re zero webnovel arc9 chapter37 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 37 "มายด์เซ็ต(กรอบแนวคิด)"

คลินด์: ――ท่านสุบารุกับท่านเบียทริซตกไปอยู่ในกำมือของบุคคลที่อ้างว่าชื่ออัลเดบารันขอรับ ‘เจ็บแค้นใจ’ ขณะนี้กำลังหามาตรการตอบโต้บุคคลนั้นอยู่โดยที่มีท่านเอมิเลียได้เป็นแกนหลักขอรับ ‘รายงาน’

คลินด์ใช้อำนาจบาป [โศกา] เทเลพอร์ตไปหารอสวาลและเฟรเดริก้าที่คฤหาสน์ตระกูลบาริเอลเพื่อรายงานสถานการณ์ให้ทั้งสองทราบ

เดิมทีรอสวาลก็ไม่เห็นด้วยที่สุบารุอยากพาอัลไปที่หอสังเกตการณ์เพลอาเดสอยู่แล้ว เพราะแค่การพาตัวสุบารุกับเรมออกจากจักรวรรดิก็เสียเวลาไปมากโข

เดิมทีจุดประสงค์หลักของรอสวาลก็คือการพาสุบารุกลับมาเท่านั้น ความปลอดภัยของเรมเป็นเพียงเรื่องรอง แถมการคัดสรรกษัตริย์ก็ควรจะรีบเดินหน้าต่อ

กระนั้นสุบารุก็ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจเรื่องอัล รอสวาลจึงยอมปล่อยผ่านเพื่อแลกกับผลประโยชน์ในการซื้อใจ “ชูลท์” ผู้ติดตามคนโปรดของพริสซิลล่า

ชูลท์กับอัลสนิทกันพอสมควร การช่วยเหลืออัลจึงทำให้ชูลท์รู้สึกติดหนี้บุญคุณฝ่ายเอมิเลีย ซึ่งจะเป็นรากฐานในการปั้นเรื่องราวให้เอมิเลียปกครองอาณาเขตบาริเอลต่อจากพริสซิลล่า

ทว่า การตัดสินใจปล่อยผ่านเรื่องนั้นดันกลายเป็นความผิดพลาด

. เฟรเดริก้าอดเป็นห่วงน้องชายมิได้ คลินด์จึงเล่าเสริมว่าการ์ฟีลพลาดท่าถูกอัลเดบารันเล่นงานจนหมดสติไป แถมเขายังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มร้อยเลย

เหตุผลหลักคือผืนทรายที่ปนเปื้อนไอพิษของเนินทรายออกุเลียทำให้ [พรคุ้มครองดวงจิตปฐพี] ของการ์ฟีลทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

รอสวาลแอบข้องใจที่การ์ฟีลเสียท่าทั้งที่น่าจะแกร่งกว่าอีกฝ่ายมาก เขาพออนุมานได้ว่าฝ่ายอัลอาจจะเล่นงานทางจิตใจหรือใช้ประโยชน์จากความใจอ่อน

คลินด์พูดเป็นนัยว่าการ์ฟีลไม่ผิด แต่เฟรเดริก้ากลับมีท่าทีไม่พอใจ ที่จริงรอสวาลเองก็รู้ต้นเหตุที่ทั้งสองเริ่มห่างเหินกันและแอบเห็นใจฝั่งคลินด์อยู่

คลินด์อธิบายเสริมว่าอัลเดบารันได้ชิงเปลือกมกรของ [มังกรเทพ] มาใช้ แถมยังยับยั้ง [นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ดที่ตามมาเป็นกำลังเสริมได้อีกต่างหาก

สถานการณ์ที่นครหลวงเองก็โกลาหลไปหมด คลินด์จึงร้องขอความช่วยเหลือจากรอสวาลท่ามกลางความสับสนของเฟรเดริก้า

. รอสวาลทำการประมวลผลข้อมูลมหาศาลที่คลินด์เล่าให้ฟัง เพราะเขาจำเป็นต้องตัดสินใจว่าควรที่จะทำตามคำสัญญาที่กำชับไว้กับสุบารุดีไหม

นัตสึกิ สุบารุเคยปฏิญาณไว้ว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ [แดนศักดิ์สิทธิ์] เขาจะไม่ยอมสูญเสียเหล่าคนสำคัญไปอีกเป็นอันขาด

แต่ถ้าหากสุบารุรักษาสัญญาไม่ได้ขึ้นมา รอสวาลก็จะทำการสังหารหมู่พวกพ้องที่เหลืออยู่เพื่อบีบบังคับให้สุบารุย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ใหม่

ตอนที่พริสซิลล่าเสียชีวิต รอสวาลตัดสินใจลำบากอยู่เช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านเนื่องจากการตายของหล่อนเป็นประโยชน์ต่อเอมิเลีย

แต่ต่อให้ตัดเรื่องคู่แข่งทางการเมืองออกไป รอสวาลก็อยากที่จะเคารพการตัดสินใจของพริสซิลล่าที่ตั้งใจเลือกจุดจบของตนเอง

รอสวาลเชื่อว่าความมุ่งมั่นของพริสซิลล่ามิควรถูกแก้ไข และตราบใดที่เธอไม่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายส่วนตัวของเขา รอสวาลก็ยอมปล่อยผ่านได้

ประเด็นคือสถานการณ์ในปัจจุบันมันเลวร้ายจนสมควรบีบบังคับให้สุบารุเริ่มต้นใหม่แล้วหรือยัง หากอ้างอิงจากคลินด์ ก็ยังไม่มีความสูญเสียสำคัญใดๆ เกิดขึ้น

รอสวาล: ――เบียทริซ

อนาคตยังคงไม่แน่นอนก็จริง แต่รอสวาลอยากที่จะลองฝากความหวังไว้กับเบียทริซผู้ถูกศัตรูจับตัวไว้เช่นเดียวกับสุบารุ

ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นมหาวิญญาณธาตุเงาผู้ถูกสร้างขึ้นโดยจอมเวทผู้เก่งกาจที่สุด [แม่มดแห่งโลภะ] เอคิดน่าและไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นวิญญาณคู่หูที่พร้อมจะปกป้องสุบารุสุดใจ

มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่มิอาจหาตรรกะอะไรมาช่วยอ้างอิงได้ กล่าวคือ ความรู้สึกที่รอสวาลอยากจะเชื่อมั่นในตัวของเบียทริซ

. ชูลท์: ――ท่านมาร์เกรฟ ได้โปรดไปเถอะขอรับ

หลังจากที่เงียบมาสักพัก ชูลท์ก็กล่าวขอโทษและร้องขอให้รอสวาลช่วยไปหยุดยั้งอัลอีกแรง โดยที่คนของคฤหาสน์บาริเอลพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

รอสวาล: หากจะทำตามความปรารถนาของท่านชูลท์อย่างเต็มที่แล้วล่ะก็ เกรงว่าจะทิ้งเฟรเดริก้าไว้ไม่ได้ เพราะว่าท่านอัลเขามี [มังกรเทพ] อยู่ด้วยนั่นแหละน้า~

เฟรเดริก้า: นายท่านคะ ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไง…

คลินด์: ――ในส่วนของเรื่องนั้น กระผมขอเป็นคนจัดการเองครับ ‘ยกมือ’

ก่อนที่รอสวาลจะทันได้เผยความเกี่ยวข้องระหว่างเฟรเดริก้ากับ [มังกรเทพ] ให้เจ้าตัวทราบ คลินด์ก็ได้อาสาจัดการปัญหานั้นเองเสียก่อน

คลินด์: ประกายแสงจากดวงจิตอันเจิดจรัสได้ช่วยผลักดันจนมิอาจเป็นเพียงคนนอกได้อีกต่อไป ‘อิจฉา’

. รอม: ――ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะสามารถย้อนเวลากลับไปยังอดีตที่ล่วงเลยมาแล้วได้ แต่ว่าย้อนกลับไปได้ไม่ค่อยไกลล่ะนะ

หลังจากที่ปู่รอมประกาศเช่นนั้น ดวงตาของเอมิเลียก็เบิกกว้าง ในขณะที่เรมกระพริบตาปริบๆ รัมชำเลืองด้วยสายตากังขา ส่วนเมลี่ก็เอียงคออย่างงุนงง

เพทร่า: ย้อนเวลากลับไป นั่นมัน…

【สุบารุ: ――[หวนกลับจากความตาย]】

เพทร่าแอบตื้นตันใจที่ตนเองได้ข้อสรุปเดียวกับบุคคลที่รัก ที่สำคัญคือข้อสันนิษฐานของปู่รอมนั้นสมเหตุสมผลกับวีรกรรมอันน่าเหลือเชื่อของอัลที่ผ่านมา

มันมีความเป็นไปได้ที่อัลจะเป็นผู้ถือครองพลัง [หวนกลับจากความตาย] เช่นเดียวกับสุบารุ

【สุบารุ: เจ้าอัลเองก็เป็นคนจากต่างโลกเหมือนกับชั้นนี่ เพราะงั้น ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการปลุกพลังแบบเดียวกันมันก็พอมีอยู่ เอาจริงๆ แพทเทิร์นทำนองนี้มันก็เห็นได้โคตรบ่อยในแนวต่างโลกเลยนี่หว่า แต่ดันไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยซะงั้น …สะเพร่าแท้เรา!】

เพทร่า: แสดงว่าคุณอัลเขาเหมือนกับสุบารุเลยสินะ?

【สุบารุ: อา มีโอกาสเป็นแบบนั้นสูงเลยล่ะ ไม่สิ ถึงจะเป็นพลังแนวลีปเหมือนกันก็เถอะ มีความเป็นไปได้ที่ของอัลอาจจะเป็นไทป์ที่ใช้งานสะดวกกว่าอยู่แหละนะ ในเรื่องแนวนี้มีสูตรสำเร็จที่ว่าพลังจะไม่เหมือนกันเป๊ะอยู่แล้ว การดื่มด่ำความแตกต่างเหล่านั้นนี่แหละคือหนึ่งในรสชาติของการเสพแนวต่างโลกเลยล่ะ】

. ถ้าหากอัลมีพลังแนวไทม์ลีปที่คล้ายกับ [หวนกลับจากความตาย] อยู่จริง แสดงว่าสุบารุเองก็อาจจะสามารถหลบหนีจากไรน์ฮาร์ดหรือหลอกล่อเขามาติดกับได้เหมือนกัน แต่อาจจะต้องตายเป็นร้อยรอบกว่าจะสำเร็จ

ส่วนตัวเพทร่าไม่ค่อยประทับใจในตัว [นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอาเหมือนคนอื่นเขาเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งก็เพราะเธอมิได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว

แต่เหตุผลหลักคือเพทร่ามองว่าสุบารุที่สามารถสร้างผลงานเกินความคาดหมายผู้อื่นได้นั้นน่าประทับใจกว่าไรน์ฮาร์ดที่เก่งตามความคาดหมายเป็นไหนๆ

เพราะงั้นการได้เห็น [สุบารุ] ด้อยค่าตัวเองเมื่อเทียบกับไรน์ฮาร์ดจึงทำให้เธอแอบเศร้า เนื่องจากเพทร่าอยากให้เขาภาคภูมิใจต่อผลงานตนเองมากกว่านี้

เพทร่านั่งนับดูและพบว่าปัจจุบันคนที่ตระหนักถึงความสุดยอดของสุบารุคงจะมีเพียงตัวเธอ เอมิเลีย เรม เบียทริซ และพาทรัช ซึ่งก็มากเพียงพอแล้ว

ต่อให้มีคนหลงเสน่ห์สุบารุเพิ่มเติมก็คงมิอาจฝ่าวงล้อมนี้เข้ามาได้ง่ายๆ อีกอย่างเพทร่าเองก็เชื่อมั่นว่าสุบารุจะให้ความสำคัญกับเอมิเลียเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

. รัมเริ่มเข้าใจว่าอัลเดบารันเป็นตัวอันตรายขนาดไหน แต่เอมิเลียกับเรมยังคงคิดตามไม่ทันว่าการย้อนเวลากลับได้มันโกงตรงไหน

ดังนั้น เพื่อเป็นการสาธิตให้สองสาวเข้าใจได้ง่ายๆ รัมจึงหยิบเหรียญทองที่แกะสลักเป็นรูป [มังกรเทพ] วอลคานิก้าออกมาและแสร้งทำเหรียญหลุดมือแบบกะทันหัน

ความตั้งใจของรัมคือการยกตัวอย่างว่า “ถ้าหากพวกเอมิเลียรู้ล่วงหน้าว่าเหรียญจะหลุดจากมือรัม พวกเธอก็อาจจะคว้าเหรียญไว้ได้ทัน”

เอมิเลีย: เกือบไปแล้ว! โธ่ รัมนี่ล่ะก็ ซุ่มซ่ามจังเลยนะ

เรม: ท่านพี่เนี่ย บางครั้งก็แอบมีมุมเผลอเรอด้วยสินะคะ ส่วนนั้นเองก็เป็นเสน่ห์ของท่านพี่เหมือนกันค่ะ

ทว่า เอมิเลียดันคว้าเหรียญทองได้ทันก่อนที่มันจะตกถึงพื้นตั้งแต่รอบแรก การสาธิตของรัมจึงล้มเหลวแบบผิดคาดจนเธอทำหน้านิ่ว

เพทร่าปล่อยให้รัมกับปู่รอมเป็นคนอธิบายพลังย้อนเวลาให้สองสาวฟัง เพื่อที่เธอจะได้ปลีกตัวออกมาคิดหาหนทางรับมืออัล

. ตอนนั้นเองที่เมลี่ได้เข้ามาทักทาย ที่จริงเธอก็ยังไม่เข้าใจหลักการของไทม์ลีปเช่นกัน กระนั้นเมลี่กลับเลือกที่จะให้ความสำคัญกับอาการหน้าซีดของเพทร่าก่อน

เมลี่ช่วยเก็บเรื่องที่เพทร่าอ่าน [คัมภีร์ผู้วายชนม์] ไว้เป็นความลับ แต่เธอก็อดกังวลเรื่องผลกระทบไม่ได้ เห็นได้ชัดจากหน้าผากที่ร้อนผ่าวของเพทร่า

เพทร่าไม่ได้เป็นไข้แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าสมองของเธอกำลังทำงานหนักเนื่องจากต้องใช้ความคิดเยอะ แถมยังต้องประมวลอารมณ์และความคิดของ [สุบารุ] อีกต่างหาก

ฟลูเกลผู้สร้างหอคอยคงจะเป็นบุคคลไทป์ที่คิดว่าหากตัวเขาสามารถอ่านคัมภีร์ได้โดยไม่เป็นไร คนอื่นก็ควรจะทำได้เช่นกัน พอคิดเช่นนั้นแล้วเพทร่าก็แอบเคืองไม่เบา

แต่ถ้าหากปราศจากหอสมุดแห่งนั้นไป เพทร่าก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งสำคัญหลายอย่าง เพราะงั้นต่อให้สมองจะถูกต้มจนเดือด เธอก็จะไม่หยุดแค่นี้

เพทร่า: ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ปู่รอมพูดมามันถูกต้อง และอำนาจของคุณอัลเป็นไปตามที่ฉันจินตนาการแล้วล่ะก็…

【สุบารุ: เพทร่า?】

[สุบารุ] กับเมลี่ก็จดจ้องมาทางเธอด้วยสีหน้าฉงนที่คล้ายกันจนน่าขำ แต่เพทร่าต้องกลั้นหัวเราะไว้เพื่อกล่าวต่อว่า…

เพทร่า: ――ตัวฉัน อาจจะค้นพบจุดอ่อนของคุณอัลแล้วก็ได้

. เฟลท์: ――คนที่ทำให้แม่ของไรน์ฮาร์ดหลับไปก็คืออีตาไรน์ฮาร์ดเองงั้นเรอะ

ตั้งแต่วินาทีที่ได้พบกับไรน์ฮาร์ด ชีวิตของเฟลท์ก็ปั่นป่วนไปหมด มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขานัก

เขาทั้งเห็นเธอร้องไห้หลังเหตุการณ์ที่โกดังของเถื่อนและชอบใช้ความเก่งเทพขัดขวางการตัดสินใจหนีของเธอ แต่ที่หนักหนาสุดคือไรน์ฮาร์ดชอบยอมแพ้ในหลายเรื่องมาก

ไม่ว่าจะในฐานะราชสีห์ มังกร หรือมนุษย์ ไรน์ฮาร์ดก็ถือเป็นบุคคลใจเสาะที่ตรงข้ามกับปรัชญา [มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง] ของเฟลท์อย่างสิ้นเชิง

เฟลท์: ――ไม่อ่ะ แบบนั้นมันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่นี่หว่า

ถึงเฟลท์จะอนุมานว่าไรน์ฮาร์ดเกี่ยวข้องกับการหลับใหลของลูอันน่า แอสเทรอา แต่ตัวไรน์ฮาร์ดเองมิเคยแสดงออกให้เห็นว่าตัวเขามีส่วนในเรื่องนั้นเลย

เฟลท์มั่นใจว่าไรน์ฮาร์ดมิใช่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอจะปกปิดเรื่องสำคัญขนาดนั้นเป็นความลับได้ ภายในฝ่ายเองก็ชอบล้อกันบ่อยๆ ว่าเขาเซ่อซ่าขนาดไหน

. แฟรมกับกราซิสชอบเหน็บแนมไรน์ฮาร์ด้วยความเอ็นดู แกสตอน ราจินส์ และแคมบาลี่ไร้ความเคารพต่อไรน์ฮาร์ดอย่างสิ้นเชิงและก่นด่าเขาเป็นประจำ

เอซโซ่เองก็บ่นเรื่องการบริหารเขตแดนที่ผ่านมาของตระกูลแอสเทรอาอยู่เป็นนิจ ส่วนปู่รอมก็มีอคติส่วนตัวต่อตำแหน่ง [นักดาบเทวา] ตั้งแต่แรก

แน่นอนว่าบุคคลปากเสียที่ชอบล้อเลียนความเป็นอัศวินในอุดมคติของไรน์ฮาร์ดมากที่สุดก็มิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นตัวเฟลท์เอง

แล้วไรน์ฮาร์ดตอบสนองอย่างไรที่ผู้คนในฝ่ายเฟลท์ปฏิบัติต่อตัวเขาราวกับเป็นบุคคลเซ่อซ่า แทนที่จะตั้งความมุ่งหวังหรือวาดภาพตัวเขาในอุดมคติเอาไว้?

เขาหัวเราะ

หัวเราะอย่างสุขใจ หัวเราะจากใจจริง มิใช่การกลบเกลื่อน ต่อให้ไรน์ฮาร์ดจะปิดบังความรู้สึกเก่งแค่ไหน เขาก็มิอาจแสร้งหัวเราะได้อย่างแน่นอน

นั่นคือข้อสรุปของเฟลท์ในฐานะบุคคลที่มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของไรน์ฮาร์ด

. เฟลท์ตระหนักได้ว่านิสัยเก็บความลับไม่เก่งของไรน์ฮาร์ดเป็นสิ่งที่เขาได้รับสืบทอดมาจากบิดา เห็นได้ชัดจากอาการของไฮน์เคลที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นอยู่เบื้องหน้าเธอ

สีหน้าของเขาเป็นดั่งบุคคลที่กำลังสิ้นหวังเนื่องจากความลับที่มิควรแพร่งพรายถูกเปิดเผย มันคือความสิ้นหวังที่รุนแรงจนแทบจะกลืนกินชีวิตของไฮน์เคลได้เลย

ไฮน์เคล: ――อา… อึก… ไม่นะ… กรอด…

เฟลท์ไม่เคยสนใจสืบประวัติส่วนตัวของไรน์ฮาร์ดเลย กระนั้นเธอก็พอจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขาและได้ทราบมุมมองของสาธารณชนมาบ้าง

เฟลท์รู้ว่าไรน์ฮาร์ดได้รับ [พรคุ้มครองนักดาบเทวา] สืบทอดต่อจาก [นักดาบเทวา] รุ่นก่อน เทเรเซีย วาน แอสเทรอา

เฟลท์รู้ว่าไรน์ฮาร์ดในวัย 8 ปีเคยหยุดยั้งแผนการบุกรุกราชอาณาจักรที่มีผู้นำจอมเล่ห์เหลี่ยมจากอีกสามประเทศชักใยอยู่เบื้องหลัง

เฟลท์รู้ว่าช่วงที่ไรน์ฮาร์ดพึ่งเข้าร่วมภาคีอัศวินใหม่ๆ นั้นเป็นช่วงเวลาแสนอัปยศที่เขายอมทำตามสิ่งที่ไฮน์เคล แอสเทรอาสั่งทุกอย่างโดยไร้การต่อต้าน

. ไรน์ฮาร์ดไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวและเฟลท์เองก็ไม่เคยคิดจะถามก้าวก่าย แต่เธอเคยสืบประวัติไฮน์เคลมาบ้างเพื่อศึกษาเกี่ยวกับผู้กุมอำนาจของตระกูลแอสเทรอา

ผู้คนรับรู้โดยทั่วกันว่าไฮน์เคลเป็นบุคคลที่ล้มเหลวทั้งในฐานะอัศวินและพ่อคน กระนั้นไฮน์เคลก็มิใช่ขุนนางติดหรูที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของตระกูลอย่างสุรุ่ยสุร่ายเลย

ทุกครั้งที่ไฮน์เคลแอบอ้างชื่อเสียงหรืออำนาจของตระกูลแอสเทรอา เขาทำไปเพื่อเสาะหาหนทางในการปลุกลูอันน่าให้ตื่นทั้งสิ้น

ทว่า ทั้งๆ ที่ไฮน์เคลยอมอุทิศชีวิตไปกับการช่วยเหลือภรรยาและสามารถสั่งการไรน์ฮาร์ดได้ตามใจชอบอยู่ช่วงหนึ่ง เขากลับไม่เคยขอให้ลูกชายช่วยเหลือในการหาทางปลุกภรรยาเลย

เหตุใดไฮน์เคลจึงพยายามกีดกันไรน์ฮาร์ดออกไปจากการช่วยภรรยาขนาดนั้น ทั้งที่นั่นควรจะเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญลำดับสูงสุด

เว้นเสียแต่ว่าผลกระทบจากการปล่อยให้ลูกชายเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนั้นจะเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักความสำคัญสูงพอๆ กัน

เฟลท์: วิธีการแสดงความใส่ใจของแก… วิธีการแสดงความใส่ใจของนายน่ะ มันบิดเบี้ยวสิ้นดี

ไฮน์เคล: ――กรอด

ประกายแสงพวยพุ่งมาพร้อมกับสายลมและรังสีดาบในชั่วพริบตา พอรู้ตัวอีกที เฟลท์ก็พบว่าไฮน์เคลกำลังจ่อปลายดาบมาที่ลำคอของเธอ

. ไฮน์เคล: เลิกพล่าม…เรื่องที่ไม่จำเป็น…สักที

เฟลท์: เฮ้ย ขอบอกไว้เลย…

ไฮน์เคล: ห้ามขยับนะว้อย!

ไฮน์เคลตะคอกเสียงดังด้วยดวงตาแดงก่ำ แถมฟองอากาศก็เริ่มก่อตัวที่มุมปาก เฟลท์สัมผัสได้ว่าคราวนี้อีกฝ่ายเอาจริง มิได้ขู่เลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้

[จิตสังหาร] ของไฮน์เคลมิได้มาจากความเกลียดชังหรือความโกรธ หากแต่เป็นสัญชาตญาณป้องกันตนเองที่ถูกปลุกขึ้นมาเพราะเฟลท์ลามปามมากเกินไป

ไฮน์เคล: เรื่องนี้คือปัญหาภายใน ไม่ยอมปล่อยให้คนนอกเข้ามาสอดได้หรอก ยิ่งเป็นเด็กเปรตอย่างแกยิ่งแล้วใหญ่ ขืนปล่อยให้รู้มากไปกว่านี้――

เฟลท์: ――รู้มากไปกว่านี้? แสดงว่ายังมีเรื่องปิดบังอยู่อีกงั้นเรอะ

ไฮน์เคล: ――กรอด หนวกหูว้อย!

เฟลท์เผลอเอ่ยขัดตามสัญชาตญาณ แต่นั่นทำให้อารมณ์ของไฮน์เคลปะทุเดือดดาล เขาง้างดาบกลับออกมาเพื่อฟันกลับเข้าไปใหม่อย่างรวดเร็ว

. อัล: ขอเถอะนะ อย่าไปยั่วโมโหเตี่ยเขาเลย

ไฮน์เคล: อ่อก!?

ทันใดนั้นเอง อัลเดบารันก็ปรากฏตัวออกมาและใช้ดาบมังกรศิลาหวดใส่ไฮน์เคลจนสลบเหมือดและล้มไปกองอยู่กับพื้น

คำพูดของอัลเดบารันบ่งชี้ว่าเขาแอบฟังบทสนทนาระหว่างเฟลท์กับไฮน์เคลอยู่ แล้วจงใจโผล่มาขัดเพียงเพราะว่าเฟลท์ตกอยู่ในอันตราย

แทนที่จะขอบคุณ เฟลท์จึงแลบลิ้นใส่อัลเดบารันด้วยความโมโห อย่างน้อยก็เคราะห์ดีที่ไฮน์เคลแค่สลบไป เพราะเขาล่วงรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับไรน์ฮาร์ด

[นักดาบเทวา] มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลับใหลของมารดาตนเอง แต่ความลับมิได้จบลงแค่นั้น อะไรกันที่ไฮน์เคลยังปิดบังเอาไว้อยู่อีก?

ไฮน์เคลที่สลบไปยังคงกำดาบไว้ในมือแน่น เฟลท์จึงสวมปลอกดาบคืนให้แก่ดาบ [แอสเทรอา] ที่แผ่รังสีอันเยือกเย็นและไร้ปรานีจนน่าโมโหออกมา

. จบตอน