re zero webnovel arc9 chapter30 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 30 "แพลน B"

เอมิเลีย: ――เวลาที่คุยกับฉันน่ะ หัดมองตากันให้มันถูกหลักบ้าง!!

ลูกเตะที่เสริมอานุภาพด้วยรองเท้าบูทส์น้ำแข็งของเอมิเลียทำให้อัลเดบารันออกอาการอะเลิร์ท(ตื่นตัว)แบบเต็มพิกัด

ขาเรียวยาวของเธอจู่โจมได้ไกลน่าเหลือเชื่อ พลังทำลายก็แรงพอจะเจาะทะลุเกราะหินที่หน้าอกของเขาจนแตก แถมยังมีการเยือกแข็งส่วนที่เตะโดนทิ้งท้ายอีก

กระนั้นสิ่งที่ทำให้อัลเดบารันอะเลิร์ทที่สุดก็คือคำพูดของเอมิเลียซึ่งดูออกว่าเขาไม่กล้าสบตาและรู้สึกเดียวดายยามที่คุยกับเธอ

อัลคาดไม่ถึงว่าเอมิเลียจะมองความรู้สึกอันซับซ้อนของตนออก คงเป็นเพราะว่าเธออ่อนไหวต่อความรู้สึกมุ่งร้ายจากผู้อื่น

อัล: บทเรียนราคาแพงชัดๆ… กรอด

มนุษย์น้ำแข็งที่หน้าตาเหมือนศัตรูผู้น่าชิงชังยังคงโอบเอวเขาไว้เพื่อขัดการเคลื่อนไหว อัลเดบารันจึงใช้แขนหินที่สร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์กระชากศีรษะของมันจนขาด

ผู้สร้างเจ้าหนุ่มน้ำแข็งส่งเสียงร้องดัง “ว้าย” ในขณะที่อัลทำลายร่างกายส่วนที่เหลือทิ้ง ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เหมือน ความเปราะบางตายง่ายเองก็เป๊ะด้วย

. อัล: เอ้า รับไป!

เอมิเลีย: กรี๊ด! โธ่ โหดร้าย!

เนื่องจากศีรษะที่ถูกกระชากหลุดยังคงพยายามจะกัดเขาอยู่ อัลเดบารันจึงโยนหัวให้เอมิเลียที่ตั้งใจจะไล่ตามเขาแคทช์(รับ)ไว้เหมือนเล่นดอดจ์บอล

ระหว่างนั้นน้ำแข็งก็ยังคงค่อยๆ ลุกลามจากบริเวณช่วงลำตัวที่เขาถูกเตะ หากปล่อยเอาไว้ ทั่วทั้งร่างของอัลเดบารันจะถูกเยือกแข็ง

รอย: ขืนเป็นแบบนั้นก็จบเห่พอดีล่ะสิเน้อ คุณลุง รู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไงต่อดี?

รอย อัลฟาร์ดที่ถูกตรึงกลับหัวอยู่โดยเสาหินยิ้มเยาะอย่างน่ารำคาญ แต่ถึงจะไม่มีแอดไวส์จากบิชอปมหาบาป อัลเดบารันก็รู้วิธีรับมือน้ำแข็งลุกลามดี

ว่าแล้วเขาจึงกัดฟันแน่นพลางใช้ดาบกรีดกล้ามเนื้อหน้าท้องตัวเองส่วนที่ติดน้ำแข็งอยู่ออก มันเจ็บปวดทรมานใกล้เคียงกับการคว้านท้อง

อัลเดบารันร่ายมนตร์เสกหินมาปิดแผลห้ามเลือดไว้ ทัศนวิสัยของเขาแดงฉาน แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะชวนแสบแก้วหู

รอย: อะฮ่าฮ่า! แบบนั้นแหละ แบบนั้นแหละ!

เอมิเลีย: ――อึก ยอมอดทนไว้ด้วยวิธีที่เจ็บปวดแบบนั้นเชียว

อัล: เฮ้ยๆ ไม่เอาน่า ก็เล่นมีให้แค่สองตัวเลือก “ถ้าไม่ชอบความเจ็บปวดก็ยอมอยู่เฉยๆ จนถูกแช่แข็งซะ” รู้ตัวไว้หน่อยก็ดีนะว่าการโจมตีของคุณหนูเองมันเป็นยังไง

เอมิเลีย: ――นั่นสินะ เรื่องนั้นฉันเห็นด้วย แต่ว่า ทางอัลก็อย่าได้เข้าใจผิดไปเสียล่ะ

อัล: เข้าใจผิด?

เอมิเลีย: วิธีการฝืนทนที่ใช้กับหน้าท้องไปน่ะ เอาไปใช้กับร่างกายส่วนอื่นที่เหลือไม่ได้ทั้งหมดใช่ไหมล่ะ?

คำประกาศนั้นสื่อว่าเอมิเลียตั้งใจจะโจมตีใส่ร่างกายส่วนที่เหลือของอัลทั้งหมด ใบหน้าเจ็บปวดของเธอเลือนหายไปพร้อมกับลมหนาวที่พัดรุนแรงขึ้น

. หิมะและหมอกขาวปกคลุมไปทั่วหอคอยเรือนจำ อัลเดบารันที่เริ่มหนาวสั่นไปถึงนิ้วมือสัมผัสได้ถึงความจริงจังของเอมิเลีย

อัล: อยากจะพูดว่ากระทั่งใบหน้าตอนโกรธก็ยังน่ารักอยู่หรอก แต่น่าขนลุกเป็นบ้าเลยน้า อีกอย่างหนึ่ง…

ระหว่างนั้นเจ้าหนุ่มน้ำแข็งที่เหลือเพียงศีรษะในอ้อมแขนเอมิเลียก็ฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมาสมบูรณ์ภายในไม่กี่วินาที แถมยังยืดกล้ามเนื้ออวดความแข็งแรง

การออกท่าทางกระดี๊กระด๊าอย่างไร้ความหมายนี่เหมือนกับตัวออริจินัลไม่มีผิดเลย น่ารำคาญ

อัล: …ใส่ใจทุกรายละเอียดจนน่ากระอักกระอ่วนเชียวนะ

เอมิเลีย: วิธีชมแบบเดียวกับรัมเลยนะ ทุกคนที่คฤหาสน์เห็นพ้องว่าเหมือนม๊ากมากเหมือนกัน

อัล: เห แต่เจ้าตัวคงจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ล่ะสิท่า

เอมิเลีย: ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ?

อัล: ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ เป็นใบหน้าที่ไม่อยากจะเห็นที่สุดทั้งที

ความเห็นจากใจจริงของอัลเดบารันทำให้ดวงตาของเอมิเลียเบิกกว้างด้วยความขุ่นเคือง แต่เธอไม่ควรจะใช้นัตสึกิ สุบารุเป็นโมเดลทหารน้ำแข็งตั้งแต่แรก

คนที่รูปลักษณ์ภายนอกแข็งแกร่งอย่างการ์ฟีลมีความเหมาะสมมากกว่า แถมพอเป็นนัตสึกิ สุบารุ อัลเดบารันก็สามารถทำลายมันทิ้งได้แบบไร้ความลังเล

อัล: จะสร้างทหารทั้งที ทำไมถึงไม่ใช้คนที่พึ่งพาได้มากที่สุดเป็นต้นแบบล่ะ

เอมิเลีย: ――? ก็เพราะแบบนั้นแหละฉันถึงได้ใช้สุบารุเป็นต้นแบบไง?

อัล: …งั้นหรอกเรอะ ไม่น่าถามเลย

คำตอบนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกขมขื่นจนอัลเดบารันแอบแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายจากภายใต้หมวกเกราะ

. นอกเหนือจากดาเมจของลูกเตะแล้ว การพูดจากับเอมิเลียซึ่งๆ หน้ายังสร้างดาเมจทางจิตใจให้แก่อัลเดบารันค่อนข้างหนักหน่วง

แล้วความมั่นคงทางจิตใจดันส่งผลโดยตรงต่อการคงรักษา [อาณาเขต] ภายใต้อำนาจของอัลเดบารันเอาไว้ เอมิเลียจึงถือเป็นตัวละครเมต้าที่เขาแพ้ทางก็ว่าได้

อัล: ไอ้เวรตะไลเอ๊ย

การพบเจอกับเอมิเลียที่นี่เป็นเรื่องที่อยู่นอกแผนอย่างสิ้นเชิง อัลเดบารันอุตส่าห์แอบควบคุมตัวแปรสมาชิกที่เดินทางไปหอสังเกตการณ์แล้วแท้ๆ

เดิมทีอัลกะจะรีบแอบปล่อยตัวรอยและออกจากนครหลวงก่อนที่จะเจอเข้ากับเอมิเลียหรือออตโต้ แต่แผนการก็พังไม่เป็นท่าเพราะแมลงซอดด้า

ทุกอย่างคงจะเริ่มต้นจากเฟลท์นี่แหละ เธอคือผู้ที่แบ่งปันข้อมูลเรื่องการทรยศของอัลเดบารันให้เอมิเลียรับรู้ ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์สุดเลวร้ายในปัจจุบัน

เอมิเลียสวมใส่โกลฟ(ถุงมือ)น้ำแข็งที่สองมือพลางจดจ้องมาทางอัลเดบารันแบบไม่ประมาท ในขณะที่เจ้าหนุ่มน้ำแข็งผู้น่าหมั่นไส้ข้างตัวเธอกำลังโพสท่าเกียร์ 2

หากว่ากันในแง่ประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน อาวุธหินที่สร้างจากเอิร์ธ แบรนด์ อาร์ตส์นั้นต่างชั้นกับไอซ์ แบรนด์ อาร์ตส์ราวฟ้ากับเหว แถมอัลยังสร้างทหารหินจากดินไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นการทำร้ายเอมิเลียไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจล้วนแต่สร้างความทุกข์ต่อหัวใจเขาเอง นี่คือข้อบกพร่องที่อัลเดบารันมีติดตัวตั้งแต่เกิด

ไหนจะมีประเด็นที่อำนาจของอัลเดบารันแพ้ทางวิชาของเอมิเลียที่เน้นการจับเป็นแบบสุดขั้วอีกต่างหาก

สรุปแล้ว หากตัดนัตสึกิ สุบารุกับไรน์ฮาร์ดที่เป็นสองอุปสรรคใหญ่สุดต่อแผนการออกไป เอมิเลียจะถือเป็นศัตรูทางธรรมชาติของเขาเลยก็ว่าได้

นอกเหนือจาก “อีกบุคคลหนึ่ง” แล้ว เอมิเลียคือ [ศัตรู] ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับอัลเดบารันอย่างไม่ต้องสงสัย

. อัล: ถามจริง

ต่อหน้าศัตรูตัวเมต้าที่เขาเอาชนะเองไม่ได้ อัลเดบารันตั้งใจจะงัดไพ่ตายออกมาใช้ แต่ตอนนั้นเองที่ [มังกรเทพ] บินทะลุเมฆลงมายังเขตขุนนาง

เดิมทีไพ่ตายแพลน A ที่เขาคิดไว้คือการเรียก [อัลเดบารัน] มาเปล่งรังสีมังกรช่วยขจัดคลื่นความหนาวเพื่อให้พวกตนสามารถหลบหนีจากสนามรบแห่งนี้ได้

แต่การที่ [อัลเดบารัน] รีบรุดหน้าไปที่นั่นแปลว่ายาเอะกับเฟลท์ต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน หรือก็คือมีปัญหาบางอย่างที่ยาเอะรับมือคนเดียวไม่ไหว

อัล: ถามจริง…

อัลสามารถใช้อำนาจย้อนกลับไปชิงเรียกตัว [อัลเดบารัน] มาช่วยเขาก่อนได้ แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้โอกาสรอดของยาเอะลดต่ำลงจากที่สุ่มเสี่ยงอยู่แล้วราว 50-50

ที่จริงทั้งยาเอะและเฟลท์มิได้มีความจำเป็นต่อเป้าหมายของเขา กระนั้นอัลเดบารันก็มิอาจสังเวยพวกเธอได้ เขาจึงยอมปล่อยผ่านโอกาสกลืนยาพิษไป

อัล: แม่งเอ๊ย!

ในเมื่อแพลน A ล่มไปแล้ว อัลเดบารันจึงต้องรีบคิดแพลน B ขึ้นมาทดแทน เขาพยายามดึงความสนใจของเอมิเลียไปหา [มังกรเทพ] เพื่อซื้อเวลา

ทว่า เอมิเลียเชื่อมั่นในตัวพวกพ้องที่ถูกส่งไปรับมือศัตรูทางนั้น รวมถึงคนที่คิดแผนการทั้งหมดขึ้นมา เธอจึงไม่หวั่นไหวไปตามที่อัลชักจูงเลยแม้แต่น้อย

. เอมิเลียเข้ามารัวหมัดที่สวมโกลฟน้ำแข็งใส่และขยี้ชีลด์สร้างจากหินของอัลทิ้งได้อย่างง่ายดาย ระหว่างที่เศษหินแตกกระจาย เธอจ้วงหอกน้ำแข็งใส่ต่อทันที

อัลเดบารันใช้แขนหินรับหอกไว้ได้ แต่จำเป็นต้องรีบสลัดแขนทิ้งก่อนน้ำแข็งจะลุกลาม เขาจึงกระโจนถอยหลังเพื่อตั้งหลักก่อน

แต่แล้วเจ้าหนุ่มน้ำแข็งที่อ้อมมาดักก็จัดท่าภูผาเหล็กกระแทกอัดใส่อัลเดบารันจนปลิว มันคือวิชามวยแปดปรมัตถ์ที่ร่างต้นแบบครูพักลักจำมาอีกที

ร่างของอัลเดบารันถูกส่งบินกลับไปหาเอมิเลียซึ่งเปลี่ยนหอกน้ำแข็งให้กลายเป็นค้อนน้ำแข็ง จากนั้นเธอก็หวดค้อนใส่เขาแบบฟูลสวิง

อัล: ――อั่ก

อัลเดบารันที่รู้ตัวว่าหลบไม่พ้นรีบสร้างเกราะดินขึ้นมาปกป้องทั่วทั้งร่างเพื่อป้องกันการเยือกแข็ง แต่มันแทบไม่ช่วยลดทอนความเสียหายจากแรงหวดเลย

ร่างของอัลถูกแรงมหาศาลอัดกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตรจนกระทั่งไปอัดกระแทกใส่อะไรบางสิ่ง ซึ่งทำให้เขาร่วงหล่นสู่พื้นที่นองไปด้วยหิมะ

รอย: อุหวา ท่าจะเจ็บนะนั่น มาถึงทางตันแล้วสินะ คุณลุง

เสียงเยาะเย้ยจากเหนือศีรษะทำให้เขารู้ตัวว่าตนปลิวมากระแทกใส่เสาหินที่ยึดร่างของรอยไว้ ตอนนี้กระดูกทั่วร่างของอัลระบมไปหมดจนไม่มีแรงตอกกลับเจ้าเด็กเปรต

. สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ สไตล์การต่อสู้ของเอมิเลียมีความเหี้ยมโหดตรงที่ยิ่งสู้กันนานดีบัฟจากอุณหภูมิรอบตัวที่ต่ำลงเรื่อยๆ ก็จะยิ่งรุนแรง

แถมถ้าหากเสียเวลามากไปกว่านี้ กำลังเสริมอาจจะตามสมทบทำให้ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก มิหนำซ้ำ [ศัตรูทางธรรมชาติ] ของอัลเดบารันอาจจะโผล่มาด้วย

รอยล้อเลียนว่าอัลอยากจะลองตะโกนขอความช่วยเหลือแบบสุดปอดดูไหม อัลจึงสั่งให้รอยหุบปากพลางชั่งใจว่าตายเพิ่มอีกสักรอบเพื่อต่อยหน้าเจ้าเด็กเปรตดีไหม

อัล: ถ้าหมอนั่นคือชั้นล่ะก็…

ตอนนั้นเองที่เขาเอะใจบางอย่างขึ้นได้ แสงแห่งความหวังสำหรับแพลน B คือ [อัลเดบารัน] ที่กำลังรับมือศึกเดือดอยู่อีกฟากฝั่ง

[อัลเดบารัน] ที่รู้ตัวว่าตนไม่ว่างมาช่วยฝั่งอัลเดบารันจะต้องวางรากฐานสำหรับแพลน B ไว้ช่วยเหลือตัวเขาอีกคนแน่ๆ

อัล: รอย! ถ้าไม่อยากตายก็ยอมช่วยชั้นซะ!

เอมิเลีย: ――อึก! อัล!!

น้ำเสียงของเอมิเลียเปี่ยมล้นไปด้วยความขุ่นเคือง ทีแรกอัลนึกว่าเขาคงตกต่ำถึงที่สุดในสายตาเธอตั้งแต่ตอนที่ลักพาตัวนัตสึกิ สุบารุแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะยังถูกมองต่ำตมกว่านั้นได้อีก

อัล: ถ้าหากจำเป็นล่ะก็ กระทั่งพลังของบิชอปมหาบาปก็จะขอยืมใช้ นัตสึกิ สุบารุเองก็ทำแบบเดียวกันที่จักรวรรดิไม่ใช่เรอะ? มันแย่ตรงไหนกัน?

เอมิเลีย: น่าจะรู้ตัวนี่ว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น!

อัล: นั่นสินะ พูดไปทั้งที่รู้อยู่แล้ว ถ้าอยากจะเกลียดกันก็เชิญตามสบาย

อยากจะพูดอยู่หรอกว่าเขาคุ้นชินกับการถูกเอมิเลียเกลียดแล้ว แต่นั่นคือคำลวง เอมิเลียไม่เคยสนใจเขาด้วยซ้ำ แล้วเธอจะเกลียดอัลได้ยังไง

. เอมิเลียสร้างลิ่มน้ำแข็งขึ้นมากลางอากาศด้วยความเดือดดาลและเศร้าโศกที่เจือปนกัน จากนั้นก็ยิงถล่มใส่อัลเดบารันกับรอย

ฝั่งอัลตอบโต้ด้วยการใช้เวทมนตร์พลิกหน้าดินขึ้นมาราวกับการพลิกเสื่อทาทามิ มันกลายเป็นเชลเตอร์ฉุกเฉินที่คงช่วยป้องกันได้ไม่นานนัก

รอย: ถึงจะบอกให้ช่วยก็เถอะ แขนขาของพวกผมมันหักไปแล้วอย่างที่เห็น แถมยังสั่งห้ามไม่ให้พวกเรากินอีก ถ้างั้นอยากจะให้ทำอะไรกันแน่? นี่หรือว่า… จะอนุญาตให้กินพี่สาวคนนั้นอย่างงั้นเหรอ?

อัล: ไม่ว้อย ไม่ให้กิน ไม่ให้อาละวาดด้วยเฟ้ย

รอย: ถ้างั้นจะไปมีอะไรที่พวกผมทำได้อยู่อีก――

อัล: ก็มีอยู่แล้วนี่ ――คายออกมาซะ

ตัวเลือกที่สามที่อัลเดบารันเสนอขึ้นมาทำให้ดวงตาของ [ตะกละ] เบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะกลับมาแสยะยิ้มต่อ

รอย: คุณลุงเนี่ยล่ะก็ รู้เรื่องของพวกเรามากขนาดไหนกันนะ? นี่อย่าบอกนะว่าเป็นพ่อตัวจริงของพวกผมน่ะ?

อัล: ถ้าเกิดเป็นคนที่เลี้ยงดูเด็กเปรตอย่างพวกแกจริงล่ะก็ คงรู้สึกผิดต่อสังคมจนทนอยู่ต่อไม่ไหวพอดีสิเฟ้ย

อักขระคำสาปผูกพันทั้งสองไว้ในความสัมพันธ์ไร้มิตรภาพที่รอยต้องจำยอมทำตามที่อัลเดบารันสั่ง กระนั้นเจ้าเด็กเปรตกลับยังฉีกยิ้มได้

ยังไงเสียเขาก็คือรอย อัลฟาร์ด บิชอปมหาบาป [ตะกละ] ตัวแทนแห่งการ [กินไม่เลือก] คนที่หยิบทุกอย่างใส่ปากอย่างรอยจะประเมินค่าอัลเดบารันแบบไหนกันนะ?

. เอมิเลีย: ――หยุดเลยนะ!

ตอนนั้นเองที่เชลเตอร์ดินถูกบูมเมอแรงน้ำแข็งขนาดยักษ์เจาะทะลุเข้ามา มันมีรูปร่างเหมือนคมดาบปีกบินที่มาเดลิน เอสชาร์ตเคยใช้ในจักรวรรดิ

อัลเดบารันตอบโต้ด้วยการสร้างแขนหินขนาดใหญ่ยักษ์รูปร่างคล้ายถุงมือเบสบอลขึ้นมาใช้กีดขวางเส้นทางบุกต่อของเอมิเลีย

อัล: ――อึก ตัวหลอกเรอะ!

กลายเป็นว่าเอมิเลียที่บุกเข้ามาเป็นแนวหน้าคือตัวหลอกเพื่อให้เจ้าหนุ่มน้ำแข็งปีนข้ามมือหินแล้วบุกต่อ เป็นการสลับบทบาทที่เหนือความคาดหมายของอัล

เจ้าหนุ่มน้ำแข็งกระโดดข้ามหัวอัลและมุ่งหน้าไปยังเสาหิน อัลเดบารันจึงร่ายมนตร์เสกหินผามาพุ่งกระแทกใส่มันแบบขนาบข้าง

อัล: แข็งขึ้นกว่าเดิมนี่หว่า!

แทนที่จะตัวแตก เจ้าหนุ่มน้ำแข็งที่ได้รับนีวบอดี้จากการเสริมแกร่งมวลน้ำแข็งกลับไม่สะทกสะท้าน แต่ก่อนที่มันจะเอื้อมมือไปถึงรอย ศีรษะก็ขาดออกจากบ่าเสียก่อน

เอมิเลีย: อะไรกัน!?

เอมิเลียที่ใช้ดาบน้ำแข็งผ่าโกลฟหินเข้ามาได้ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เธอคงดูไม่ออกว่าเจ้าหนุ่มน้ำแข็งถูกผ่าจนแหลกโดยลวดเหล็กซึ่งออกมาจากแหวนที่นิ้วนางขวาของอัล

ดังสำนวนที่ว่า “มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน” ผลจากการฝึกใช้ลวดเหล็กในศึกปะทะฝ่ายเฟลท์มันคุ้มค่าเหลือเกิน

รอย: ――ถ้าให้เลือกล่ะก็ อันนี้คงจะน่าสนใจที่สุดแล้วล่ะเน้อ

ทว่า ทันทีที่เขาได้ยินน้ำเสียงรื่นเริงแสนมืดมนนั้น อัลเดบารัน ――ไม่สิ โลกทั้งใบก็กรีดร้องออกมา

. อัล: อุ๊ก

สิ่งแรกที่อัลเดบารันสัมผัสได้คือความรู้สึกพะอืดพะอมที่กระทบไปถึงดวงจิต เขาเคยนึกว่าตนเองเข้าใจหลักการทำงานและจินตนาการถึงผลลัพธ์ออกอยู่แล้ว

แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ การเตรียมใจใดๆ ก็ล้วนแต่สูญเปล่า เนื่องจากมันคือการจู่โจมใส่ [ความทรงจำ] ที่จับต้องมิได้โดยตรง

หากให้เปรียบเทียบ มันคงคล้ายกับปรากฏการณ์เดจาวูที่บุคคลรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่พึ่งเห็นเป็นครั้งแรก

เพียงแต่ว่าปรากฏการณ์ [สำรอก] ที่อัลเดบารันและทุกคนที่ได้รับผลกระทบกำลังสัมผัสอยู่ในตอนนี้คืออาการที่หนักหน่วงกว่าเดจาวูเป็นหมื่นเท่า

เอมิเลีย: ――อา

หอกพุ่งแหลนน้ำแข็งร่วงหล่นจากมือของเอมิเลียและกลายเป็นละอองมานาก่อนที่จะตกถึงพื้น เธอเข่าทรุดลงและหายใจหอบ ดวงตาสีม่วงครามสั่นเทาด้วยความอลหม่านขั้นรุนแรง

อัล: อุ๊ก

อัลเดบารันกัดฟันพลางกระโจนถอยหลัง ถึงจะรู้สึกพะอืดพะอม แต่อาการของเขาไม่หนักถึงขั้นที่จะเข่าทรุดแบบเอมิเลีย

ผลกระทบจาก [สำรอก] ขึ้นอยู่กับความผูกพันที่มีอยู่ต่อ [ความทรงจำ] ที่ถูกคายออกมา ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องชมรอยที่ตัดสินใจได้เฉียบขาดในการเลือกคาย [ความทรงจำ] ที่มีผลกระทบรุนแรงต่อเอมิเลีย แต่ไม่ค่อยกระทบอัลเดบารันเท่าไหร่นัก

. อัล: อุ๊ก

อัลเดบารันชูแขนขึ้นฟ้าในขณะที่ฝืนทนต่อความรู้สึกคลื่นไส้ ปัจจุบันท้องฟ้าของนครหลวงเต็มไปด้วยเขม่าสีขาวและหมอกน้ำแข็งจนมองเห็นไม่ชัด

แต่อัลเชื่อมั่นว่าบนนั้นแหละคือที่ที่ [อัลเดบารัน] ได้วางรากฐานของแพลน B เอาไว้ เพราะในฐานะตัวตนที่มีอัตตาเดียวกัน อัลเดบารันทั้งสองสามารถใช้วงจรเวทร่วมกันได้

ช่วงศึกปะทะไรน์ฮาร์ด สองอัลได้สร้างระบบที่อัลเดบารันสามารถร่ายมนตร์โดยยืมมานามหาศาลจาก [อัลเดบารัน] มาใช้ทดแทนได้

แต่คราวนี้ตรงข้ามกัน เพื่อที่จะทำให้แพลน B ซึ่ง [อัลเดบารัน] เตรียมไว้เหนือเมฆทำงาน อัลเดบารันจะเป็นคนถ่ายมานาเข้าไปในวงจรเวทเพื่อเปิดสวิตช์แทน

อัล: ――อุ๊ก

ผลจากการ [สำรอก] ของรอยส่งผลให้อัลกระอักกระอ่วนไม่หยุด แต่ในที่สุดแพลน B ที่ไม่เคยมีอยู่จนถึงก่อนหน้านี้ก็เริ่มทำงาน

เอมิเลีย: ไม่นะ… อึก

เอมิเลียที่ยังคงเข่าทรุดอยู่สัมผัสได้ถึงกระแสมานาเข้มข้น แล้วพอเงยหน้าขึ้นไปบนฟากฟ้าเธอก็เห็นภูเขาหินขนาดใหญ่เป็นร้อยเมตรลอยอยู่เหนือนครหลวง

ภาพนั้นไม่ต่างอะไรจากเนินเขาเล็กๆ สักแห่งถูกขุดถอนออกมาทั้งยวง ไม่แน่ว่าคนที่เคยพบเจอวาฬขาวคงมีประสบการณ์ที่คล้ายกัน

. ทันใดนั้นเองเสียงแตกก็ดังกังวาลไปทั่วผืนฟ้าพร้อมกันกับที่รอยแตกแพร่ขยายไปทั่ว ส่งผลให้ภูเขาหินแตกกระจายออกเป็นยี่สิบส่วนและร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง

เอมิเลีย: …ไม่นะ!!

เศษหินที่แยกกระจายออกมามีขนาดใหญ่เกินกว่า 10 เมตร หากตกไปถึงพื้นเพียงก้อนเดียวย่อมสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

อัล: มาถึงป่านนี้ก็ยังตั้งใจว่าไม่อยากให้มีใครสักคนต้องตายอยู่ เพราะงั้นแหละเนอะ

เอมิเลีย: ――กรอด อัล!

อัล: ขอเชื่อใจละกันว่าจะไม่มีเจ้าพวกนั้นสักก้อนร่วงลงไปใส่เมือง

หลังจากที่ยัดเยียดคำร้องขอเห็นแก่ตัวทิ้งท้าย อัลเดบารันก็วิ่งไต่เสาหินขึ้นไปรับตัวบิชอปมหาบาปที่ถูกตรึงกลับหัวเอาไว้

เจ้าหนุ่มน้ำแข็งที่เหลือแต่ศีรษะยังคงดื้อด้านและพยายามกลิ้งมาขวาง อัลเดบารันจึงกระทืบหัวของมันจนแหลก แล้วดึงรอยออกมาจากเสา

รอย: เป็นผู้ชายเลวโดยแท้เลยน้า คุณลุง

อัลเดบารันเพิกเฉยต่อทั้งรอยและเอมิเลียที่พยายามฝืนตัวลุกขึ้นมา เขาอุ้มรอยพาดบ่ารีบแล้ววิ่งหนีอย่างสุดกำลัง

เอมิเลีย: อัล! ไม่นะ! ห้ามหนีนะ… อัล!!

หากเอมิเลียเห็นแก่ตัวมากกว่านี้และเลือกไล่ตามอัลก่อน ชีวิตของเธอคงจะเรียบง่ายขึ้น ลึกๆ แล้วอัลเดบารันก็แอบหวังให้เธอเป็นเช่นนั้น

ทว่า เขารู้ดีว่าเอมิเลียมิใช่คนแบบนั้น เธอจะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีอยู่ไปกับการช่วยเหลือผู้คนอย่างแน่นอน

เอมิเลีย: ห้ามไปไหนนะ! ――เอาสุบารุกับเบียทริซคืนมา!

อัลเดบารันสร้างเนินดินขึ้นมาใช้เป็นแท่นเหยียบเพื่อกระโดดข้ามกำแพงของหอคอยเรือนจำ เขาทิ้งเอมิเลียไว้ท่ามกลางสนามรบสีขาวและวิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่งต่อไป

รอย: ร้องไห้แล้วแน่ะ พี่สาวคนนั้น

เจ้าบิชอปมหาบาปดันพูดเรื่องที่เขาไม่อยากได้ยิน แค่น้ำเสียงสะอื้นตอนท้ายของเธอก็บาดใจเขามากพอแล้ว

อัลเดบารันหวังว่าเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดจะไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบ เพื่อที่พวกตนจะได้รีบหนีออกจากที่นี่โดยทันที

เศษหินที่ร่วงใส่นครหลวงถูกหยุดยั้งเอาไว้โดยหอคอยน้ำแข็งที่ทยอยผุดขึ้นมา ทั้งผู้ที่พยายามหยุดยั้งหายนะและผู้ที่ก่อหายนะขึ้นมา ไม่มีฝ่ายใดเลยที่สุขใจ

รอย: ――อา ขอบคุณสำหรับอาหาร!

มีเพียงแต่ [กินไม่เลือก] เท่านั้นที่เลียริมฝีปากอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ

. จบตอน