re zero webnovel arc9 chapter39 แปลไทย

บทที่ 9 ตอนที่ 39 "เส้นกั้นสุดท้าย"

【ยาเอะ: ――ท่านอัลคะ เลิกโหยหายดวงตะวันเสียดีกว่าไหม?】

อัลเดบารันมิอาจเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของ “ยาเอะ เทนเซ่น” ผู้กล่าวออกมาเช่นนั้นในยามที่เขากำลังจนมุมได้เลยสักนิด

ทั้งที่เขาควบคุมเธอด้วยความกลัว ผูกมัดเธอความเกลียดชัง และชักจูงเธอด้วยความอยากแก้แค้น เหตุใดยาเอะถึงได้ตอบสนองเช่นนั้นกัน?

อัล: ――กางอาณาเขต ตั้งค่าเมทริกซ์ใหม่

เลิกที่จะคิดหาคำตอบไปเสียดีกว่า เพราะถึงอย่างไรก็มีอย่างหนึ่งที่แน่ชัด ――คำแนะนำของยาเอะได้ช่วยปลดปล่อยโซ่ตรวนออกจากอัลเดบารัน

จิตใต้สำนึกของอัลได้ใส่เบรกไว้กับอำนาจแสนทรงพลังของเขา พอปลดโซ่ตรวนนั้นออกไป ทางเลือกของอัลจึงกว้างขึ้นแบบไม่นับไม่ถ้วน

อัล: เล็งเป้า สิบสองนาฬิกาถึงสามนาฬิกา ――จัดการเลย อัลเตอร์

อัลเตอร์: ออลไรต์ ออริจิน

หลังใช้ [คัมภีร์ผู้วายชนม์] เพื่อแจ้งเจตจำนงค์ อัลเดบารันที่ไม่เกี่ยงการถูกเรียกว่า “ออริจิน” อีกต่อไปก็มอบหมายคำสั่งให้ “อัลเตอร์(มังกรเทพอัล)” พ่นลมหายใจ

ลมหายใจ [มังกรเทพ] ในสเปคแบบเต็มพิกัดนั้นมีพลังทำลายล้างสูงถึงขั้นที่กระทั่ง [นักดาบเทวา] ไรน์ฮาร์ด วาน แอสเทรอายังปัดป้องแทบมิได้

ลมหายใจ [มังกร] แบบเต็มพิกัดมีรัศมีทำลายล้างหลายกิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือมนุษย์ที่อยู่ในเส้นทางก็ล้วนแต่จะถูกแสงสีขาวกลืนหายไปโดยไม่ทันได้เจ็บปวด

แล้วอัลเดบารันก็พึ่งออกคำสั่งให้อัลเตอร์พ่นลมหายใจดังกล่าวใส่สนามรบที่ไร้ซึ่ง [นักดาบเทวา] ไม่สิ ไม่ใช่สนามรบด้วยซ้ำ

. พื้นที่ทางทิศสิบสองนาฬิกาถึงสามนาฬิกาถูกลำแสงเผาทำลายจนไม่เหลือซาก จำนวนชีวิตที่ต้องตกเป็นเหยื่อสังเวยน่าจะถึงหลักหมื่นได้เลย

มีเพียงรอย อัลฟาร์ดที่หัวเราะเฮฮากับการกวาดล้างของทรราชครั้งนี้ได้ ส่วนสมาชิกกลุ่มคนอื่นมีทั้งผู้ที่ยินดี เข้าใจ ยินยอม และหวาดกลัว

ไม่มีผู้ใดกล่าวตำหนิการตัดสินใจของอัลเดบารัน เพราะทุกคนล้วนแต่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา แม้กระทั่งคนที่มิได้ตั้งใจจะเข้าร่วมตั้งแต่แรก

ลมหายใจมังกรมิได้ถางแค่ผืนดินออก มันส่งผลกระทบต่อผืนฟ้าด้วย หมู่เมฆถูกแหวกออก ส่งผลให้หยาดฝนและสายลมถูกปัดเป่าออกไป

อัล: พลาดเป้าสินะ

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ไม่เกรงกลัวต่อความพิโรธของ [มังกรเทพ] แต่แล้วกลับมีฝูงนกบินมาดูร่องรอยจากการอาละวาดอย่างผิดธรรมชาติ

สัตว์โลกส่วนใหญ่ไม่มีทางทำอะไรที่ขัดต่อสัญชาตญาณหลีกเลี่ยงอันตราย นี่จึงเป็นหลักฐานว่าการแทรกแซงจากพรคุ้มครองยังคงมีอยู่

อัล: ――ต่อไปเลย

ดังนั้น อัลเดบารันจึงกัดซองบรรจุยาพิษให้ขาดและกลืนพิษร้ายลงคอ

×  ×  ×

อัล: เล็งเป้า สามนาฬิกาถึงหกนาฬิกา ――จัดการเลย อัลเตอร์

หลังจากที่ย้อนกลับมายังจุดรีสตาร์ท อัลเดบารันก็ออกคำสั่งให้ [มังกร] เผาทำลายแอเรียต่อไปโดยทันที

. อัล: เล็งเป้า หกนาฬิกาถึงเก้านาฬิกา ――จัดการเลย อัลเตอร์

อัล: เล็งเป้า หกนาฬิกาถึงแปดนาฬิกา ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย

อัล: เล็งเป้า ที่หกนาฬิกาถึงเจ็ดนาฬิกา

อัล: เล็งเป้า เจ็ดนาฬิกาตายตัว ปรับแก้พิสัยการยิง ลมหายใจ 80%

อัล: 70%

อัล: 60%

อัล: 65%

อัล: 65.5%

อัล: ――65.5% ยืนยัน

. หลังจากที่ยาเอะ เทนเซ่นช่วยเตือนสติว่าเขากำลังยึดติดกับวิธีการที่ขาวสะอาดเกินไป อัลเดบารันก็ปรับเปลี่ยนแนวทางใหม่อีกครั้ง

――พันธะผูกมัดห้ามสังหารคือสิ่งที่อัลเดบารันกำหนดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเนื่องจากความเย่อหยิ่งของตัวเขาเอง

ในโลกที่ดวงตะวันดับสิ้นไปแล้ว อัลเดบารันได้ผูกโซ่ตรวนไว้กับอำนาจของตนเพื่อลดทอนความสูญเสียจากภารกิจกำจัดนัตสึกิ สุบารุตามจุดประสงค์กำเนิด

ยาเอะช่วยให้อัลตระหนักได้ว่าที่จริงอำนาจ [อาณาเขต] ของเขาสามารถหักล้างการตายทั้งหมดในโลกที่ถูกรีเซ็ตได้จนกว่าเมทริกซ์จะสิ้นสุดลง

ด้วยเหตุนั้น ตราบใดที่สุดท้ายมีผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์ การตายระหว่างทางในโลกที่ถูกรีเซ็ตก็จะถือเป็นโมฆะ ไม่ขัดต่อพันธะ [ห้ามสังหาร] แต่อย่างใด

. ความยุ่งยากในการหาตัวออตโต้คือเขาเป็นสายระวังตัวแจ มีไพ่ในมือให้เล่นแทบไม่จำกัด แถมการปั่นป่วนแต่ละอย่างก็รับมือลำบากมากๆ

กระนั้นวิธีการก็มิได้ซับซ้อน อัลเดบารันรู้ว่าออตโต้ใช้ดวงตาของแมลง ปลา และสัตว์ตัวเล็กในการสอดแนมความเคลื่อนไหวของพวกตน

พรคุ้มครองของอีกฝ่ายน่าจะมีระยะหวังผลที่จำกัดอยู่ แถมคำสั่งก็ดูจะไม่ส่งผลทันทีทันใด แสดงว่าไม่ใช่ทั้งเทเลพาธีหรือการล้างสมองอย่างแน่นอน

ออตโต้จำเป็นต้องมอบคำสั่งด้วยปากเปล่ากับพวกสัตว์ทุกครั้ง เพราะงั้นเขาน่าจะต้องสะกดรอยตามกลุ่มอัลอยู่ในระยะห่างที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป

อัลเดบารันจึงทยอยคัดกรองแอเรียให้แคบลงเรื่อยๆ โดยอาศัยการโจมตีด้วยลมหายใจมังกรแบบไล่ไปตามคล็อกโพสิชั่น(ทิศเข็มนาฬิกา)

หลังจากที่อัลเตอร์เปิดฉากโจมตีแบบเล่นใหญ่ ออตโต้จะถูกบีบให้เผยไพ่ในมือ ซึ่งก็คือการส่งฝูงสัตว์ไปตรวจสอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ถ้าหากมีการหงายไพ่ดังกล่าวออกมา ก็แสดงว่าออตโต้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าหากไม่มีการหงายไพ่เล่นต่อ ก็แสดงว่าเขาตายไปแล้ว

อัลเดบารันใช้ [อาณาเขต] ย้อนเหตุการณ์ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถระบุตำแหน่งของออตโต้แบบใกล้เคียงที่สุดได้

ต่อให้จะมีสัตว์ป่าหรือผู้คนในเมืองโดนลูกหลงจากการค้นหาไปมากมายขนาดไหน ยอดบัญชีคนเสียชีวิตท้ายที่สุดก็จะเป็นศูนย์เนื่องจากผลของ [อาณาเขต] อยู่ดี

. ――อัลเดบารันรีเซ็ตไปทั้งหมด 714 รอบกว่าที่เขาจะสามารถระบุตำแหน่งของออตโต้ ซูเวนได้สำเร็จ

พอนับรวมกับการรีเซ็ตเพื่อขจัดออตโต้ออกไปจากเมมเบอร์กลุ่มเดินทางไปยังหอคอยแล้ว ตัวเลขโดยรวมจะพุ่งสูงถึง 1,347 รอบ

ไม่มีอะไรน่าเหนื่อยหน่ายไปกว่าการถูกเล่นงานโดยศัตรูที่เคยกำจัดทิ้งไปแล้ว จึงอาจกล่าวได้ว่าออตโต้สร้างความลำบากให้แก่อัลยิ่งกว่า [นักดาบเทวา] และ [อสูรดาบ] เสียอีก

ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่อัลเดบารันยอมทุ่มไพ่ในมือหมดหน้าตักเพื่อจับตัวศัตรูน่าเกรงขามอย่างออตโต้ให้มันรู้แล้วรู้รอด

ยาเอะล่วงหน้ามาจับตัวออตโต้ก่อนโดยอาศัยวิธีการให้อัลเตอร์ขว้างตัวเธอในขณะที่กำลังบินอยู่ จากนั้นเธอก็ใช้ลวดเหล็กสร้างคุชชั่น(เบาะรองกระแทก)ตอนลงจอด

ถ้าหากไฮน์เคลเป็นคนที่ถูกขว้างมาแทน เขาคงจะพุ่งทะลุภูเขาจนเกิดเป็นหลุมรูปร่างไฮน์เคลเกิดขึ้นมาแล้ว แถมเจ้าตัวก็น่าจะรอดตายอีกด้วย

ทว่า ถึงแม้ว่าอัลเดบารันจะเชื่อมั่นในความถึกทนของเขาแค่ไหน สภาพจิตใจของไฮน์เคลก็ยังไม่เหมาะสมที่จะรับบทบาทสำคัญอยู่ดี

ยาเอะ: ท่านอัล ทางนี้ค่าทางนี้ค่า~

อัลเตอร์บินลงจอดตรงบริเวณใกล้เคียงกับที่ยาเอะโบกมือให้ พอกระโดดลงจากหลังมังกร อัลเดบารันก็เห็นออตโต้ที่ถูกห้อยอยู่กับต้นไม้

ยาเอะจับมกรปฐพีเกล็ดสีฟ้าอ่อนที่มากับออตโต้มัดลวดไว้ด้วย เจ้ามกรพยายามดิ้นพล่านเพื่อช่วยเจ้านายจนมันถูกลวดเหล็กบาดเลือดไหล

อัล: ความภักดีของมกรปฐพีนี่สุดยอดสมคำร่ำลือเลยแฮะ พอมานึกดูแล้ว พาทรัชรุ่นปัจจุบันเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันนี่นะ

ยาเอะเปลี่ยนใจไม่ลงมือทำร้ายมกรปฐพีเพื่อขู่ให้ออตโต้เลิกขัดขืน เพราะนั่นน่าจะส่งผลตรงกันข้ามมากกว่า ซึ่งอัลก็มองว่าเธอตัดสินใจถูกต้องแล้ว

. ปัจจุบันออตโต้ถูกลวดเหล็กพันทั่วทั้งร่างจนกลายเป็นดักแด้สีเงิน เขามองไม่เห็นแสง ไม่ได้ยินเสียง แถมยาเอะยังเปิดรูให้อากาศเข้าแค่ทางข้อเท้าเท่านั้น

แค่จะหายใจอย่างเดียวก็คงเต็มกลืนแล้ว แต่ยาเอะจำเป็นต้องตัดช่องทางคอมมิวนิเคชั่นทุกรูปแบบออกไป เพราะออตโต้ทั้งอันตรายและน่ารำคาญถึงเพียงนั้น

ยาเอะ: แต่ว่า ส่วนที่ดีที่สุดก็คือการที่ท่านอัลยอมกลายเป็นสัตว์ประหลาดเต็มตัวสักทีนี่แหละค่ะ ละทิ้งความเป็นมนุษย์แสนไร้ค่าและยอมโอบรับการเป็นอสุรกายอย่างแท้จริงแทน

ที่จริงความขัดแย้งระหว่างไฮน์เคลกับเฟลท์ก็ยังคงน่ากังวลอยู่ แต่ตอนนี้อัลเดบารันทำได้เพียงแค่ใช้มาตรการรับมือแบบชั่วคราวไปก่อนเพื่อจดจ่อกับปัญหาตรงหน้า

อัล: ――ในที่สุด ก็เช็คเมต(รุกจน)เสียที

เกมวิ่งไล่จับอันยาวนานกับออตโต้จบลงเสียที สิ่งที่อัลเดบารันต้องทำหลังจากนี้คือการขจัดเขาออกไปจากเกมอย่างถาวร

ยาเอะแนะนำให้ทำลายดวงตา หู ลิ้น และแขนขาของอีกฝ่ายทิ้ง แต่การทำเช่นนั้นไม่ต่างอะไรจากการประกาศสันติภาพหลังจากที่ตัดแขนขาทุกคนในโลก

อัลเดบารันมองว่าสิ่งที่เขาควรจะช่วงชิงไปจากออตโต้ ซูเวน คือ “เหตุผลที่ต่อสู้” ต่างหาก

อัล: ――รอย ขอปรับลดขอบเขตส่งผลของอักขระคำสาป ถึงตาแกแล้ว

. สิ่งหนึ่งที่พวกอัลเดบารันเข้าใจผิดเกี่ยวกับ [พรคุ้มครองประกาศิต] ก็คือ “การสั่นสะเทือนของเสียง” นั้นถือเป็นการสื่อสารด้วยเสียงประเภทหนึ่งด้วยเช่นกัน

เพราะงั้นต่อให้จะถูกปิดหูเอาไว้ ขอเพียงแค่การสั่นสะเทือนมาถึงร่างกาย [พรคุ้มครองประกาศิต] ก็จะแปลเจตจำนงค์ของข้อความให้ออตโต้เข้าใจได้เอง

รอย: เป็นโชคชะตาที่ประหลาดแท้เนอะ คุณพี่ชาย ไรกับรุยอดกินคุณพี่ชายที่พริสเทล่าแท้ๆ สุดท้ายดันถูกยกมาเสิร์ฟให้พวกเราเฉยเลย

ทว่า ถึงแม้จะได้ยินทั้งเสียงของอัลเดบารันและรอย อัลฟาร์ด ออตโต้ก็มิอาจจะสื่อสารกับเหล่าสัตว์ด้วยปากที่ถูกอุดและแขนขาที่ถูกมัดได้อยู่ดี

【ฟรูฟู: คิดจะทำอะไร..กับนายน้อยกันคะ …อย่านะ …ได้โปรดอย่าเลยนะ!】

ออตโต้ทำได้เพียงแต่ภาวนาให้ฟรูฟูยอมอดทนจนกว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านพ้นไป เพราะพวกอัลไม่น่าจะมีเจตนาทำร้ายฟรูฟูหรือสังหารตัวเขา

เอมิเลีย รัม เพทร่า เมลี่ เรม คลินด์ รอสวาล สมาชิกฝ่ายเฟลท์ สุบารุกับเบียทริซที่ถูกจับไป ความปลอดภัยของพวกพ้องคือสิ่งออตโต้กังวลที่สุดในยามนี้

พวกเขาเหล่านั้นจะต้องคิดหาหนทางผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าออตโต้จะเจ็บใจที่พลาดโอกาสเอาคืนในส่วนของการ์ฟีลก็ตาม

รอย: เสียใจสินะ คุณพี่ชาย เจ็บปวดสินะ คุณพี่ชาย แต่ว่า เสียงโหยหวนที่มีทั้งสุขและเศร้าเช่นนั้นน่ะ จะขอน้อมรับเอาไว้ด้วยความรักเอง! ถึงยังไงโลกใบนี้ก็มีไว้โซ๊ยแหลก! ตะกละตะกลาม!

ความอยากอาหารของ [ตะกละ] ใกล้เข้ามาทุกที แต่ออตโต้ ซูเวนก็ไร้พลังที่จะต่อต้าน เขาทำได้เพียงแค่ยอมถูกกลืนกินและภาวนา

――ภาวนาให้กลยุทธ์สุดท้ายของตนได้ผล

รอย: ――ถ้างั้นก็ ขอทานล่ะนะครับ!

. อำนาจบาป [ตะกละ] แสดงอิทธิฤทธิ์แบบเรียบง่าย ไร้ซึ่งเอฟเฟคต์หรือประกายมนตราสุดอลังกาลใดๆ ไม่ต่างอะไรจากมื้ออาหารแสนธรรมดา

รอย: ขอบคุณสำหรับอาหาร

หลังจากที่ออตโต้ ซูเวนถูกกลืนกินโดยอำนาจ [อุปราคา] ของรอย อัลฟาร์ด เขาก็หยุดดิ้นต่อต้านลวดเหล็กของยาเอะไปแบบเงียบๆ

อัล: เหนือสิ่งอื่นใดคือพวกเรายังจดจำคุณพี่เขาได้อยู่ ――แสดงว่ากินเข้าไปแค่ [ความทรงจำ] ตามที่สัญญาสินะ

รอย: อะฮ่าฮ่า อะไรละนั่น ไม่เห็นจะขอบคุณหรือซาบซึ้งเลยนี่นา! ขอบอกไว้เลย การแยกแค่ [ชื่อ] หรือแค่ [ความทรงจำ] ออกมางับน่ะมันโคตรจะลำบากเลยนะ? ไม่ต่างอะไรจากการล้วงเอาเฉพาะบางไส้ออกมากิน โดยที่ไม่แง้มขนมปังที่ประกบอยู่ออกเลยนั่นแหละ

ถ้าหากว่ารอยเผลอกินเกินที่สั่ง อักขระคำสาปสัตย์สาบานที่สลักอยู่บนร่างก็จะเผาดวงจิตของเขาจนเกรียม ในกรณีนั้น อัลก็จะย้อนเหตุการณ์ใหม่จนกว่ารอยจะทำสำเร็จ

อักขระคำสาปเป็นสิ่งที่มีอยู่มายาวนานตั้งแต่ยุคสมัยที่เวทมนตร์กับคำสาปยังไม่ถูกแยกประเภทกัน มันใกล้เคียงกับต้นกำเนิดของเวทมนตร์ก็ว่าได้

แต่ละบุคคลสามารถใช้งานอักขระคำสาปได้เพียงครั้งเดียวไปชั่วชีวิต แถมผู้สลักอักระก็ยังต้องแบกรับความเสี่ยงร่วมกับเป้าหมายไปด้วย

รอย: …แล้วดันเลือกใช้โอกาสที่สำคัญถึงขนาดนั้นกับคนอย่างพวกผม! ดีนี่ ดีจัง ก็ดีนี่ ดีจังเลย ดีนี่นา ดีไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าดีนี่แหละ ถึงได้โซ๊ยแหลก! ตะกละตะกลาม! นั่นมันคือ ความรักสินะเนี่ย…

ยาเอะ: งื้อ! จะบอกว่าชอบเจ้าบิชอปมหาบาปฟันเบี้ยวนี่มากกว่ายาเอะจัง เมดผู้แสนน่ารัก เย้ายวน และภักดีคนนี้งั้นเหรอคะ! ท่านอัลคนหลายใจ!

พอรอยจอมปากมากกับยาเอะผู้ไม่ยอมเลิกราที่จะหว่านเสน่ห์ใส่เขาประสานคอมโบกัน ความน่าปวดหัวก็ทวีคูณขึ้น

อัลเดบารันย้ำเตือนกับตัวเองว่าสองคนนี้เป็นเครื่องมือสุดแสนอันตรายที่พร้อมจะหักหลังเขาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะรอยที่ได้รับการรักษาแขนขาจากอัลเตอร์มาแล้ว

อัลเดบารันเลือกที่จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้น แลกกับการเปลี่ยนรอยให้เป็นไพ่ที่พร้อมจะใช้งานอยู่เสมอ โดยมีอักขระคำสาปเป็นหลักประกัน

. ทั้งการยอมใช้งานอำนาจของรอย อัลฟาร์ด และการยอมรับ [ความตาย] ระหว่างทางคือแนวทางใหม่ของอัลเดบารันหลังจากที่ไตร่ตรองข้อเสนอของยาเอะ

ที่จริงการนำอำนาจของรอยมาใช้งานถือเป็นการเล่นไพ่ต้องห้าม มันต่างจากการใช้งานอำนาจของอัลเดบารันเองซึ่งจัดประเภทอยู่ใน “โพสิชั่นส่วนเกิน”

อำนาจแบบของรอยคือสิ่งที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นและสร้างโศกนาฏกรรมกับเหยื่อสังเวยทิ้งไว้นับไม่ถ้วน ตัวเขากำลังเลือกใช้งานสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นอยู่

นี่คือวีรกรรมชั่วช้าซึ่งมีเพียงแค่อัลเดบารันกับอีกบุคคลหนึ่งเท่านั้นที่เคยก่อเอาไว้ นับตั้งแต่ที่ปัจจัยแม่มดถือกำเนิดขึ้นมาในโลกใบนี้

การกระทำเช่นนั้นไม่ต่างจากการ “ข้ามเส้น” ไปแล้ว ถ้าหากยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจอีก แล้วอัลเดบารันจะหันหน้าหนีจากดวงตะวันไปเพื่ออะไรกันเล่า

. อัลเดบารันเร่งให้รอยรีบอ่านความทรงจำของออตโต้แล้วบอกแผนการของฝั่งตรงข้ามมา แต่การค้นหาความทรงจำที่เฉพาะเจาะจงมันต้องใช้เวลาพอสมควร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีวิตของออตโต้เต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญมากมาย แถมยังมีเสียงจำนวนมหาศาลที่ถูกแปลโดย [พรคุ้มครองประกาศิต]

ทันใดนั้นเองรอยก็นิ่งเงียบไปกลางคัน เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเขาค้นพบ [ความทรงจำ] ที่ชวนให้เอะใจเป็นพิเศษ

อัล: อะไรเล่า มีอะไรรึเปล่า

รอย: ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าจะระวังตัวแจเกินความคาดหมายของพวกเราอีกนะเนี่ย ――มีฟูลพรูฟ(แผนสำรอง)เผื่อกรณีที่ตัวเองถูกเล่นงานอยู่ด้วย

ฟูลพรูฟ(Foolproof)หรือก็คือมาตรการปลอดภัยสำหรับกรณีที่เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น ทันทีที่รอยกล่าวคำนั้นออกมา อัลเดบารันก็เสียวสันหลังวาบ

อัล: ยาเอะ! รีบ――

ทางเลือกของอัลเดบารันมีอยู่สองอย่าง ถอยทัพออกจากบริเวณนี้หรือกลืนยาพิษปลิดชีพตนเองเพื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปใหม่

เรม: ――ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ท่านอัลเดบารัน

แต่ก่อนที่จะทันได้ตัดสินใจเลือก ตัวตนแปลกปลอมก็ปรากฏตัวออกมาภายในชั่วพริบตา เธอคือเมดผมสีฟ้าที่เปลี่ยนเครื่องแบบไปจากตอนที่อยู่ในจักรวรรดิ

ทั้งชื่อ ตัวตน และความทรงจำเกี่ยวกับการมีอยู่ของเมดสาวคนนี้ได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นการปะทุขึ้นภายในหัวของอัลเดบารัน

ด้วยภาระแห่งโชคชะตาที่แบกรับอยู่ อัลเดบารันไม่ควรที่จะหยุดความคิดแม้แต่วินาทีเดียว แต่การปรากฏตัวของเมดที่ถูกสำรอกชื่อออกมาดันทำให้เขายืนแข็งทื่อไปชั่วขณะ

ยาเอะ: ――ท่านอัล!!

ภายในชั่วพริบตาต่อมา ร่างของอัลเดบารันก็ปลิวว่อนขึ้นสู่ท้องนภาและปะทะเข้ากับสายลมกรรโชก

ดวงตะวันที่เขาเลิกโหยหาไปแล้วสาดแสงมากระทบร่าง อันเป็นสัญญาณเปิดม่านศึกสำคัญของกลุ่มอัลเดบารันในการฝ่าฟันไปให้ถึงปากปล่องใหญ่โมโกเลด

. จบตอน