อัลเดบารันแอบไปพบกับ [แม่มด] ณ ทุ่งหญ้าภายในมิติแยกที่ถูกเรียกว่าปราสาทแห่งมายาเหมือนอย่างเคย แต่ท้องฟ้าของวันนี้กลับต่างไปจากทุกที
อัล: เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นที่นี่ได้เหมือนกันแฮะ
สถานที่แห่งนี้ไม่มีกาลเวลา ปกติผืนฟ้าแสนปลอดโปร่งจึงเป็นยามเที่ยงวันตามที่ [แม่มด] ตั้งค่าไว้ แต่รอบนี้มันถูกเปลี่ยนเป็นฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงดาวแทน
ทว่า พอเดินไปถึงโต๊ะสีขาวที่ตั้งอยู่บนเนินเพื่อที่จะถามเรื่องท้องฟ้ากับ [แม่มด] อัลเดบารันก็พบว่าหล่อนกำลังฟุบหน้างีบอยู่บนโต๊ะตัวนั้น
สิ่งแรกที่อัลคิดคือความประหลาดใจที่นังแม่มดงีบหลับกับเขาด้วย ตามมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่กระทั่งใบหน้าตอนหลับของหล่อนก็ยังเลอโฉม
ทั้งดวงตาแสนใคร่รู้และเฉลียวฉลาดที่ปิดอยู่ ทั้งใบหน้าแสนงดงามที่พระเจ้าสรรสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเส้นผมและผิวพรรณสีขาวซีด ทุกอย่างมันช่างน่าหงุดหงิดไปหมด
. พออัลเดบารันกำลังนึกสนุกว่าอยากหาอะไรสักอย่างมาเขียนใบหน้าของหล่อนเล่น นังแม่มดก็ส่งเสียงสะลึมสะลือขึ้นมา
เขาตัวแข็งกระด้างราวกับเด็กซนที่โดนผู้ใหญ่จับได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมากลับชวนอึ้งยิ่งกว่า เนื่องจากว่ามีหยาดน้ำตาไหลออกมาจากเนตรของแม่มดผู้งีบหลับ
อัล: อาจารย์――
เอคิดน่า: ――อือ
เขาลองแตะไหล่และเขย่าตัวเพื่อลองปลุกหล่อนดู ดวงตาสีดำคู่นั้นลืมตาตื่นขึ้นจริงๆ [แม่มด] กระพริบตาสองสามครั้งเพื่อยืนยันบุคคลตรงหน้า
เอคิดน่า: …อัลเดบารันเหรอ?
อัล: อ๊ะ อา ใช่แล้วล่ะ อาจารย์ ดันมางีบหลับในที่แบบนี้ซะได้ ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ
ในขณะที่อัลเดบารันพยายามปกปิดความลุกลี้ลุกลน [แม่มด] ก็ค่อยๆ เอนลำตัวขึ้นมา เธอแตะนิ้วไปที่กรามคล้ายกับว่ากำลังพิจารณาสถานการณ์
เอคิดน่า: ――ความฝันสินะ
น้ำเสียงของเธอเปี่ยมล้นไปด้วยความนึกเสียดาย จากนั้น [แม่มด] ก็ใช้นิ้วปาดน้ำตาทิ้งด้วยท่าทางที่ดูเหงาหงอยอย่างน่าประหลาด
. อัล: ร้องไห้ตอนที่ฝันอยู่ซะงั้น เหมือนเด็กน้อยเลยไม่ใช่เรอะนั่น ――ได้เห็นความฝันแบบไหนมากันล่ะเนี่ย?
พออัลเดบารันยิงคำถามออกไป แทนที่ [แม่มด] จะสาธยายยาวยืดหรือหยอกล้อที่เขาสงสัยเรื่องนั้นเหมือนอย่างทุกที หล่อนกลับนิ่งเงียบจนน่าผิดคาด
บรรยากาศเริ่มชวนอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้าย [แม่มด] ก็ได้มอบคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถาม ซึ่งทำให้อัลเดบารันสับสนจนไปต่อไม่ถูก
เอคิดน่า: ――ตัวเราเนี่ยไม่ต่างจากนายเลย ช่างเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้เรื่องเหลือเกิน
อัล: …
หล่อนตั้งใจจะสื่ออะไร? ทำไมถึงเลี่ยงการตอบคำถามข้อนั้น? ถ้าหากเขาล้วงถามประเด็นนั้นต่อ มันจะเป็นการทำร้ายความรู้สึกของหล่อนไหม?
ตอนนั้นเอง [แม่มด] ก็ทักท้วงขึ้นราวกับสามารถอ่านใจเขาได้ เธอเหน็บว่าอัลไม่มีทางทำร้ายจิตใจแม่มดผู้ชั่วร้ายได้หรอก คิดอะไรเป็นเด็กไปได้
พอเห็นว่าอาจารย์กลับมาเป็นคนเดิม อัลเดบารันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในขณะที่ฝั่ง [แม่มด] ทักท้วงว่าอัลไร้ความเคารพต่อตัวเธอทั้งที่เรียกว่า “อาจารย์”
. [แม่มด] แซวอัลเดบารันที่แอบดูใบหน้าตอนหลับของตนพลางเคาะนิ้วที่โต๊ะเพื่อเสกถ้วยน้ำชาขึ้นมาสองใบสำหรับเขาและตัวเธอเอง
[แม่มด] ถามว่าอัลเดบารันอยากได้ขนมหวานด้วยไหม แต่เขาเลือกปฏิเสธเนื่องจากต่อให้กินอะไรที่นี่ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อิ่มท้องตอนกลับออกไปอยู่ดี
เอคิดน่า: พอได้ยินแบบนั้นแล้ว รู้สึกอยากให้กินยิ่งกว่าเดิมอีกนะ
อัล: นังคนนิสัยเสียนี่!
หลังจากที่ตะโกนด่านังแม่มด อัลเดบารันก็นั่งเท้าคางพลางเหลือบมองไปทางหล่อน หยาดน้ำตาหายไปจนไม่เหลือแล้ว กระนั้นเขาก็ยังคาใจไม่เลิก
สิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้มิใช่คำลวงอย่างแน่นอน กระทั่ง [แม่มด] ผู้เลอโฉมและเฉลียวฉลาดคนนี้ก็ยังมียามที่ร่ำไห้และสาปแช่งตนเองเช่นกัน
แต่ใครกันเล่าที่มอง [แม่มด] ผู้นี้เป็นตัวตนที่ล้มเหลวไม่ได้เรื่อง?
เอคิดน่า: หือ?
อัล: ――ไม่มีอะไรหรอกเฟ้ย ยัยอาจารย์ขี้เซา
ระหว่างที่หยิบถ้วยชามาดื่ม อัลเดบารันก็ตระหนักได้ว่าตนพลาดโอกาสในการถามเรื่องนั้นให้กระจ่างชัดไปแล้ว แถมยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสถามอีกไหม
หากโอกาสรอบหน้ามีอยู่จริง อัลจะอยากได้คำตอบไปเพื่ออะไรกัน?
เพราะว่าเขาแสวงหาความสงสารและความเห็นอกเห็นใจจากอีกฝ่ายอย่างงั้นหรือ?
อัล: ――กระทั่งท้องฟ้าดาวระยิบระยับของปลอมก็ยังคงสวยงามอยู่ดีจริงไหมล่ะ?
หรือที่จริงเขากำลังปรารถนาให้ดวงตาสีดำดุจท้องฟ้ายามราตรีคู่นั้นหันมองมาทางตนอย่างเปล่งประกายราวกับดาวบนฟ้ากันนะ?
อัลเดบารันผู้เป็นตัวตนที่ล้มเหลวไม่ได้เรื่องเช่นเดียวกับ [แม่มด] ไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดของคำถามนั้นเช่นกัน
จบบทนำ