดอะไรกับแขกในงานวันนั้นบ้าง
สิ่งเดียวที่จดจำได้คือความเสียใจอันแรงกล้าที่ตัวเขาดันปฏิเสธและตำหนิคำปลอบประโลมที่ออกมาจากความใส่ใจของเด็กน้อยผู้ยังไม่เข้าใจเหตุผลดีนัก
【ไรน์ฮาร์ด: ――ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านปู่ ในตอนที่ท่านเสีย ท่านย่าไม่ได้เป็น [นักดาบเทวา] แล้ว เพราะงั้น [นักดาบเทวา] ยังไม่ได้พ่ายแพ้หรอกนะครับ】
วิลเฮล์ม: …หยุดเถอะ
【ไรน์ฮาร์ด: ก็เพราะว่า [นักดาบเทวา] จะไม่มีวันพ่ายแพ้ยังไงล่ะครับ ท่านพ่อบอกเอาไว้แบบนั้นครับ】
วิลเฮล์ม: ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ
【ไรน์ฮาร์ด: เพราะงั้น ไม่จำเป็นต้องเศร้าไปหรอก ตระกูลแอสเทรอายังอยู่ดีครับ ท่านปู่】
วิลเฮล์ม: ช่วยอย่าพูดเรื่องพรรค์นั้นที่นี่ …และตอนนี้เถอะนะ
คำปฏิเสธอันไร้ความหมายทับซ้อนกับคำปลอบประโลมในอดีตจากเด็กน้อยผู้ไม่มีทั้งพ่อหรือแม่อยู่เคียงข้างในวันนั้น เด็กน้อยผู้ตัดสินในสิ่งที่ตนเชื่อมั่นแล้ว
【ไรน์ฮาร์ด: [นักดาบเทวา] คนต่อไปคือผมเองครับ ――ผมได้รับสืบทอดมา ก่อนที่ท่านย่าจะเสีย】
วิลเฮล์ม: ――พอได้แล้ว! อยากจะให้ฉันพูดอะไร! อย่าบีบให้ฉันต้องพูดว่าสาเหตุที่เทเรเซีย …ว่าสาเหตุที่คุณย่าของแกตายมันเป็นเพราะแกสิ!
【ไรน์ฮาร์ด: …】
วิลเฮล์ม: อย่าให้ต้องพูด…แบบนั้นเลย… ฮึก
ท่ามกลางโลกที่ไร้สีสัน ทั้งท้องฟ้า ผืนดิน และแขกคนอื่นเริ่มเจือจางหายไปจนเหลือแค่ตัวเขากับเด็กน้อย วิลเฮล์มจ่อปลายดาบไปหาตัวเขาในอดีตผู้แสนโง่เขลา
. ต่อให้ความคิดจะสื่อถึงกันได้ วิลเฮล์มก็ยังรู้สึกว่ามีคำพูดอีกมากมายเป็นหมื่นคำที่เขาอยากจะบอกให้หลานชายได้รู้
ไรน์ฮาร์ดในตอนนั้นไม่ต่างอะไรจากภาชนะที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่วิลเฮล์มดันเติมน้ำลงไปมากกว่าที่เขาจะรับได้ แถมยังกล่าวโทษและตำหนิหลานชายที่รองรับมันไม่ไหว
ทั้งใบหน้าของไรน์ฮาร์ดและสิ่งที่ตนพูดออกไปในวันนั้น วิลเฮล์มจดจำมิได้แล้ว คงเพราะเขาไม่กล้ามองหน้าหลานหลังจากที่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
【ไฮน์เคล: …ได้ยินว่าดุด่าเด็กคนนั้นที่งานศพของคุณแม่นี่ แล้วยังมีหน้าอยากเจอไรน์ฮาร์ดอีกเหรอ? คุณพ่อที่แยกแยะเรื่องผิดเรื่องถูกไม่ออกน่ะ ยังไม่มีสิทธิ์ไปขอโทษเด็กคนนั้นหรอกนะ】
【ไฮน์เคล: …เด็กคนนั้นคือลูกของผมกับลูอันน่า จะบอกว่าเขาทำให้คุณแม่ตายและช่วงชิงพรคุ้มครองไปงั้นเหรอ! เรื่องพรรค์นั้นมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน! ผมน่ะ…ผมจะหาทางพิสูจน์ให้เอง!】
【ไฮน์เคล: ไม่ใช่คุณพ่อ แต่ต้องเป็นผม ――มันคือเรื่องที่ผมต้องเป็นคนทำ】
คำพูดที่วิลเฮล์มใช้ดุด่าไรน์ฮาร์ดมิอาจถอนคืนได้ แถมมันยังแพร่กระจายไปทั่วจนถึงหูไฮน์เคล ส่งผลให้วิลเฮล์มสูญเสียโอกาสในการขอโทษและอธิบาย
การวิวาทของปู่หลานในวันนั้นกลายเป็นข่าวอื้อฉาวจนผู้คนทราบกันว่า [พรคุ้มครองนักดาบเทวา] ได้เปลี่ยนผลัดผู้ถือครองแล้ว
ไฮน์เคลไม่อนุญาตให้วิลเฮล์มได้เจอหน้าหลานชายนับแต่นั้นมา ไรน์ฮาร์ดก็หลบเลี่ยงเขาตามคำแนะนำของพ่อ สุดท้ายวิลเฮล์มจึงตีตัวออกห่างและทุ่มเทให้กับการล้างแค้น
ชายทั้งสามผู้มีความสัมพันธ์ไม่ลงรอยกันได้มาพบเจอแบบพร้อมหน้าอีกครั้งที่นครประตูน้ำ พร้อมกับเทเรเซียที่กลายเป็นทหารซากศพ ก่อให้เกิดความแตกแยกซ้ำเติมไปอีก
หากเรื่องราวจบลงแค่นั้น มันก็จะเป็นโศกนาฏกรรม
ทว่า วิลเฮล์มเคยเปลี่ยน [ความตาย] และ [ชีวิต] ของเทเรเซียมิให้จบลงด้วยโศกนาฏกรรมมาแล้ว เขาจึงเชื่อมั่นว่าตนยังสามารถใช้ดาบเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ข้างต้นได้
ไรน์ฮาร์ดเป็น [นักดาบเทวา] ตราบใดที่หลานชายยังแบกรับพันธกิจนั้นอยู่ ความรู้สึกของวิลเฮล์มก็มิอาจสื่อไปถึง และสีสันก็ไม่มีวันกลับคืนมา
ดังนั้น วิลเฮล์ม วาน แอสเทรอา ――ไม่สิ วิลเฮล์ม ทริอัสผู้เคยช่วงชิงดาบจาก [นักดาบเทวา] มาแล้วครั้งหนึ่งจึงปล่อยให้เลือดเนื้อของตนถูกขับเคลื่อนโดยประกายดาบ
. สถานการณ์ปัจจุบันคือฉากหนึ่งจากตำนานก็มิปาน ศึกระหว่าง [อสูรดาบ] และ [มังกรเทพ] กลายเป็นศึกยืดเยื้อที่ต่างฝ่ายต่างกินกันไม่ลง
มันคือศึกเหนือสามัญสำนึกระหว่างวิชาดาบที่ผ่านการขัดเกลาดุจเหล็กกล้าและพลังโดยกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
ปกติศึกระหว่างมนุษย์และมังกรเป็นอะไรที่หายากระดับร้อยปีถึงจะได้เห็นสักครั้ง แต่วิลเฮล์มกลับมีโอกาสได้ต่อสู้กับมังกรถึงสองครั้งตลอดชั่วชีวิต
ไม่รู้ว่านี่เป็นผลกรรมจากการที่เขาชอบย่างก้าวเข้าไปยังสนามรบสุดแสนอันตรายหรือตัวตนเบื้องบนผู้กำหนดโชคชะตาคอยโยนศัตรูที่คู่ควรมาให้ [อสูรดาบ] กันแน่
เดิมทีศึกนี้ [อสูรดาบ] ควรจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก เนื่องจากดาบคู่ของเขามิอาจเจาะทะลุเกล็ดของ [มังกรเทพ] ได้
ในขณะที่กรงเล็บและเขี้ยวของ [มังกรเทพ] สามารถคร่าชีวิตของเขาได้หากโดนเข้าไปแบบถากๆ ที่ผ่านมาวิลเฮล์มหลบเลี่ยงมันมาได้ก็จริง แต่ในไม่ช้า ขีดจำกัดก็จะมาถึง
แต่ใครกันเล่าจะกล้ากังขาว่า [อสูรดาบ] จะเพลี่ยงพล้ำต่อกรงเล็บของ [มังกรเทพ] ในเมื่อเขายังคงกำดาบคู่แน่นทั้งที่ร่างโชกไปด้วยเลือด เขม่า และแผลไหม้
ทั้งรังสีดาบรุนแรงและทักษะดาบที่ใกล้เคียงยุคทองตอนที่เอาชนะ [นักดาบเทวา] มาได้นั้นย่อมทำให้ผู้ที่พบเห็นตั้งความคาดหวังและมีความหวังอย่างบ้าบอขึ้นมา
ในฐานะดาบแห่งราชอาณาจักรลูกุนิก้า [นักดาบเทวา] นั้นเป็นดั่งตัวตนผู้แบกรับความหวัง
แต่ตอนที่ความหวังนั้นถูกโค่นโดย [อสูรดาบ] แทนที่ผู้คนจะสิ้นหวัง พวกเขากลับฉลองยินดีให้แก่การถือกำเนิดของความหวังใหม่
ความหวังและความคาดหวังที่เคยมีต่อ [นักดาบเทวา] ได้ย้ายไปหา [อสูรดาบ] ผู้ไล่ตามเพียงความแข็งแกร่งและหมั่นเพียรขัดเกลาทักษะดุจเหล็กกล้า
ตัวตนของ [อสูรดาบ] คือความหวังของผู้คน พวกเขาเชื่อมั่นในปลายทางที่ดาบเล่นนั้นชี้นำไป เพราะงั้นจึงไม่มีใครจินตนาการถึงความพ่ายแพ้ของเขาต่อกระทั่ง [มังกรเทพ]
. วิลเฮล์ม: …
มังกรเทพอัล: …
ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันท่ามกลางความเงียบงันของศึกยืดเยื้อที่ยังไม่มีฝ่ายใดหาทางโค่นล้มอีกฝ่ายได้ ฝั่งหนึ่งเงียบแบบใจสงบนิ่ง อีกฝั่งเงียบด้วยความฉงน
วิลเฮล์ม: อ่อก
ทันใดนั้นเองเลือดปริมาณมากก็พุ่งทะลักออกปากของ [อสูรดาบ] เนื่องจากมีดาบเล่มหนึ่งเสียบแผ่นหลังของเขาจนทะลุออกมาที่บริเวณช่องท้อง
[อสูรดาบ] รู้จักดาบเล่มนั้นเป็นอย่างดี มันคืออดีตดาบคู่ใจของเขานามว่า [แอสเทรอา] และผู้ถือครองคนปัจจุบันก็คือ…
วิลเฮล์ม: ――ไฮน์เคล
วิลเฮล์มมิอาจหันหลังกลับไปมองตัวการได้ เพราะร่างของเขาจะถูกหั่นจนขาด แต่เจตจำนงค์ของผู้ที่กุมดาบเล่มนั้นด้วยสองมือที่สั่นเทาถูกสื่อสารออกมาอย่างชัดเจน
ไฮน์เคล: …วิธีการของคุณน่ะ เอาลูอันน่ากลับมาไม่ได้หรอก
วิลเฮล์ม: …
ไฮน์เคล: ไม่ใช่คุณ… ไม่ใช่คุณพ่อ แต่ต้องเป็นผม ――มันคือเรื่องที่ผมต้องเป็นคนทำ
น้ำเสียงสะอึกสะอื้นที่อีกฝ่ายเค้นออกมาจิกแทงหัวใจของวิลเฮล์มจนเขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เนื่องจากมันทำให้เขาหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต
สมัยที่ฝึกวิชาดาบให้แก่ไฮน์เคล วิลเฮล์มมักพลั้งมือทำให้ลูกชายร้องไห้จนถูกภรรยาตำหนิ แต่ไฮน์เคลก็จะกลั้นน้ำตาไว้และร้องขอให้ฝึกฝนต่อ
พอมานึกย้อนดูแล้ว วิลเฮล์มไม่เคยมีโอกาสเอาชนะน้ำตาของลูกชายได้เลย
นี่คือฉากหนึ่งจากตำนาน การแทรกแซงของมือที่สามซึ่งกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดผลลัพธ์ของสุดยอดศึกตัดสินระหว่างมนุษย์และมังกร
. จบตอน