re zero webnovel arc9 chapter35 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 35 "ดวงดาวที่ลืมตาตื่น"

รัม: เรม เห็นรึเปล่า? นั่นแหละคือสถานที่ที่พวกเราทำงานอยู่ คฤหาสน์ของท่านรอสวาลยังไงล่ะ

เรม: สถานที่ทำงาน..ของพวกเรา…

หลังจากที่โดยสารขบวนรถมกรไปลงที่นครอุตสาหกรรมคอสซูล สองแฝดก็ใช้บริการรถมกรรับส่งเพื่อเดินทางกลับมายัง [บ้านแสนสุข] ที่เรมไม่คุ้นเคย

เมื่อมองผ่านซุ้มประตูใหญ่เข้าไป เรมก็เห็นคฤหาสน์หลังงดงามที่อลังการเสียยิ่งกว่าคฤหาสน์ของเบลสเต็ตซ์ซึ่งเธออาศัยอยู่กับคาชัวช่วงหนึ่งเสียอีก

เรมส่ายหน้าด้วยความเสียใจที่เธอจำคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้เลย รัมจึงปลอบใจว่าที่จริงคฤหาสน์หลังเก่าที่เธอกับเรมเคยทำงานอยู่ถูกออตโต้เผาทิ้งไปแล้ว

เรมอุตส่าห์เข้าใจว่าออตโต้เป็นคนอ่อนโยนและเป็นสหายที่ขาดไม่ได้ของสุบารุ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนหุนหันพลันแล่นแบบนี้

เรม: คนๆ นั้นก็ทีแล้ว พันธมิตรของคุณเอมิเลียเนี่ยมีแต่คนแบบนั้นหรือไงกันคะเนี่ย? การ์ฟีลเอย คุณรอสวาลก็ด้วย…

รัม: ท่านรอสวาลสิ

เรม: …ท่านรอสวาลก็ด้วย

รัม: เด็กดี แต่ว่า แอบเป็นเด็กดื้อที่เอาท่านรอสวาลไปเหมารวมกับเจ้าสามคนนั้นนะ เรม ท่านรอสวาลคือจอมเวทผู้เลิศล้ำที่สุดในโลกนี้ ทั้งเฉลียวฉลาดและมากฝีมือ หากเทียบกันแล้วเจ้าสามคนนั้นน่ะ ต้องรวมกันสามคนก่อนถึงจะเต็มบาท… ไม่สิ ได้แค่ครึ่งบาทนั่นแหละเนอะ

. สายสัมพันธ์จากการเป็นฝาแฝดทำให้เรมรู้สึกว่าเธอสามารถเชื่อรัมได้อย่างหมดใจ แต่เธอก็แอบคิดว่าการยึดติดกับอดีตเช่นนั้นคงทำให้พริสซิลล่าไม่ชอบใจแน่ๆ

เรมเริ่มคิดทันว่าสาเหตุที่พี่สาวพาเธอมายังคฤหาสน์หลังใหม่แทนที่จะพาไปดูซากหลังเดิมน่าจะเป็นเพราะว่าอยากให้เธอได้เจอผู้คนที่นี่เสียมากกว่า

หลังจากที่รถมกรจอดสนิท รัมก็ไปคุยบางอย่างกับสารถี เรมถือโอกาสนั้นมองผ่านลูกกรงไปดูสวนแสนงดงามหน้าคฤหาสน์

สุบารุเคยบอกว่าขอแค่เรมมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงและมีความสุขก็พอแล้ว แต่เรมตระหนักได้ว่าจากนี้ไปเธอต้องทำงานเป็นคนรับใช้ที่นี่เช่นเดียวกับรัมและเฟรเดริก้า

ตอนนั้นเองที่ใครบางคนส่งเสียงร้องตกใจ แล้วพอเรมหันไปมองก็พบเด็กสาวผมสีชมพูอายุประมาณ 11-12 ปีกำลังเกาะลูกกรงอยู่ เรมคุ้นเคยกับใบหน้านั้นเป็นอย่างดี

เรม: ว้าย! คะ..คุณคือ… [แม่มด] ที่เป็นต้นเหตุของ [มหาภัยพิบัติ] นี่!

รัม: ตายจริง ท่านริวซู ขอบคุณที่ออกมาต้อนรับนะคะ

รัมเข้าไปทักทายกับเด็กสาวผู้มีใบหน้าเหมือน [แม่มด] สฟิงซ์ผู้วางแผนโค่นล้มจักรวรรดิได้อย่างหน้าตาเฉย แถมยังเรียกเธอด้วยชื่ออื่นอีกต่างหาก

รัม: แนะนำตัวหน่อยสิ

เรม: ――“เรม” ค่ะ ขอเรียกคุณว่า “คุณริวซู” ได้ใช่ไหมคะ

ริวซู: …งั้นเองหรือ แบบนั้นเองสิน่อ อื้อ ใช่แล้วล่ะน่อ ข้าชื่อริวซูนั่นแหละ เรมเอ๋ย

. รัมอธิบายว่าริวซูมีคนที่หน้าตาเหมือนกันอยู่เพียบซึ่งทำให้เรมงงยิ่งกว่าเดิม แต่ที่แน่ๆ ท่าทีของริวซูบ่งชี้ว่าเธอน่าจะเคยรู้จักเรมอย่างแน่นอน

รัมแกล้งทักประเด็นที่ริวซูกับตัวเธอมีผมสีชมพูเหมือนกันขึ้นมา เรมจึงเข้าใจผิดนึกว่าริวซูเป็นน้องสาวคนเล็กของตนกับรัมอีกที

ริวซูโวยว่าช่วงหลังรัมชักจะติดนิสัยขี้แกล้งมาจากสุบารุกับรอสวาลไปทุกที สำหรับเธอแล้ว สองแฝดเป็นเหมือน “หลานสาว” เสียมากกว่า

ริวซู: เอาล่ะทุกคน เปิดประตูให้หน่อย

หลังริวซูให้คำสั่ง บานประตูเหล็กก็ถูกเปิดออกโดยกลุ่มเด็กสาวที่มีหน้าตาคล้ายริวซู แตกต่างกันแค่ทรงผมหรือเครื่องประดับ

เรม: ――กรี๊ด!!

ภาพของเด็กสาวจำนวนเกินกว่า 10 คนที่ล้วนแต่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับ [แม่มด] สฟิงซ์นั้นทำให้เรมกรีดร้องออกมาเสียงดัง

. เรมกับริวซูถูกเชิญเข้าไปนั่งพักที่ห้องรับแขกโดยเมดผมทองคนหนึ่ง เมดคนนั้นปลอบใจเรมว่าใครที่ได้เห็นพวกท่านพิโค่เป็นครั้งแรกก็ตกใจกันทั้งนั้น

เรม: ที่ฉันส่งเสียงดังจนไปรบกวน ต้องขออภัยด้วยนะคะ เอ่อ…

ซิลฟี่: ――ซิลฟี่ เอลมาร์ทค่ะ ก่อนหน้านี้ใช้สกุลคอร์นิอัส แต่ว่าหย่าไปแล้ว พอดีได้รับมอบหมายให้ดูแลคฤหาสน์ในช่วงที่ทุกท่านไม่อยู่น่ะค่ะ

พอเมดสาวนามซิลฟี่โค้งคำนับให้อย่างสง่างาม เรมก็เข้าใจว่าเธอคนนี้เองก็คงเคยรู้จักกับตัวเธอสมัยก่อน ทว่า――

ซิลฟี่: เปล่าเลย ฉันพึ่งจะมาใหม่เองค่ะ เพราะงั้นคงไม่เคยทำงานร่วมกับพวกท่านเรมหรอกค่ะ อีกอย่างหนึ่ง ตัวฉันมิได้ถูกจ้างโดยท่านมาร์เกรฟ แต่เป็นท่านมิโลดค่ะ แล้วที่สำคัญ

เรม: ที่สำคัญ?

ซิลฟี่: ฉันเป็นนายของตัวฉันเอง แล้วนายเหนือหัวใจดวงนี้ก็มีเพียงแค่ท่านเอมิเลียเท่านั้นค่ะ

ซิลฟี่พึ่งจะรู้จักเอมิเลียได้ไม่กี่เดือน แต่เพียงแค่มองตาเรมก็ดูออกว่าเธอคนนี้ภักดีต่อเอมิเลียขนาดไหน ช่วงที่ผ่านมาซิลฟี่คอยดูแลทั้งภายในและภายนอกคฤหาสน์เป็นอย่างดี

ซิลฟี่สอนว่าบุคคลสำคัญในใจของแต่ละคนมิได้ขึ้นอยู่กับ “ช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน” หากแต่เป็น “สิ่งที่กระทำ” เช่นเดียวกับที่สปิก้า คาชัว และสุบารุสำคัญต่อเรมมาก

. รัม: ――หน้าเศร้าเชียวนะ เรม โดนซิลฟี่แกล้งมาหรือเปล่าเนี่ย?

รัมผู้แยกตัวออกไปก่อนหน้านี้กลับเข้ามาทักทายพร้อมชุดเมดที่เรมไม่คุ้นตา มันคือเครื่องแบบของสาวรับใช้ตระกูลเมเธอร์สนั่นเอง

หลังจากที่ใส่แต่ชุดเดินทางมานาน รัมก็ลืมวิธีสวมจนแต่งชุดเมดไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ซิลฟี่จึงอาสาช่วยจัดเครื่องแบบให้แก่รุ่นพี่

รัม: นี่คือชุดเมดที่รัมกับเรมใส่ทำงานที่คฤหาสน์ยังไงล่ะ

เรม: …วิเศษไปเลยค่ะ แต่ว่า พอเทียบกับเครื่องแบบของคุณซิลฟี่ดูแล้ว มันแอบเผยเนื้อหนังเยอะไปหน่อยรึเปล่าคะ? ทำไมถึงได้ต่างกันแบบนั้น… อย่าบอกนะว่าคนๆ นั้นเกี่ยวข้องด้วยน่ะ

เรมจำได้ว่าสุบารุหมกหมุ่นกับชุดเดินทางของเธอตอนอยู่ที่จักรวรรดิด้วย เขาอยากแต่งเติมนู่นนี่ให้น่ารักขึ้นอยู่ได้ สุบารุจึงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักทันที

ระหว่างที่เรมกอดไหล่ด้วยความเคลือบแคลงใจต่อรสนิยมของสุบารุ ซิลฟี่ก็ทักขึ้นว่าเธอน่าจะเข้าใจผิด

รัม: ต่อให้ชื่อเสียงของบารุสุจะพังทลายไม่เป็นท่าต่อหน้าเรม รัมก็ไม่สนใจหรอก แต่การปล่อยให้ถูกขโมยผลงานไปมันไม่น่าอภิรมย์นักหรอกนะ

เรม: ผลงาน..เหรอคะ?

รัม: ใช่แล้ว ชุดเมดตัวนี้น่ะ รัมเป็นคนเสนอให้ปรับแต่งด้วยตัวเองเลยล่ะ ทั้งหมดก็เพื่อ… เพื่อให้รัมสามารถเคลื่อนไหวในเครื่องแบบที่สวมได้สะดวกยิ่งขึ้นล่ะมั้ง? เหตุผลนั้นแหละมั้ง?

ริวซู: อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้สูญเสียความมั่นใจไปแบบนั้นล่ะน่อ

. สุดท้ายรัมจำใจต้องยอมรับว่าจุดประสงค์ในการปรับแต่งชุดนั้นน่าจะเป็นเพราะเธออยากเห็นเรมใส่ชุดที่น่ารักขึ้น ซึ่งเป็นวงจรความคิดที่ไม่ต่างจากสุบารุเลย

เนื่องจากความทรงจำเกี่ยวกับเรมหายไปจากโลก รัมจึงทำได้เพียงแค่คาดคะแน แต่ซิลฟี่ก็เห็นพ้องด้วย คงเป็นเพราะเธอชอบแต่งตัวให้ใครบางคนเหมือนกัน

มาดหญิงแกร่งและนิสัยเชื่อมั่นในตนเองสูงของพี่สาวทำให้เรมแอบคิดว่ารัมกับพริสซิลล่าน่าจะเข้ากันได้ดีหรือไม่ก็กลายเป็นคู่กัดตลอดกาลไปเลย

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรมยังโทษสุบารุเป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิดอยู่ดี ริวซูจึงพยายามช่วยแก้ต่างว่าเรมเข้มงวดกับเขาเกินไปหน่อย

เรม: ที่คุณริวซูพูดแบบนั้นได้น่าจะเพราะยังไม่เคยเห็นคนๆ นั้นพูดจาไม่รู้เรื่องหรือแต่งหญิงสินะคะ

ริวซู: ว่าไงนะ! เจ้าหนูซูแต่งหญิงกระทั่งในจักรวรรดิเลยงั้นรึ! เป็นเด็กที่ไม่รู้จักหลาบจำเลยน่อ

ซิลฟี่: แต่งหญิง? ทั้งที่มีท่านเอมิเลียอยู่แล้วเนี่ยนะ? ทำไปเพื่ออะไรกันคะเนี่ย ถ้าคำตอบฟังไม่ขึ้นล่ะก็…

หากอิงจากที่ริวซูบอก แสดงว่าสุบารุแต่งหญิงอยู่เป็นประจำ ทั้งเรมและซิลฟี่ต่างก็รู้สึกไม่สบอารมณ์นักเมื่อได้รู้เรื่องนั้น

. หลังจากที่ซิลฟี่จัดแต่งเครื่องแบบให้เธอจนเสร็จ รัมก็ลองหมุนตัวและสะบัดผมทดสอบ จากนั้นก็กล่าวคำชมเชยต่อผลงานของเมดรุ่นน้อง

สมัยที่ยังอยู่กับเรกุลุส ซิลฟี่ต้องคอยรักษาความเนี๊ยบระดับที่ห้ามมิให้มีฝุ่นสักเม็ดมิเช่นนั้นเหล่าภรรยาจะซวยกันหมด ทักษะการเป็นเมดของเธอจึงสูงมาก ถนัดทั้งงานภายในและภายนอก

รัมรินชามาเสิร์ฟให้เรม ก่อนจะชงให้ริวซูกับซิลฟี่ต่อ ความอร่อยของชาทำให้เรมทึ่งจนต้องเอ่ยชม พี่สาวที่ได้ยินดังนั้นจึงชายตามองอย่างอบอุ่น

รัมอวดอย่างภาคภูมิว่าการชงชาคือทักษะเมดอย่างเดียวที่เธอถนัด ซึ่งริวซูและซิลฟี่ก็เห็นพ้องด้วย มันคือเรื่องเดียวที่กระทั่งเฟรเดริก้ายังยอมแพ้

ตอนนั้นเองที่เรมตระหนักได้ถึงความคาดหวังของพี่สาว รัมคงแอบหวังให้รสชาติของชาแสนอบอุ่นถ้วยนี้กระตุ้นความทรงจำของเธอ

เรม: อร่อย…อร่อยมากจริงๆ ค่ะ แต่ว่า――

รัม: บ๊องจริงนะ ก็แค่ชงชาให้เท่านั้นเองนี่ เรมน้องรักไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรสักหน่อย

ระหว่างที่พี่สาวลุกไปชงชาแก้วที่สองให้แก่ซิลฟี่ เรมก็แอบตั้งมั่นอยู่ในใจว่าอยากตอบรับความคาดหวังของผู้ที่ใจดีกับตัวเธอ

. หลังออกจากห้องรับแขก รัมก็พาน้องสาวไปเดินชมคฤหาสน์ ทั้งแปลงดอกไม้ที่สุบารุเคยโดนปุ๋ยท่วมหัว เสาที่มีรอยกัดของการ์ฟีล และรูปวาดพัคที่เอมิเลียกับเบียทริซเขียนไว้บนพื้น

ระหว่างเดินสำรวจ เรมได้เห็นกลุ่มของพิโค่คอยช่วยงานเหล่าเมดที่สวมชุดแบบเดียวกับซิลฟี่ในคฤหาสน์

กลุ่มพิโค่เป็นสาวน้อยที่ใสสื่อเหมือนภายนอกต่างจากริวซู พวกเธอถือกำเนิดมาด้วยโชคชะตาที่ต่างจากมนุษย์ แต่ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากโชคชะตานั้น

ส่วนกลุ่มเมดสาวผู้งดงามคืออดีตผู้มีชะตากรรมอันเลวร้ายร่วมกับซิลฟี่ แต่พวกเธอสามารถกำหนดเส้นทางของตนได้เนื่องจากอิสรภาพที่เอมิเลียได้มอบให้

ถึงแม้จะถูกโชคชะตากลั่นแกล้งจนไร้ความทรงจำ แต่จากนี้ไปเรมก็สามารถกำหนดเส้นทางใหม่ของตนเองได้แล้ว เช่นเดียวกับสาวๆ ทั้งสองกลุ่ม

หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมเยียนห้องรับประทานอาหาร ห้องอาบน้ำ สนามฝึกซ้อมลับ ห้องรับรอง สวน และระเบียง ในที่สุดพี่สาวก็พาเธอมายัง――

รัม: ――ที่นี่แหละเรม ห้องของน้องยังไงล่ะ

มันถือเป็นห้องที่ดูดีสำหรับห้องพักคนรับใช้ มีทั้งเตียงตัวใหญ่ ตู้เก็บกวีและหนังสือภาพ โต๊ะเขียนหนังสือ และแจกันที่เปลี่ยนดอกไม้ไว้สดใหม่

ช่วงที่รัมสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับเรมไป เธอเคยเผลอย้ายข้าวของในห้องนี้ออกโดยไม่รู้ตัว แต่สุบารุทยอยเอาของใช้ส่วนตัวของเรมกลับมาตั้งไว้ตามความทรงจำ

เรมที่รู้สึกประทับใจต่อการกระทำนั้นลองหยิบหนังสือจากตู้ออกมาเปิดอ่านดู ส่วนใหญ่มีแต่กวีรักที่น่าเขินอายทั้งนั้น ชัดเจนเลยว่ารสนิยมของตัวเธอคนเก่าเป็นเช่นไร

. เรมนั่งลงบนเตียงนอนพลางคำนึงว่าช่วงที่เธอหลับใหลไปเป็นปี รัม เฟรเดริก้า และเพทร่าจะต้องลำบากทำหน้าที่แทนและคอยดูแลเธอขนาดไหน

ทั้งหมอนและผ้าปูถูกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอจนสะอาด พื้นข้างเตียงมีรอยแดดเผาอยู่ บ่งชี้ว่าเมื่อก่อนมีคนเอาเก้าอี้มาตั้งไว้เพื่อเยี่ยมเยียนเธอ

เรมเดาว่าบุคคลที่คอยมาเยี่ยมหาเธอคงจะเป็นรัม เอมิเลีย และสุบารุ ทว่า น่าเสียดายเหลือเกินที่กระทั่งห้องนี้ก็ยังมิอาจช่วยกระตุ้นความทรงจำของเรมได้

ตอนที่น้ำตากำลังคลอเบ้าอยู่นั้น เรมก็หันไปเห็นวัตถุปริศนาที่วางอยู่ตรงมุมห้องโดยมีชั้นวางทำมือช่วยยึดไว้ ――มันคือลูกตุ้มหนามติดโซ่

รัม: อ้อ เจ้านั่นคือ “มอร์นิ่งสตาร์” ไงล่ะ

เรม: …มอนิง..สตา?

รัม: ใช่แล้ว บารุสุเป็นคนเริ่มเรียกมันแบบนั้น แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็เรียกติดปากไปแล้ว …ดูเหมือนว่าเจ้านั่นเองก็เป็นของสำคัญของเรมด้วยนะ

เรม: นั่นของฉันหรอกเหรอ!?

เรมไม่แน่ใจว่าพี่สาวหยอกล้อหรือพูดจริง แต่รัมยืนยันว่าสุบารุคอยเตรียมผ้ากับน้ำมันมาขัดเจ้ามอร์นิ่งสตาร์ให้เงาอยู่ทุกวัน เพราะงั้นเขาไม่น่าจะแกล้งเล่นอย่างแน่นอน

. ที่ข้างชั้นวางลูกตุ้มหนามมีผ้ากับน้ำมันวางอยู่จริงๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าสุบารุอาจจะตั้งใจลงทุนแกล้งทั้งสองแฝด เรมจึงก้มลงไปลองใช้นิ้วแตะลูกตุ้มหนามด้วยความสงสัย

เรม: ――เอ๊ะ

ทันใดนั้นเองทัศนวิสัยของเรมก็บิดเบี้ยวจนเธอล้มหงายหลังก้นกระแทก ตามมาด้วยความรู้สึกวิงเวียน โลกหมุนจนแยกพื้นกับเพดานไม่ออก

อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเรมหลอมรวมกัน หมู่บ้านในหุบเขา ธงหมาป่าถูกดาบแทง เสียงล้อรถเข็น ฝูงมกรบินเหนือเวหา

วาฬขาวน่าสะพรึงกลัวที่บินอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี เขาที่หักกระเด็นท่ามกลางเปลวเพลิง และเด็กหนุ่มที่กำลังร้องขอสุดชีวิต ใบหน้ายามโกรธ ร้องไห้ และยิ้มของเขา

ทุกอย่างถูกตัดจบราวกับฟองสบู่ที่แตกออก โลกของเธอได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ สัมผัสทั้งห้ากลับคืนมา เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างอีกครั้ง

เรม: ฉั…เรมน่ะ…

เรมกระพริบตาดูสามครั้ง จากนั้นก็สัมผัสใบหน้าด้วยนิ้วที่สั่นเทาเพื่อยืนยันการมีอยู่ของตนเอง ความรู้สึกหวาดหวั่นและหวาดกลัวแน่นจุกอก

เธอรู้สึกเปราะบางราวกับว่าพร้อมจะหายไปทุกเมื่อ แต่ตอนนั้นเองที่เรมสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดแสนอบอุ่นของพี่สาวจากด้านหลัง เธอจึงพยายามหันไปหา

เรม: ท่านพี่――

รัม: ――เดี๋ยวก่อน

เรม: …

รัม: อย่าพึ่งหันมานะ ตอนนี้ ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ที่รัมรู้สึกผิดหวังในตัวเอง

เธอไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาให้เห็นเลยไม่ว่าจะเป็นที่จักรวรรดิ ตอนเดินทางกลับคฤหาสน์ ตอนที่เริ่มทำงานแม้จะพึ่งสูญเสียเขาไป หรือตอนที่ต่อสู้กับลัทธิแม่มดเพื่อปกป้องเรม

ทั้งที่ปกติเธอจะดูดีอยู่เสมอในสายตาของเรม พี่สาวผู้ห้าวหาญคนนั้นกลับกำลังสั่นเทาไปทั้งน้ำเสียงและอ้อมแขน

. รัม: ขอโทษนะ เรม ตัวพี่นี่มันน่าสมเพชเหลือเกิน

เรม: ท่านพี่… พูดอะไร…

รัม: ทั้งๆ ที่… ทั้งๆ ที่รักมากถึงขนาดนี้แท้ๆ กลับใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้โดยที่ลืมเลือนเรมไปซะได้ รัมนี่ช่างเป็นท่านพี่ที่ไร้หัวใจเสียเหลือเกิน

ความรักอันท่วมท้นทำให้รัมยิ่งนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เรมจึงหันไปโอบกอดและกล่าวปลอบใจพี่สาว เพราะเธอรู้ดีว่าตนเองได้รับความรักจากบุคคลนี้มากเพียงใด

เรมเข้าใจดีว่ารัมมิได้ไร้หัวใจ เข้าใจดีว่าตนทำให้รัมเป็นห่วงขนาดไหน เข้าใจดีว่ารัมต้องเสียสละมากแค่ไหน และเข้าใจดีว่าเรมผู้อ่อนแอและน่าสมเพชคนนี้ควรทำสิ่งใดต่อ

ว่าแล้วเรมจึงฉีกยิ้มพลางใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มพี่สาว จากนั้นก็ดึงศีรษะของรัมมากอดไว้ที่้้อ้อมอก สองพี่น้องใช้เวลาอันมีค่านี้ร่วมกัน

เรม: ท่านพี่ รักที่สุดเลยค่ะ

หลังจากที่รัมคอยรักใคร่เอ็นดูเธอมาตลอดอยู่ฝ่ายเดียว ในที่สุดเรมก็ได้กระซิบบอกรักพี่สาวด้วยความรักที่อัดอั้นไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

หากเลือกได้เรมก็อยากเติมเต็มเวลาที่ขาดหายไปร่วมกับพี่สาว แต่ก่อนหน้านั้นยังมีอีกหลายบุคคลที่เธอจะต้องไปขอบคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง――

เรม: ――สุบารุคุง

เรมอยากจะสื่อทั้งความรักและความยินดีที่ตนยังมีชีวิตอยู่ออกไปให้เด็กหนุ่มผมดำผู้มีแววตาดุดันคนนั้นได้รับรู้

. ตัดกลับมาปัจจุบัน การปรากฏตัวของเรมทำให้ทั้งเพทร่า เมลี่ และเอมิเลียต่างพากันอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง และร่างกายแข็งทื่อ

【สุบารุ: ――เรม】

ช่างน่าเสียดายที่คำพูดของอิมาจินารี่สุบารุไปไม่ถึงหูใครอื่นนอกจากเพทร่า เขาจึงไม่ถือเป็นคนแรกที่ทลายความเงียบงัน

แรงดึงดูดลึกลับเริ่มดึงเอาความทรงจำที่ถูกเก็บซ่อนไว้กลับออกมายังระเบียงคดแห่งการรับรู้ ทำให้ภาพมากมายปรากฏขึ้นในหัวเพทร่า

ที่จริงเพทร่าไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับเรมนัก เธอเป็นเพียงเมดจากคฤหาสน์รอสวาลที่มักแวะมาซื้อของที่หมู่บ้าน โดยที่เพทร่าไม่เคยมีโอกาสได้คุย

กระนั้นหลังจากที่สุบารุโผล่มา เรมก็เริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น แถมเธอยังกลายมาเป็นผู้ช่วยชีวิตของเพทร่าและเด็กคนอื่นจากน้ำมือของเมลี่และสัตว์มาร

มิหนำซ้ำ เพทร่ายังตระหนักได้ว่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเรมคือสาเหตุที่ทำให้เพทร่าถูกจ้างมาทำงานเป็นเมดและกลายเป็นสมาชิกฝ่ายเอมิเลีย

. เอมิเลีย: เรม… เรมใช่ไหม?

ระหว่างที่สติของเพทร่ายังตามไม่ทัน เอมิเลียก็เริ่มเดินเข้าไปหาเรมก่อน ความรู้สึกประหลาดที่ยังไม่คุ้นชินทำให้เธอพูดอ้ำอึ้ง แต่เรมเข้าใจความสับสนนั้นเป็นอย่างดี

เอมิเลีย: อื้อ ขอบคุณนะ ถึงจะมีอยู่หลายอย่างที่อยากพูดด้วย แต่ก่อนอื่น …เครื่องแบบนั่นเหมาะมากเลยล่ะ ให้ความรู้สึกว่าเป็นเรมสุดๆ ไปเลย

รอยยิ้มของเอมิเลียทำให้เรมอึ้งไปเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้าและยืดอกอวดชุดอย่างภาคภูมิใจ

เรม: ก็เพราะว่าเป็นเครื่องแบบที่ท่านพี่ปรับแต่งมาให้เข้ากับเรมนี่คะ

ขณะที่รัมกอดอกและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เมลี่ก็จำได้ว่าเรมคือตัวการที่ขยี้ฝูงอุลการ์มของเธอจนเสียแผน แต่ถ้าหากแผนการไม่ล่มในตอนนั้น เมลี่คงมิได้มาอยู่ตรงนี้

คลินด์กล่าวเสริมว่าตัวเขากับริวซูออกอาการเหวอตอนเห็นเรมจนกลายเป็นสาเหตุที่ล่าช้า รัมจึงแซวว่าปฏิกิริยาของคลินด์น่าเบื่อมาก แต่ริวซูนี่บันเทิงสุดๆ

ชัดเจนแล้วว่านี่คือปรากฏการณ์เรมได้รับ [ชื่อ] คืนจากอำนาจบาป [ตะกละ] เพทร่าสังเกตเห็นด้วยว่ารัมตาแดงเหมือนพึ่งร้องไห้มา

. เรม: ――คุณเพทร่า?

เรมที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนสังเกตได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจากเพทร่าผู้นิ่งเงียบไม่พูดจามาสักพัก เพราะเธอกำลังกลั้นน้ำตาอย่างสุดชีวิตอยู่

วินาทีที่น้ำตาเอ่อล้นออกมา เพทร่าก็เริ่มออกวิ่ง เธอหลบทั้งเอมิเลียและเมลี่ที่พยายามเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วง แถมยังก้มลอดใต้ขาปู่รอมเพื่อกระโจนเข้าไปยังอ้อมอกของเรม

เพทร่า: เรม ――ฮือ!

เรม: ว้าย!

เรมโอบรับเพทร่าที่กระโจนเข้ามาหา เด็กสาวเกาะแน่นไม่ยอมปล่อยจนแม้แต่เรมก็ยังได้แต่กระพริบตาด้วยความมึนงง

เพทร่า: เรม… เรม…เรม… ฮือ

ทั้งน้ำหูและน้ำตาของเพทร่าไหลพรากจนเธอต้องสูดน้ำมูกในที่สาธารณะทั้งที่เคยตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะไม่มีวันทำเด็ดขาด

เรม: เอ่อ …เรมกับคุณเพทร่าคงสนิทกันมากถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้ แต่ว่าฉันดันจำไม่เห็นได้เลยนะ?

เรมทำการลูบหัวปลอบประโลมเพทร่าถึงแม้ว่าเธอจะยังคงสับสนอลหม่านไม่หาย

. จบตอน